วันเวลาปัจจุบัน 17 พ.ค. 2025, 23:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์ในอริยสัจสี่ มี ๒ ประการ คือ ทุกข์ที่เป็นธรรมชาติ กับทุกขอริยสัจ ทุกข์ที่เป็นธรรมชาติ คือ การแก่ การเต็บ การตาย ส่วนทุกขอริยสัจคือ ทุกข์ที่เกิดขึ้นกับอินทรียร์ ๖ ได้แก่ ทุกข์ที่เกิดทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะไปยึดมั่น ถือมั่น

ทุกข์ในไตรลักษณ์ ทางรูปธรรม คือ ทุกข์จากกการที่วัตถุไม่สามารถคงรูปอยู่ได้นาน ทางนามธรรม คือ ทุกที่เกิดขึ้นกับอินทรียร์ ๖ ได้แก่ ทุกข์ที่เกิดทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะไปยึดมั่น ถือมั่น

ท่าน มหาราชันย์ เป็นผู้หนึ่งที่ผมว่าแสดงธรรมได้สวยงาม ไม่ต้องเกรงใจผม หากต้องการแสดงธรรมเพื่อแลกเปลี่ยน อยากจะให้แสดงรายละเอียด้วย เพราะ ตัวอักษรอาจจะพูดสิ่งเดียวกันกับทุกคนก็จริงอยู่ แต่ แต่ละคนที่ได้ความจากอักษรไปอาจจะได้ความคนละอย่าง นี่เป็นข้อจำกัดของภาษาเขียนที่นักเขียนนักอ่านทุกคนทราบกันดี

ผมอยากจะให้ท่านแสดงสัมมาทิฏฐิในความรู้ความเข้าใจของท่านออกมาจะเป็นการดี ผู้ที่ได้เข้ามาศึกษาจะได้เรียนรู้ไปด้วยกัน ดีกว่าถามกันไปถามกันมาแบบนี้ ท่านว่าประการใด

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




003.jpg
003.jpg [ 28.88 KiB | เปิดดู 3102 ครั้ง ]
Supareak Mulpong เขียน:
ผมอยากจะให้ท่านแสดงสัมมาทิฏฐิในความรู้ความเข้าใจของท่านออกมาจะเป็นการดี ผู้ที่ได้เข้ามาศึกษาจะได้เรียนรู้ไปด้วยกัน ดีกว่าถามกันไปถามกันมาแบบนี้ ท่านว่าประการใด


สวัสดีครับคุณศุภฤกษ์

ด้วยความเป็นกัลยาณมิตรนะครับ
การถามตอบนี่แหละครับ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับความรู้ความเข้าใจให้ตรงกันครับ
ท่านผู้อ่านจะได้พิจารณาตามไปด้วย ทุกฝ่ายได้ใช้ปัญญาความรู้กันอย่างเต็มที่


ถ้าคุณศุภฤกษ์ไม่ยอมรับว่าแสดงธรรมผิด ผมมีคำถามจะถามคุณศุภฤกษ์ว่าระหว่าง...

1.ทุกข์จากขันธ์ 5 โดยอริยะสัจ 4 ที่เกิดจากกรรมวิบากหรืออุปธิ
2.และทุกข์จากขันธ์ 5 โดยไตรลักษณ์ที่เกิดดับแปรเปลี่ยนไป


ขอถามว่า..

1.ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายดับไม่ได้ แต่ไม่เดือดร้อนกับทุกข์นั้น ??

2. ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายดับได้หมดสิ้นไม่เกิดทุกข์นั้นอีก มีแต่เสวยวิมุติสุข??



ลองใช้ปัญญาพิจารณาดูก่อนนะครับ
ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่คุณศุภฤกษ์และผู้อ่านเป็นอย่างยิ่งนะครับ



เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อืมม...น่าสนใจ ๆ..
จะรออ่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 22:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ชักไม่ค่อยจะแน่ใจแล้วสิว่าเรากำลังคุยถึงเรื่องเดียวกันอยู่หรือเปล่า กำลังคุยกันเรื่อง มรรค ๘ เรื่องสัมมาทิฏฐิ เรื่องความหมายของทุกข์ หรือเรื่องอาการของทุกข์

ยิ่งเรื่อง ทุกข์จากขันธ์ ๕ โดยไตรลักษณ์ มีกะเขาด้วย :b10: ไตรลักษณ์เป็นสามัญลักษณะของธรรมทั้งปวง แล้วจะไปทำให้ขันธ์ ๕ เกิดทุกข์ได้อย่างไรกัน ไม่เข้าใจ

อ้างคำพูด:
1.ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายดับไม่ได้ แต่ไม่เดือดร้อนกับทุกข์นั้น ??

ชาติทุกข์ ชราทุกข์ มรณทุกข์

อ้างคำพูด:
2. ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายดับได้หมดสิ้นไม่เกิดทุกข์นั้นอีก มีแต่เสวยวิมุติสุข??

โสกปริเทวทุกขโทมนัสสอุปายาสทุกข์อัปปิเยหิสัมปโยคทุกข์ ปิเยหิวิปปโยคทุกข์ ยัมปิจฉังนลภติตัมปิทุกข์


...

ผมอ่านอภิธรรมเล่ม ๑, ๒ วนได้ ๒ รอบแล้วนะ รู้สึกว่าท่านจะจับหัวมาเป็นหางจับหางมาเป็นหัวอย่างไรก็ไม่รู้ ในสัจจวิภังค์ แสดงอริยสัจ ๔ และสัจจะ ๔ ไว้

ทุกข์ที่แสดงในอริยสัจ ๔ บอกว่า คือ ชาติทุกข์ ชราทุกข์ มรณทุกข์ โสกปริเทวทุกขโทมนัสสอุปายาสทุกข์อัปปิเยหิสัมปโยคทุกข์ ปิเยหิวิปปโยคทุกข์ ยัมปิจฉังนลภติตัมปิทุกข์

ส่วน ทุกข์ ในสัจจะ ๔ บอกว่า เป็น กิเลสที่เหลือ อกุศลธรรมที่เหลือ ...

ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ บอกว่า คือ อริยมรรคมีองค์ ๘

ส่วน ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ในสัจจะ ๔ บอกว่า เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลกให้เข้าสู่นิพพานเพื่อประหาณทิฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ ..

ผมว่า สัจจะ ๔ ที่อ่านยกมา ไม่ใช่เพื่อกำจัดสัญโญชน์ ๓ หรือเพื่อโสดาปัตติผล เป็นเรื่องของพระอริยะเพื่อนิพพานเสียแล้วกระมัง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณศุภฤกษ์

รบกวนพิจารณาคำถามอีกครั้งครับ


อริยะสัจ 4 มี ทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกข์นิโรธ และทุกขนิโรทคามินีปฏิปทา

ไตรลักษณ์ มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ถามว่า ...ทุกข์...ในอริยะสัจ 4 เทียบกับ .... ทุกขัง....ในไตรลักษณ์

1.แบบไหนมีความทุกข์มากกว่ากันครับ ??

2.ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายดับไม่ได้ แต่ไม่เดือดร้อนกับทุกข์นั้น ??

3. ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายดับได้หมดสิ้นไม่เกิดทุกข์นั้นอีก มีแต่เสวยวิมุติสุข??


หวังว่าคงพอจะเข้าใจคำถามนนะครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 23:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เข้าใจคำถาม ทุกข์ในอริยสัจเป็นนิยาม ทุกข์ในไตรลักษณ์ก็เป็นนิยาม แล้วมันจะทุกข์มากกว่าหรือน้อยกว่ากันตรงใหน :b6:


อ้างคำพูด:
1.ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายดับไม่ได้ แต่ไม่เดือดร้อนกับทุกข์นั้น ??

ชาติทุกข์ ชราทุกข์ มรณทุกข์

อ้างคำพูด:
2. ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายดับได้หมดสิ้นไม่เกิดทุกข์นั้นอีก มีแต่เสวยวิมุติสุข??

โสกปริเทวทุกขโทมนัสสอุปายาสทุกข์อัปปิเยหิสัมปโยคทุกข์ ปิเยหิวิปปโยคทุกข์ ยัมปิจฉังนลภติตัมปิทุกข์

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2009, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




K4688422-1.jpg
K4688422-1.jpg [ 8.87 KiB | เปิดดู 3069 ครั้ง ]
Supareak Mulpong เขียน:
ไม่เข้าใจคำถาม ทุกข์ในอริยสัจเป็นนิยาม ทุกข์ในไตรลักษณ์ก็เป็นนิยาม แล้วมันจะทุกข์มากกว่าหรือน้อยกว่ากันตรงใหน


สวัสดีครับ
เอามาจากไหนหรือครับทุกข์ในอริยสัจเป็นนิยาม ทุกข์ในไตรลักษณ์ก็เป็นนิยาม ?


ของจริงสิครับ พุทธศาสนานี่ของจริงครับ ปฏิบัติตามจริงครับ
บอกคุณตั้งแต่ต้นแล้วว่าสนทนากันในเรื่องปฏิบัติที่คุณถนัด

พระผู้มีพระภาคเจ้าปวดพระปริษฎางค์ (ปวดหลัง) นี่เป็นนิยามหรือ..ทุกข์..จริง ๆ ครับ
จิตพระอรหันต์เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่ดับไป แปรเปลี่ยน นี่เป็นนิยามหรือ..ทุกขัง..จริง ๆ ครับ

หวังว่าคงพอจะเข้าใจนะครับ


สวัสดีครับคุณศุภฤกษ์

รบกวนพิจารณาคำถามอีกครั้งครับ


อริยะสัจ 4 มี ทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกข์นิโรธ และทุกขนิโรทคามินีปฏิปทา

ไตรลักษณ์ มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ถามว่า ...ทุกข์...ในอริยะสัจ 4 เทียบกับ .... ทุกขัง....ในไตรลักษณ์

1.แบบไหนมีความทุกข์มากกว่ากันครับ ??

2.ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายดับไม่ได้ แต่ไม่เดือดร้อนกับทุกข์นั้น ??

3. ทุกข์อะไรที่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายดับได้หมดสิ้นไม่เกิดทุกข์นั้นอีก มีแต่เสวยวิมุติสุข??


หวังว่าคงพอจะเข้าใจคำถามนนะครับ


เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2009, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์อริยสัจ
ชาติทุกข์ ชราทุกข์ มรณทุกข์ โสกปริเทวทุกขโทมนัสสอุปายาสทุกข์อัปปิเยหิสัมปโยคทุกข์ ปิเยหิวิปปโยคทุกข์ ยัมปิจฉังนลภติตัมปิทุกข์

สมุทัยอริยสัจ
ตัณหา (กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา) เกิดที่ปิยรูปสาตรูป (จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ มโน)

นิโรธอริยสัจ
ความสำรอกและความดับโดยไม่เหลือ ความปล่อยวาง ความส่งคืนความพ้นความไม่ติดอยู่ จะละก็ละที่ปิยรูปสาตรูปนี้ เมื่อดับก็ดับที่ปิยรูปสาตรูป (จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ มโน)

ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
คือมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจาสัมมากัมมันตะสัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ


ก็ยังไม่เข้าใจท่านอยู่ดี ไม่รู้ว่าท่านกำลังจะแสดงอะไร

ทุกข์ที่แสดงไว้ในอริยสัจ ๔ ก็มีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ ทุกข์มันก็คือทุกข์ เกิดขึ้นที่ ขันธ์ ๕ อินทรีย์ ๖

ปฏิบัติวิปัสสนาเป็นแล้วก็มันจะเกิดทุกข์อย่างไงครับ พอวิปัสสนาเป็น ทุกข์ที่เกิดทางอินทรีย์ ๖ มันก็ดับ ทุกข์ที่เิกิดทางขันธ์ ๕ หากเกิด ก็เป็นเรื่องปกติ เจ็บก็ว่าเจ็บ ปวดก็ว่าปวด ก็รักษากันไปตามอาการ เป็นอรหันต์ก็ยังต้องใช้ยาต้องไปหาหมอ ถ้าวิปัสสนาเป็น ก็ไม่เกิดเวทนาอื่นๆ ตามมา พวกผมไม่มีใครนั่งหลังขดหลังแข็งวิปัสสนากัน ก็ใช้ชีวิตกันปกติ ไม่ได้มาทรมาณร่างกายเพื่อจะให้เกิดเวทนาเพื่อจะได้มาวิปัสสนา จุดประสงค์ก็เพื่อโสดาปัตติผล ไม่ใช่อรหันตผล

ตอนนี้กำลังไม่เข้าใจท่านแล้วแหละว่าปฏิบัติกันอย่างไร ดูจากที่ท่านยกพระธรรมมาแสดง ถ้าไม่เกี่ยวกับฌานก็เป็นเรื่องอรหัตมรรค เป็นการปฏิบัติของอริยบุคคล (ผู้ละสัญญโยขน์เบื้องต่ำ ๓ ได้แล้ว)

แล้วมรรค ๘ ของท่านได้มากันอย่างไรนี่ท่านก็ยังไม่ได้แสดงรายละเอียด ก็ขอถามเป็นครั้งสุดท้ายถ้าไม่ตอบก็ไม่เป็นไร

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 21 ต.ค. 2009, 19:07, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2009, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




20060707163411teelawzoo2[1].jpeg
20060707163411teelawzoo2[1].jpeg [ 29.96 KiB | เปิดดู 3045 ครั้ง ]
Supareak Mulpong เขียน:
ก็ยังไม่เช้าใจท่านอยู่ดี ไม่รู้ว่าท่านกำลังจะแสดงอะไร

ทุกข์ที่แสดงไว้ในอริยสัจ ๔ ก็มีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ ทุกข์มันก็คือทุกข์ เกิดขึ้นที่ ขันธ์ ๕ อินทรีย์ ๖



สวัสดีครับคุณศุภฤกษ์

คำถามผมคงจะยากเกินไปล่ะครับ

ขอถามคำถามง่าย ๆ แล้วกันครับ

1.จิตของพระพุทธเจ้า จิตของพระปัจเจกพุทธเจ้า และจิตของพระอรหันต์ ขณะเข้าผลสมาบัติมีลักษณะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไหมครับ ??

2.จิตของพระพุทธเจ้า จิตของพระปัจเจกพุทธเจ้า และจิตของพระอรหันต์ ขณะเข้าผลสมาบัติเป็นจิตที่หลุดพ้นหรือไม่หลุดพ้นจากทุกข์ครับ ??


เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาของอรหันต์คงรู้เข้าใจเรื่องของจิตได้อย่างละเอียด ปัญญาของผมตอนนี้มีเพียงแค่รู้แค่เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ จัดการกับทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ ยังไม่อาจทราบเรื่องราวของอรหันต์ได้หรอกแสดงไปหากกลายเป็นอธรรมวาที ก็คงไม่พ้นนรก ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ปัญญาของอรหันต์คงรู้เข้าใจเรื่องของจิตได้อย่างละเอียด ปัญญาของผมตอนนี้มีเพียงแค่รู้แค่เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์ จัดการกับทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ ยังไม่อาจทราบเรื่องราวของอรหันต์ได้หรอกแสดงไปหากกลายเป็นอธรรมวาที ก็คงไม่พ้นนรก ...



สวัสดีครับคุณศุภฤกษ์

ด้วยความเป็นกัลยาณมิตรนะครับ

แล้วท่านจะยอมรับความจริงไหมครับว่าที่ผ่านมาในกระทู้นี้ท่านได้แสดงธรรมผิด
ยอมรับไหมครับว่าท่านรู้มาผิด เข้าใจมาผิด ปฏิบัติมาผิดทาง แล้วนำความรู้นั้นมาสอนคนอื่น


ผมตั้งคำถามก็เพื่อให้ท่านยอมรับด้วยตนเอง ว่าท่านแสดงธรรมมาผิด
จุดมุ่งหมายของผมเพื่อเตือนท่านครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ถือได้ว่าเป็นความเห็นที่ตรงไปตรงมา ... สิ่งใดที่ทำให้ท่านมั่นใจนักหนาว่า ธรรมที่ได้นำมาแสดงนั้นไม่ใช่พระพุธพจณ์ ไม่ใช่ธรรมของพระพุทธองค์ และอะไรที่ทำให้ท่านมั่นใจนักหนาว่า สิ่งที่ท่านปฏิบัติมานั้นเป็นทางที่ตรงทางที่ถูก

ที่คุยกับท่านมา เห็นท่านพยายามจะลากออกจากธรรมวินัยไปหาความเห็นของท่าน มากกว่าจะหันเข้าหาธรรมวินัย พระธรรมของพระพุทธองค์นั้นไม่ได้มีอะไรลับลมคมนัย พระสูตร ๒๕ เล่ม ก็แสดงพระธรรมได้ให้เห็นแจ้ง บอกเรื่องราวต่างๆ โดยละเอียด หากได้ศึกษาจริงๆ จังๆ อ่านจบสัก ๒-๓ รอบ ประกอบกับปัญญารู้คิดรู้พิจราณา เห็นได้ชัดๆ ว่า อะไรคือธรรมสมควรแก่ธรรม อะไรคือพุทธ อะไรไม่ใช่พุทธ ผู้ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ ส่วนมาก ก็อ่านพระสูตรไม่จบ

การแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าเป็นธรรม การแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่าไม่ใช่ธรรม ผลบาปก็จะเกิดกับผู้นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องรอให้มีใครมาลงโทษ ไม่ต้องรอให้มีใครมาตัดสิน สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ผมและท่านก็จะรู้เองเมื่อเวลาลมหายใจสุดท้ายของชีวิตมาถึง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 23 ก.ย. 2009, 18:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่เราไม่ได้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยละเอียด หรือยังไม่แตกฉานในพระธรรมแล้ว เอาความรู้สึกของตัวเองไปสรุปคำสอนของพระพุทธเจ้า มีการนำไปปฏิบัติโดยไม่เข้าใจว่าพระธรรมส่วนใหนเห็นเหตุ พระธรรมส่วนใหนเป็นผล แยกออกจากกันไม่ได้ เห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ก็เลยนำไปปฏิบัติทันทีโดยไม่พิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าพระพุทธเจ้ากำลังสอนผู้ใด

ในพระไตรปิฎกนั้น ส่วนมากพระพุทธองค์สอนพระอริยะหรือพระอรหันต์ พระองค์ท่านจะแสดงธรรมที่สรุปเป็นผลออกมา พระองค์ท่านมิได้แสดงธรรมตั้งแต่เหตุไปหาผล เพราะอริยบุคคลนั้นรู้ดีว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล แต่ถ้าพระพุทธเจ้าตรัสสอนบุคคลธรรมดาทั่วไป จะตรัสสอนตั้งแต่เหตุไปหาผล ซึ่งมีไม่มากในพระไตรปิฎก ส่วนมากที่แสดงไว้จึงเป็นผลนำไปปฏิบัติทันทีไม่ได้

หากเราไม่พิจารณาดีๆ พอได้อ่านพระไตรปิฎกแล้วเห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็นำไปปฏิบัติทันที ผลที่ได้ก็ตรงกับเหตุ ก็คือ ไม่มีปัญญาที่จะนำมาดับทุกข์ได้ ได้แต่ความสงบ ได้แต่หลบทุกข์ชั่วคราว บางท่านเข้าใจว่าตนเองได้มรรคผลแล้ว อันที่จริง ได้เพียงฌาน อภิญญา หรือความรู้ยิ่งในความสงบเท่านั้น ไม่ใช่ปัญญาที่จะนำมาดับทุกข์ได้ เพราะทำเหตุผิด ผลจึงออกมาผิด เช่น เอามรรค ๘ ไปปฏิบัติโดยตรง เป็นต้น

ต่อมา ความเข้าใจผิดก็มีมากยิ่งขึ้นไปอีก ถึงขนาดเรียงการปฏิบัติเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา บอกว่าเป็นการปฏิบัติแนวไตรสิกขา ซึ่งไตรสิกขาก็ไม่ใช่แนวทางการปฏิบัติ หากท่านลองไปศึกษาดูสรุปของโอวาทปาติโมกข์ พระองค์ท่านสรุปให้เอาปัญญาขึ้นก่อน เมื่อมีปัญญา รู้ถูก รู้ผิด รู้ดี รู้ชั่ว ศีลจึงเกิดขึ้น เมื่อกายสงบใจสงบเพราะศีลแล้ว สมาธิก็เกิดขึ้น จะเห็นว่า ศีลและสมาธิ เป็นผลได้จากการมีปัญญา แบบนี้เรียกว่า สัมมามรรค ไม่ใช่ไปเรียงองค์ธรรมตามใจตัวเอง

การเอาศีลขึ้นก่อนและไปหาสมาธิ อย่างนี้ถือว่าถูกเหตุถูกปัจจัย แต่จากสมาธิไปหาปัญญานั้นผิด เพราะผิดเหตุปัจจัย สมาธิเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดความสงบ ไม่ใช่เหตุปัจจัยที่จำทำให้เกิดปัญญาที่จะนำมาดับทุกข์ได้ ในที่สุด ก็ไปตันที่ความสงบ หลงอยู่ที่ฌาน อภิญญา หลายท่านปฏิบัติถึงจุดนี้แล้วคิดว่าตนเองบรรลุมรรคผลแล้ว ความจริงยังห่างไกลเส้นทางโลกุตตระอยู่มาก เป็นเพียงคุณวิเศษทางโลกียะเท่านั้น

การนำ ศีล สมาธิ ปัญญา แบบนี้เป็นหลักในการปฏิบัติ ผลออกมามีแต่คนมีศีล และมีสมาธิ ไม่มีผู้ใดมีปัญญามาดับทุกข์ได้เลย มีแต่หลบทุกข์อยู่ชั่วคราว พากันเป็นฤาษีกันหมด ไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้า เพราะเอามิจฉามรรคไปปฏิบัติ ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

พวกเราชาวพุทธต้องระวังให้ดี ไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าดีพอ แล้วนำไปปฏิบัติ ยังนำมาสอนชาวพุทธต่อไปอย่างผิดๆ อีก แทนที่จะเป็นผลดีต่อพุทธศาสนา กลับส่งผลตรงกันข้าม จะกลายเป็นพวกที่ลำลายพุทธศาสนาให้หายไปจากประเทศไทยเร็วขึ้น

หากไม่เข้าใจอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผลแล้วนำมาปฏิบัติ จะเป็นการปฏิบัติผิดธรรมทันที หากตรวจสอบดูทางธรรมแล้ว ผู้นั้นหมดสภาพการเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าทันทีที่ปฏิบัติ เพราะบอกตัวเองว่าเป็นพุทธ แต่เอาคำสอนการปฏิบัติของพราหมณ์หรือแบบอื่นมาปฏิบัติ อย่างนี้ไม่ใช่พุทธ

เหตุ ๒ ประการที่ทำให้ชาวพุทธพากันหลง ก็คือ "พวกที่เรียนรู้แล้วไม่ปฏิบัติ" กับอีกพวกที่ "ปฏิบัติโดยไม่เรียนรู้" เป็นแบบนี้มาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น ชาวพุทธตอนนี้ต้องช่วยเหลือตัวเอง อย่าหวังให้ใครช่วย ต้องรู้จักเรียนให้รู้ก่อนไปปฏิบัติ อย่าเอาแต่คำเขาว่า เพราะการเดินทางผิด ก็ถือว่าเสียเวลาไป ๑ ชาติเลยทีเดียว

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 19:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เหนื่อยนัก..พักก่อนก็ได้

:b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12:

เห็น..แบกมานาน..แล้วนิ..

:b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอค้านค่ะ

มรรคมีองค์แปด คือ หนทางสู่การดับทุกข์ค่ะ หนทางจะไปนิพพาน เกินกว่าเป็นอริยบุคคล แต่ก็เป็นหนทางที่จะต้องเป็นอริยบุคคลก่อนค่ะ

มรรคไม่จำเป็นต้องจาก 1 แล้วค่อยๆขึ้นไปเป็นแปด 8 แต่ทำไปพร้อมๆกันค่ะ มากน้อยต่างกันได้ เมื่อใดทำได้ ก็รู้หนทางแห่งการหลุดพ้น นั่นคือได้ปัญญาธรรม

อริยบุคคล 'เท่านั้น' ที่จะรู้จักทางแห่งมรรคจริงๆ ความหมายแท้จริงของมรรค รู้หนทางนำไปสู่่นิพพาน

แต่การจะได้ปัญญาธรรม 'ต้อง' เป็นไปตามลำดับค่ะ ศีล สมาธิ แล้วปัญญาธรรมเกิด

ปัญญาธรรมที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้งนะคะ ไม่ใช่ปัญญาโลก ปัญญาโลก จุฬาภินันท์ให้ความหมายที่ ความฉลาด แต่ปัญญาธรรมมากกว่าปัญญาโลกเยอะค่ะ

ขอให้เจริญในธรรมค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร