วันเวลาปัจจุบัน 25 มิ.ย. 2025, 02:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2013, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นการเปลี่ยนแปลงกับตำแหน่ง ก็จะนำประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และเรียนรู้เพื่อเป็นประโยชน์ในการฝึกตนยิ่งๆขึ้นครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2013, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อวานนี้ได้ไปวัดในงานปิดทองฝังลูกนิมิตที่วัดเนินสมบูรณ์ ระยอง ก็มีรายการถ่ายชีวิตโค กระบือ แล้วก็มีซื้อหลังคากระเบื้อง มีปิดทองลูกนิมิต 9 ลูก มีไหว้พระแม่กวนอิม มีทำบุญโลงศพสำหรับศพที่ไร้ญาติ มีใบโพธ์เงิน โพธิ์ทอง มีถวายพิมพ์หนังสือพระไตรปิฏก และมีอาหารอร่อยเยอะแยะ มีความศรัทธาและปลื้มปิติกันทุกๆคนครับผม การปฏิบัติก็มีการรักษาสติตั้งใจ ไม่ให้จิตใจฟุ่งซ่านในเรื่องอื่นขณะอยู่ในวัด

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2013, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากที่นั่งสมาธิได้สักพัก ปรากฏถึงความคันยุบยิบตามใบหน้า ก็เป็นคำถามว่า แม้ว่าจะมีอาการคัน แต่สมาธิก็สามารถตั้งมั่นได้ แต่เพราะว่าเกิดความคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงถอนสมาธิออกมา student ได้ประสบกับสภาวะนี้มาได้ประมาณ1ปีแล้ว โดยไม่สามารถเข้าไปแก้สภาวะนี้ได้ เป็นความคิดว่า อาการคันนี้เป็น กิเลส หรือ ใบหน้าเกิดอาการคันจริงๆ มีท่านใดประสบเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันบ้างหรือปล่าวครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2013, 15:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
หลังจากที่นั่งสมาธิได้สักพัก ปรากฏถึงความคันยุบยิบตามใบหน้า ก็เป็นคำถามว่า แม้ว่าจะมีอาการคัน แต่สมาธิก็สามารถตั้งมั่นได้ แต่เพราะว่าเกิดความคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงถอนสมาธิออกมา student ได้ประสบกับสภาวะนี้มาได้ประมาณ1ปีแล้ว โดยไม่สามารถเข้าไปแก้สภาวะนี้ได้ เป็นความคิดว่า อาการคันนี้เป็น กิเลส หรือ ใบหน้าเกิดอาการคันจริงๆ มีท่านใดประสบเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันบ้างหรือปล่าวครับ




ขณะจิตตั้งมั่นอยู่ หรือเป็นสมาธิอยู่ หากมีสภาวะใดเกิดขึ้น เพียงแค่รู้ อย่างเดียว

ไม่ต้องไปใช้คำบริกรรมใดๆ กำหนดสำทับลงไปกับสภาวะที่กำลังเกิดขึ้น หรือ ถ้าอยากจะใช้ก็ได้

บางครั้งมีความคิดเกิด ก็แค่รู้

มีอาการเหมือนยุงกัด จนทนไม่ไหว ก็แค่รู้

ไม่ว่าจะเกิดสภาวะใดๆก็ตาม แค่รู้ไปอย่างเดียว เพราะเป็นเรื่องปกติของสภาวะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2013, 20:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
หลังจากที่นั่งสมาธิได้สักพัก ปรากฏถึงความคันยุบยิบตามใบหน้า ก็เป็นคำถามว่า แม้ว่าจะมีอาการคัน แต่สมาธิก็สามารถตั้งมั่นได้ แต่เพราะว่าเกิดความคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงถอนสมาธิออกมา student ได้ประสบกับสภาวะนี้มาได้ประมาณ1ปีแล้ว โดยไม่สามารถเข้าไปแก้สภาวะนี้ได้ เป็นความคิดว่า อาการคันนี้เป็น กิเลส หรือ ใบหน้าเกิดอาการคันจริงๆ มีท่านใดประสบเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันบ้างหรือปล่าวครับ


เอกอนเคยคัน ก็เห็นว่า

มันเป็นอาการที่

เราไม่อยากให้มันเกิด มันก็เกิด

เราอยากให้มันหยุดมันหาย มันก็ไม่หยุด ไม่หาย

แต่เมื่อมันจะหายคัน มันก็หาย

คือมันเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่เมื่อเห็นมันก็เป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาสอนตัวเราเองนะ

หลาย ๆ เรื่องในชีวิต อย่างความแก่ ความเจ็บ ความตาย
อะไรจะเป็นมันก็ต้องเป็น ...

ถามว่า ทำไมมันจึง คัน
ก็ มันเป็น กรรม อันเนื่องด้วย มหาภูตรูป อุปาทายรูป ....
....
เมื่อมันมี มันก็ย่อม คัน เป็นธรรมดา ... :b12:

คือ เวลาปฏิบัติแล้ว คันหน้า
เอกอนก็มองว่า ก็มันมีหน้าให้คัน มันคันมันก็ถูกของมัน

ทว่า ทำไมมันจึงคัน มันก็กรรมนั่นล่ะ
เรื่องลมปราน เลือดลม กระแส ในร่างกายคนเรา ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ มันก็คันไม่ได้
ลมปราน เลือดลม กระแสในร่างกายคนเรา มันก็ มหาภูตรูป อุปาทายรูป นั่นล่ะ
คัน...มันไม่ไปปรากฎที่อื่นหรอก ที่ไหนมี มหาภูตรูป อุปาทายรูป ที่นั่นกรรมก็เป็นไป...ประมาณนั้น



:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2013, 20:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างเวลานั้นแล้วบางที กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เออ...คันคอ ต้องไอ
อย่างอาการคันเหมือนมดกัด ก็มี
ตัวงุ้ม ตัวโยก กระตุก ร้อน

ก็อย่างที่เอกอนเคยบอก student นั่นล่ะ
การทำสมาธิ โดยใช้ลมหายใจ
มันก็ไปแตะในส่วนการเดินลมปรานได้
อะไร ๆ มันก็ สำแดง ขึ้นได้

อย่างตะกี้เอกอนรู้สึกเส้นกระตุกที่ฝ่าเท้า ตุบตุบ
มันก็เป็นเรื่องการไหลเวียนของกระแสต่าง ๆ ในร่างกาย

ถามว่าเป็นกิเลสมั๊ย เป็น เพราะเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ เส้นมันกระตุก ... :b32:

ก็...บางครั้ง...เราชอบกินของมัน ๆ น้ำอัดลม ฯลฯ
คือ...ตอนที่เราเอาอะไรใส่เข้าไปในร่างกาย อาหาร กิจกรรม .... เราไม่คิด
เราอยากกินอะไร เราก็กิน ไม่อยากออกกำลังกาย ก็ไม่ออก
ถามว่า เป็น กิเลส มั๊ย
....
ไอ้สิ่งเหล่านี้ เราสะสมการสำแดงต่าง ๆมาด้วย กิเลส ในกาลก่อน ๆ ของเราเอง
สภาพร่างกาย และ จิตใจ ของเรา มันสะท้อนพฤติกรรมของเราเอง

อย่างบางคน นั่งแล้วคันหน้า
แต่พอนั่งบ่อย ๆ หน้าค่อย ๆ เนียนกิ๊ง...สดใส อ่อนเยาว์ขึ้น ก็มี
คือ...เครื่องสำอางค์ สบู่ล้างหน้าที่พวกเราใช้ เราไม่เคยรู้ว่ามันมีการทำให้ผิวหน้าอ่อนแอบ้าง
และบางทีก็ทำให้เกิดพิษตกค้างที่ใบหน้า

ถ้าบังเอิญเรากำหนดลม แล้วบังเอิญเดินลมปรานขึ้นใบบริเวณที่ทำให้เกิดการ detox ผิวหน้า
มันก็จะ คันยุบยิบ

บางคน ชอบกินสัตว์ปีก เกิดพิษตกค้างบริเวณข้อต่อต่าง ๆ
คือ ร่างกายคนเรา เมื่ออยู่ในสมาธิ ระบบธรรมชาติบำบัดมันจะทำงาน
และบริเวณไหนที่เกิดอาการร้อนวูบวาบ นั่นคือ กระแสมันวิ่งเข้าไปสมานรักษาอาการบริเวณดังกล่าว
มันก็ทำเท่าที่ทำได้ มันก็ค่อย ๆ เคียร์ไป

อาการต่าง ๆ ที่ปรากฎเมื่อทำสมาธิ ถามว่าเป็น กิเลส มั๊ย
ก็...ด้วยความที่เกิดมามีกาย ก็เป็นกรรมหนึ่ง....
และ...เราเองนั่นล่ะเป็นผู้นำศึกเข้าบ้าน....


:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 15 ก.พ. 2013, 21:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2013, 21:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างบางที ถ้าอยู่ ๆ ร่างกายร้อนหรือเย็นขึ้นมาอย่างผิดสังเกตในบางจุด
หรือทั่วไปก็ตาม
ต้องพิจารณาอายุ อาหารการกิน พฤติกรรมการใช้ชีวิต
บางทีอาจจะเป็นอาการของโรคที่เกี่ยวกับปลายประสาท หรือ กระดูกทับเส้น
อะไร ๆ ปรากฎในสภาวะสมาธิ แล้วมองว่าเป็น สภาวะสมาธิ
แล้วหลงเข้าใจอาการผิด มันไม่ใช่ มันสะท้อนภาพ ยมฑูต

อาการอะไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นตัวบ่งบอก
ถ้ากำหนดรู้อยู่ที่กาย สิ่งที่ปรากฎเป็นการสำแดงของ มหาภูตรูป อุปาทายรูป
เป็น ธรรมที่ปรากฎที่เราจะต้องพิจารณาเป็นอาการแห่ง ธาตุ ขันธ์ อายตนะ
ไม่ใช่นำมาสำคัญหมายมั่นเป็นตัวตน
ธาตุ ขันธ์ อายตนะ คือสิ่งที่สภาวะธรรมบ่งบอก
นอกจากนั้น คือ สิ่งที่เราต่างตีความ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ นั้น ๆ ไปเอง

อย่างเอกอน นั่งสมาธิแล้ว เท้าเย็น
มันเป็นอาการผิดปกติในการทำงานของ หัวใจ ปลายประสาท
เห็นอาการปุ๊บ ก็รู้ นั่นเป็นโรคที่มีโอกาสพรากชีวิตเรา ok มั๊ย

ถ้ามีอาการจุกท้อง เป็นไปได้ กระเพาะ-ลำไส้อ่อนแอ

ถ้ามีอาการร้อนวูบวาบไปทั่ว ระบบเลือด ฮอร์โมน คอลเรสเตอรอล

คือ เอกอนก็มั่ว ๆ ไปนั่นล่ะ
เพราะแต่ก่อนเวลาที่นั่งสมาธิ ถ้าเกิดอาการอะไรเกี่ยวกับกาย
อย่างไอ้ตรงที่เจ็บน่ะ มันมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ทำไมมันถึงออกอาการ
เอกอนก็พิจารณา ธาตุ 4 ที่ปรากฎ ขน เล็บ กระดูก ผม
น้ำลาย เสมหะ น้ำดี เลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง
หัวเข่าเจ็บ ก็พิจารณาเข้าไปดูไอ้ตรงที่มันเจ็บ
กระดูก กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกอ่อน เลือด
อ้อออ เราไม่ได้เจ็บเข่า ไอ้อาการมันเป็น เอ็น ก็พิจารณาว่า
ไอ้เอ็นนั้นมันมีอะไร มันถึงได้เจ็บหนอออออ.....
พิจารณาไปพิจารณามา
มันก็ไม่ได้อะไรหรอก มันก็ได้รู้ว่า
เออ เพราะมันมีเอ็น มีเข่าให้เจ็บนี่เอง .... 5555

555 นั่งพิจารณาอยู่ตั้งนาน ได้คำตอบสั้น ๆ
"เพราะมันมีกาย มันจึงมีอาการเกี่ยวกับกายปรากฎ"
"และเราก็ควบคุมสิ่งที่ปรากฎนั้นไม่ได้"


:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2013, 21:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5016


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่มันก็มี ที่บางกรณี
ที่สภาวะธรรมปรากฎ เนื่องจากการที่ วิญญาณไปตั้งอยู่ใน...ธรรมธาตุ...
ก็จะเป็นสภาวะธรรมอีกกรณี ที่จะมีเรื่องให้พิจารณาไปอีกแง่...




:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2013, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณทั้ง2ท่านที่เข้ามาตอบ ทั้งแง่การพิจารณาธรรม และ ธาตุ(รูป) ก็มีอาการที่เกิดขึ้นระหว่างนั่งสมาธิหลายๆอย่าง เวลาเรามองเข้าหาเราเอง หากกำหนดรู้ไปเรื่อยๆ จะเห็นอาการเหล่านั้นชัดเจนขึ้น อย่างที่เอกอนบอก อย่างส่วนตัว กำหนดรู้มาที่โพลงปาก มาเห็นความเกร็ง ฟันที่บดกันเพราะกล้ามเนื้อหรือ เพราะวันหนึ่งผ่านไปด้วยคุยมั่ง กินมั่ง เครียดมั่ง ปรากฎว่าเราสามารถปรับและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณปากได้ อย่างเมื่อคืน นั่งไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเรามีอาการเจ็บต้นคอทางด้านขวา จะสังเกตุตัวเองว่า เวลาเรากำหนดรู้ตรงไหนของรูป จะเห็นเวทนาขันธ์ชัดขึ้น ของตรงนั้น หากไม่ได้นั่งสมาธิส่วนตัวก็มักจะสำรวจกิริยา เช่น พอมีสติที่มือ บางครั้งมือก็อยู่ในอาการบดกำ ก็จะผ่อนคลายมือลง หรือ ตั้งแต่นั่งสมาธิมาหลายปี ปรากฏว่าเป็นคนที่เดินน้ำหนักลงขาทั้งสองข้างเสมอกันมากขึ้น เพราะแต่ก่อนน้ำหนักลงฝั่งขวามากกว่าเวลาก้าวเท้า ก็เหมือนเรามีสติมาอยู่กับตัวเองทำให้ค่อยๆดัดตัวเองเปลี่ยนนิสัยใหม่(ของกายภาพ) 2ปีก่อนนั่งสมาธิค่อยๆไล่ลงไปแล้วกำหนดรู้มีสัญญาขันธ์ของลำใส้ ปรากฎว่าเห็นอาการเจ็บหนึบๆที่แถวๆใส้ติ่ง ก็สงสัยว่ามีปัญหาอะไรหรือปล่าว เวลาปกติก็ไม่รู้สึกเห็นอาการนี้ เวลากำหนดรู้กลับเห็นปรากฎชัดเจน และเห็นอาการนี้เป็นปี ปัจจุบันนี้ไม่เห็นอาการเจ็บหนึบๆแล้ว มาถึงช่วงหายใจเข้าออก ปกติก็เห็นอาการหายใจเข้าออกเป็นธรรมดาอยุ่แล้ว ก็ประมาณกลางปี2555 ก็รู้สึกว่า ช่วงหายใจออกจนสุดแล้ว(ให้มีวิญญาณขันธ์)อยู่จุดนั้นต่อไป จะปรากฏเห็นความละเอียดลงของธรรม (student เขียนลงมาก่อนหน้านี้แล้ว)เหมือนว่าหายใจสุดแล้วก็เริ่มหายใจเข้าใหม่ แต่ไม่ใช่ หายใจสุดแล้วแต่มีปรากฏของธรรมลึกลงไปอีก แม้ปัจจุบันในเวลาปกติก็กำหนดเห็น อย่างเวลามอง ส่วนตัวจะยึดอารมณ์ มองแล้วธรรมอะไรเกิดที่ดวงตา หากเปรียบกายภาพก็คือ อาการหนึบๆในจักษุธาตุ(ในดวงตา)เวลาย้ายสายตาไปแต่ละครั้ง ส่วนตัวจะยึดเอาอาการหนึบๆมาเป็นอารมณ์ ดังนั้นอุบายคือ เวลามองภาพจิตเราไม่ส่งออกนอก เพราะจิตเรานั้นได้ยึดอารมณ์แล้ว คืออาการหนึบๆที่เกิดขึ้น จึงเหมือนเป็นมาตรฐานของตัวเอง ว่า หากไม่กำหนดรู้หนึบๆ เรานั้นไม่ได้กำหนดรู้ธรรม อาการหนึบๆนี้ เวลาย้ายสายตาจะเกิดตอน โพกัส แล้วคลายจางลงทันที (ทำให้ไม่เป็นคนเหม่อลอย)

และอีกหลายอย่างที่ไม่ได้กล่าว หากสนใจก็จะนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

แต่ก็ฝากไว้สำหรับผู้ฝึกว่า ธรรมที่กล่าวมานั้นเป็นการกำหนดรู้ ที่แต่ละคนอาจไม่เหมือนกันก็ได้ แนวทางปัญญาก็ต้องน้อมลงสู่ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ด้วยการพิจารณาในขั้นต่อไป เช่น เมื่อเกิดอาการขึ้น นั่นแหละทุกข์ เป็นต้น แล้ว ทุกข์เกิดกับเราคนเดียวไหม ก็ไม่ใช่ คนอื่นๆก็เป็น นั่นคือแนวทางที่เราควรกำหนดรู้ จากนั้นก็เป็นเรื่องอารมณ์ที่ ส่วนตัวยังไม่รู้ ต้องอาศัยปัญญาต่อไปครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2013, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อมีปัญหาในการนั่งสมาธิครั้งก่อนได้มีอาจารย์หลายท่านกรุณาให้คำแนะนำที่ดีมาก ๆ ไปปฏิบัติ อีกทั้งได้เห็นความเป็นกัลยาณมิตรจากทุก ๆ ท่านใน Web นี้ รู้สึกประทับใจมากค่ะ ได้เห็นเด็กสาว ด็กหนุ่มหลาย ๆ คนเข้ามาศึกษาและปฏิบัติ ธรรมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าดิฉันแต่งานมีครอบครัวก็อยากจะมีลูกสาวลูกชายน่ารัก ๆ เช่นนี้ อาทิ หนู Sasikarn ขออนุโมธนาสาธุค่ะ

รายงานผลการปฏิบัติครั้งนี้จริง ๆ แล้วผู้ปฎิบัติบันทึกไว้ทุก ๆ วันแต่คัดลอกมารายงานเฉพาะผลที่ผู้ปฎิบัติ เห็นว่าน่าสนใจและไม่ค่อยเข้าใจเท่านั่น อีกประการหนึ่งการปฏิบัติจากการอ่านและฟังเทศก็ เท่านั้น ผู้ปฎิบัติไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ในสภาวธรรมบางอย่างที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีปรากฏในคำอธิบายใดในรายละเอียดที่ลึกขึ้นไปถึงภาคปฏิบัติ
:b8: :b8: :b8: เกล้ากระผมขอ ยกข้อของการฟังธรรมนะครับเพราะนี่คือสุตตะ
สัทธรรมนิยามสูตรที่ ๓
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ แม้ฟังสัทธรรมอยู่ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ธรรม๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลเป็นผู้ลบหลู่คุณท่านฟังธรรม ๑
เป็นผู้อันความลบหลู่ครอบงำ มีจิตแข่งดีฟังธรรม ๑
เป็นผู้แสวงโทษ มีจิตกระทบในผู้แสดงธรรม มีจิตกระด้าง ๑
เป็นผู้มีปัญญาทราม โง่เง่า ๑
เป็นผู้มีความถือตัวว่าเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ฟังสัทธรรมอยู่ เป็นผู้ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลย่อมไม่เป็นผู้ลบหลู่คุณท่านฟังธรรม ๑
เป็นผู้อันความลบหลู่ไม่ครอบงำ ไม่มีจิตแข่งดีฟังธรรม ๑
เป็นผู้ไม่แสวงโทษ ไม่มีจิตกระทบในผู้แสดงธรรม ไม่มีจิตกระด้าง ๑
เป็นผู้มีปัญญา ไม่โง่เง่า ๑
ไม่เป็นผู้มีความถือตัวว่าเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ประการนี้แล ฟังสัทธรรมอยู่ เป็นผู้ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ฯ
:b8: :b8: :b8: ปิลินทวัจฉเถรคาถา
สุภาษิตสรรเสริญพระพุทธองค์
เมื่อใด เราได้ฟังธรรมของพระศาสดาผู้ทรงแสดงอยู่
เมื่อนั้น เราไม่รู้สึกความสงสัยในพระศาสดาผู้รู้ธรรมทั้งปวง
ผู้อันใครๆ ชนะไม่ได้ ผู้นำหมู่แกล้วกล้าเป็นอันมาก
ประเสริฐสุดกว่าสารถีทั้งหลาย
หรือว่าความสงสัยในมัคคปฏิปทา ย่อมไม่มีแก่เรา. :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2013, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2013, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ student พร้อมครอบครัวรวม4คนได้ไปเวียนเทียนรอบรอบโบสถ์ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ในเวลา 19.00 น มีพุทธบริษัท ไปเวียนเทียนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในช่วงการเดินทั้ง3รอบ ก็รวบรวมสมาธิทำจิตให้แน่วแน่ จึงเดินช้ากว่าปกติ แต่ก็รักษาอารมณ์ทั้งอยู่ที่การเดิน และการฟังเป็นระยะสลับกัน จนครบ3รอบก็เข้าไปไหว้พระพุทธชินสีห์ มีความสุขสงบใจเป็นอย่างยิ่ง ในวันมาฆบูชาวันนี้ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2013, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ student ได้เรียนรู้ความหมายในอภิธรรมเพิ่มขึ้น ต้องขอขอบคุณเพื่อนสมาชิก ที่โพสอภิธรรมให้อ่านศึกษา student ยอมรับว่าในเรื่องอภิธรรมนั้นไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยรู้ความหมาย เนื่องจากผลของการปฏิบัตินั้นบางทีเราไม่รู้ว่าจะเทียบอภิธรรมอย่างไร วันนี้ก็ได้ความหมายของภวังคจิต และวิถีจิต จากการกระทบกันของอายตนะทั้ง12

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2013, 01:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ ได้เข้ายูทูปเพื่อค้นหาความรู้ จึงได้เปิดดู มุตโตทัย ที่แสดงโดยหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

http://youtu.be/PJOk66u-qBo

ได้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องมหาภูติรูป 4 หรือธาตุทั้ง 4 อันประกอบเป็นร่างกายเรา ธาตุอาศัยคือ ธาตุไฟ และ ธาตุลม เมื่อเราเกิดปฏิสนธิ ก็มีเพียงธาตุน้ำและธาตุดิน ยังไม่มีธาตุลมและธาตุไฟ จนทีหลังจึงเข้ามาอาศัย แม้ตอนตาย ธาตุอาศัยก็สลายไปก่อน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2013, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ได้ตั้งใจกำหนดรู้นอกเหนือจากการนั่งสมาธิ ก็กำหนดรู้สภาวะธรรมต่างๆ ทั้งจากภายใน รู้สึกถึงสมาธิที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าเราเป็นธรรมชาติมากขึ้น ธรรมที่เกิดขึ้นเราเข้าไปเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ไม่ต้องไปแปลธรรม ไม่ต้องไปปรุงแต่ง ไม่ต้องหลีกเว้น ไม่ต้องบังคับ เพียงแค่เข้าไปรู้ รู้ว่าเหตุเกิดของธรรมนั้นมี ผลของธรรมนั้นย่อมปรากฏ เพียงแต่ต้องอาศัยปัญญาจึงจะสานต่อไปเห็นความทุกข์ ความเป็นอนิจจัง ความเป็นอนัตตา รู้สึกถึงความอยากจะกำหนดต่อไปเรื่อยๆ มีความสุถขที่กำหนดรู้ธรรมที่ปรากฏ ก่อนที่จะถูกกิเลสเข้าครอบงำหวนสู้กระแสแห่งโลกต่อไปเป็นวงจรไม่รู้จบ เพราะกิเลสย่อมพยายามเหวี่ยงเราออกจากความรู้ กลับเข้าไปเพลิดเพลินอยู่กับกระแสที่เป็นเส้นขนานที่เราเผลอเพียงแป๊บเดียวก็จะหลงทันที จึงเกิดเป็นความรู้ว่า หทัยนั้นมีความสำคัญมาก ที่จะหลุดหรือจะรู้เพราะความเข้มแข็งของหทัย

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร