วันเวลาปัจจุบัน 17 มิ.ย. 2025, 02:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2012, 03:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อวานนี้ขณะนั่งกินข้าวอยู่ ได้พิจารณาจังหวะการถือช้อนตั้งแต่ตักจนกระทั่งเข้าปาก เคี้ยว เกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า การรักษาอารมณ์ปัจจุบัน นั้นเป็นสภาวะใด

ได้อ่าน ข้อความของเพื่อนๆว่า นักปฏิบัติ ต้องทำตัวเหมือนคนป่วย คือ เคลื่อนไหวช้าๆ ทำอะไรให้ช้าๆ อาจจะดูเหมือนขัดๆในสายตาของคนทำงาน ที่ต้องรีบเร่ง แต่ความเป็นจริงที่เป็นการช่วยในเรื่องกำหนดรู้ทันนามรูป ต้องทำช้าๆ จึงจะทันปัจจุบันเหตุ แม้จิตเราจะเร็วกว่าแสงก็จริง( อันนี้หลายคนตั้งความเห็นแบบนี้) แต่ในเรื่องปัจจุบันเหตุแล้ว จิตต้องตั้งมั่นจริงๆ จึงจะตามทันปัจจุบันเหตุ วันนี้ก็ฝากไว้ให้ตัวเองไปฝึก และฝากไว้ให้กับนักปฏิบัติเป็นคำถามนะครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2012, 03:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การรักษาแนวทางเดิมของการปฏิบัติตั้งแต่แรกเริ่ม จริตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่แนวทางนั้นคล้ายกัน ส่วนตัว ได้รักษาแนวทางการปฏิบัติอย่างหนึ่งที่ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ การใช้สัญญาเพื่อเพิ่งและคิดถึงภาพกระดูกและส่วนต่างๆของร่างกาย ผม ขน เนื้อ กระดูก เลือด ใส้ ปอด กระโหลกศรีษะ ฟัน ลิ้น โพลงปาก โพลงจมูก ไม่ใช่เป็นการเพิ่มการปฏิบัติ แต่เป็นการรักษาเส้นทางให้คงที่ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2012, 09:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นกระทู้ทีไร นึกถึงคุณ ศรีวรรณ :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2012, 09:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เมื่อวานนี้ขณะนั่งกินข้าวอยู่ ได้พิจารณาจังหวะการถือช้อนตั้งแต่ตักจนกระทั่งเข้าปาก เคี้ยว เกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า การรักษาอารมณ์ปัจจุบัน นั้นเป็นสภาวะใด

ได้อ่าน ข้อความของเพื่อนๆว่า นักปฏิบัติ ต้องทำตัวเหมือนคนป่วย คือ เคลื่อนไหวช้าๆ ทำอะไรให้ช้าๆ อาจจะดูเหมือนขัดๆในสายตาของคนทำงาน ที่ต้องรีบเร่ง แต่ความเป็นจริงที่เป็นการช่วยในเรื่องกำหนดรู้ทันนามรูป ต้องทำช้าๆ จึงจะทันปัจจุบันเหตุ แม้จิตเราจะเร็วกว่าแสงก็จริง( อันนี้หลายคนตั้งความเห็นแบบนี้) แต่ในเรื่องปัจจุบันเหตุแล้ว จิตต้องตั้งมั่นจริงๆ จึงจะตามทันปัจจุบันเหตุ วันนี้ก็ฝากไว้ให้ตัวเองไปฝึก และฝากไว้ให้กับนักปฏิบัติเป็นคำถามนะครับ


:b1:

จิตเร็วกว่าแสง มันเป็นคุณลักษณะของ จิต(+เจตสิก)
ความแคล่วคล่องของ จิต(+เจตสิก)
จิต ไม่ได้ปรากฎแบบโดด ๆ อยู่ที่ว่าจิตไปจับอยู่ที่ สภาวะธรรมใด
สภาวะธรรม ที่จิตไปตั้งอยู่ จะเป็นลักษณะของ จิต(+เจตสิก)

การที่แสงเคลื่อนที่ ยังช้ากว่าการที่จิต(+เจตสิก)หนึ่งเปลี่ยนไปเป็น จิต(+เจตสิก)หนึ่ง
ซึ่ง ลักษณะ ก็เปลี่ยนไป เช่นกัน

************

คือ วิทยาศาสตร์ กับ จิต เป็นสิ่งที่บางครั้งก็ตีโจทย์ยาก
ยากตรงที่
ผู้ปฏิบัติ จะชินกับภาษา ที่สะท้อนนัยที่ทำให้เราจับประเด็นคลาดเคลื่อน
อย่าง เสียง เคลื่อนที่ได้เร็วกว่า แสง
การจินตนาการที่เหมือนเอา แสง เสียง มาวิ่งแข่งกันเหมือนรถแข่ง ไม่ใช่
การเคลื่อนที่ของทั้งสองอย่าง เป็นการถ่ายเท ถ่ายทอด ส่งต่อพลังงานผ่านตัวกลาง
ถ้าเอาตัวกลางออก ... มันจะปรากฎอย่างไร

ส่วน จิต(+เจตสิก)
ต้องละลายความเห็นชี้นำไปสู่ความคลาดเคลื่อนที่แอบแฝงอยู่ทั้งหมดออก
คือ ต้องล้างภาษาชี้นำลงทั้งหมด

ถ้าผู้ปฏิบัติสามารถสังเกตเห็นได้ ก็จะเห็น
ลักษณะ คล้าย ๆ กับ ความเป็นไปในรูปของ
พลังงาน กับ ตัวกลาง ที่แฝงกันอยู่

:b1: :b12: :b12: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2012, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ คุณเอรากอน ยังระลึกถึงคุณเอรากอนอยู่เสมอเช่นกัน
คุณเอรากอนคือกัลยาณมิตรเริ่มแรกที่เริ่มเข้ามา ณ. ลานธรรมแห่งนี้
ขอบคุณในความเป็นมิตรที่ให้มาโดยตลอด มองเห็นความเป็นกัลยาณมิตร
ของคุณเอรากอนที่มอบให้กับทุกๆ คนที่เข้ามา ณ. ที่นี้ก็มองด้วยความชื่นชมตลอดมา
ขอให้ความดีที่คุณมีคุ้มครองคุณและเจริญยิ่งๆ ในธรรมนะคะ
สุดท้าย ขอกราบครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณทุกๆ ท่านที่ให้ความเมตตา ให้คำชี้แนะ
ในสิ่งที่ถูกต้องเสมอมา กราบสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2012, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ คุณศรีวรรณ์ สบายดีนะครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2012, 03:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
student เขียน:
เมื่อวานนี้ขณะนั่งกินข้าวอยู่ ได้พิจารณาจังหวะการถือช้อนตั้งแต่ตักจนกระทั่งเข้าปาก เคี้ยว เกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า การรักษาอารมณ์ปัจจุบัน นั้นเป็นสภาวะใด

ได้อ่าน ข้อความของเพื่อนๆว่า นักปฏิบัติ ต้องทำตัวเหมือนคนป่วย คือ เคลื่อนไหวช้าๆ ทำอะไรให้ช้าๆ อาจจะดูเหมือนขัดๆในสายตาของคนทำงาน ที่ต้องรีบเร่ง แต่ความเป็นจริงที่เป็นการช่วยในเรื่องกำหนดรู้ทันนามรูป ต้องทำช้าๆ จึงจะทันปัจจุบันเหตุ แม้จิตเราจะเร็วกว่าแสงก็จริง( อันนี้หลายคนตั้งความเห็นแบบนี้) แต่ในเรื่องปัจจุบันเหตุแล้ว จิตต้องตั้งมั่นจริงๆ จึงจะตามทันปัจจุบันเหตุ วันนี้ก็ฝากไว้ให้ตัวเองไปฝึก และฝากไว้ให้กับนักปฏิบัติเป็นคำถามนะครับ


:b1:

จิตเร็วกว่าแสง มันเป็นคุณลักษณะของ จิต(+เจตสิก)
ความแคล่วคล่องของ จิต(+เจตสิก)
จิต ไม่ได้ปรากฎแบบโดด ๆ อยู่ที่ว่าจิตไปจับอยู่ที่ สภาวะธรรมใด
[color=#FF0000]สภาวะธรรม ที่จิตไปตั้งอยู่ จะเป็นลักษณะของ จิต(+เจตสิก)

การที่แสงเคลื่อนที่ ยังช้ากว่าการที่จิต(+เจตสิก)หนึ่งเปลี่ยนไปเป็น จิต(+เจตสิก)หนึ่ง
ซึ่ง ลักษณะ ก็เปลี่ยนไป เช่นกัน


************

คือ วิทยาศาสตร์ กับ จิต เป็นสิ่งที่บางครั้งก็ตีโจทย์ยาก
ยากตรงที่
ผู้ปฏิบัติ จะชินกับภาษา ที่สะท้อนนัยที่ทำให้เราจับประเด็นคลาดเคลื่อน
อย่าง เสียง เคลื่อนที่ได้เร็วกว่า แสง
การจินตนาการที่เหมือนเอา แสง เสียง มาวิ่งแข่งกันเหมือนรถแข่ง ไม่ใช่
การเคลื่อนที่ของทั้งสองอย่าง เป็นการถ่ายเท ถ่ายทอด ส่งต่อพลังงานผ่านตัวกลาง
ถ้าเอาตัวกลางออก ... มันจะปรากฎอย่างไร

ส่วน จิต(+เจตสิก)
ต้องละลายความเห็นชี้นำไปสู่ความคลาดเคลื่อนที่แอบแฝงอยู่ทั้งหมดออก
คือ ต้องล้างภาษาชี้นำลงทั้งหมด

ถ้าผู้ปฏิบัติสามารถสังเกตเห็นได้ ก็จะเห็น
ลักษณะ คล้าย ๆ กับ ความเป็นไปในรูปของ
พลังงาน กับ ตัวกลาง ที่แฝงกันอยู่

:b1: :b12: :b12: :b1:
[/color]





อ้างคำพูด:
สภาวะธรรม ที่จิตไปตั้งอยู่ จะเป็นลักษณะของ จิต(+เจตสิก)

การที่แสงเคลื่อนที่ ยังช้ากว่าการที่จิต(+เจตสิก)หนึ่งเปลี่ยนไปเป็น จิต(+เจตสิก)หนึ่ง
ซึ่ง ลักษณะ ก็เปลี่ยนไป เช่นกัน


ข้อความนี้สำคัญมาก เพราะ หากพิจารณาให้ดี ต้องอาศัยปัญญา แต่ละคนจะสรุปออกมาเท่าที่ตนจะรู้ คือ วิปัสสนาภาวนานั่นเอง ต้องเทียบกับอริยสัจ4ครับ จึง จะลงตัวและสมบูรณ์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติก็เป็นไปตามปกติ สิ่งสำคัญคือการรักษาสติในแต่ละวัน เพราะรู้ตัวเองว่ายังรักษาสติได้ไม่เต็มที่ ความรู้ที่ฝึกฝนมานั้น จะเป็นแนวทางการปฏิบัติ เช่น หูนั้นไว้ฟังเสียง จะเอาอายตนะอื่นมาฟังแทนไม่ได้ เป็นต้น การที่เราฟังเสียง สิ่งสำคัญคือ เราตามเห็นการเกิดดับของธรรมตามหน้าที่ของโสตธาตุ การปฏิบัตินี้ส่วนตัวคิดว่าสำคัญ และ ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งหากว่าจิตกำหนดรู้ธรรมตามโสตธาตุ แต่การปฏิบัติธรรมนั้น ต้องเข้าไปรู้หน้าที่ของอายตนะต่างๆ และพร้อมที่จะกำหนดรู้การเกิดดับของธรรมตามจิตหรือวิญญาณขันธ์ครับผม สังขารขันธ์ตอนนี้ก็มีสงบและตื่นเต้นตามกระแสแห่งโลก ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2012, 02:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มีข้อสงสัยเกี่ยวกับรูปขันธ์และตอนนี้กำลังเพิ่มการสังเกตุอยู่ระหว่างนั่งสมาธิ ความสงสัยเกิดขึ้นคือว่า

เมื่อต้องการกำหนดรู้ทุกข์จากกายเวทนาความทุกข์ที่ปรากฎมักจะไปชัดเจนที่แขนขา และตามลำตัว

เมื่อต้องการจะกำหนดรู้อารมณ์ การกำหนดรู้ที่หน้าอก และลมหายใจเข้าออกจะเห็นอารมณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

เมื่อต้องใช้ความคิดพิจารณา การมีสติมีใจตั้งมั่นที่ศรีษะจะกำหนดเห็นธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ส่วนวิญญาณขันธ์นั้นเกิดขึ้นที่ทุกส่วนของร่างกายตามกำลังของสติแต่ไม่พร้อมกัน หรือ การเห็นการเกิดดับของวิญญาณขันธ์เพราะการย้ายตำแหน่งการกำหนดรู้ เช่น กำหนดรู้ที่ปลายนิ้วมือ จะส่งผลให้ธรรมตรงจุดอื่นของรูปขันธ์ดับลง และเมื่อ ย้ายวิญญาณขันธ์ออกจากปลายนิ้วมือไปที่อื่นของรูปขันธ์ ธรรมที่ปลายนิ้วมือย่อมดับลงเช่นกัน เป็นการพิจารณาทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ด้วยวิญญาณขันธ์ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2013, 03:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ปีใหม่ 2013 ขอความเป็น อนัตตาของธรรม จงปรากฏเด่นชัดด้วย วิปัสสนาญาณ
ขอความเป็น ทุกขัง จงปรากฏเด่นชัดด้วย วิปัสสนาญาณ
ขอความเป็น อนิจจัง จงปรากฏเด่นชัดด้วย วิปัสสนาญาณ สาธุ สาธุ สาธุ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 02:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ ส่วนตัวได้ศึกษา ขันธ์5 หรือ นามรูป ตามความเป็นจริง ก็รู้สึกสนใจ คิดว่า จะพยายามฝึกด้วยความมีสติเข้าไปกำหนดรู้ให้ทันต่อปัจจุบันเหตุให้มากที่สุดเท่าที่จะระลึกได้ ในเรื่องอารมณ์นั้น ส่วนตัวยังไม่ได้เจาะลึกลงไปเพราะว่ากำลังสนใจเรื่องนามรูปอยู่ คือ น้อมลงสู่พระไตรลักษณ์ ดังนั้น อารมณ์ของ STUDENT จึงเป็นอารมณ์อยากรู้อยากเห็น ในเรื่องของนามรูป เป็นอารมณ์ของความอยากจะเข้าไปสังเกตุ ในเรื่องของขันธ์5 เพราะว่าเป็นเรื่องที่เราคิดว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญและหากมีญาณวิปัสสนา ก็ต้องนำไปใช้ต่อขั้นสูงขึ้นไป ไม่ได้ทอดทิ้งหรือเป็นสะพานข้าม แต่ทุกวินาทีของชีวิตนั้นขันธ์5ยังประชุมกันอยู่ เราจึงต้องเอาประโยชน์ตรงที่ความประชุมกันของธาตุทั้ง4 นำมาพิจารณาตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นคือ อริยสัจ4 ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็ต้องเทียบอริยสัจ4 ต้องรู้ว่า ทุกข์เรากำหนดรู้หรือยัง สมุทัย เราเข้าไปเห็นไหม มรรคเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแค่ไหน นิโรท นั้นพระสงฆ์ของเมืองไทยหลายๆรูปก็แสดงเป็นสักขีพยานอยู่ว่ามีอยู่จริง(ทั้งทางโลกและทางธรรม)

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 10:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss

อ่านแล้วรู้สึกชื่นใจจังงงงง

Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2013, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ตอนนี้ ส่วนตัวได้ศึกษา ขันธ์5 หรือ นามรูป ตามความเป็นจริง ก็รู้สึกสนใจ คิดว่า จะพยายามฝึกด้วยความมีสติเข้าไปกำหนดรู้ให้ทันต่อปัจจุบันเหตุให้มากที่สุดเท่าที่จะระลึกได้ ในเรื่องอารมณ์นั้น ส่วนตัวยังไม่ได้เจาะลึกลงไปเพราะว่ากำลังสนใจเรื่องนามรูปอยู่ คือ น้อมลงสู่พระไตรลักษณ์ ดังนั้น อารมณ์ของ STUDENT จึงเป็นอารมณ์อยากรู้อยากเห็น ในเรื่องของนามรูป เป็นอารมณ์ของความอยากจะเข้าไปสังเกตุ ในเรื่องของขันธ์5 เพราะว่าเป็นเรื่องที่เราคิดว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญและหากมีญาณวิปัสสนา ก็ต้องนำไปใช้ต่อขั้นสูงขึ้นไป ไม่ได้ทอดทิ้งหรือเป็นสะพานข้าม แต่ทุกวินาทีของชีวิตนั้นขันธ์5ยังประชุมกันอยู่ เราจึงต้องเอาประโยชน์ตรงที่ความประชุมกันของธาตุทั้ง4 นำมาพิจารณาตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นคือ อริยสัจ4 ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็ต้องเทียบอริยสัจ4 ต้องรู้ว่า ทุกข์เรากำหนดรู้หรือยัง สมุทัย เราเข้าไปเห็นไหม มรรคเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแค่ไหน นิโรท นั้นพระสงฆ์ของเมืองไทยหลายๆรูปก็แสดงเป็นสักขีพยานอยู่ว่ามีอยู่จริง(ทั้งทางโลกและทางธรรม)


สาธุ :b20: ผมไม่ค่อยได้เข้ามาบอร์ดนี้เลย พอดีเห็นกระทู้นี้น่าสนใจและแนวทางของคุณSTUDENT

เป็นการกำหนดสติเหมือนกัน จึงขอแสดงความเห็นส่วนตัวในการปฏิบัติไว้บ้าง

ผมเจริญสติโดยการทำความรู้สึกตัวสร้างจังหวะ (แบบหลวงพ่อเทียน)

โดยเริ่มแรกใช้การทำความรู้สึกตัวที่การยกมือ แต่ถ้าในชิวิตประจำวันจะกำหนดเป็นความรู้สึกตัว

โดยไม่ได้เจาะจงไปที่ใด เหมือนเราเลี้ยงวัวฝูงเราก็มองดูรวมๆทั่วๆไม่เจาะจง ณ วัวตัวใดตัวหนึ่ง

นอกจากมีเหตุการณ์กับวัวตัวได จึงมองเพ่งไปเพื่อพิจารณา ณ จุดนั้น


ผมทำความรู้สึกพร้อมทั้งตัวไม่ว่าทำอะไร แต่เมื่อมีการกระทบ ณ จุดใด ในหรือนอก ทางกายหรือจิต

ก็ค่อยพิจารณาเป็นที่ๆไป เมื่อหมดปัญหา ณ จุดนั้น ก็กำหนดรวมๆอีก อย่างนี้

แต่ถ้าว่างก็ยกมือสร้างจังหวะไปเรื่อยๆเหมือนชาร์ทแบตเตอรี่


จากประสบการณ์ส่วนตัวนั้นเป็นการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมากกว่า เพราะห่างไกลครูอาจารย์

ได้ศึกษาจากหนังสือบ้าง เว็บบ้าง ยูทูบบ้าง ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง


:b16: ผมเห็นว่าสตินี้ยิ่งฝึกยิ่งเติบโตยิ่งเข้าใจรูปธรรมนามธรรมมากยิ่งขึ้น

ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นิพพานนี้ มีจริงอย่างยิ่ง

และจะเดินในแนวทางนี้จนสุดทางเช่นกัน สาธุ :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2013, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็เชื่ออย่างคุณฝึกจิตเช่นกันครับ ผมเคยอ่านเรื่องของหลวงปู่เทียนโดยลูกศิษย์ของท่านนำมาบอกเล่าก็ได้แนวทางที่ดีและเป็นประโยชน์ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2013, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ในตอนนี้ ส่วนตัวก็มีความสนใจในเรื่องหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูป มาพิจารณารูปว่า ความหมายของรูปนั้น ส่วนตัวให้ความเห็นว่า ไม่ใช่แขนขา ลำตัวหรือ อวัยวะส่วนต่างๆ ที่บอกว่าไม่ใช่เพราะว่าเป็นการเห็นด้วยสัญญาขันธ์ จึงกลายเป็นสัญญาวิปลาส หรือ การเห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนว่าเป็นตัวตน

ดังนั้นส่วนตัวทุกวันนี้ ความหมายของรูปคือ อุณหภูมิของร่างกาย บางครั้งก็สัมผัสกับความร้อน บางครั้งก็เย็น เวลากำหนดรู้จึงเป็นการกำหนดรู้ร้อนเย็น

ลม ก็คือรูป กำหนดรู้ลมหายใจ

ดิน คือ การจับต้องแล้วรู้สึกถึงความอ่อนแข็ง

ของเหลวก็คือรูป

ส่วนตัวก็พิจารณาอย่างนี้ ที่เห็นเป็นแขนขานั้น เพราะว่ามีเหตุคือ ผัสสะที่เกิดจากจักษุวิญญาณ หากหลับตาลง สัญญาวิปลาสว่าเป็นแขนขาก็ดับลงไป คงเหลือแต่ ธาตุ4ที่ปรากฎให้กำหนดรู้ หรือทุกข์นั่นเอง ทุกข์เพราะการประกอบกันของธาตุทั้ง4 เวทนาขันธ์ที่ปรากฎก็เป็นทุกข์ วิญญาณขันธ์ที่จับอยู่ก็เป็นทุกข์ ต่อโอกาศหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร