วันเวลาปัจจุบัน 14 มิ.ย. 2025, 04:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 02:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้จะขอเสนอนำประสบการณ์เกี่ยวกับการมาเจอบุคคลที่อ้างว่ามีจิตสัมผัส หรือมีรูปสัมผัส หรือมีญาณหยั่งรู้ เป็นการเจอกันโดยบังเอิญ เพราะเจ้านายเข้าไปทักและคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ที่งานแห่งหนึ่ง คุยกันไปคุยกันมาจึงรู้ว่าเป็นคนสันชาติอิหร่าน หรือแขกขาว อายุประมาณ40ปี คนนี้อ้างว่ามีรูปสัมผัส และสามารถวัดค่าของพลังจิต รวมทั้งแปลผลออกมาในรูปแบบของ อารมณ์ของบุคคลนั้น คนแรกที่ชาวอิหร่านคนนั้นทำรูปสัมผัสคือบอสผมเอง โดยการเอามือมาจับตามข้อแขน เขาบอกว่า เป็นคนเข้มแข็งทั้งนอกและใน (ไม่ได้วัดออกมาเป็นคนดีหรือไม่ดีนะครับ) และบอกว่าหยุดทำงานไม่ได้ เพราะงานคือตัวพลังสานให้มีกำลังใจ ต้องทำงานตลอดชีวิต ตลอดการสนทนาใช้ภาษาอังกฤษคุยกัน

คนที่สองคือพี่ผู้หญิง เขาไม่ได้จับ แต่อาศัยวางมือในตำแหน่งห่างจากตัวของพี่ผู้หญิงไม่ได้โดนตัว เอามือใล่ตามข้อแขน เขาบอกว่าสัมผัสกับพลังจิตและเขาก็บอกว่าพี่ผู้หญิงจะรู้สึกถึงเหมือนมีแม่เหล็กดึงดูด พี่ผู้หญิงก็บอกว่ารู้สึกเหมือนแม่เหล็กดึงดูดจริง เขาใล่มือมาตำแหน่งบริเวณคอและใบหน้า ไม่ได้โดนตัวนะครับ เขาบอกว่าสัมผัสพลังจิตเป็นคนมี บิกฮาร์ต หรือจิตใจที่พร้อมช่วยคนอื่นได้ แต่บอกว่ามีความกังวลใจต่ออะไรบางอย่างที่ใหญ่มาก แต่เขาไม่รู้ว่าอะไร และบอกให้พี่ผู้หญิง let it go, let him go.หรือปล่อยให้บุคคลนั้นไปเถอะ อย่ากังวลใจกับเขาเลย และก็บอกอะไรอีกหน่อย แล้วบอสผมก็ถามชาวอิหร่านคนนี้ว่าช่วยอ่านตัวผมหน่อยว่า ผมจะมีโอกาสมีบุตรไหม

เขาบอกว่าเขาใช้พลังจิตไปเยอะรู้สึกเหนื่อยแต่ก็ตกลง แล้วใช้มือมาบริเวณข้อมือผม แต่ไม่โดนตัว คำแรกคือ strong energy คือมีพลังจิตที่เต็มพลัง เขาบอกว่า เขาชอบพลังจิตแบบนี้มาก เป็นพลังจิตที่ดี ขอแบ่งให้เขาหน่อยได้ไหม ผมก็เลยบอกว่าได้เลย เขาบอกว่ารู้สึกถึงพลังจิตที่ไหลสู่ตัวเขา เขาก็ถามว่ารู้สึกถึงแม่เหล็กไหมเหมือนดึงดูดกัน หรือรู้สึกถึงความร้อน ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง แล้วเขาก็เลื่อนมือขึ้นมาบริเวณอก และบอกว่าตรงนี้แหละ พลังจิตที่มหาศาล อยู่ตรงนี้ เขาบอกว่าผมเป็นคนที่เปิดช่องพลัง คือเปิดประตูช่องพลังจิต เขาก็อธิบายความหมายว่า ช่องพลังจิตมีอยู่หลายจุดเช่น ตรงกระหม่อมศรีษะ อะไรอย่างนี้ แล้วบอกว่า Extreamy big hearth จากนั้นก็บอกว่ามีจริตไปทางนั่งสมาธิ ให้นั่งสมาธิเพื่อทำความสะอาดระบบในร่างกาย

ฟังเสร็จก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า แม้เราแค่ฟังเป็นประสบการณ์ไม่ได้เชื่ออะไร แต่เขารู้สึกถึงพลังของคนที่มีจริตของการนั่งสมาธิได้อย่างไร แล้วเอ่ยปากขอพลังจากเรา

กลับบ้านเลยเล่าให้ภรรยาฟัง ภรรยาไม่ค่อยจะพอใจผมเท่าไหร่ที่ผมเที่ยวไปให้คนแปลกหน้าใช้จิตสัมผัสและยิ่งไม่พอใจที่ผมให้พลังจิตกับคนแปลกหน้า เพราะกลัวว่าผมจะเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะการกระทำแบบนี้ คือเป็นห่วงผมไม่อยากให้เกิดอะไรกับผมนั่นเอง ผมบบกว่าไม่เป็นไร ใครอยากไดพลังจากผมก็จะให้ใด้ ไม่หวง เพราะการที่คนๆหนึ่งจะสมบูรณ์นั้นไม่เกี่ยวกับพลัง แต่เกี่ยวกับปัญญา หากผมมีพลังจิตเยอะแต่ด้อยปัญญา มันก็ไม่มีประโยชน์ จุดมุ่งหมายผมคือความรู้นั่นเอง ผมก็เข้าใจความหมายของภรรยาและตกลงจะไม่ดูรูปสัมผัส หรือจิตสัมผัสอีกต่อไป

ก็เป็นประสบการณ์เกี่ยวกับขันธ์5อีกรูปแบบหนึ่งที่ ถามผมเองผมไม่เชื่อเรื่องดวงอยู่แล้ว แล้วพลังจิตมันเป็นอนิจจัง คือเกิดดับนั่นเอง กำหนดรู้ก็เห็นสภาวะเกิดดับ อย่างนี้ความรู้เกิดจากการกำหนดรู้ ไม่ใช่เกิดจากการสัมผัสพลัง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2012, 01:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ห่างเหินการเข้ามาเขียนพักหนึ่ง ไม่ใช่ไม่ปฏิบัติ แต่ว่าข้อสงสัยในธรรม ทำให้เกิดการค้นหาคำตอบ และคำตอบที่ได้พิจารณาทำให้เกิดการเทียบเคียง เมื่อเทียบเคียงคำตอบแล้วทำให้เกิดความกระจ่างของธรรม เมื่อเกิดความกระจ่างแล้ว ทำให้รู้แนวทาง เมื่อรู้แนวทางแล้วทำให้เกิดความระลึกถึงแนวทางในการกำหนดรู้ เมือ่เกิดความระลึกถึง ทำให้เกิดความเพียร เป็นอย่างนี้ ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2012, 02:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนมีความรู้สึก ของอารมณ์ ตรงกลางหน้าอกเป็นบางครั้ง เปรียบเหมือน อารมณ์ที่อยู่ลึกลงไปกว่าปกติ คืออารมณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อมีความสงบลงของสังขารขันธ์ (คิดว่า) แต่ทำให้เราผ่อนคลายลง บางครั้งเกิดขึ้นขณะกำลังนั่งสมาธิ บางครั้งเกิดขึ้นระหว่างเวลาปกติ (ก็กำลังกำหนดรู้อะไรสักอย่าง เช่น ทางตา ทางการได้ยิน หรือ อริยาบทที่เรากำหนดรู้ทัน

ก็เป็นอารมณ์ที่เบาบาง นานๆเกิดที หรือเราจะเป็นโรคหัวใจหรือปล่าว ต้องสำรวจตัวเองต่อไป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 16:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณ student
ที่คุณสังเกตรู้ว่ามีแรงที่ปรากฏกลางหน้าอก นั้นเห็นถูกต้องแล้ว ตรงกับพระที่พระพุทธองค์ได้ตรัสว่าธรรมทั้งปวงเกิดแต่เหตุ อะไรคือธรรมและอะไรคือเหตุ ธรรมคืออาการหรือการกระทำต่างๆที่คุณดำเนินชีวิต ย่อมมาจากเจตนา เมื่อปฎิบัติธรรมได้กำหนดรู้ตามความเป็นจริงนั้น จึงย้อนกลับไปพบ(แรงปารถนา) นั่นคือแรงที่เกิดขึ้นที่กลางหน้าอกนั่นเอง และบางครั้งอาจพบว่ามันเชื่อมโยงไปที่หัวใจ นั่นคือทุกการกระทำจะเกิดแรงขึ้น แรงเจตนาเป็นเหตุ การกระทำเป็นผล การปฎิบัติที่ได้ผลช้า ก็เนื่องจากผู้ปฺฎิบัติไม่เห็นความสัมพันธ์ของแรงทั้งสองนั่นเอง ชึ่งพระพุทธองค์ได้ ได้ย้ำในคำสอนอยู่เสมอ แต่ผู้ปฏิบัติไม่ทราบนัยยะ ดังนั้นการพบแรงดังกล่าวจึงเป็นการพบความจริงในระดับลึกยิ่งขึ้น ชึ่งเหล่าพระอริยะเจ้าไดเดินผ่านมาแล้ว แนวทางปฺฏิบัติ เมื่อกำนดสภาวะธรรมแล้วพบแรงที่กระทำกลาวงหน้าอก ให้สัมผัสรู้แรงที่กลางหน้าอกประมาณ 6-10 วินาที แล้วกลับไปกำหนดสภาวะอื่น ชึ่งหากย้อนกลับมาที่กลางหน้าอกจะพบว่าแรงมีลักาณะเปลี่ยนไป และสภาวะธรรมจะละเอียดอย่างรวดเร็วกว่าเดิม ลองทำและแจ้งผลด้วย ขออนุโมทนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 00:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


suttiyan เขียน:
สวัสดีครับคุณ student
ที่คุณสังเกตรู้ว่ามีแรงที่ปรากฏกลางหน้าอก นั้นเห็นถูกต้องแล้ว ตรงกับพระที่พระพุทธองค์ได้ตรัสว่าธรรมทั้งปวงเกิดแต่เหตุ อะไรคือธรรมและอะไรคือเหตุ ธรรมคืออาการหรือการกระทำต่างๆที่คุณดำเนินชีวิต ย่อมมาจากเจตนา เมื่อปฎิบัติธรรมได้กำหนดรู้ตามความเป็นจริงนั้น จึงย้อนกลับไปพบ(แรงปารถนา) นั่นคือแรงที่เกิดขึ้นที่กลางหน้าอกนั่นเอง และบางครั้งอาจพบว่ามันเชื่อมโยงไปที่หัวใจ นั่นคือทุกการกระทำจะเกิดแรงขึ้น แรงเจตนาเป็นเหตุ การกระทำเป็นผล การปฎิบัติที่ได้ผลช้า ก็เนื่องจากผู้ปฺฎิบัติไม่เห็นความสัมพันธ์ของแรงทั้งสองนั่นเอง ชึ่งพระพุทธองค์ได้ ได้ย้ำในคำสอนอยู่เสมอ แต่ผู้ปฏิบัติไม่ทราบนัยยะ ดังนั้นการพบแรงดังกล่าวจึงเป็นการพบความจริงในระดับลึกยิ่งขึ้น ชึ่งเหล่าพระอริยะเจ้าไดเดินผ่านมาแล้ว แนวทางปฺฏิบัติ เมื่อกำนดสภาวะธรรมแล้วพบแรงที่กระทำกลาวงหน้าอก ให้สัมผัสรู้แรงที่กลางหน้าอกประมาณ 6-10 วินาที แล้วกลับไปกำหนดสภาวะอื่น ชึ่งหากย้อนกลับมาที่กลางหน้าอกจะพบว่าแรงมีลักาณะเปลี่ยนไป และสภาวะธรรมจะละเอียดอย่างรวดเร็วกว่าเดิม ลองทำและแจ้งผลด้วย ขออนุโมทนา



ขอขอบคุณท่าน suttiyan ที่ชี้แนะ จะสังเกตุต่อไปครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนได้นั่งสมาธิ ในสภาวะที่ค่อนข้างจะฟุ่งซ่านเป็นอารมณ์ จริงๆ ความฟุ่งซ่านที่เกิดขึ้นนั้น ไม่สามารถหยุดการทำสมาธิของผมได้ เพราะว่าจะตั้งปฏิธาณว่า หากไม่หายฟุ่งซ่านเราจะไม่หยุดทำความเพียร ก็จะนั่งไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ตั้งสติ แล้วกำหนดรู้ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เกิดความสงบจิตสงบใจลง แล้วก็จะนั่งต่อไปสักพัก

ต่อเมื่อคืน อาการฟุ่งซ่าน ก็เลยมีคำถามขึ้นมาว่า เมื่อมโนวิญญาณเกิดขึ้น ถ้าเป็นเรื่องหวาดเสียว จะรู้สึกว่าเหมือนมันเกิดขึ้นจริงๆ มีปฏิกิริยาขึ้นมา เช่น มโนวิญญาณเกิดในเรื่องมีดโกน พอคิดถึงมีดโกน ทำไม เราถึงรู้สึกหวาดเสียวมาก จึงพิจารณาว่า เอ มโนวิญญาณเกิด ไม่ใช่ของจริง จะทำร้ายให้เราบาดเจ็บได้อย่างไร ไหนๆ มโนวิญญาณก็เกิดขึ้นในเรื่องของ ใบมีดโกนที่คมๆแล้ว จึงคิดไปว่าเราจะตัดและกรีดลงตรงแขนตัวเองซะเลย ว่าจะทำร้ายเราได้ไหม ว่าแล้วก็ตวัดใบมีดไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย (มโนวิญญาณนะครับ ไม่ใช่ใบมีดจริง) เห็นเนื้อถูกกรีดเป็นแผลบ้าง แล้วมาพิจารณาดูว่า เออ เราไม่ได้เกิดความเจ็บอะไรเลย เราถูกมโนหลอกเอาซะแล้ว จึงเกิดเป็นเรื่องของสังขารขันธ์ว่า ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ว่าจะคิดเรื่องใบมีดที่คม หรือ อะไรก็ตามแต่ หากเป็นมโนวิญญาณ เราไม่เกิดความหวั่นไหว ไม่สะดุ้ง เหมือนลมที่ประทะแล้วดับลงไปเอง ก็เป็นมโนวิญญาณที่เราน้อมมาพิจารณา สักพักจึงเกิดความสงบจิตสงบใจเป็นสมาธิ กำหนดรู้ต่อแล้วจึงเข้านอน

เป็นการปฏิบัติในทักษะส่วนตัว ขอทุกท่านโปรดพิจารณา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 11:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านลองหาโอกาสฟังบรรยายธรรมของพระอาจารย์คึกฤทธิ์นะ
หาโอกาสรับคำชี้แนะจากท่านพระอาจารย์นะ

เพราะท่านชี้แจงเรื่องเหล่านี้ไว้ค่อนข้างละเอียด และเห็นภาพได้ค่อนข้างชัดเจน

และสำคัญตรงที่ว่าท่านจะสอนอยู่ในพุทธวจนะ
ซึ่งสำนวนพระพุทธองค์ เป็นสำนวนที่ตรงต่อสัจจะ
และมีความลุ่มลึกกว่าสำนวนสาวกแน่นอน

:b8: :b8: :b8:

http://www.watnapahpong.org/index.aspx

http://media.watnapahpong.org/

:b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้เลยครับ ก็คงต้องรอจนกว่าจะวันจันทร์ แต่เข้าไปดูวีดีโอที่เอกอน โพสมาก่อนหน้านั้น ก็ได้ความรู้ดีมาก ก็ขอขอบคุณกัลยณมิตรอย่างเอกอนที่คอยสอดส่อง และส่งเสริมด้วยการหาเนื้อหาธรรมะทั้ง วีดีโอ และ พระสูตร มาลงบ่อยๆให้ดู ให้ฟัง ให้ศึกษา บางครั้ง ส่วนตัวจะเกืดความอายที่ เราไม่สามารถร่วมหาพระสูตร หรือความรู้ จากสถาที่ปฏิบัติธรรมมาลงแลกเปลี่ยน คือเหมือนมาเอาความรู้อย่างเดียว ก็ขออนุโมทนา เพื่อนๆทั้งหมด ที่เป็นเหมือนล้อ ส่งแรงหมุนขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 19:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ได้เลยครับ ก็คงต้องรอจนกว่าจะวันจันทร์ แต่เข้าไปดูวีดีโอที่เอกอน โพสมาก่อนหน้านั้น ก็ได้ความรู้ดีมาก ก็ขอขอบคุณกัลยณมิตรอย่างเอกอนที่คอยสอดส่อง และส่งเสริมด้วยการหาเนื้อหาธรรมะทั้ง วีดีโอ และ พระสูตร มาลงบ่อยๆให้ดู ให้ฟัง ให้ศึกษา บางครั้ง ส่วนตัวจะเกืดความอายที่ เราไม่สามารถร่วมหาพระสูตร หรือความรู้ จากสถาที่ปฏิบัติธรรมมาลงแลกเปลี่ยน คือเหมือนมาเอาความรู้อย่างเดียว ก็ขออนุโมทนา เพื่อนๆทั้งหมด ที่เป็นเหมือนล้อ ส่งแรงหมุนขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ครับผม


:b1: มีอีกวิธีหนึ่ง

คือ การนำธรรมมาโพสต์ ค่ะ
สมาชิกหลายท่านในที่นี้ก็มักจะทำกัน
เช่นคุณ Hanako

สักอาทิตย์ละเรื่อง หรือวันละเรื่อง
จะเรื่องสั้นหรือเรื่องยาว
ซึ่งคุณจะได้ซึมซับธรรมไปด้วย
และเป็นการบ่มเพาะอุปนิสัยในการอ่าน
สร้างความเคยชินกับการใช้คำไปเรื่อย ๆ ไปในตัว
เพราะยังไง การจะมีเรื่องมาโพสต์
เรื่องนั้น อย่างน้อย ๆ คุณจะต้องได้อ่านมัน
และคุณก็จะเลือกหยิบเรื่องที่คุณรู้เรื่อง และถูกใจ
ซึ่งคุณจะคีย์เอง(ถ้าคัดลอกบางตอนมาจากหนังสือ)
หรือ คุณจะก๊อปมา ก็ได้ (ถ้าเป็นสิ่งที่ไปเจอในเน็ต)

:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2012, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ประเดิมด้วยบทความแรกแล้วครับ อยู่หน้าสาระธรรม :b1:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2012, 16:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ประเดิมด้วยบทความแรกแล้วครับ อยู่หน้าสาระธรรม :b1:


:b8: :b8: :b8:

:b27: :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2012, 02:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณ Hanako ที่ตั้งกระทู้ 43140 การรู้ในกายตน ต้องรู้ทั่วตัวตลอดเวลาไหมคะ แล้วหลังจากเข้าไปตอบแล้ว ก็ได้คำถามมาพิจารณาขันธ์5 ในเรื่องของ ทุกข์ (ความสกิดใจในการถามตัวเอง)
ขันธ์5 เป็นก้อนทุกข์เดินได้ ทุกวันเราก็รู้ แต่ทำไมเราไม่เคยเห็นสัจจธรรม นั่นเป็นคำถามที่ทำให้หวนกลับมาตั้งต้นใหม่ และใช้เวลากำหนดรู้ตอนนั่งสมาธิ หากมีวาสนา ขอให้เข้าใจว่าทุกข์นั้นเป็นอย่างไร

ที่ยกเอา คุณ Hanako กับคำถามนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันกับคำถาม ทั่วตัวนั้น กับ ตรงจุดนี้ สัมพันธ์กันอย่างไร

ก็ได้คำตอบว่า ทั่วตัวนั้น ทุกข์แต่ไม่เที่ยง และตรงจุดใดจุดหนึ่งก็เป็นทุกข์แต่ไม่เที่ยงเหมือนกัน อุปมาเหมือน ถ้วยน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง หากตั้งอยู่บนโต๊ะที่ไม่มีการแกว่งไปมา น้ำนั้นแลก็ไม่มีการกระเพื่อม หากเปรียบกับคน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว(ไม่มีวิญญาณขันธ์) ไม่ใช่ชีวิตที่คนพึงจะอยู่นิ่งได้ (ตรงนี้สำคัญครับ ว่าอยู่นิ่งมีความหมายว่าอย่างไร)

แต่ความเป็นจริงนั้น เหมือนถ้วยน้ำนั้นอยู่ในมือ(มีวิญญาณขันธ์) ย่อมมีการเอียงไปซ้ายที ขวาที ตลอดเวลา น้ำในถ้วยก็ไหลไปตามถ้วยที่เอียง น้ำนั้นเปรียบเหมือนทุกข์ ถามว่าปริมาณน้ำนั้นมีเยอะขึ้นหรือน้อยลงไหม ก็ไม่ใช่ เพียงแต่รู้สึกเยอะหากน้ำนั้นไหลไปกองที่หนึ่งจนเอ่อขึ้นไปถึงปากถ้วยตอนที่ถ้วยเอียงมากๆ หรือรู้สึกเบาลงเวลาที่ถ้วยนั้นเสถียรและตั้งตรงขึ้น แต่น้ำนั้นก็ไม่เคยพล่องลงเลยนั่นเอง

ในการกำหนดรู้ (มีสติที่เข้มแข็ง)ไม่ใช่ว่าเราจะคิดถึงน้ำในถ้วย แต่เรากำลังสังเกตุตัวเราเอง นั่งกำหนดรู้ไปเรื่อยๆไม่ใด้เร่งรัดเพื่อจะสงบหรือเห็นอะไร แต่เรานั่งกำหนดรู้ว่าวิญญาณเรากำลังสนใจอยู่ส่วนไหนของร่างกาย หากมีวิญญาณขันธ์กำหนดรู้อยุ่ที่ลมหายใจเข้าออก ก็จะเห็นความเป็นอนัตตาของระบบการหายใจเข้าออก (ระบบ)ในขณะเดียวกัน ทุกข์ก็ปรากฏชัดเจนที่ตรงนี้ นี่คือความเป็นทุกข์ที่ปรากฎชัดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน อาการปรากฏของทุกข์ที่จุดอื่นนั้นก็แลเบาบางลง(ทั้งๆที่ทุกข์ที่จุดอื่นก็มีความเป็นอนัตตาอยู่แล้ว(อาการ)) ทีนี้จึงค่อยๆย้ายการกำหนดรู็หรือวิญญาณขันธ์ไปจุดอื่น เช่นมือ ความเป็นอนัตตาก็จะปรากฏขึ้นที่มือ (ระบบ)ทำให้ปรากฎถึงทุกข์(เวทนาขันธ์)ที่ชัดเจนขึ้น ในขณะที่ เวทนาขันธ์ ที่ระบบหายใจเข้าออกดูเลือนลางลง ทั้งนี้ จึงปรากฏถึงความไม่เที่ยง จึงเป็นการกำหนดรู้ที่ต้องอาศัยกันและกัน เป็นความรู้เกิดขึ้น คือไม่ยึดมั่นในทุกข์ แต่เข้าใจในทุกข์ เข้าใจในหน้าที่ของขันธ์ ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตนนั่นเอง

ประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่สำคัญมากของ student แม้อาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากกำลังของสติไม่เข้มแขง (สติปัฏฐาน) ก็จะเป็นแนวทางให้กำหนดรู้ต่อไปครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้กำลังหัดเดินจงกรม คือมีสติไปกำหนดรู้ที่การก้าวขาทั้ง2ข้าง ส่วนตัวก็จะลองใช้เทคนิคตัวเองไปก่อน คือ มีสติไปอยู่ที่การก้าวขาทั้ง2ข้าง แต่ระลึกตามทีละข้างสลับกัน เมื่อเหยียบพื้น รู้ว่าอาการเหยียบ คือ ความกดดัน ความบีบคั้นของกายเวทนาส่วนเท้า เมื่อถอนเท้า รับรู้การผ่อนคลายลงของกายเวทนาที่เท้าและขา แล้วย้ายไปกำหนดรู้อีกข้างหนึ่ง

ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาเดิน กายเวทนานั้นก็ไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้น การเข้าไปเห็นการก้าวขาจึงเป็นเรื่องของผัสสะที่เกิดจากจักษุวิญญาณ เป็นการเบี่ยงการกำหนดรู้ออกไปรับรู้การก้าวขาด้วยจักษุวิญญาณ ส่วนตัวจึงเป็นการกำหนดรู้ กายเวทนาด้วยสต้จากการก้าวขาไปก่อน จะพิจารณาไปเรื่อยๆ ลง พระไตรลักษณ์ครับผม

ในช่วงนี้จึงเป็นการศึกษาด้วยตนเองไปก่อน เมื่อมีคำถามจะสอบถามผู้รู้ต่อไปครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2012, 01:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การมีใจอยู่กับธรรม

การที่เรามีใจอยู่กับธรรมก็คือ ก็คือ ทำอินทรีย์ 5 ให้พร้อม ได้แก่ ศรัทธา เช่น เมื่อ เรา เริ่มที่จะตกอยู่ในกระแสแห่งโลกเพราะอำนาจกิเลส ก็ต้องฉุกคิดว่า เรากำลังหลวมตัว ทำตัวขาดสติ ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง ต้องทำตัวเองให้มีสติ และรักษากาย วาจา ใจ

วิริยะ คือ ความเพียร กับธรรมรอบตัว กำหนดรู้ให้ทัน เพราะหน้าที่โดยตรงของเราคืออย่างนี้

ศีล รักษากาย วาจา ใจ

สมาธิ และปัญญา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2012, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้ไปวัดวันนี้ แล้วปลีกตัวไปนั่งสมาธิอีกห้องหนึ่ง แล้วนั่งสงบจิตใจ หายใจเข้าออก สักพักก็เกิดความสงบเป็นสมาธิ มาพิจารณาที่โสตว่า เอ เสียง วิ๊งๆ ในหู ที่เราจับได้นั้น เกิดเป็นความรู้ว่า ไม่ใช่ผัสสะที่เกิดจากโสตวิญญาณ เพราะไม่ใช่สภาวะการกระทบกันของอายตนะภายใน และ ภายนอก แต่เป็นรูป หรือ ธาตุนั่นเองสักพักก็กำหนดรู้เสียง เพราะรถวิ่งผ่านไปผ่านมา พิจารณาผัสสะที่เกิดจากโสตวิญญาณ เพราะเสียงรถวิ่งผ่านไปผ่านมา จึงเป็นความรู้ว่า เมื่ออายตนะภายในกระทบอายตนะภายนอก สัญญานั้นชัด หมายความว่า เราเอาใจไปจดจ่อกับสัญญา แล้วความจริงกลับไม่มีพลังกำหนดรู้ ความจริงคือความเป็นปัจจุบัน หรือ โสตผัสสะที่เกิดขึ้นในขณะปัจจุบัน ส่วนสัญญา คือ การไปแปรผลว่านั่นเสียงรถ นี่เสียงนก เสียงลม นั่น เสียงคน อันเป็นการส่งจิตออกนอก ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงเกิดเวทนาขึ้น พอใจต่อเสียง หรือไม่พอใจต่อเสียง หรือเฉยๆ เป็นสังขารขันธ์เกิดขึ้น เพราะมีเหตุคือ ผัสสะที่เกิดจากโสตวิญญาณ แต่หากว่าเรากำหนดรู้ทันโสตด้วยความเป็นอนิจจัง ก็จะเป็นการฝึกวิปัสสนาภาวนา ตามความเป็นจริงของสภาวะธรรม

อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยงนั่นเอง

เป็นการฝึกฝนและพิจารณาส่วนตัว ขอทุกท่านโปรดพิจารณาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร