วันเวลาปัจจุบัน 17 พ.ค. 2025, 14:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 214


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ 60/30
ตอนเดินก็ฟุ้ง ค่ะวันนี้หลักๆ คือเดินรู้เท้า พอมันผุดความคิด ใจมันไปสนใจ อยากคิดต่อบ้าง
หรือไปมีคววามรู้สึกกะความคิดนั้นๆ ใจก็เลยมีอารมณ์โน่นี่ เกิดขึ้นเสมอ เท้าก็รู้ค่ะ

มีความอยากแบบร้อนรน มีการเปรียบเทียบการปฎิบัติ ที่ผ่านมาในอดีตมันก็มา ให้เห็น
แต่ว่าไม่ได้ยึดไว้นานค่ะ มันอยาก หรือมีอารมณ์ขึ้นมาเป็นพักๆ แล้วก็เปลี่ยนไป

ก็พยายามดูว่ามันไม่เทียงยังไงแบบอารมณ์ตอนนั้นๆมันเปลี่ยนยังไง ดับยังไง ก็ไม่เห็น แต่ก็
มีอารมณ์โน่นี่เกิดตลอด น่ะค่ะ

แล้วก็มีคิดอกุศล ไม่อยากยอมรับเลย แบบไม่ค่อยพอใจ ที่ต้องนวดให้แม่ วันนี้
ก็ไม่ชอบมัน ที่รู้สึกแบบนั้น ไม่อยากบอกี่น้ำเลย

เดินๆแล้วก็ประดิษฐ์ว่าจะพูดยังไงให้เลี่ยงมัน สักพักก็ปล่อยแล้วเดินต่อ
มีตัวอิจฉา อิจฉาที่คนอื่นได้รับความสนใจ ทำไมไม่เป็นเรา
ก็ไม่พอใจ คนที่ให้ความสนใจเราน้อยกว่าอีกคน ก็ไม่ชอบมันอีก

ก็มีอคติกะคนอื่นแล้วก็รู้สึกแย่ ว่าตัวเองแย่จัง อคติกะตัวเองอีก
สักพักก็ปล่อยไป

เดินๆไปคิดเรื่องงาน เท้าก็รู้ แต่ใจมันคิดเรื่อยๆ ก็กำหนดรู้หนอๆ แล้วเอาใหม่
มันก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่นบ้าง วกไปเรื่องโน่นนี่บ้าง

พอมานั่งก็รู้กายแบบเอาจิตมารู้ท้อง มีไปเพลินๆคิดข้างใน
ก็ส่วนใหญ่เป็น แค่นี้ค่ะ คือรู้ว่ากำลังนั่งอยู่ กะเพลินๆคิด หมดแล้วค่ะ วันนี้รอบเดียวนะคะพี่

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ คือ จริงๆแล้ว สภาวะของหมูน่ะ ทั้งกดทั้งข่ม ความรู้สึกอะไรเอาไว้หลายๆอย่าง
เหตุที่ทหมูทำแบบนั้น เพราะเชื่อว่า ผลที่ได้รับจะต้องเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ว่า หมูฟังแค่ที่พี่เล่าให้ฟัง
และตัวหมูได้พบเจอกับตัวเองไม่กี่ครั้ง แต่ก็เชื่อว่า ทำอย่างไร ได้ผลตามนั้นจริงๆ เพียงแต่
จิตของหมูน่ะ มันยังไม่ยอมรับความจริงตรงนั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะพี่ ยังเห็นไม่กี่ครั้งค่ะ ส่วนใหญ่เกิดเพราะเชื่อพี่

สุขที่แท้จริง says:

เพราะถ้าจิตหมูปล่อยวางได้จริงๆ อกุศล แม้แต่ความอิจฉาคนอื่นๆ หมูแทบจะไม่มีมันเลย
จะให้อ่านนะ จากการสอบอารมณ์อีกคน ไม่ต้องเอ่ยชื่อนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ได้ค่ะ

อารมณ์ไม่จบ ...

อือ การคิดไปเองมันทุกข์หรา เราไม่ไหวแหะ.. เฮ้อ อะไรก้ไม่รุ้ ไม่เห็นเข้าใจเลย รุ้แต่ว่าเสียใจ

สุขที่แท้จริง

ก็แล้วแต่ว่าสติมันจะทันหรือเปล่าน่ะคะ เสียใจ อันนี้เรื่องส่วนตัวหรือว่าเรื่องแฟนหรือว่าเรื่องเพื่อนๆคะ

อารมณ์ไม่จบ ...

ถ้าจะพูดก็ เหมือนกับ ซ้ำรอยแหละ คิดไปเอง อีกแล้ว.. ก็นะ.. อาจจะนะ ไม่รุ้สิ
แต่ถ้าในสายตาของคนอื่นก็ทำนองว่า คิดไปเอง นั้นแหละ..


สุขที่แท้จริง
ก็เหมือนที่เคยว่าพี่น่ะแหละค่ะว่า พี่ชอบคิดไปเอง ไปคิดแทนคนอื่นๆ

อารมณ์ไม่จบ ...
คิดไปเอง กะคิดแทนคนอื่น คนละอันกัน

สุขที่แท้จริง says:
เหมือนกันแหละค่ะ เราไปคิดเอาเองว่าอย่างั้นอย่างงี้ แต่เขาอาจจะไม่ได้คิดแบบเราก็ได้ สภาวะนี้
พอโดนบ่อยๆเข้า เราจะค่อยๆเลิกคิดแทนคนอื่นๆ คือ จะไม่สนใจเขาเลยว่าใครจะคิดอะไร
รู้มั๊ย ทำไมคนยิ่งปฏิบัติ ยิ่งคุยน้อยลง เพราะยิ่งคุยมาก ยิ่งโดน อะไรที่ แม้แต่ไม่ได้เจตนาจะว่าอะไร
เพียงแค่ติงๆก็โดน

ตอนนี้มีอีกคน ไม่คุยกับพี่น้ำแล้วนะคะ ของแบบนี้ต้องหมั่นสังเกตุด้วยตัวเอง รู้มั๊ยพี่เลิกพูดถึงคน
หลายๆคนเพราะอะไร ไม่ว่าจะใครๆ ไม่ควรไปว่าเขา ต่อให้เขาเป็นคนไม่ดีจริงวๆก็ไม่ควรไปว่าเขา
ปล่อยให้การกระทำของเขา จัดการกับตัวเขาเอง พี่น่ะโดนจังๆเลย เรื่องที่ไปว่าเขา แม้แต่คนอืนเอง
แค่หัวเราะพี่ โดนทันทีในวันนั้นเลย สภาวะเขามาสอน อันนี้ต้องให้เจ้าตัวเขารู้ด้วยตัวเอง
ถึงจะเข้าใจ แล้วศิลจะสะอาดขึ้นโดยอัตโนมัติเอง โดยไม่ต้องไปบังคับใดๆเลย

เราเองก็เหมือนกัน แต่พี่ไม่พูด เพราะรุ้ว่าพูดไปก็ไม่เชื่อ ต้องลิ้มรสความทุกข์ด้วยตัวเอง พอรู้แล้ว
มันจะไม่ไปแตะอีกเลย คนส่วนมาก ต่อให้โดนกับตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้มาเจริญสติ
คนเราทุกข์กันเพราะอะไร เพราะการกระทำของตัวเองทั้งนั้นเลย


อารมณ์ไม่จบ ...
เราไม่ได้รุ้ลึกอะไรแบบนั้นหรอก.. ก็เหมือนเริ่มๆ ปิดตัวเอง มีอคติ ที่มองไม่เห็น

สุขที่แท้จริง says:
โดนบ่อยๆจะรู้เองแหละค่ะ

อารมณ์ไม่จบ ...
ไม่อยากโดนแล้ว เบื่อ..

สุขที่แท้จริง says:
เบื่อแค่ตอนนี้ เด๋วก็ทำอีก เพราะยังไม่กลัว มันต้องกลัว ถึงจะเลิกทำ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ตอนโดนช่วงนั้นจะทำอะไร จิตหดเลย แต่มันเห็นแค่ช่วงนั้นน่ะค่ะ แล้วก็ไม่เห็นแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

บอกแล้ว พูดไปก็ยังไม่เชื่อร๊อกกก ต้องโดนบ่อยๆๆๆๆๆ จนมันเจ็บ จนจำ จำแล้วก็กลัว แล้วจะไม่ทำ
อีกเลยตลอดชีวิต บอกแล้วไง บอกไปก็ไม่มีทางเชื่อหรอก มันต้องเจอแล้วก็เจอ จนนน เข็ดดด
พี่บอกทำแบบพี่สิ ปล่อยเลย พูดตามที่เรามอง ที่เราเห็น ให้โดนสะให้เข็ด แล้วจะเลิกเลย
จะไม่ไปว่าใครๆอีกเลย ไม่ต้องไปกดข่มตัวเองด้วย ให้จิตมันปล่อยเอง แบบไม่เอาจริงๆ
แล้วมันจะไม่ไปแตะอีกอย่างเด็ดขาด

คนเรา กลัวความทุกข์ กลัวความไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น แต่เพราะยังไม่เข็ด ก้ยังคงทำกันอยู่
มันต้องโดนชนิดที่เรียกว่า เข็ดจริงๆ แล้วจิตมันจะไม่ไปแตะอีกเลย โดยไม่ต้องมากดข่ม กดดันตัวเอง
มานั่งบังคับตัวเองแบบนั้น ทุกวันนี้ คนที่จ้องเพ่งโทษพี่น่ะ ว่าอะไรพี่มา กลับไปหาเขาหมด พี่แค่มอง
ไม่ไปรู้สึกอะไรกับเขา แค่มองว่า เราไม่ต้องไปโต้แย้ง ไม่ต้องไปอธิบาย ใครอยากเชื่อใคร
ก็เรื่องของเขา ใครเกลียดหรือไม่ชอบเราก็เรื่องของเขา เรากับเขา เคยสร้างเหตุไม่ดีมาร่วมกัน
ถึงได้เป็นแบบนี้


ารมณ์ไม่จบ ...
เรา ยังงงๆ กะวิถีของโลก อยู๋เลย

สุขที่แท้จริง says:
โลก มันก็คือโลก เป็นที่ๆหลายๆชีวิตมาอยู่รวมกัน

อารมณ์ไม่จบ ....
บางทีเราก็ไม่เข้าใจว่าทำอะไรให้ใครเสียใจ เฮ้อ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแต่ละชีวิตของแต่ละคน ล้วนเกิดจากการกระทำ
ของแต่ละคนในอดีตที่ผ่านมา และในปัจจุบันที่กำลังกระทำให้เกิดใหม่ขึ้นอีก


อารมณ์ไม่จบ ....
และบางที เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาคิดกะเรายังไง

สุขที่แท้จริง says:
เหตุมี ผลย่อมมี

อารมณ์ไม่จบ ...
เราทำกรรมมาเยอะนะ เราไม่ค่อยอยากจะมีชีวิตเลยละ ไม่เห็นมีความหมายเลย

สุขที่แท้จริง says:
บางทีเราไม่ได้เจตนา แต่ก็สามารถทำให้คนๆนั้นทุกข์ได้ บางอย่าง ที่ทำลงไป เพราะไปคิดเอาเองว่า
ทำแบบนี้แล้วดี แต่จริงๆแล้ว มันแค่ความคิดของแต่ละคน แต่มันกลายเป็นผลไม่ดีสำหรับคนอื่นไป

ทุกอย่างมันมีเหตุมาก่อนค่ะ คนที่ทุกข์เพราะเรา เขาเองก็เคยทำให้เราทุกข์มาก่อน ฉะนั้น
ไม่ควรไปคิดจัดการหรือไปคิดแทนใครๆเขา


อารมณ์ไม่จบ ...
แล้วถ้างั้น เรามีชีวิตอยู่ไปเพื่อไรดีอะ จริงๆแล้วเราคงไม่มีใครหรอกนะ

สุขที่แท้จริง says:
อยู่เพื่อกระทำเหตุที่จะไม่ต้องเกิดอีกต่อไป เพราะการเกิดแต่ละครั้ง ล้วนแต่ก่อให้เกิดทุกข์
ทำไปด้วยความไม่รู้ เพราะว่า เมื่อมีการเกิด จะต้องมีความไม่รู้เกิดขึ้นพร้อมๆกัน เราเกิดมาเพื่อสิ่งๆนี้
ทำไม่ให้ตัวเองต้องเกิดอีกต่อไป เหมือนที่พี่กำลังกระทำอยู่ พี่ไม่อยากพบกับความทุกข์อีกแล้ว
เลยเลือกที่จะทำแบบนี้ เพื่อที่จะไม่ต้องเกิดอีกต่อไป ไม่ต้องพบกับใครๆ

เมื่อไม่มีการพบ ย่อมไม่มีการพรากจากกัน ไม่มีการสร้างเหตุร่วมกัน ตอนนี้ ความทุกข์ในใจ
เบาบางลงไป เนื่องจากผลของความเพียรที่ทำอย่างต่อเนื่อง และยอมชดใช้ ไม่ว่าใครจะว่าอะไร

ทุกอย่างต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง และต้องเจอสภาวะด้วยตัวเองน่ะหมู มันถึงจะไม่ไปแตะต้องใดๆอีกเลย
มันต้องออกมาจากใจจริงๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่คะ คือ แต่ว่า ถ้าเป็นอกุศลเราก็ต้องกำหนด ใช่ไหมคะ ที่พี่น้ำเคยบอกให้ ข่มไปก่อน

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ เพราะสติเรายังไม่ทัน แต่ที่นี้ ที่หมูอึดอัดกับสภาวะ เพราะหมู ไม่ได้มีพื้นฐานด้านการกำหนด
มาตั้งแต่แรก ซึ่งไม่เหมือนพี่ พี่เจอมากับตัวเอง เลยทำให้กำหนดได้ทันมากขึ้น
แต่หมูรู้จากพี่ หมูเจอกับตัวเองไม่กี่ครั้ง หมูเลยพยายามกำหนดมัน มันเลยเหมือนกับ ทั้งกดทั้งข่ม
อารมณ์เอาไว้ มันผิดกับพี่ไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วมัน ต้องเปลี่ยนวิธีการไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

หมูทำเพราะความกลัว แต่พี่ทำเพราะเข็ดแรกๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ถามกลับว่า ถ้าให้หมูเลือกที่จะรับผลทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งๆที่รู้น่ะ แต่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
ตามความเป็นจริง กับทนกำหนดไป มันจะแค่อึดอัดเหมือนเก็บกดเอาไว้ แต่ใจมันทุรนทุรายน้อยลง
ซึ่งแรกๆจะหนักไๆไปก่อน ให้เลือก จะเอาแบบไหนล่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือ จริงๆแล้ว กำหนดไปก็โอค่ะ แบบที่ทำอยู่ เพราะ หมูน่ะอกุศลแรงมากน่ะค่ะ
ปรามาสกะผู้มีพระคุณนี่ มันเกินรับไหวค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วพี่ล่ะ ไม่ยิ่งกว่าหมูเหรอ แต่พี่ไม่เคยเล่าให้ฟัง มันคืออดีต ที่พี่ฝังมันไว้
ไม่งั้นพี่จะไม่บอกให้หมูทนกำหนดไปหรอก เจอมาหมดแล้ว ชดใช้ทั้งชีวิต
พ่อแม่จะดีหรือชั่ว อย่าได้ไปแตะต้องอย่างเด็ดขาด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ พี่น้ำ จริงๆหมูเล่าสภาวะ ตามที่มันเกิดน่ะค่ะ ซึ่ง ถามว่าหมูติดใจอะไรกะมันไหม ก็ไม่นะคะ
อึดอัดน้อยลงมากเมื่อเทียบกันตอนแรกๆ

ที่หมูจะถามพี่ว่าไม่กำหนดได้ไหม ถ้าปรามาส ปล่อยไปสบายใจกว่า ตอนนั้นอึดอัดค่ะ
แต่ตอนนี้มัน น้อยลงมาก

ทีนี้ที่หมูไม่แน่ใจว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงไหม หมายถึงเลิกกำหนดไหม นั้น
เพราะหมูไม่รู้ว่าตัวเองติดอะไร ที่มัน ผิดรือเปล่ า


สุขที่แท้จริง says:

พี่เคยอธิบายให้หมูฟังหลายครั้งแล้วนะ เรื่องการกำหนด
หมู เห็นกิเลสตัวเองไหม ... ตรงนี้ ... ทีนี้ที่หมูไม่แน่ใจว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงไหม

หมายถึงเลิกกำหนดไหม นั้น เพราะหมูไม่รู้ว่าตัวเองติดอะไร ที่มัน ผิดรือเปล่ า ...
ความอยากเห็นไหม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ความอยาก

สุขที่แท้จริง says:

หมูต้องรู้ทันมัน หมูต้องตอบโจทย์ตัวเองได้ เพราะความอยาก หมูเลยติดอยู่แบบนี้
พี่ตอบคำถามเรื่องการกำหนดไปหลายครั้งแล้ว


ตราบใดที่ยังไม่เห็นตามความเป็นจริง ตามที่มันเป็นจริงๆ ตัวกำหนดยังคงมีอยู่ตัวกำหนดก็คือบัญญัติ
วันใดเห็นตามความเป็นจริงได้ เชื่อจนหมดหัวใจ นั่นแหละ
การกำหนดมันจะหายไป มันจะรู้ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
นี่คือ ปรมัตถ์

เห็นไหม มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อยู่ที่กิเลส อยู่ที่เหตุแต่ละคนทำกันมา
พี่ห้ามไม่ได้ว่า อย่าอยาก


ห้ามไม่ได้ว่า อย่าคาดหวัง พี่ไปห้ามใครๆไม่ได้หรอก ได้แต่บอกกับทุกๆคนที่พี่สอบอารมณ์ว่า
อย่าอยาก ให้ดูให้ทัน ยิ่งสภาวะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ ความอยากยิ่งเนียน อย่าไปทำเพราะคาดหวัง
ว่าจะได้อะไร จะเป็นอะไร สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นเพียงแค่บัญญํติ ยิ่งยึดในบัญญัติ ยิ่งติดบัญญัติ
ยิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ เมื่อไม่เห็นผลตามที่คิดว่า น่าจะได้ ใครทุกข์ คนคิดแหละทุกข์


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ พี่คะ การทันความอยาก คือการเห็นความอยากทำงานแต่ไม่ลงไปอยากเสียเอง ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

เปล่าค่ะ ถ้าสติทัน มันจะหยุดทันที หยุดที่จะอยาก
แล้วความอยากจะเบาบางลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งไม่มี รู้แต่ว่าต้องทำ เหมือนเรามีหน้าที่ที่ต้องทำ
มันต้องกลัวจริงๆ กลัวการเกิดจริงๆ ไม่ใช่ทำเพราะอยากได้ อยากเป็น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้าเราไม่ทันมัน เราก็มีหน้าที่เจริญสติ จนวันหนึ่งมันทันไปเอง

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ สิ่งที่หมูพูดมาทั้งหมดนั้น พี่เข้าใจค่ะว่า หมูเล่าตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆกับหมู
ซึ่งตรงนั้นมันเป็นผลดีกับตัวหมูเอง แต่ที่พี่ยกบทสนทนากับอีกคนมาให้หมูอ่านน่ะ
เพื่อเป็นหลักยืนยันว่า ไม่ได้มีหมูแค่คนเดียวที่เป็นแบบนี้
มันต้องเจอด้วยตัวเอง จนมันเข็ดจริงๆ แบบไม่เอาอีกแล้ว

เหมือนกับการนินทาน่ะ ศิลข้อมุสาแบบหยาบๆย่ะ ได้สบายมากๆสำหรับพี่ เพราะพี่ไม่เคยพูดโกหก
แต่การนินทานี่พี่มี เพราะเราอยู่กับคน ไม่ได้ไปโทษใครๆ แต่จะบอกว่า เพราะสติยังไม่ทัน
เมื่อก่อนพี่บังคับตัวเองนะ ใหม่ๆอึดอัดมากๆ เพราะเรานินทาผูอื่นมาตั้งแต่จำความได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ก็เป็นกันโดยไม่รู้ตัว

สุขที่แท้จริง says:

แต่ทีนี้ หลังๆนี่ อะไรที่ว่าเขา ทั้งๆที่มันเป็นความจริง แต่ กฏแห่งกรรมมันไม่สน กรรมของใครของมัน
ผลมันเลยสะท้อนกลับมาหาพี่ทันตา โดนจังๆหลายๆครั้ง จนมันเข็ด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่คะ หลังๆหมูไม่เจอผลสะท้อนน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

กิเลสน่ะ อย่าประมาท เคยเจอหรือยัง รวบยอดดดด แล้วจะหนาววว
เจอมาหมดแล้วว ถึงเลิกเลยไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หรือเจอแแต่หมูไม่สังเกต ก็ไม่รู้

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าเราไม่สังเกตุเราจะไม่รู้เลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทุกวันนี้หมูก็โดนแกล้ง อยู่แล้วอะพี่

สุขที่แท้จริง says:

เหมือนพี่ เรื่องพ่อกับแม่ ถ้าไม่มาเจริญสตินี่ จะไม่รู้เลยว่า พี่ถูกชดใช้ในเหตุที่เคยล่วงเกินบุพพการีเอาไว้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ของหมูโดนแกล้งบ่อยๆ อยู่แล้วอะค่ะ
แต่คนรอบตัวหมูส่วนใหญ่ก็ดีค่ะ คือเขาแกล้งแบบหยอกๆเล่น ๆ บางทีก็กัดๆ

สุขที่แท้จริง says:

เราทำอะไรไว้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่เราเจอคนอื่นๆทำกับเรา เพียงแต่ว่า
สติเรานั้นระลึกได้ไหม ของพี่น่ะยังกับหนัง

มันขึ้นมาเลยนะ นี่ทำไว้ตอนเด็กๆ นี่ทำไว้ตอนนักเรียน
มันขึ้นมาให้เห็นเลย สิ่งที่ทำเอาไว้ เวลาถูกชดใช้
นี่ชาติปัจจุบันนะ แล้วอดีตชาติล่ะ ไม่อยากจะเซดดดด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อย่างพี่น้ำนี่ชัดดีนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

เราทำบุญด้วยความอยากได้กุศล เราก็จะมีความอยากแถมมาพร้อมกับกุศล
แต่ถ้าเราทำบุญเพราะรู้ถึงเหตุและผล เตรียมเสบียงเอาไว้ ชาตินี้ถ้าไม่พ้น ชาติหน้ามีเสบียง
นี่ได้เต็มๆ ทำด้วยจิตที่ระวัง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เฮ้อ หมูก็ทราบว่าความอยากมันร้ายกาจ แต่หมูก็บังคับตัวเองไม่ได้ หมูเลยทำได้แค่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว
แล้วมันเป็นแบบไหน มันทุกข์แค่ไหน แค่นี้เองค่ะ หมูยอมรับว่าไม่รู้จะทำยังไงกะมันน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันเลย ทำแบบเดิมๆๆ แบบที่ทำทุกวัน แต่ให้ทำแบบอย่าไปคาดหวังอีก
คอยเตือนตัวเองเอาไว้ เวลาความอยากเกิดขึ้น กำหนดไปเลย รู้หนอ เสร็จกิเลสอีกแล้ว
วันนี้สอบตก หมั่นให้คะแนนตัวเองทุกๆวัน มันจะได้เกิดกำลังใจ อย่างน้อยมันจะเห็นเวลาทันกิเลส


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กำหนดรู้หนอ 3 ครั้งเหมือนปรามาสหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ สำทับแค่นั้นพอ ไม่ต้องไปรอจนมันหายไป
คิดดูนะ หมูแค่ 7 เดือนกว่าๆ พี่ล่ะ มะงุมมะงาหรา กี่ปีที่ผ่านมา ถูกชดใช้ ชีวิตนี่สุดๆเลย
ทำบุญนี่เจือสิ่งมอมเมา ชีวิตเลยถูกมอมเมาตามบุญที่ได้กระทำ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูยังน้อย มีคนแนะนำด้วย พี่คะขออนุญาตถาม นะคะ
อืม ไม่ดีกว่าค่ะ เด๋วค่อยว่ากัน

สุขที่แท้จริง says:

ถามได้ค่ะ มีอะไรที่พี่เคยบอกว่า ถามไม่ได้หรือคะ ถ้าไม่ตอบพี่ก็จะบอกว่าไม่ตอบเพราะอะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เปล่าหรอกค่ะ คือพี่น้ำเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว
คือตอนแรกจะถามว่า การที่รู้ความอยากโดยเอาจิตรู้ กะกำหนดมันให้ผลต่างกันยังไง
กับที่หมูทำอยู่

แต่ว่าจำได้ว่าพี่น้ำบอกว่า จิตจะบันทึกไว้ และมีทั้งสติและสมาธิ เด๋วคำกำหนดจะหายไปเอง
แล้วก็จะถามอีกว่า เรากำหนดปรามาสเพราะมันอกุศล แล้วเราจะได้ไม่ต้องรับผล เราข่มมั้นไว้ก่อน
ส่วนความอยาก เราเรียนรู้มัน ไปโดยไม่กำหนดรู้หนอ แต่รู้เฉยๆ เพื่อให้จิตมันยอมรับความจริง
ไม่ดีกว่าหรือ

แต่ก็ขึ้นมาอีกว่าก็ความอยากก็อกุศลเหมือนกันนี่หว่า ให้ผลเป็นภพชาติละความทุกข์เหมือนกัน
เลยบอกว่า ทำดีกว่า ไม่ถามแล้วน่ะค่ะ มึนตัวเอง

สุขที่แท้จริง says:

หมู ... ความอยากน่ะ มันเกิดมาคู่กับคนทุกๆคน ไม่มีใครหรอกที่ไม่มีความอยาก
ตราบใดที่ยังเป็นคนโดยทั่วๆไป แม้แต่สัตว์เองก็ไม่พ้นจากตรงนี้
แต่จะมีมากหรือน้อยนี่ ขึ้นอยู่กับเหตุที่ทำมา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ กลับไปเขกหัวตัวเองในอดีตได้ก็คงดี

สุขที่แท้จริง says:

ชีวิตพี่ ในอดีตที่ผ่านมา ก็เพราะเหตุที่เคยกระทำไว้ ทำด้วยความไม่รู้ พี่จึงมีเพื่อนๆสารพัดรูปแบบ
โอ๊ยยย ถ้าเล่านะ มันยาวยืดดดดด

มันก็กฏแห่งการกระทำหรือกฏแห่งกรรมดีๆนี่เอง แต่นี่เกิดจากการทำบุญแท้ๆ
ศรัทธาแต่ขาดปัญญา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะหมูก็คงสะสมมาเยอะ ตอนทำบุญ อธิษฐานขอ ให้หลุดพ้น ด้วยความอยากอย่างรุนแรง

สุขที่แท้จริง says:

พี่อธิษฐานเพราะรู้ ไม่ได้อธิษฐานเพราะอยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะหมูต่างกะพี่น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เคยไปขอโน่นขอนี่ เรื่องเกี่ยวกับการที่จะต้องมาเกิดอีกนี่ไม่มีเลย
เรื่องที่จะเกี่ยวข้องทางโลกนี่ไม่มีเลยแม้แต่สักนิดเดียว
การอธิษฐาน บ่งบอกถึงสภาวะจิตของคนๆนั้น

อันนี้ พี่ได้เคล็ดลับในการอธิษฐานมาจากพี่คนหนึ่ง เขาเป็นศิษย์หลวงพ่อฤษีลิงดำ
เราสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการปฏิบัติกัน

พี่เขาบอกว่า ไปอธิษฐานลอยๆแบบนั้นได้ไง มันต้องเจาะจงลงไปว่า ปัจจุบันชาติ
จะได้ไม่ได้ช่างหัวมัน แต่ให้อธิษฐานเพื่อให้จิตบันทึกไว้

เมื่อก่อนพี่เองก็ท่องๆ ถูกสอนมาอ่ะนะ ให้บรรลุมรรค ผล ล่วงพ้นบ่วงมาร เห็นแจ้งในพระนิพพาน
ในอนาคตกาลด้วยเทอญ

พี่เขาถามว่า อนาคตน่ะ ชาติไหนล่ะ

พี่น่ะหลังจากคุยกับพี่เขาแล้ว ร่างคำอธิษฐานอยู่นานนะ กว่าจะได้มาเป็นรูปเป็นร่างทุกวันนี้
ที่บอกหมูไปน่ะ นี่เจาะจงเลย เอาทั้งกุศลเก่าที่เคยทำมา เอาทั้งกุศลใหม่ที่กำลังทำ เป็นกำลังหนุนนำ
ให้เราได้เกิดปัญญาญาณ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

การอธิษฐานแบบนี้ เหมือนให้จิตมันมีความมุ่งมั่นด้วย

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะถ้าลอยๆก็เหมือนจะทำเมื่อไรก็ได้ เรื่อยๆเอื่อยๆ

สุขที่แท้จริง says:

อธิษฐาน ขอให้ฉลาด ไปขอให้รวย ขอทำไม รวยหรือไม่รวยหรือจนก็ล้วนเกิดจากเหตุที่เราทำ
ขอมีครอบคัรวที่ดี ขอทำไม ทุกอย่างอยุ่ที่เราทำทั้งนั้น ไอ้สิ่งที่ขอๆกันน่ะ ไม่ต้องไปอธิษฐานกันหรอก
ทำสิ ทำปัจจุบันให้ดี ผลย่อมดีแน่นอน ขอหลายอย่าง จิตก็ว่อกแว่ก ขอเพราะความอยากได้

แต่สิ่งที่พี่อธิษฐานคือ การตั้งใจทำ ทำมาตั้งแต่อดีตชาต ปัจจุบนก็ยังทำ
เอากุศลทั้งหมดมาหนุนนำ ให้การปฏิบัติก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แบบนี้เราก็จะได้ความมุ่งมั่นแทนที่จะคาดหวังอะไรเลื่อนลอย

สุขที่แท้จริง says:

ใช่หมู มันคือเจตนาที่แน่วแน่
ยาก ดี มี จน สุขภาพ ฯลฯ ทุกอย่างอยู่ที่เราทำกันทั้งนั้นแหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ช่วงนี้หมูมองตัวเองแล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับ นี่โชคดีมากเลยเทียบกับ ความไม่ดีของตัวเองน่ะค่ะ
หมูได้รับน้ำใจมากมาย ทั้งที่ข้างในเวลาเห็นกิเลสแล้ว มันไม่สมควรได้รับสิง่ดีๆเหล่านี้เลย
ก็เห็นกิเลสระหว่างวันมากขึ้น มันก็สลดรับไม่ค่อยได้เหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:

ที่ได้ ได้เพราะอะไรล่ะ สิ่งที่ทำไว้ในอดีตทั้งนั้น เพียงแต่ไม่เคยมอง เพราะไม่ได้สนใจ
เพราะไม่ได้เจริญสติ


ทำไปค่ะ ทุกๆครั้ง ทุกๆสภาวะ สิ่งที่สงสัย จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อย่าแปลกใจว่า เวลาพี่อธิบายให้ฟัง
ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ทำไมหมูถึงจำไม่ค่อยได้ เพราะจิตมันยังไม่ยอมรับน่ะ
จนกว่าหมูจะเจอสภาวะแล้วแจ้งด้วยจิตจริงๆ ทีนี้แหละ จำหมด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ จะทำต่อไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

อนุโมทนาค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สาธุ ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2010, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


March 21
เปรียบเทียบ ความรู้สึก วันนี้ กับเมื่อวาน "ความอยาก" เวลาอยากกลับมาอ่านซะดีๆ

วันนี้ไม่ไปหมกมุ่นกับความอยาก เหมือนเมื่อวาน กลายเป็นความอยากมันคลายลงไปเอง
ทั้งก็ไม่ได้แก้ไข หรือทำอะไรมัน

จากที่เมื่อวาน มัวแต่คิดหาอุบายแก้ไขความอยาก อยู่ทั้งวันเข้าห้องน้ำ กินข้าว เดินทำโน่นนี่
ทำงานบ้าน และตอนปฎิบัติเต็มรูปแบบ

เมื่อวานหาอุบายตลอด เพราะมีความปรุงแต่ง ไม่ชอบกำหนดความอยาก มันขึ้นมาขัดแย้งตลอดเวลา
จะคิดแต่ว่า "ถ้ากำหนดแล้ว จะรู้ความจริงได้เหรอ มันเป็นการกดข่ม ไว้เหมือนกับ กดอกุศลนี่
แล้วจะยอมรับความจริงได้ยังไงถ้าไม่ผจญกับมันไปตรงๆ "

แล้วก็เที่ยวหาธรรมมะ บทความของอาจารย์ท่านต่างๆ ทั้งครูบาอื่นๆ พระสูตร โน่นนี่ เพื่อดูว่า
ความอยากจะต้องจัดการมันยังไง ให้โดนๆเลย ยังงี้ทั้งวัน แล้วก็มึนๆ งงๆ หาคำตอบไม่ได้อยู่อย่างนั้น
ฟังธรรมมะไม่รู้เรื่องเลย ที่ว่าฟังแล้วเคยเข้าใจโน่นนี่ มืดหมด มารู้สึกว่าไม่เข้าใจอะไรแล้วในตอนนั้น


พอมาวันนี้ก็ไม่เป็นเหมือนเมื่อวาน ความอยากยังมีอยู่ แต่ไม่ไปหมกมุ่น ไม่ไปปฎิเสธการกำหนด
เหมือนเมื่อวาน แล้วก็ระลึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อวานจิตไม่ทันความอยากนั่นเอง ที่เที่ยวไปหาวิธีการ
แก้ไขความอยาก นั่นแหละอยาก สติไม่ทันความปรุงแต่ง

เพราะลองมาดูตอนนี้ไม่ได้หาอุบายอะไรได้เป็นพิเศษ แต่ทำไมมันไม่วุ่นวายจะหาทางอย่างเมื่อวานละ
แล้วก็มีกำหนดรู้ระหว่างทำกิจกรรม เวลาฟังธรรมมะ แล้วความอยากเกิด ก็กำหนดรู้หนอๆ ไป เวลา เกิด
ตอนนึกคิด ก็กำหนดไปอีก มันก็ไม่ได้วุ่นวายอะไร ไม่ไปคิดว่าการกำหนดแบบนี้จะทำให้ยอมรับ
ความจริงไม่ได้

ไอ้ความคิด ว่า "กำหนดแบบนี้จะทำให้ยอมรับความจริงไม่ได้นี่ตัวแม่ของความอยากเลย"
แต่มาในรูปความคิด ของเรา เป็นตัวเรา ที่เที่ยวค้นหาวิธี พอพ้นไปแล้วค่อยมาเห็น

อ่านยากมากเลยนะ ยากมากๆ

แล้วก็นอกจากนี้ยังมีตัวที่ชอบ คิดในแง่ว่าเราทำได้ตรงนี้ๆ แล้ว แล้วมันฟู ไม่ได้ขึ้นมาเป็นคำพูดนะ
เป็นคามรู้สึกที่ตวัดแวบเดียว แล้วก็เสพมันเข้าไปเป็นระยะ ระหว่างวันแหละ

แล้วก็มีไอ้ตัวไม่พอใจ การปฎิบัติ แล้วก็จะหาทางดิ้นให้มันดี กดดันตัวเอง ก็เหมือนไอ้ตัวที่คิดปรุงข้างบน
แหละมาพร้อมๆกัน ก็มาเป็นระยะ ไอ้ตัวนี้เป็น วิภวตัญหาใช่มะ อยากผลักไส


การกำหนด " รู้หนอ "จะทำให้เราไม่ละเลยกิเลสพวกนี้นะ จะทำให้เราเห็นมันชัดขึ้น บางทีสติเราไม่ทัน
เราดูมันมันก็ปรุงไปเรื่อยๆ

เราจับตัวมันไม่ได้จริงจัง นึกว่าเห็นมันแต่ไม่ทันมัน แต่พอมากำหนดแล้ว ยิบย่อย มากเลยนะ
มาบ่อยๆ ถี่ๆ ยิ่งถ้าสนใจมันนะ

มันจะมาแสดงเรื่อยๆแหละ ลองสังเกตุดูถ้าสนใจมัน ทั้งที่กำหนดอยู่นี่แหละ แต่ไปมัวจะจ้องดู
มันก็เลยมีขึ้นมาเลย อย่างตอนนั่งอยู่นี่ก็เหมือนกันเ ขียนถึงมันแล้วเริ่มจะไปสนใจว่ามันมีไหมในตอนนี้
ก็เกิดความขุ่นหมองแล้วเริ่มมีขึ้นมาทันที

ส่วนการกำหนดรู้หนอ ถ้าเราไม่ไปหมกมุ่นกับมันมาก เมื่อมีความอยากเกิดขึ้นมันก็จะไม่ไปปรุงยาว
ต่อ เป็นความคิดว่า
"ทำแบบนี้จะไม่ยอมรับตามจริง ทำแบบนี้ไม่ถูก ทำแบบนี้จะบรรลุเหรอ จะก้าวหน้าเหรอ"

หากกำหนดรู้หนอ แล้วไปสนใจมันอีก มันจะไปปรุงพวกนี้ ถึงจะพยายามไม่ให้เกิดแค่ไหน
พยายามกำหนดแค่ไหน พยายามจะดับแค่ไหน จะพยายามมองเห็นความอยากแค่ไหน
ความคิดฟุ้งซ่านทรมานพวกนี้ ไม่หายหรอกนะ มันจะวุ่นวายหาวิธีการอยู่อย่างนั้นแหละ

สภาวะมันจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะสติและสมาธิมันไม่มากพอ ไม่ทันมัน ถ้าเป็นแบบนี้
ก็ต้องทนไปก่อน เวลากระทบให้กำหนดเท่าที่กำหนดได้ 3 ครั้ง แล้วปล่อยไปเลย หากไม่หายยังวนเวียน
สนใจมันก็ต้องทนไปก่อน แล้วเพิ่มนั่งขึ้น เพื่อลดการฟุ้งซ่าน พอพ้นจากช่วงนั้นมา สภาวะเหล่านี้
จะลี่คลายไปเอง สะสมสติและสมาธิ ต่อเนื่องก็พอ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2010, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



นำมาจากบล็อก


March 21
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ( บ่าย 3 โมงกว่าๆ แบบว่าหลับยาววว )

ทักทายว่าอรุณสวัสดิ์ เพราะเพิ่งตื่นนอนน่ะค่ะ
เมื่อคืนก็ขึ้นห้องไปรีดผ้า ก็ตี 4 ครึ่งแล้ว นั่งกำหนดต่อ ลงมานอนตอนตี 5 ครึ่ง
หลับสนิท หลับดีจริงๆ เสียงนาฬิกาปลุกตอน 6 โมงเช้า ขี้เกียจลุก หลับต่อ แล้วเพิ่งมาตื่นนี่แหละ

ได้ไปอ่านสมุดบันทึกเรื่องราวต่างๆที่เราเริ่มหันมาปฏิบัติ อ่านแล้ว นั่งอึ้งกับตัวเอง ในช่วงเวลานั้น
เรามีแต่ความทุกข์ มีแต่ความอยากมี อยากสำเร็จในธรรม เราจำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลยแม้แต่สักนิดเดียว

น้องๆที่มาให้เราสอบอารมณ์นั้น สภาวะแทบจะไม่แตกต่างกับเราในระยะแรกๆเลย
เราบันทึกไว้ปี 47

อ่านแล้วอึ้งจริงๆนะ เราเห็นความอยาก แต่ไม่รู้จักความอยาก ไม่รู้จักว่ามันคือ กิเลส
แล้วเรามารู้จักกิเลสได้ตอนไหนนะ

สมุดบันทึกเรื่องการปฏิบัติ ดีแบบนี้นี่เอง เวลามาอ่านย้อนหลัง จะได้บอกเขาเหล่านั้นว่า
เราไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยในการเริ่มต้น

เพียงแต่ว่า คนเหล่านี้ได้เปรียบ ตรงที่ว่า ไม่ต้องมาเยิ่นเย้อ มะงุมมะงาหรางมทางหาทางแบบเรา
เขาสามารถเดินทางตรงได้เลย โดยไม่ต้องอ้อมเสียเวลาแบบเรา

7 ปี ไม่น่าเชื่อเลยนะ เราใช้เวลากับสภาวะเหล่านั้นถึง 7 ปี
แต่ดูเขาเหล่านี้สิ ใช้เวลาไม่กี่เดือน เขาก็ได้รู้จักกิเลสด้วยตัวของเขาเอง ช่างน่าทึ่งเสียจริงๆ
เขาเห็นกิเลสในจิตของเขา เขาเริ่มยอมรับมันมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มดูทันมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาคิดว่า เขาทุกข์ กับเราสมัยก่อน ที่เห็นกิเลส แต่ไม่รู้จักกิเลส ไม่มีใครมาคอยแนะนำ
คิดว่าใครทุกข์มากกว่ากัน

อ่านแล้วก็ขำๆในบางถ้อยคำที่เราเขียนเอาไว้ สภาวะนี่ เหมือนที่เขาพูดกันมาเป๊ะๆเลย
" ความอยากสำเร็จ "

ในสมุดบันทึก นี่คือบันทึกวันแรกในเรื่องของการปฏิบัติ



13 มค. 47

วันนี้เป็นวันที่เราบอกตัวเองว่า เราจะตั้งใจทำกรรมฐานตลอดกลางวัน
เราจะพยายามไม่นอน สุดท้าย เราก็ไม่ได้ทำ บ้านก็ไม่ได้ทำความสะอาด
แค่กวาดบ้าน ซักผ้า เรายังคงมีความขี้เกียจเหมือนเดิม ใจของเรายังโลเล

เราตั้งใจว่า เราจะไปวัดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
แต่บางครั้งเราก็คิดว่า ทำไมเราไม่ลองทำที่บ้านดูก่อนล่ะ ขนาดที่บ้านยังขี้เกียจ
แล้วจะไปขอให้หลวงพ่อช่วยได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่พยายามช่วยตัวเอง




ตอนนั้นก็เพิ่งจะหวนกลับมาเริ่มต้นปฏิบัติ เพราะมันเจอแต่ความทุกข์
เพิ่งรู้ว่าตัวเองปฏิบัติเพราะอะไร แต่พอดี จำเรื่องราวตรงนั้นไม่ได้เลยแม้แต่สักนิดเดียว
ไปอ่านเจอในสมุดบันทึกของตัวเอง ก็คิดว่า น่านำมาแบ่งปันกับทุกๆคนนะ

นี่ขนาดเพิ่มแรกเริ่มกลับมาหาธรรมะนะ เดิน 10 นาที นั่ง 10 นาที จะตายเสียให้ได้ :b32:
อ่านแล้วก็ขำๆตัวเอง คือ คิดว่า ไม่มีความแตกต่างเลยนะ
กับที่หลายๆคนมาเล่าเรื่องราวของเขาให้เราฟัง

เลยคิดว่า บันทึกการปฏิบัติ ที่เริ่มทำนี้ อาจจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆได้บ้าง
หลวงพ่อในที่นี้ คือ หลวงพ่อจรัญค่ะ



ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะพี่ _/_ อ่านตอนแรกตาโตเลย

สุขที่แท้จริง says:

555555
รับรองว่าตาจะโตขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ
เพราะมันยิ่งกว่าที่หมูเจอ แต่เพราะความที่ยังไม่รู้อะไรเลย จึงไม่สามารถไปรู้อะไรได้เลย
พี่ถึงบอกไงว่า หมูน่ะ นับว่ายังมีกุศลมากกว่าพี่ โชคดีกว่าพี่มากมาย 7 เดือนของหมู กับ 7 ปีของพี่
ถ้าว่ากันตามความจริง ต้องบอกว่า สิบกว่าปีของพี่นะ แต่เมื่อก่อนไม่ชอบจดการบันทึกเลย
ไม่ชอบจริงๆเลย ได้มาเริ่มอ่านกันในปี 47 เพราได้เริ่มตัดสินใจที่จะบันทึก แต่ก็แค่วันเดียวมั๊ง
แล้วหายต๋อมไปเลยโผล่มาอีกที ปี 48 ตามอ่านไปเรื่อยๆละกันค่ะ

ที่กระทู้นี้ด้วยนะคะ เหมาะสำหรับคนที่สนใจอ่านเรื่องสภาวะของแต่ละผู้ปฏิบัติ
ชื่อกระทู้ การเจริญสติของข้าพเจ้า


viewtopic.php?f=2&t=29959&start=75

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 มี.ค. 2010, 19:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 22:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 215

21 มีค.


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รายงานผลค่ะพี่ 60/24
ตอนเดินก็รู้เท้า ใจไปปรุงเป็นตัวพากษ์วิจารณ์ แล้วก็ความอยาก ความอยากมีแทบตลอดเวลา
มาหลายแบบ เช่น เดินอยู่ กำหนดยืนหนอ ก็ขึ้นมาไม่พอใจ
หรือเดินแล้วจะกำหนดขวาย่างหนอก็เห็นความอยาก ที่จะกำหนดใหรู้สึกที่เท้า
หรือ เดินๆอยู่ปรุงคิดแต่เรื่องที่จะแก้ไขความอยากก็กำหนดรู้หนอติดๆกันหลายครั้ง
เพราะมันอยาก ซ้อนๆ ซ้อนๆ กัน

ก็มีตัววิจารณ์มาปรุงต่อ ว่ายังงี้ก็กำหนดรู้หนอไม่หยุดเลยสิ แล้วก็ความไม่พอใจก็ตามมา
หลังๆก็มีกำหนดรู้หนอตอนอยากแล้ว ใจคลายลง ก็มีความพอใจ ตัววิจารณ์ก็ขึ้นมา ว่าพอใจแล้ว

มีมดกัด มาหลายๆครั้งตอนต้น มาทีละครั้ง 2 ครั้งแล้วหายไป
ตัวปรามาส จะขึ้น 2 ครั้งเบรกได้ก่อน มีตัวพอใจ ยึดติด เห่อเหิมฟู

ตอนที่เบรกได้ พอใจผลการปฎิบัติ ตอนที่อยากมากๆ มีบางช่วงที่มันไปคิดเรื่องการยึดถือ
มันมองลงไปที่ความอยาก แล้วไปเห็นความยึดถือ จึงมีความอยาก ครั้งเดียวก็เปลี่ยนเป็นปรุงๆไปอีก

แล้วก็ มีความขำแบบเหนือยๆหน่อย ว่าเออ สภาวะ มัน แต่ก่อนว่ารู้จัดการได้หยกๆ
วันนี้ไม่รู้อะไรเลยอีกแล้วก็ขำข้างใน แต่ก็มีปนหมอง
ก็ส่วนใหญ่ตอนเดินแบบนี้น่ะค่ะ ก็ยังรู้เท้าไปด้วยค่ะ

แล้วก็พอมานั่งก็มีกำหนดตอนต้นก่อนเพราะจะปรามาส ก็มีไม่พอใจ แล้วก็ รู้กายขยับได้
ก็มาฉุกคิดว่าช่วงหลังๆที่ผ่านมา ตั้งใจรู้กายนั่งจะไปจับกายมากไป มีความอยาก
วันนี้มันก็เลยไม่ไปจงใจมาก แล้วก็ ดูมัน มีขยับกายนิดหน่อยรู้ไปเรื่อยๆ ผสมกะหลงไป คิดไร้สาระ
แล้วก็มารู้กายขยับ หลงไปคิดไม่นานค่ะ แต่ไปเรื่อยๆ

แล้วก็มีสงบ ลมเบา เงียบ แต่ก็ยังมีคิดอยู่แผ่วๆ สักพักก็เปลี่ยน ก็ขยับตัว เพราะรู้สึกหมดยกแล้ว
นั่งต่อไม่มีสมาธิ ก็เลยออกค่ะ จบแล้วค่ะ

อืมตอนเดินลืมบอกว่ามีความกังวลเรื่องปรามาสผู้มีพระคุณเพราะตอนเช้าสภาวะนี้มาอีกชัดมาก
ต้องกำหนดถี่ๆ มันก็มากังวลกดดันตัวเองอีก ก็กำหนดรู้หนอๆไป 3 ครั้งแล้วปล่อยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เพิ่มนั่ง 5 นาทีค่ะ เดินเท่าเดิม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เด๋วมาส่งค่ะ
เสร็จแล้วค่ะ 60/30 ค่ะพี่
เดินรอบนี้ตอนต้นก็รู้เท้าได้สงบมากขึ้นค่ะ เวลามีความคิดขึ้นมา ละไวขึ้น ไม่ไปเกาะเกี่ยวมาก
แล้วก็ความอยากไม่ได้ขึ้นมาชัดเจน แต่จิตใจกยังมีความไม่พอใจแผ่วๆขึ้นๆลงๆมาเสมอ

สักพักความฟุ้งซ่านก็เข้ามาค่ะ ก็มีตัวคิดโน่นี่ มีวิจารบ้างแต่ไม่มากเท่ารแกที่แล้ว
มีความอยาก ที่เห้นชัดอยากปฎิบัติเพื่อพ้นทุกข์ จะเอาดีให้ได้ กำหนดรู้หนอไป 3 ครั้ง
แล้วก็ละมาดูการเดินต่อ ก็จิตก็ไม่ได้ปรุงไม่พอใจการกำหนดค่ะ

แล้วก็มี เห็นจิตมีความไม่พอใจ แบบที่มันขึ้นๆลงๆแปรปรวนไป แล้วก็เกิดความพอใจ
เห็นความ อยากอีกแบบคือ เวลาปฎิบัติจะคอยมองค่ะว่า รอบนี้มีอะไรดีๆบ้าง จะเก็บไว้พอใจ
ไม่ได้เป็นคำพูดค่ะ เป็นความรู้สึก ส่วนใหญ่ก็ปรุงไม่พอใจซ้อน เวลาเห็นกิเลสพวกนี้

ไม่พอใจที่มีกิเลส พอไม่พอใจมากๆก็กำหนดรู้หนอ
ถ้าไม่พอใจไม่มาก คือไม่ได้ปรุงเป็นคำพูดแต่เป็น อารมณ์ขึ้นๆลง ก็ดูมันไป เพราะมันไว แล้วก็เปลี่ยน

แล้วก้อ มีปรามาส 2 ครั้งค่ะก็ขอขมาไป แล้วก็ทุกข์ค่ะ ไม่พอใจเสียใจก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ
แล้วเดินต่อ เดินๆไปแล้วก็ สักพักอารมมันก็เปลี่ยนอีกเป็นใจสบายขึ้น
ก็ระลึกได้ว่าเมื่อกี้ที่ผ่านมายังทุกข์เรื่องปรามาสและไม่อยากเล่าพี่น้ำ แต่ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว

จากนั้นเดินๆไป มีความอยากไปคิดทบทวนสภาวะที่เพิ่งเดินผ่านมาค่ะ จะไปมองแล้ววิจารณคต่ะ
มันก็คิดไม่ออกค่ะก็เกิดความไม่พอใจค่ะ ก็รู้ไปค่ะ

แล้วก็ มี จิตปรุงเป็นความกังวลว่าที่ปฎิบัตินี้ถูกไหมค่ะ เหมือนสมัยแรกๆ ที่เคยปฎิบัติ แล้วกังวล
ก็รู้ว่ามันเกิดอีกแล้ว ก็เป็น สักพัก มาๆหายๆ แล้วก็เปลี่ยนไปค่ะ

ตอนที่ไม่พอใจแล้วเสียหลัก เวลากำหนดรู้หนอ เห็นว่า ความไม่พอใจมันเปลี่ยนค่ะ
รู้หนอ ความไม่พอใจแรกดับแล้ว รู้หนอ ความไม่พอใจอีกอันขึ้น รูหนอคามไม่พอใจพุ่งขึ้นอีก
แล้วก็หายไป แล้วก็เดินต่อค่ะ

มี เวลาก้าวเท้าค่ะ เห็นจิตมันลงไปจะดู มันมีตัวจงใจดู สภาวะค่ะ เพิ่งเห็นค่ะ ว่ามันก็อยากอีกแบบ
พอเห็นแล้วก็หายไป เห็น 2 ครั้งค่ะ เลยเดินต่อไม่ได้บริกรรมเพราะเปลี่ยนแล้วค่ะ
เหล่านี้หลักๆก็ยังรู้เท้าได้ค่ะ ตอนเดินเวทนาก็จะเป็นพวกปวดนิ้ว กะร้อนผ่าวที่เท้าค่ะ

พอมานั่งก็รู้กายนั่งกะหลงไปคิดไร้สาระ แล้วก็เวทนาร้อนผ่านคเท้าค่ะ มีมาตลอด บ่อยๆ
แล้วก็จะอกุศลขึ้นมาตอนนั่งก็กำหนดข่มไว้ก่อนค่ะ

มีอยากเลิกนั่งก่อนหมดเวลาค่ะ ก็นั่งต่อจนจบค่ะ หมดแล้วค่ะพี่
อ้อ มีผุดคำพูดพี่น้ำสมัยก่อนที่พี่น้ำบอกว่า อย่าหลงนะ ถ้าพี่จะบอกว่าทึ่งหมูมาก แล้วจิตมันพอใจค่ะ
แล้วก็อยากได้คำชมอีก แล้วก็ต่อด้วยไม่อยากเล่าให้พี่น้ำฟังค่ะ แล้วก็ ต่อด้วยไม่พอใจค่ะ จบจริงๆแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า ก็ดูไปนะ จะเก็บไว้ได้นานเท่าไหร่ เพราะมันจะเกิดเดิมๆซ้ำๆ
เรื่องคำชม ปกติ ยอมรับนะ พี่ไม่ค่อยจะชมใครๆ เพราะรู้ผลดี ความยึดติดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้ใครๆมาชมเรา จงอย่าไปแสดงความชื่นชมใครๆแบบพร่ำเพรื่อ
เพราะมันจะกลายเป็นการยึดติดขึ้นมาได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จะคอยระวังค่ะ ตอนที่ไม่อยากเล่ามันเป็นสภาวะช่วงนั้นๆน่ะค่ะ
แต่ผ่านมาแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

บางครั้ง ความรู้สึกบางอย่าง เราอาจจะไม่พร้อมที่จะเล่าให้ใครๆฟัง เห็นไหม
พี่ยังมีบล็อกถึงสองบล็อก พี่เป็นคนไม่ชอบเก็บอะไรไว้ในใจ มันอึดอัด มันบอกไม่ถูก
พอได้ระบาย มันจะเกิดสภาวะเดิมๆซ้ำๆน่ะ พอเรามาอ่าน อ้าว สภาวะเดิมนี่นา มันจะเกิดซ้ำๆ
จนเรายอมรับมันได้ และเลิกระบายไปในที่สุด แล้วสภาวะนั้นจะเบาบางลงไปเอง
แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนนะ นิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน พี่มันพวกเปิดเผย ไม่ชอบเก็บกด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันก็เปลี่ยนนะคะ มันรู้สึกแค่ช่วงนั้น พอผ่านไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ถึงบอกไง แต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรที่แน่แท้หรือตายตัว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 126


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/30 ค่ะ
ก็รู้เท้า มีความทุกข์จากความไม่พอใจ ขึ้นมาตลอดการเดินค่ะ
เกิดหลังปรุง มันมักปรุง ในสิ่งที่ไม่ชอบ ก็กำหนดรู้ บางครั้งก็ดูมัน

มีความอยาก ก็กำหนดรู้หนอ มีเวทนาร้อนผ่าว แสบเท้าบ้าง แสบใจ
มีร้อนที่จิต เพราะความทุกข์ที่ขึ้นมา

เวลาปรุงแล้วไม่พอใจ ก็ทุกข์ตามหลัง ติดๆ แล้วทุกข์นั้น ก็เป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจต่อ
แล้วต่อ ด้วยความทุกข์จากความไม่พอใจต่อเป็นลูกโซ่ค่ะ ทุกข์มากก็กำหนด

มีหลงเพลินไป คิดเรื่องขำๆ แล้วกลับมาที่เดินใหม่ แล้วก็ คอยดูว่าจิตใจเปลี่ยนไปอย่างไร
ตอนเดิน ก็เห็นว่าอารมณ์มัน เปลี่ยนแต่มันก็ยัง รวมๆกันอยู่ แล้วก็บางช่วงก็ใจไม่ทุกข์ ใจคลายลง
ก็ดู มัน ก็คอยดูว่าจะมีความพอใจไหม มันก็ปรุงๆ ปนดูๆ รู้ๆ น่ะค่ะ

พอมานั่งก็ รู้กายขยับ ที่อกบ้าง ท้องบ้างเบาๆ แต่ไม่ตับแนบแน่น มีเห็นความคิดมันผุดๆ
ก็ผ่านมันไป หรือคิดตอนมันผุด แล้วก็จับกายไว้เป็นหลักได้

หลังๆเบื่อก็ขยับตัวมีเผลอปรามาสตอนท้ายๆ กำหนดรู้หนอแล้วขอขมาไป ก็มีความไม่พอใจค่ะ
ก็ลืมตา เหลืออีก 3 นาที ก็นังจับกายต่อ จนจบค่ะ หมดแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

กว่าพี่จะเข้าที่ เข้าทาง กว่าจะทำต่อเนื่องได้นี่ สุดๆเลยดีกว่า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะได้อ่านบันทึกพี่น้ำวันนี้แล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

นั่นน่ะมีแค่ 2 วันเองมั๊ง ใน 1 ปี เมื่อก่อน ไม่ชอบการเขียนบันทึกเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แม้เสียดาย

สุขที่แท้จริง says:

นั่นสินะ เสียดายย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ที่อยู่ในเล่มสีม่วงที่พี่น้ำบอกจะยกให้หมูปะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ใช่ค่ะ เล่มสีม่วงนี่ ทำต่อเนื่องแล้ว มีอีกหลายๆเล่มเลย เมื่อก่อนเขียนแค่เล่มเล็กๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แสดงว่ามีหลายเล่มมากกกก น่าเก็บมากเลย เป็นธรรมทาน แบบตีพิมพ์

สุขที่แท้จริง says:

โห .... ไม่อ่ะ อ่านแล้ว ไม่ไหว มีแต่กิเลส เพียงแต่ตอนนั้นพี่ยังไม่รู้จักคำว่า กิเลส

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ทรมานนะคะ กิเลส

สุขที่แท้จริง says:

มันรู้เองนะ พอสภาวะมันเต็มที่แล้ว มันรู้เองว่า นี่คือกิเลส
มีอาการแบบที่หมูเขียนไว้ด้วย เรื่องความอยาก อ่านแล้วถึงขำๆไง
แม้ ... เหมือนอาการที่หมูบรรยายไว้เลย พี่ก็เคยเป็นแบบที่หมูเป็น ทุกข์ตลอดเวลา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ไม่น่าเชื่อ ถ้าไม่มีบันทึกยืนยันไว้ พี่ก็คงไม่เชื่อ
อ่านแล้วอึ้งนะ แบบว่า ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พอพี่น้ำกลับไปอ่านบันทึกแล้วยังตกใจเลยใช่ไหมคะ มันลืมเลยเหรอคะนี่

สุขที่แท้จริง says:

จำไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอ้ว ความอยากมีหลายแบบจังค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ตอนนั้น เท่าที่อ่านๆนะ เหมือนหมูเด๊ะๆ ทำยังไงถึงจะผ่านไปได้
ทำยังไงถึงจะดีกว่านี้ ทำยังไงถึงจะบรรลุธรรมได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ทรมานสุดชีวิตเลย

สุขที่แท้จริง says:

อยากร่ำรวย อยากมีเงินเยอะๆ อยากมีบ้าน โอ๊ยยย สารพัดความอยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ อยากรวย แต่หวยไม่ซื้อ

สุขที่แท้จริง says:

ถึงบอกไง อ่านแล้วอึ้งมากๆเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วเถียงกะแม่ว่าถ้าถูกหวยจะเอาเงินไปทำไร 7 ปี ผ่านมามากมายเลยสิคะ

สุขที่แท้จริง says:

ทุกคนเลยนะ ล้วนปฏิบัติด้วยความอยาก แต่มองไม่เห็น น่าจะสิบกว่าปีนะหมู
เพราะลักษณะเหมือนกับว่า ทำๆหยุดๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆค่ะ แล้วเริ่มมาต่อเนื่องกี่ปีคะ

สุขที่แท้จริง says:

มิย. 48

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จำแม่นจัง

สุขที่แท้จริง says:

ยังนะ ยังไม่ต่อเนื่อง พอดีอ่านตรงนี้แล้วจำได้
ยังอ่านไม่จบ ไม่รู้ว่าต่อเนื่องจริงๆช่วงไหน ต้องอ่านต่อก่อน

เริ่มต้นเดินแค่ 10 นาที นั่งแค่ 10 นาที ... โอยอ่านแล้ว ขำตัวเอง ขำว่า เป็นขนาดนั้นเลยหรือ
มีอีกนะ รำพันแบบว่า เมื่อไหร่จะทำได้เหมือนคนอื่นๆเขา ที่เขาทำได้นานๆ นั่งได้นานๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่น่าเชื่อเล้ยยยยย พี่น้ำก็เคยแบบนั้นด้วย

สุขที่แท้จริง says:
เหมือนกันป่ะล่ะ เห็นไหมว่า ไม่มีความแตกต่างในการเริ่มต้นเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ คงทุกคนที่ต้องอยากก่อน ไม่งั้นคงไม่มาปฎิบัติ ทุกคนก็อยากพ้นทุกข์

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ เริ่มต้นจากเห็น ทุกข์

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วก็ต้องผจญกับความอยาก ตัวนี้

สุขที่แท้จริง says:

แน่นอนนน พี่คงทิ้งไปหลายเล่มนะ เด๋วลองค้นๆดู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูอ่านประวัติของครูบา หลายท่านก็ฝืนบังคับตัวเอง ตอนต้นๆ แล้วก็มาพบว่าไม่ใช่ทาง

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ต้องลองทุกทาง จนกว่าจะพบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันต้องอดทนจริงๆนะคะนี่ พี่น้ำนำมาแชร์นี่ ดีจังค่ะ เพราะจะได้มีกำลังใจ

สุขที่แท้จริง says:

มีกำลังใจ หรือจะหดตามสภาวะที่พี่ไม่รู้อะไรเลยในตอนนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หด ถึงกะหดเลยเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

ก็ทำๆหยุดๆ สุดท้าย เหลือสวดมนต์อย่างเดียว ห้ามเลียนแบบ
เมื่อยังไม่เห็นนะ แล้วหลายสิ่งหลายอย่างประกอบกัน เลยทำให้ทำๆหยุดๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยากออกค่ะ ถ้าไม่มีคนนำ หมูก็เลิกไปหลายครั้งทั้งๆที่มุ่งมั่นมาก
เลิกเพราะมุ่งมั่นนี่แหละ เสร็จความอยาก เพราะทุกข์ทรมานที่สุด

สุขที่แท้จริง says:

เท่าที่พี่อ่านจากบันทึก พี่ไปสนใจเรื่องทำมาหากินมากกว่า
เลยทำให้หลุดจากเส้นทางนี้ไป วิบากกรรมนะ


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูก็เรื่อยๆค่ะ ไม่ได้คิดอะไรแล้ว เพราะว่าตอนนี้ มันมัวแต่อยู่กะตัวเอง
แค่ทุกข์ของตัวเองนี่ก็ โอย

สุขที่แท้จริง says:

ดีแล้วค่ะ หมั่นดูตัวเองให้มากๆ เพราะนี่คือชีวิตของเรา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ โชคดีนะคะ ใครว่าศาสนาพุทธถอยลงไป จริงๆมีครบหมดเลย
คำสั่งสอน พระธรรม ผู้ปฎิบัติ คนศรัทธาก็ยังมี

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่เหตุที่ทำมากันน่ะหมุ ทุกอย่างน่ะมีอยู่ แต่กุศลน่ะมีมากพอที่จะได้เจอหริอเปล่าเท่านั้นเอง
บางทีเจอ แต่ไม่รู้ว่าเจอ เพราะไม่ได้สร้างเหตุมาให้เจอ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ได้ปฎิบัติธรรมนี่ไม่เสียทีที่เกิดมาก โชคดีจังเว้ยยย ...ขอตะโกนหน่อย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 217


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่60/30 ค่ะ
ก็ฟุ้งซ่านค่ะ เท้าก็รู้ค่ะ เวลากระทบ สัมผัส ก้าว แล้วก็มีเบื่อๆ เหนื่อยๆ
แล้วก็มีความอยาก ก็กำหนดไปค่ะ มีเจ็บจี๊ดๆเหมือนเข็มตำ ตามร่างกายค่ะ
แล้วก็ขี้เกียจดูความรู้สึกทางใจค่ะ มันเหนื่อย

แล้วก็พอมานั่งค่ะ ก็รู้กายนั่ง แล้วก็มีไปเหมือนหลับใน เข้าไปอินข้างใน
หลังก็ค่อมค่ะ แต่มันกึ่งๆ ยังรู้ตัวค่ะ เป็นแบบนี้จนจบค่ะ
ปรามาสจะขึ้น 2 ครั้ง ไม่ได้ติดกันค่ะ
อืม ... มีแค่นี้นะคะ วันนี้ หมดแล้วอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ให้จิตพักไปก่อน ไม่เป็นไร ยังคงให้นั่งเท่าเดิมอยู่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ก็วันนี้รอบเดียวนะคะ วันนี้ไป 7 ส. มาค่ะ
คือไปตรวจโต๊ะชาวบ้านมา ทั้งรื้อทั้งคุ้ย เลยเพลีย

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ไม่เป็นไร หมูจะถามอะไรหรือเปล่า ถามได้นะ
บางทีสภาวะไม่มีอะไรที่จะต้องพูด พี่ก็จะไม่บอกหรือแนะนำอะไรเพิ่ม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่มีหรอกค่ะพี่ กำลังจะเมมเก็บน่ะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2010, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 218


ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/30
ตอนเดินก็รู้เท้าได้ ชัดนะคะ ใจก็มีวอบแวบ ปรุงคิด เรื่องโน้นเรื่องนี้ค่ะ
ก็รู้ว่ามันปรุง แล้วก็มีอารมณ์วอบๆแวบๆค่ะ ก็รู้ว่าเกิดจากไปปรุงแล้ว สนใจ
แวบหนึ่งก็เกิดอารมณ์ ขึ้นเรื่องใหม่ อีก ก็เกิดอารมณ์อีก
ก็เลยเกิดอารมณ์หลากหลาย ตามจิตที่หลงไปกะการปรุง ช่วงนั้นๆ แต่ไม่ได้ไหลยาว
แบบปรุงหลายๆๆๆๆเรื่อง ไปสนใจตามมัน ต้นๆ ของทุกครั้ง ก็จะมีอารมณ์ แล้วดูอารมณ์
อารมณ์ ความรู้สึกก้อคลายไป แล้วก็ขึ้นใหม่ เพราะไปเรื่องใหม่มันก็เลยวอบๆแวบๆตลอด
ความอยากมีแบบ มีแบบไม่เป็นคำพูดเป็นแรงกระทำที่จิต แล้วก็หายไป
อันนั้นไม่ได้กำหนดรู้หนอค่ะ ดูมันกะแบบที่ขึ้นมาเป็นตัวตนค่ะ
แบบขึ้นมาเป็นความคิดและตัวตน ความอยากที่รุนแรงอันนั้นจะมีความทุกข์บีบขึ้นมา
การปล่อยก็ เอาจิตมารู้เท้าค่ะ หรือเวลาจะไปหมกกมุ่นกะความอยากต่อก็ ไม่ให้มันไปคิดต่อค่ะ

ถ้ามันยังจะไปคิดต่อก็มารู้เท้าแทนค่ะ แล้วมันก็เปลี่ยนไปค่ะ
มีความกังวลเรื่องร่างกายค่ะ กังวลแล้วเครียดขึ้นมา เกิดจากเผลอไปปรุงแล้วลืมตัวค่ะ
พอไปลืมตัวก็ เกิดความเครียดเอาจริงเอาจังจะทางแก้ไข แล้วทุกข์
แล้วก็คิดไปถึงอนาคต สักพักก็ เลยดูมันค่ะ ว่ามันรู้สึกยังไงแล้วเลิกคิดมันค่ะ
พอมันจะไปกังวลเกาะเกี่ยวก็ดูมันแล้วหยุดไม่ลงไปคิดตามมันค่ะ มันก็คลายออกค่ะ

แต่แวบหนึ่งก็มีแรงฮึดปรุงใหม่ค่ะ ก็ดูไปอีกค่ะ รู้เท้าไปด้วยค่ะเพื่อดึงไว้
แล้วก็ ไปนานๆเข้าก็หายไปเองค่ะ จบเรื่องนั้นไป แล้วก้มีหลงไปคะ
อันนี้เพลินไปคิดเรื่องงานนานหน่อยค่ะ มันเพลินกะการคิดเรื่องงาน
สักพักก็คิดได้ ก้เลยวกมาตั้งใจเดินต่อค่ะ ก็เห็นจิตมันเสียดาย มันอยากคิดต่อค่ะ

ระหว่างเดินมีเห็นจิตมันมีความ พอใจว่าตัวเองทำได้ดี ทำได้เก่ง เรื่องการปฎิบัติค่ะ
มันจะคิดว่าตัวเองเก่งหรือทำได้ดี ทำได้ถูกแล้ว แต่ไม่ได้ขึ้นเป็นคำพูดค่ะ
เป็นตัวเคลือบบางๆ เป็นความรู้สึก ที่เคลือบอยู่ เหนือจิตค่ะ มันครอบๆ แล้วก็ดูมัน
มันก็ไม่พอใจ จะให้มันเลิกคิดแบบนั้นค่ะ
แต่มันก็ยังมีอยู่ค่ะ ก็เลยดูแล้วปล่อยมันไปค่ะ
แล้วก็ ระหว่างเดินก็มีเวทนา ค่ะ ร้อนผ่าวบ้าง แปล็บๆเหมือนแสบๆปนเย็นๆ

พอมานั่ง ก้รู้ว่ากำลังนั่งรู้กายภาพรวมขยับเบาๆ ไม่แนบกะกายค่ะ
มีความคิดขึ้นมาก็รู้ค่ะ แต่ไม่ได้จำว่าคิดเรื่องอะไร แล้วก็มีใจหลงไปตามความคิดค่ะ
แต่ไม่ได้ ไปขนาดลืมกายนานๆ มีบางช่วงไปนานหน่อย เพลินไปก็กลับมารู้กายต่อได้ค่ะ

หลังๆก็เบื่อค่ะ ขยับโน่นนี่ แต่ก็รู้กายนั่งอยู่ค่ะ
หมดเวลาเอา ตอนนี้หลงไปในความคิดพอดีค่ะ
จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ อริยาบทย่อย ได้กำหนดบ้างหรือเป่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ ไม่ได้กำหนดแบบจริงจังค่ะ
แต่อาศัยเหมือนใหรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่เท่าที่จะทำได้น่ะค่ะ
อย่างอาบน้ำ ก็รู้ว่ามือถูกตัว เผลอหลงไปก็รู้อะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วเดินวันนี้เดินเต็มๆเลยหรือป่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะพี่ 60 นี่เดินในรูปแบบเต็มๆค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ดีแล้วค่ะ กลัวเอาไปทำแบบนั้นบ่อยๆ จะทำให้ขี้เกียจเอา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูก็ว่าหยั่งงั้นค่ะ จริงๆหลังๆชักขี้เกียจ
ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 40/20 ค่ะ
เดินรอบนี้ก็ รู้เท้าแล้วก็ บางช่วงก็จะหลงไป จริงจังกะความคิดค่ะ
คือตอนแรก รู้เท้าแล้วก็ รู้ว่ามีความคิดวอบๆแวบ แล้วก็ มีอารมณ์ แล้วก็ จะคอยระวัง
ไม่ให้ลงไป ที่ความคิด

แล้วทีนี้มันมีช่วงหนึ่งที่เผลอ ตอนนั้นก็ ความทุกข์บีบขึ้นมา ขมขื่นบีบขึ้นมา
ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่เหมือนตอนแรกที่เรารู้ ตอนแรกที่เดินอยู่แล้ว มีความคิดขึ้นมา แล้วมันพูดๆ
เราจะไหลไปตามมัน แต่เรายังรู้มัน แล้วไม่ลงไป จริงจังกะมัน
อันนั้นก็ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น ก็ดับ ไป แต่มันจะรู้สึกซ้อนๆ โน่นนี่แต่ก็จะไม่ทุกข์มากค่ะ

ทีนี้ พอมาครั้งนี้ มันทุกข์และหนักมาก มาดูอีกที
เราเผลอไปคิดเอง ไม่ได้ดูมัน คิด เราลงไปคิดกะมันด้วย
มันก็ทุกข์ เจ็บ บีบขึ้นมาก็เลยกำหนดรู้หนอ แล้วเอาใหม่คอยระวังใหม่
ก็เข้าสู่ลักษณะเดิม คือ เห็นว่ามันปรุง มีอารมณ์เกิด ขึ้น ดับ ไป แล้วมา แต่มาแบบปนๆ ไม่แยกชัดค่ะ

แล้วก็ มีหลงไปปรุง นึกคิดเรื่องในอดีตแล้วพอใจ ว่าตัวเองเก่งค่ะ ก็กำหนดรุ้หนอไป 3 ครั้ง ่ะ
แล้วก็มีหลงไป คิดปรุงเรื่องงานที่ทำแล้วคิดว่าตัวเองเก่ง อีกค่ะ
ตอนแรกคิดว่าตัวเองเก่งเรื่องปฎิบัติ ครั้งนี้คิดว่าเก่งเรื่องทำงาน

ก็เห็นอาการของจิตค่ะว่ามันจะฟุ้งๆ ซ่านๆ ขึ้นมา แล้วก็พอเดินๆไป ก็มีปีติค่ะ ใจมันก็ปีติ อิ่มๆแล้วก็ซ่านๆ
เพราะเผลอค่ะ ไปนึกปรุงเรื่องที่เอาผลการปฎิบัติไปโพสแล้วคิดว่าอาจมีสักคนที่ได้ประโยชน์จาเรื่องนี้
แล้วปีติ ดีใจ แล้วพอปีติแล้วเห็นว่ามันเหนื่อยค่ะ

จากนั้นก็ปรุงต่อโดยคิดในแง่ลบว่าแล้วถ้าคนอื่นไม่ได้มองอย่างนั้น แต่อ่านแล้ว เขาไม่เห็นด้วย
หรือ ดูถูกเรา ละ แล้วก็ไม่พอใจความคิดนั้นค่ะ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น สักพักก็เปลี่ยนค่ะ
แล้วก็ หลังๆ ก้เบื่อค่ะอยากเลิกเดิน แล้วก็เริ่มฟุ้งๆ ไม่ค่อยอยู่กะเท้า คือใจมันลอยไปเดิน
ลอยๆ รู้ว่าเดิน แต่ไม่ใส่ใจการเดินค่ะ

พอมานั่ง
ก็ รู้ว่านั่งกะเหมือนไปหลับใน แต่ไม่ได้หลับแบบจริงจังค่ะ
แต่จิตมันหลงไป ไม่มีสติตั้งมั่นที่การนั่งค่ะ แต่ไม่ทิ้งกายเสียทีเดียวยังรู้ได้บ้าง่ะ

สำหรับปรามาสนั้น ลืมเล่าไปว่ามีทั้งการปฎิบัติรแบแรก และรอบนี้ค่ะ
รอบแรกก็เบรกได้ค่ะ รอบนี้ ขึ้นมา 2 ครั้งไม่ติดกัน ก็กำหนดไปตอนมันกำลังขึ้นค่ะ

แล้วก็มีความไม่สบายใจระหว่างนั้น แล้วก็ปล่อยไปค่ะ
เวทนาก็มีร้อนๆผ่าวๆที่เท้ากะ แสบๆเย็นๆค่ะ
มีเจ็บจี๊ดๆ แหลมๆ ด้วยค่ะ ตอนนั่งหลังๆก็เบื่อค่ะอยากลืมตาค่ะ มันอยากหลง ค่ะ หมดแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
มันเรื่องปกตินะหมู ความคิด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ก็เห็นว่ามันต้องมีน่ะค่ะ แต่ยัง ไม่ชอบ บ้าง ชอบบ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ทำต่อเนื่องไปค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 219


ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

60/30 ค่ะพี่
เดินก็รู้เท้า ค่ะ ก็มีกิเลสเยอะแยะน่ะค่ะ
ตอนเดิน เวลาจิตมันคิด ก็จะตั้งสติ ไม่ให้หลงไปค่ะ ให้มันเกาะกับการเดิน
ก็จะ เห็น เวลาความคิดมันขึ้นแล้วก็มีหลงไป แล้วก็หายหลง หรือพอความคิดขึ้น แล้วเรารู้ก็ดับ

แล้วก็ มีความอยากแทรกขึ้นมา เยอะแยะ ค่ะ แบบเป็นตัวเล็กตัวน้อย
แบบไว ๆและไม่ได้เป็นคำพูดน่ะค่ะ เป็นความรู้สึก แล้วมันก็เปลี่ยนไป เป็นผุดคิดอีก น่ะค่ะ มันไวมาก

บางทีเห็นความอยากอยู่ แล้วอีกจิตก็ลอยขึ้นมาเป็นความคิด แล้ว
ถ้าความอยากขึ้น มาเป็น ตัวตนชัดๆ ก็กำหนดรู้ไหนอไปค่ะ

เวลาที่เดินแล้วจะไหลไปฟุ้ง หรือจะลงไปคิด ก็กำหนดรู้หนอคะ
มันมักจะ มีตัววิพากษ์วิจารณ์จะขึ้น มาขยายสภาวะที่ผ่านไปค่ะ โดยมันจะไปปรุง กูเก่ง ค่ะ
ก็กำหนดไป ไม่ปล่อยมัน ค่ะ แต่ก็รู้ว่ามี ความรู้สึก ว่ากูเก่งแผ่วๆ ตอนจะปรุง แต่เราไปหยุดมันน่ะค่ะ
เป็นแบบนี้บ่อยค่ะ

มีหลงเผลอไปคิดเรื่องงานค่ะ แล้วกังวล ก็ทิ้งไปแล้วมาตั้งใจเดินต่อค่ะ
มีความคิดจะปรุงว่าเราทำถูกหรือเปล่า สงสัย ว่าเผลอ หรือโดนกิเลสอะไรหลอกหรือเปล่า
ก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ แล้วตั้งใจเดินต่อ มีเวทนาร้อนผ่าวๆที่เท้าค่ะ

พอมานั่ง ก็รู้ว่ามีกายนังค่ะ
หลังๆ มีหลงไป เพลินหรือหลับในค่ะ แล้วก็ยังรู้กายได้บ้างค่ะ ไม่หลงไปเสียทีเดียว
รู้ว่ามีกาย โดยไปจับที่มือค่ะ ว่ามันหนักๆ แล้วหลังๆก็จะไปเพลินๆ ค่ะ ไม่ค่อยอยากรู้สึกตัว
แต่มันก็ยังรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ค่ะ แล้วมันรู้สึกว่านานผิดปกติมากค่ะ เหมือนผ่านไปเป็นชั่วโมง
เลยลืมตา เหลือ อีก 1 นาที ก็เลยออกแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลค่ะ
จบแล้วค่ะพี่ มีหัวตึงๆ หน่อยค่ะตอนออก

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ เวลาเดิน ถ้าจิตมันไหลไปกับความคิด ให้เดินแบบกำหนดเข้าช่วยเป็นบางครั้งได้นะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อค่ะหมูลืมบอกไป
การเดินนี่ใช้ กำหนด บริกรรม จังหวะ แรก กะ 6 จังหวะ ช่วยค่ะ
ยกเว้นบางชวงมันเบื่อก็ดูเฉยๆ ค่ะ แต่ส่วนใหญ่กำหนด เพราะมันจะหลงไปเรื่อยค่ะ


เสร็จแล้วค่ะพี่
30/20 ค่ะ

ตอนเดินรอบนนี้มันก้อฟุ้งกว่ารอบแรกค่ะ มันก็รู้เท้าได้ ใช้วิธีกำหนดคค่ะ
ช่วงต้นๆมันเดินเร็วๆ แล้วหลังจากนั้นก็ ค่อยกำหนด ให้ช้าลงค่ะ
แล้วก็ มีหลงไปเพลินคิดค่ะ มีมัวๆ มีเจ็บเหมือนเข็มตำ เจ็บแหลมๆ ตามจุดโน่นนี่ของกายค่ะ
มีจะปรามาสค่ะ มันหลงไปคิดแล้วจะปรามาสก็เบรกก่อนค่ะ กำหนดรู้หนอไป 3 ครั้ง

แล้วพอมานั่ง
มีหลงไปคิด ค่ะ แล้วก็รู้ว่ากายนั่งแต่ไม่จับกายว่าเคลื่อนไวค่ะ
มีเวทนาตอนนั่งคือ เจ็บที่ข้อมือ เป็นจังหวะ และสลับกับเจ็บที่ข้อนิ้วเท้าเป็นจังวะ
ที่นิ้วเท้ามันก็มาแล้วก็หายไปค่ะ จากนั้นข้อมือก็เป้นอีกสักพักแล้วก็ไม่ได้สนใจมันแล้วค่ะ
ก็มีไปหลง คิดต่อค่ะ แล้วก็รู้สึกนานเบื่อ ก็นั่งต่อจนจบค่ะ หมดแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

หมูเริ่มปรับอารมณ์ แบบยอมรับสภาวะได้มากขึ้นนะ
แต่บอกก่อนนะ มันไม่เที่ยง กลัวจะไปยึดติด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เหรอคะ อ่อค่ะ
รอบแรกที่เดินแล้วไม่ใมันหลงไปน่ะค่ะ มันนึกได้ว่าเคยผ่านความรู้สึกนี้มาแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

อะไรที่เกิดบ่อยๆ มันจะจำได้ทันมากขึ้น คือจำสภาวะได้ชัดมากขึ้นว่าเคยเกิดมาแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ พี่น้ำคะ
สภาวะจะเกิดสลับไปมาแบบนี้ตลอด บางทีมีเวทนาเกิดก็ให้ดูเวทนา รู้ลงไปในเวทนาที่เกิดขึ้น
แล้วยกขึ้นพิจรณา ว่าที่เกิดนั้นเกิดเพราะอะไร
ยกเวทนามาพิจารณา ว่าที่เกิดนั้นเกิดเพราะอะไร นี่ยกเป็นความคิดเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ น้อมเอา คิดเอา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เมื่อพิจรณาหนักๆเข้า จะเห็นเวทนาตั้งแต่ที่เริ่มเกิดขึ้น ขณะที่เกิด และกำลังเริ่มดับลงไป
....
หมูไม่ได้น้อมคิด แต่ก็เห็นมันเกิดแล้วก็ดับไป ... มันไม่เหมือนสภาวะที่พี่น้ำเขียนหรือเหมือนกันคะ

สุขที่แท้จริง says:

แตกต่างแค่เรื่องความคิดค่ะ แต่สภาวะตัวเดียวกัน คือ สติดี สมาธิดี
การคิด การตรึกก็หมือนกับการภาวนา การเอาจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด สมาธิย่อมเกิด
เมื่อสติ สัมปชัญญะทำงานร่วมกับสมาธิ จึงทำให้เห็นแบบนั้น แต่ถ้าขาดความต่อเนื่อง ก็แป่กอีก
หมูที่บอกว่าเห็นน่ะ เห็นได้ตลอดทุกๆครั้งเลยหรือป่ะล่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ทุกครั้งหลอกค่ะ แต่ส่วนใหญ่ จะเห็นได้นะคะ เพียงแต่เห็นแล้วลืม กะเห็นจนดับ

สุขที่แท้จริง says:

ยังหรอกหมู ถ้าเห็นจนดับได้นะ สภาวะมดกัดของหมูต้องไม่มีแล้ว
แล้วก็สภาวะเวทนาต่างๆน่ะ มี แต่เหมือนไม่มี

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คงเป็นอีกแบบ

สุขที่แท้จริง says:

มันเป็นเพียงสติหมูทันต่อสภาวะในบางช่วงเท่านั้นแหละค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆค่ะ ภาษากะของจริงนี่ มันทำให้เราจินตนาการไปได้ ภาษามันน้อย นะคะ

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจค่ะ น้อยมากๆค่ะ ต้องดูสภาวะเป็นหลัก พอพูดมาจะรู้ทันที
เหมือนสภาวะน้องที่อยู่ด้วยกันกับพี่น่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่เขาเป็นไงคะ

สุขที่แท้จริง says:

หมูจะพูดอะไร พูดมาก่อนได้ค่ะ เด๋วลืม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เปล่า ค่ะ ตอนแรกจะถามว่า แล้วยังงี้คนไม่ถนัดน้อมคิด จะเห็นแบบพี่น้ำ เขียนได้หรือเปล่า

สุขที่แท้จริง says:

ได้สิ พี่ก็คิดไม่เป็นเหมือนกัน อันนั้นเป็นเพียงอุบายของแต่ละคน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ความรู้ ทั้งหลายที่พี่น้ำเขียน ได้จากการเจริญสติล้วน ๆ ด้วยตนเองทั้งหมด
แล้วก็แจ่มแจ้งมาแบบนั้นเลยเหรอคะ น่าทึ่งมาก

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ
ทุกคนถ้าทำได้ รู้เหมือนกัน ตรงกันหมดแหละหมู โกหกตัวเองได้ แต่สภาวะโกหกไม่ได้หรอก
พูดมาถามไปก็รู้แล้ว เหมือนที่พี่ถามกลับไปกับหมูน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สุดยอด แล้วสภาวะของพี่วิไล ละคะ

สุขที่แท้จริง says:

วิลัย เขาถามว่า เขากลับมาจากวัดเที่ยวนี้ ปกติเขานั่งสมาธิเพชร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ นั่งยาก

สุขที่แท้จริง says:

มีอะไรหรือทำหน้าแบบนั้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันตื่นเต้นค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เปรียบเทียบอีกแล้วหรือ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เปล่าค่ะๆ แค่รู้สึกว่าพี่ เขาตั้งใจมาก ก็เลยลุ้น

สุขที่แท้จริง says:

อิอิ .. คิดว่าหาทุกข์ให้กับตัวเองอีก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เปล่าค่ะพี่กะพี่วิไล นี่ ไม่รู้สิคะ ไม่คิดแบบนั้นน่ะค่ะ อกแนวชื่นชมน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

วิลัยเขาถามว่า เวลาเขานั่งสมาธิ เขารู้ว่ามันปวด แต่ ตรงที่ใจเขามันไม่ปวด แต่มันรู้ว่าปวด
เห็นตั้งแต่มันเริ่มปวด จนกระทั่งมันหายปวด แล้วมันก็เริ่มใหม่อีกแบบนี้หลายๆรอบ
นี่คือ สภาวะที่พี่บอกว่า สติดี สมาธิดี

ไม่ต้องน้อมเอา คิดเอาเห็นไหม แต่เขาดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
จนสภาวะปรมัตถ์เกิดเอง เขาไม่ได้กำหนดอะไร แค่รู้อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ความคิดก็เกิด แต่ไม่มีผลอะไร มันแยกออกจากกันเป็นคนละส่วน
นี่ถ้าคนไม่แม่นสภาวะ ไปกางตำราตอบบอกว่า นี่เธอได้สังขารุเปกขาญาณแล้วนะ ตายเลย หลงเลยย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่าวเหรอคะ อย่างหมูบอกไปนี่ ถ้าคนไม่รู้เขาก็ ตีเป็นสังขา

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ หลงทันที เสร็จกิเลสเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เพราะใจหมูก็ไม่ปวด เห็นมันขึ้นเป็นจังหวะ แล้วก็ดับไป

สุขที่แท้จริง says:

ถึงถามไง ตลอดเวลาไหม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ค่ะไม่ตลอด แล้วก็ยังมีมดกัด จี๊ดๆ

สุขที่แท้จริง says:

มันต้องเห็นตลอดเวลา ทั้งทางโลกและทางธรรม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอย สต๊อป ค่ะ เข้าเกียร์ถอยหลังเลย

สุขที่แท้จริง says:

เห็นไหม ไม่งั้นพี่จะถามทำไม เห็นๆอยู่ว่ามีมดกัด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เข้าใจแล้วค่ะ ต้องแม่สภาวะจริงๆ

สุขที่แท้จริง says:

พวกสภาวะตรงนี้จะนั่งกี่ชม.ก็ได้ ก็สติดี สมาธิดี มันจะแบบนี้แหละ ไม่ใช่มานั่งกดข่มด้วยสมาธิ
เหมือนสภาวะพี่ตอนนี้ พี่พอใจนั่งแค่ไหนก็นั่ง

บางทีมีคนเข้ามาหา พี่นั่งไปได้ 50 นาที ยังไม่ครบชม. หลังจากจ่ายยาไปแล้ว
พี่เดินต่ออีกสองสามรอบ แล้วก็นั่งต่อ สมาธิยังคงมีต่อเนื่อง ก็นั่งต่อได้อีกชม.
จะทำแบบนี้ตลอดก็ได้ แต่ไม่รู้จะทำไปทำไม ไปสนองกิเลสเปล่าๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

นั่งนานจัง ค่ะ ออกมาเมื่อยไหมคะ อ่าว นั่งแบบนี้เป็นกิเลสเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

ปกติค่ะ ไม่มีเมื่อยอะไร กิเลสสิ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เพราะสุขสงบ ...

สุขที่แท้จริง says:

เปล่า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่าว

สุขที่แท้จริง says:

กิเลสขี้เกียจเดินจงกรม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่เราก็มีสติตลอดนี่คะ ใช่ไหมคะตอนพี่น้ำนั่ง

สุขที่แท้จริง says:

มี แต่อะไรที่มากไปย่อมให้โทษ ไม่ได้ก่อประโยชน์

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

นึกไม่ถึงจุดนี้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่งั้นจะเดิน1 ชม. ก่อนนั่งทำไม พี่เดินแค่ 5 นาทีก็พอ แล้วนั่ง 1 ชม.
ทีนี้ สมาธิฟาดเรียบ สติไม่ทัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูก้เข้าใจว่าแค่มีสติก็พอ อ่อๆ

สุขที่แท้จริง says:

อินทรีย์ 5 ต้องดูตลอดเวลา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เข้าใจละค่ะ แต่คนเริ่มๆนี่ เอาสติให้หนักก่อน เพราะมักจะหลงไป
คือแบบหมูน่ะค่ะ งั้นคืนนี้หมูขอตัวละค่ะพี่ เด๋วพรุ่งนี้มาใหม่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่อยๆเรียนรู้ไปค่ะ สภาวะอะไรที่ยังไม่ถึง ต้องระวัง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ไม่คิดเลยดีที่สุด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 220


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ 40/20 ค่ะ
เดินวันนี้ก็รู้เท้า ใช้ทั้งกำหนด บริกรรมออกเสียงแล้วไม่ออกเสียงผสมกัน
ก็ระหว่างเดินก็เห็นความคิด ขึ้นมาแล้วดับ มันก็เห็นว่ามันเร็ว 1 เคาะก็ปรุงจบแล้ว 1 เรื่อง
แล้วก็มีความอยาก คือเวลาเราเดิน แล้วเราตั้งสติอยู่กะการเดินไม่ปล่อยให้หลงไปคิด
มันก็เห็นความอยาก คิดค่ะ มันก็จะมีซ่านๆ ที่อก นิดๆ

แล้วก็เห็นว่าเวลาเราพยายามตั้งสติไม่ให้ไหลไปกะความคิด
มันก็จะมีตัวพยายาม ที่จะไม่ไหลไป เหมือนไปออกแรงบังคับมัน มันก็อั้นๆ ก็กำหนดรู้หนอน่ะค่ะ
แล้วเวลาที่หลงไป กะความคิดแล้วก็กำหนดรู้หนอตั้งสติใหม่ค่ะ
ความไม่พอใจด้วยค่ะ กำหนดรู้หนอแล้ว ตั้งสติเดินใหม่

มีความเย็นบางจุดที่เท้าเหมือนเหยียบน้ำแข็งน่ะค่ะ แล้วก็ เหมือนจะมีมดกัด
แต่ไม่ได้ขึ้นมาชัดค่ะ แล้วเห็นว่ามันไม่ชอบไม่อยากยอมรับค่ะ ว่ามีสภาวะนี้

แล้วก็ มีร้อนผ่าวเท้า แล้วมีคิดอคติก็กำหนดรู้หนอ มีอกุศล จะปรามาส ก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ
ส่วนใหญ่ก็รู้เท้าได้ค่ะ แล้วก็เห็นว่าเรารู้เท้าแต่จิตมันมีอารมณ์เพลินๆ วอบๆแวบๆ ด้วยค่ะ
แล้วก็มีคิดเปรียบเทียบ เขากะเรา

พอมานั่งก็รู้กายขยับ มีเหมือนไปหลับใน เป็นบางช่วง เหมือนมันเพลินๆ ข้างใน ในช่วงนั้น
มีเผลอลืมตัวไปด้วยนะคะถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่านานเลย ทั้งที่นั่งแค่ 20 นาที
มีแค่นี้ค่ะพี่ เด๋วไปทำอีกรอบแล้วมาส่งค่ะ


เสร็จแล้วค่ะพี่ 40/20 ค่ะ
ก็รอบนี้มันจะฟุ้งง่ายค่ะ ทำอย่างอื่นและกำหนดด้วย ไปตากผ้ามา แล้วลงไปคิดเพลินเลย
ตอนตากผ้ามารู้สึกตัวเลยกำหนดใหม่ แล้วก็ ตอนเดิน รอบนี้รู้ไปโดยไม่ได้บริกรรม
ก็รู้เท้าได้ค่ะ ใจก็มีหลงไปเกิดอารมณ์ขึ้น แต่ไม่ได้ต่อเนื่องนาน

มีช่วงที่ ใจมันจะหลงไปแล้วมัน ถอนออกกลับมารู้ไม่หลงไป
ตอนนั้นก็ มีตัวพอใจค่ะ แล้วก็ไม่พอใจตัวพอใจอีก แต่ไม่รุนแรง แล้วมันก็หายไป
มีหลงเพลินไปคิดเรื่องงานนานหน่อย แต่ก็ยังรู้ว่าเดินอยู่

พอมานั่ง มีเหมือนมดกัด มีรู้กายนั่ง มีหลงไปคิดเรื่องนาน นาน
แล้วก็ วกกลับมาสนใจการนั่งต่อจนจบค่ะ หมดแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ปรับเปลี่ยนแบบนี้ไปเรื่อยๆแหละหมู ดีแล้ว จะได้ไม่เครียด ถ้าทำได้แบบสบายๆก็ทำเต็มเวลาไปได้เลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ วันนี้มัน งานบ้านเยอะ แต่คิดว่าน่าจะทำสองรอบเลยลดเวลาลงค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

สภาวะของหมูเหมือนกับพี่ในตอนนั้นเลย เมื่อก่อนน่ะ คาดหวัง ทรมาณนะ
ฮึดฮัดเอากับตัวเองตลอดเวลา พี่อ่านแล้ว เข้าใจความรู้สึกของหมูเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จริง ต้องคอยระวังค่ะ เผลอไม่ได้จะเล่นงานตัวเองอีกแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

เราเคยเป็นมาก่อน แต่ลืมไปหมดแล้ว ใช่หมู กดดันตัวเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันคงเป็น อะไรที่ฝังลึกน่ะค่ะ แบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ได้จงใจ
เหมือนๆปรามาสน่ะค่ะ แต่พี่น้ำไม่น่าจะกดดันตัวเองเท่าหมูมั้งคะ

สุขที่แท้จริง says:

เรากดดันคนละแบบค่ะ ของพี่คือความอยากที่มาในรูปของความขี้เกียจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อ เอทำไมอยากแล้วขี้เกียจละคะ แต่ยังไงก้ทุกข์เหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:

อ้าวววว ก็ตอนนั้นไม่รู้ไงว่า พี่มีสมาธิมากกว่าสติ
ต้องเดินจงกรมให้มาก ไม่งั้นหลับตลอด เลยคิดว่าตัวเองเอาแต่ง่วงนอน
มันเลยมาในรูปของความขี้เกียจไงคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่ออออ ไอ้ ฌาน ตัวแข็ง นี่คืออะไรคะ

สุขที่แท้จริง says:
ฌานตัวแข็ง คือ สมาธิอัปปนาไง ที่พี่บอกกับหมูว่า ให้เดินเพิ่ม ไม่งั้นมันดับ
นั่นแหละเรียกว่าฌานตัวแข็ง เพราะมันดับไปเลยเหมือนคนนอนหลับ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันแข็งตรงไหนคะ หมูก็จำไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:

แต่ฌานที่เป็นโลกุตระ มันจะมีสติ สัมปชัญญะรู้อยู่น่ะ
ขาดความรู้สึกตัวน่ะหมู เขาเลยเรียกฌานตัวแข็ง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่ออยากจัง แค่ชื่อ ฌาน ก็ฟังดู แบบมันไฮโซ

สุขที่แท้จริง says:

เห็นไหม ถ้าคนไม่เคยเจอกับตัวเอง พูดไม่ได้หรอก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คงต้องชำนาญด้วย นะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่งั้นจำไม่ได้หลอก แยกยากจะตายพวกความรู้สึก

สุขที่แท้จริง says:

พี่ถามหมูนะ ทุกวันนี้เวลานั่ง หมู ยังต้องใช้คำบริกรรมภาวนาอยู่ไหม ก่อนจะเป็นสมาธิน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ได้ใช้ ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เวลานั่งหมูทำยังไง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เอาจิตมารู้กาย จับส่วนที่จับได้ บางทีก็ที่กายสัมผัสพื้น ถ้าไม่รู้ท้อง

สุขที่แท้จริง says:

ทำแบบนั้น แล้วสมาธิเกิดทันทีเลยหรือ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ค่ะเริมต้น จะยังไม่ แต่สักพักถ้ามีสติดี มันก็จะเงียบลงแล้วก็รู้ได้ต่อเนื่องที่กายบ้าง เวทนาบ้างค่ะ
ถ้าสติไม่ดี ก็อาจหลงไปคิดบ้าง หรือไปหลับในค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

หมู ยังแยกเรื่องสมาธิไม่ได้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่า เหรอคะ มันต้องยังไงเรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

สิ่งที่หมูพูดมาคือสติ จิตเป็นสมาธิ คือ รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ เอาเถอะ ทำไป เดี๋ยวสภาวะชัดเอง
หมูรู้จักแต่ตัวหลับใน นั่นก็คือสมาธิ แต่ล้ำหน้าสติ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อค่ะ แล้วสมาธิจริงๆเป็นไงคะ

สุขที่แท้จริง says:

เวลาจิตเป็นสมาธิ มันจะรู้สึกวูบ พี่ใช้คำว่าว่า วูบหรือวาบก็ได้ มันจะรู้ที่ใจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อมีเหมือนกันค่ะ แต่หลังๆ ไม่ค่อยเกิดค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

พี่ถึงบอกไง ที่หมูพูดมาน่ะ เรื่องสติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ คิดว่าถ้าเป็นสมาธิมันจะนิ่งๆ สงบๆ ส่วนวูบหมูรู้สึกว่ามันก็แค่วูบ

สุขที่แท้จริง says:

คือ พอวูบ แล้วหมูจะรู้สึกที่กายได้อย่างชัดเจน เห็นการเคลื่อนไหวของกายแต่ละส่วน
อก ท้อง กล้ามเนื้อ แขน ขา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

งั้นไม่ใช่ค่ะ ไม่ขนาดนั้นค่ะ รู้แต่วูบแล้วตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ แต่มันก็วูบ

สุขที่แท้จริง says:

สมาธิหมูยังไม่ถึง แต่ถือว่ามีสมาธิในระดับหนึ่ง ถ้าจตุตถฌานที่เป็นโลกุตระที่พี่ถามไปน่ะ
สมาธิจะเกิดได้ตลอดเวลา จะมีสติ สัมปชัญญะรู้อยู่ตลอดเวลา

เวลานั่งลง จิตจะเป็นสมาธิมาตั้งแต่ตอนเดินแล้ว พอยืน ยังไม่ทันจะนั่งก็ยังคงเป็นสมาธิอยู่

พี่ปล่อยจิตเข้าอัปปนนาทุกคืน คือเข้าฌานทุกคืน ปล่อยให้ดับไปเลย
ไม่งั้นสมาธิพี่ไม่ฟื้นได้เร็วขนาดนี้หรอก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอ้วว้าว ยังงี้ก็ภาวนาสบายเลยสิคะ พี่น้ำควบคุมได้เลย
สมัยตอนที่พี่น้ำ ลุ่มดอนๆตอนลงบันทึกนั่น ทำแบบนี้ได้หรือยังคะ

สุขที่แท้จริง says:

อย่างคนที่ได้จตุตถฌานที่เป็นโลกุตรจริงๆน่ะ ดูง่าย แค่บอกว่า พอนั่งลง อาจจะหายใจหรือไม่หายใจ
จิตเข้าสู่สมาธิได้ทันที และจะเกิดสมาธิอย่างต่อเนื่อง มีสติ สัมปชัญญะรู้อยู่ตลอดเวลา

ไม่หรอก ตอนนั้น ยังทำไม่ได้ขนาดนี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่น้ำ นั่งรถด่วนสายไหนเนี่ย หมูพูดเล่นนะคะ
คือ แหม ตอนอ่าน บันทึกก็รู้สึกว่าเหมือนพวกเราเลย มันคิดภาพไม่ออก ว่ามาถึงขนาดนี้

สุขที่แท้จริง says:

อดีตคืออดีต มันผ่านไปแล้ว ให้ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
บอกแล้วว่า ผู้ปฏิบัติ เป็นคนเลือกรูปแบบของเขาเอง ไม่ใช่ไปยัดเยียด


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ พี่น้ำเอาสภาวะในอดีตไปลงเพิ่มหรือเปล่าคะ อ่านแล้ว มันมีกำลังใจหลาย มันอยากรู้อยากเห็น

สุขที่แท้จริง says:
ลงเรื่อยๆค่ะ เข้าใจค่ะ เรื่องปกติ ตรงกับทุกๆคนแหละค่ะ ทำไปเถอะค่ะ
ตัวอย่างมีให้เห็น มีค่ามากกว่าคำสอนไหนๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ อยากหนอ อยาก หนอ อยากหนอ

สุขที่แท้จริง says:
อ่านบล็อกยัง พี่เขียนเรื่องน้องชายเสีย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่านแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

สิ่งเหล่านี้แหละ ยิ่งกดดันให้พี่ไปข้างหน้าเรื่อยๆ พี่เบื่อนะ เบื่อการผูกมัด เบื่อการยึดติด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ที่คนไม่เข้าใจ มันสวนทางกับ ความเชื่อของเขา

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ เขาไม่เข้าใจ เอาเงินไปทิ้งเปล่าๆ พี่ไปแล้วได้อะไร งานพี่ก็เสีย น้องก็ฟื้นไม่ได้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เหนื่อยหน่อยนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

หงุดหงิดนะเมื่อกี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เข้าใจค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ได้ไปทุกข์ แค่หงุดหงิด เขาเรียกว่า ปฏิฆะ คือ รำคาญ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูเลยชอบเวลาอยู่คนเดียว

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ พี่ชอบอยู่คนเดียว นี่น้องที่ว่าเขาจะตั้งสถานปฏิบัติที่ทุ่งเสลี่ยงนะ น่าสนใจนะ
รอให้เห็นก่อนว่าเขาทำแบบไหน 10 ปี รอไปก่อน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ดีจังค่ะ ถ้ามีโอกาส หมูจะได้ไปปฎิบัติด้วย

สุขที่แท้จริง says:

ไปสิ น่าเบื่อชีวิตทางโลก ขอไปอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าดีกว่า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เฮ้ออ ไม่ใช่อะไรนะคะ คิดถึงหลวงพ่อพุทธทาส ท่านเขียนเรื่องธรรมชาติ

สุขที่แท้จริง says:

เห็นพระอาจารย์ปรีชาบอกว่า ท่านมีกระต๊อบหลังเล็กๆในป่า
เวลาฉันเสร็จ ท่านจะหอบพระไตรปิฎกกลับกระท่อม
เวลาท่านปฏิบัติ จะมีสมุดไว้ข้างตัว รู้อะไร หรือมีอะไรคิดขึ้นมา ท่านก็จะเขียนๆ สภาวะน่ะ

พี่ไม่ได้วางสมุดข้างตัว แต่เวลาเลิกปฏิบัติ จะบันทึกทันที ไม่งั้นลืมหมด
แต่เวลาเดิน มีอะไรพิเศษจะจดทันที


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะลืมจริงๆ ขนาดเพิ่งออกมายังลืมเลย พี่น้ำนำมาใช้ตอนไหนบ้างคะ เวลาบันทึกแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

ตอนไหน มีความรู้ที่แปลกขึ้นก็จะนำมาลงบล็อก ถ้าอ่านแล้ว สภาวะไม่มีแปลกใหม่ก็จะไม่ลง
เพราะตอนนี้สภาวะมันทบทวนกิเลสตลอด แล้วมีเรื่องสมาธิที่มีเพิ่มมากขึ้น ยังไม่ได้ลง
การลงรายละเอียดแบบนี้ มันจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาวะได้ชัดกว่าไม่บันทึก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมม หมูเอาไว้เตือนตัวเองอย่างความ อยาก

นี่เข้าไปอ่านบันทึกสภาวะเก่าพี่น้ำ ในกระทู้อยู่ค่ะ พี่น้ำหลับ เลยอดข้าว
คิดถึงตอนนั้นเลย ที่หมุไปวัดมหาธาตุแล้วหลับ ตอนนั่งง่วง ขาดสติ
เลยอดข้าวเหมือนกันหงุดหงิดตัวเองสุดๆ

ทำไม เดิน 1/2 กะนั่ง 1/2 แล้วขายของไม่ดีละคะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ได้ทำต่อเนื่องค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันเกี่ยวกะการขายของไม่ดี หรือมันบังเอิญคะ

สุขที่แท้จริง says:

เกี่ยวค่ะ เพราะไปมุ่งหวัง สภาวะมาสอน แต่ตอนนั้นดูไม่เป็น
เห็นไหม ถ้าอ่านสภาวะไม่ได้ ก็ไปไม่รอด เหมือนพี่ในสมัยก่อน ทำเพราะความอยาก
ทำเพราะคาดหวัง จึงแบกแต่ความทุกข์ เพราะอยากขายของดี อยากรวย
แต่ดีนะที่พี่มุ่งมั่น ถึงไม่ได้ก้ยังทำ ทำแบบถูๆไถๆ สารพัดหาวิธีการ แล้วมานั่งวิเคราะห์


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ตอนนั้นพี่น้ำเชื่อว่าทำกรรมฐานแล้วรวย

สุขที่แท้จริง says:

เชื่อหลวงพ่อไง

ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะเคยอ่านเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:

ทำเพราะอยากรู้หนอเหมือนหลวงพ่อ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วก็รู้หนอ จริงๆ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ( เกิดจากอำนาจของสมาธิ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ )

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วพี่น้ำเริ่มจับทางถูก ได้ยังไงคะ

สุขที่แท้จริง says:

อ่านไปเรื่อยๆสิคะ พี่ยังไม่ได้อ่านต่อ อ่านแค่ที่ลง เพราะถ้ารู้แล้ว จบเลย ไม่ลงต่อแน่นอน ขี้เกียจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ได้ค่ะ พี่น้ำเอง ก็ลืมหมดแล้ว อ่านแบบนี้ก็สนุกดีนะคะ เหมือนคอยลุ้น อ่าว

สุขที่แท้จริง says:

พี่เป็นคนแบบนั้นจริงๆ อะไรที่รู้แล้ว ขี้เกียจเขียน
ยกเว้นคนมันชอบมาอวดรู้ นั่นแหละ พี่ถึงจะงัดขึ้นมาพูด
เหมือนเรื่องฌาน ที่เล่าให้หมูฟัง เจอคนทำไม่ได้แต่อวดรู้ เลยถามสิ ตอบไม่ได้
คนทำได้ ต้องตอบได้ เพราะสภาวะจะเหมือนกันหมด ไมมีผิดเพี้ยน มันไม่มีกาลเวลา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คนอยากได้ กันเยอะนะคะ ฌาน นี่ เห็นพูดกันทุกๆๆๆๆที่

สุขที่แท้จริง says:

ความอยากไง อยากรู้ แล้วไปฟังคนที่ไม่รู้นำมาพูด เลยมั่วไปหมด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ส่วนใหญ่ยก มาจากตำราะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ส่วนมากคนที่รู้ ไม่ค่อยพูดหรอก ขี้เกียจอธิบาย อธิบายให้คนทำไม่ได้ฟัง อธิบายเมื่อยเปล่าๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ภาษามันน้อย
คิดว่าจะทำแบบที่หลวงพ่อพูดทีไร เราจะต้องไม่ได้ทำอย่างที่คิดทุกครั้ง ต้องไม่คิดล่วงหน้าเลย
เวลาคิดล่วงหน้ามักจะไม่ได้ทำจริงๆด้วยค่ะ หมูคิดจะเดินกี่รอบๆจบกัน มีเหตุทุกที

สุขที่แท้จริง says:

เห็นไหม รู้จากการทำ ยกตัวอย่างได้แบบสั้นๆ แต่จำจากตำรา อธิบายไม่ได้ เพราะทำไม่ได้
พี่บอกจตุตถฌานที่เป็นโลกุตระ คือ นั่งปั๊บ เข้าสู่สมาธิได้ทันที มีสติ สัมปชัญญะรู้ตลอด
พูดแค่นี้เข้าใจเลย บอกว่า เป็นฌานโลกียะ นั่งปั๊บ ดับเลย ขาดความรู้สึกตัว ฌานตัวแข็ง เข้าใจทันทีเลย


ถึงบอกไง ทำไป ไม่ต้องคิดอะไรหรอก ระวังกิเลสให้ดีๆ
ถึงเวลารู้ รู้เอง เหนือความคาดเดา เหนือความคิดทั้งปวง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือถ้าเรารู้ว่ามันปรุง ก็โอใช่ไหมคะ เพราะมันจะปรุงแล้วค่อยไปมีกิเลส คือจับตาดูตั้งแต่ปรุง

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ปรุงตามที่เราอยากให้เป็นและคิดว่าเป็น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 01:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 221


เลิกงานตี 2 กว่า เริ่มทำประมาณ ตี 3 กว่า ตอนแรก จะเดิน 40/20
แต่ไม่ไหว เลยไม่ฝืนตัวเอง

34/15

ตอนเดินก็ฟุ้งบ้าง เท้ายังรู้แต่ไหลไป คิดเรื่องงานนาน ช่วงแรกๆ เดินแล้วกำหนดคำบริกรรมไปช้าๆ
ไม่ได้เลย เดินเร็วๆ แล้ว แล้วบริกรรม กำกับได้แค่ย่างหนอ หลังๆก็เปลี่ยนเป็นกำหนดช้าๆได้เอง
แล้ว ก็เปลี่ยนเป้นไม่บริกรรม รู้สึกอย่างเดียว

มีเวทนามดกัด ยังรู้สึกไม่พอใจสภาวะมดกัด มีเจ็บจี๊ดที่หัวเป็นจังหวะ เท้าแปล๊บเหมือนโดนน้ำแข็ง
มีเวทนารู้สึกแปลกๆ ที่ส้นเท้าบอกไม่ถูก

ใจก็ฟูขึ้นมายึดถือว่าเป็นสภาวะใหม่หรือเปล่า พอเห็นใจฟูมีกิเลสเลยกำหนดรู้หนอ
ยังกำหนดไม่ค่อยทันมัน มีตัววิพากษณ์วิจารณ์

ตัวอยาก ตัวไม่พอใจ เวลาอยากก็กำหนดรู้หนอไป เวลาไม่พอใจดูแล้วมันหายก็ไม่กำหนด
พอมานั่งก็รู้ว่ามีกายนั่งแล้วก็มารู้อีกทีคือกายค้อมลง จิตค่อยๆมารู้สึกที่กายชัดขึ้นๆ แล้วก็รู้สึกถึง
น้ำหนักของมือ เห็นอย่างนั้นแล้วก็จำไม่ได้อีกมารู้สึกอีกทีก่อนนาลิกาปลุกดังนิดหน่อย

ปรามาส ไม่มีทั้งตอนเดินและตอนนั่ง มามีตอนพิมพ์อยู่ ฟังเทศน์ไปพิมพ์ไป เลยเผลอสติไป
กำหนดรู้หนอไป 3 ครั้ง

อ้อตอนเดินมีภาพ ออกแนวติดเรทผุดขึ้นแล้วดับไป 2-3 ครั้งเพราะไม่ได้ไปคิดมันต่อ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 222

ม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ 20/10 อันนี้รอบสองก่อนนะคะเด๋วลืม เพิ่งทำเสร็จ
ก็รู้เท้านะคะ แต่จะไม่ได้มีสมาธิอยู่ที่เท้าต่อเนื่อง มันมีอาการของจิตให้เห็นว่ามีแรงบังคับจิต
เป็นความอยาก จะบังคับให้ดี ก็ขึ้นมาเรื่อยๆค่ะ ก็กำหนดรู้หนอด้วย
แล้วก็มีความไม่พอใจ อยู่ด้วยกับแรงที่บังคับจิตนั้น
แล้วก็มีจะปรามาสก็กำหนดมันก็ข่มไว้ค่ะ เลยเหนื่อยบ้าง ใจก็จะเครียดๆบ้าง

พอมานั่งก็รู้กายนั่งได้ ค่ะ ก็แวบๆภาพ หนัง ที่เราดูวันนี้ เป็นระยะ
แล้วก็แวบๆ เรื่องที่จะไปฉลองวันเกิดน้องเป็นระยะก็พยายามให้อยู่กะกายค่ะ
ก็มีความพยายามนั้น ด้วย จบรอบ 2 ค่ะ

รอบแรก 60/ 30
รู้เท้า วันนี้หลงไปคิดเยอะ มีตัววิพากษ์วิจารณ์ ตัวออกความเห็น และมีความคิดอยาก
มาเป็นระยะห่างกัน ก็กำหนดรู้หนอตามหลังไป

มีความคิดเปรียบเทียบ มีความกลัวปรามาส คอยกำหนดกดข่มไว้บ่อยๆ
มีอาการที่จิตมันขยับแบบจะเปลี่ยนสภาวะ เพราะไม่พอใจสภาวะเดิมที่มีอยู่
ก็เหมือนจิตมันมีแรงกระทำ

มีเวทนาเย็นแปล็บเหมือนเหยียบนำแข็งและวูบหลังเท้า
มีใจหลงไปคิดจริงจังนาน แล้วก็มาตั้งใจเดินต่อ มีมัวและมีชัดขึ้น

พอมานั่งก็รู้กายได้ คลอๆกะคิด กายรู้การเคลื่อนไหวของกาย ตามการหายใจ
บางทีก็รู้ท้อง ส่วนใหญ่จะรู้กายในภาพรวม ไม่ได้จับแต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง

มีจิตหลงเพลินไปป แล้วรู้สึกตัวแบบเนียนๆติดกัน 2 ครั้ง
มันเนียนมากเป็นความเพลินที่ไม่ได้หลงไปแบบชัดเจน แต่เรารู้สึกว่ามันคือหลงเพลินออกไป
สติที่มารู้ก็วิบเดียวแผ่วๆ จากนั้นก็ขยับตัวหลายครั้ง เพราะเมื่อย เบื่อขี้เกียจนั่ง
แล้ก็นั่งต่อไปจนจบแเวลาค่ะ จบแล้วค่ะพี่

อื่มม ถ้าเราจะส่งอารมณ์ให้กับคนที่ใช้หนังสือเป็นหลัก ก็ต้องแบบบอกว่าหลงไป คิดฟุ้งซ่าน
เขาก็จะบอกให้กำหนด กำหนดทันไหม กี่ครั้งขาด

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ เขาก็ไม่ผิดนะคะ มันแตกต่างกันหลายๆอย่าง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เราก็บอกไม่ขาดสักที

สุขที่แท้จริง says:

ก็คนเรากิเลสมันต่างกันนี่คะ ไปอ่านกระทู้สิ สภาวะเก่ามีเขียนไว้ วันนี้พี่ลงไปอีก 1 เดือน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่านแล้วค่ะ โฮ่ๆๆๆๆ เรียบร้อย

สุขที่แท้จริง says:

เป็นไง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่น้ำเริ่มจับทางได้มากขึ้น จากตอนแรกที่แบบเหมือนไม่รู้อะไรเลย

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มาตอนนี้พี่น้ำมีข้อสังเกต ละเอียดกะสภาวะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่เลยย มันจ้องดูตลอด กำหนดแล้วเป็นแบบนี้ ไม่กำหนดแล้วเป็นแบบนี้
ไม่ควรเชื่อถืออะไร เพราะเพิ่งลองวิธีนี้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ แต่ก็มีปัญหามากดดันนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ ปัญหามาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ลองหมดเลย เห็นว่าปวดขาก็เอาใจไปไว้ที่อื่น แล้วก็สวดมนต์ลงไปแทน

สุขที่แท้จริง says:

ไม่รู้คิดได้ไงนะ หนีทุกข์

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูก็เคยค่ะ ตอนไปวัดหลวงพ่อ ที่อัมพวัน ปวดนัก ตูดูที่อื่นก็ได้
มันเจ็บสุดๆ นั่งหน้าแดง

สุขที่แท้จริง says:

ใช่เลยย ทีนี้มันต้องเจอตลอดเวลา สุดบรรยาย พี่ร้องไห้เลย
อุปทานมาก กัดฟันกรึ่กๆๆๆ น้ำตาเต็มหน้า ปวดมากๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กี่ชั่วโมงคะทีขนาดนั้น

สุขที่แท้จริง says:

1ชม. จะตาย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ตอนนี้พี่ผิดกันเลย อเมซิ่งสุดๆ

สุขที่แท้จริง says:

ต่างมากๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 223


สุขที่แท้จริง says:

อดีตผ่านไปแล้ว ไปแก้ไขอะไรไม่ได้ นี่เรากำลังสร้างเหตุใหม่ ฉะนั้นพยายามทำแต่สิ่งดีๆ
เพื่อชีวิตที่ดีของเราในอนาคต การปฏิบัติ จึงไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังผลใดๆ
เพราะตัวอย่างมีให้เห็นทำให้ต่อเนื่อง ได้ผลแน่นอน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ พี่ ถึงเราคาดหวังเพราะกิเลสแต่ถ้าเราเพียรรู้มันไม่ท้อถอยก็ยังโอนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่จ้ะ ยิ่งคาดหวัง พอผลออกมา แล้วเรามองว่ามันไม่ได้ดังหวัง คนที่ทุกข์ก้คือเรา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ พูดแล้วโดน มันมาอีกแล้ว งั้นหมูแต่หมูก็กำนดนะคะ งั้นรายงานสภาวะนะคะ


28 มีนาคม 53 "สารพัดรูปแบบความอยาก"
เดิน 60/30
เดินก็รู้เท้า แล้ววันนี้มันไหลไปคิด แล้วเกิดความอยากบ่อยมาก
ส่วนใหญ่เป็นความไม่พอใจสภาวะที่เป็นอยู่แล้วพยายามจะบังคับให้มีสติ
รู้สึกว่ามันมีแรงไปบังคับจิต ควบคุมจิต แล้วคอยดูว่ามีสติอยู่หรือยัง มันมีมาตลอดเลย
กำหนดรู้หนอเป็นพักๆ

เวลามันไม่พอใจมากๆก็กำหนดรู้หนอๆไป เวลาปรุงแล้วเกิดความอยากมักจะมาเป็น

ตัววิพากษ์วิจารณ์ธรรมมะ หรืออกความเห็นเกี่ยวกับธรรมมะ

แล้วจะเกิดความไม่พอใจตามมา อยากจะมีสติตามมา

หรือบางทีคิดถึงคำสอนของครูบาว่าต้องทำอย่างนั้น หรือทำแบบไหนถึงจะเกิดปัญญา
ก็จะเกิดความไม่พอใจตามมาอีก หรือพอคิดแล้วไม่พอใจก็จะมีตัวออกความเห็นมาอีกว่าแค่รู้เท้า
แล้วไม่ต้องสนใจความคิดก็พอ แล้วพอเกิดตัวนี้ก็เกิดความอยากที่จะรู้เท้า
แล้วละทิ้งความอยากคิดอีก สรุปคืออยากตลอด

นอกจากจะมาในรูปแบบบังคับแล้วจ้องมอง จะให้เป็นไปตามที่ต้องการแล้ว ยังมีลักษณะ
ของความใจร้อนที่จะเห็นสภาวะธรรมดีๆอย่างที่ตัวต้องการ ใจมันจะรีบเดินไปข้างหน้า
เพื่อเอาสภาวะธรรมดี ๆ หรือเพื่อจะได้รีบทำแล้วรีบเห็นของดี


แล้วก็มีหลงไปคิดเรื่องภาระของครอบครัว อยากช่วยที่บ้าน

คิดเรื่องงานตอนท้ายๆของการเดินไม่ค่อยมีสติท่าไร

การรู้เท้าใช้บริกรรม จังหวะแรกบ้าง 6 จังหวะบ้าง ตอนเดิน 6 จังหวะ บางที่ขาดสติก็ไม่ครบ 6
ทรงตัวไม่ดี แต่ก็ยังรู้การเดินอยู่ ปรามาสจะมาเรื่อยๆ ในรูปแบบของการคิดไปเกี่ยวกับครูบา
ก็รีบกำหนดรู้หนอก่อน ทำแบบนี้หลายๆหน

พอนั่งก็รู้กายเคลื่อนไหวตามการหายใจ การรู้เหมือนรู้หลายมุม บางทีรู้มุมใกล้ บางที่รู้จากมุมบน
ห่างออกมา แล้วก็รู้ว่าจิตมีการคิดเพลิน แต่ก็ยังไม่ทิ้งกาย ยังรู้กาบเคลื่อนไหว กะมารู้ว่ามีมีน้ำหนักได้
หลังเบื่อแต่ก็นังจนจบ มีขยับตัวบ้าง จบแล้วค่ะพี่ วันนี้พี่น้ำเดินทางมาคงเหนื่อย

สุขที่แท้จริง says:

ก็เรื่องปกติสำหรับพี่นะ ขอพี่อ่านก่อนค่ะ
เหนื่อยหรือคะวันนี้ ถึงได้ฟุ้งกระจาย หรือไปอ่านอะไรมา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แหะๆ แหมไม่อยากเล่าเลย ก็พี่น้ำไม่อยู่แล้วใจแป้ว
มันก็เริ่มจุดนั้นแล้วขยาย แล้วก็มีเรื่องที่บ้านค่ะ พอดีได้โบนัสแล้ว เอาเงินให้แม่ไป
เห็นแม่ดีใจมาก ก็เลยสงสารแม่ อยากหาเงินมาช่วย ให้มากกว่านี้ ก็เลยไปฟุ้ง

สุขที่แท้จริง says:

ทำความเพียรต่อไปค่ะ ทุกข์หรือสุข ล้วนเกิดจากเราไปปรุงแต่งเอง
ปรุงให้เกิดความเพียรสิคะ เอาง่ายๆที่พี่บอกว่าปรุงให้เกิดความเพียร
หมูย้อนทบทวนก่อนหน้าที่จะปฏิบัติ แล้วได้มาปฏิบัติสิ
ชีวิตเราก่อนหน้านี้เป้นยังไงทางด้ายจิตใจ แล้วตอนนี้เป็นยังไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่ออค่ะ ก็แต่ก่อนทุกข์มากๆ

สุขที่แท้จริง says:

เราจะเห็นความแตกต่างในทางที่ดี จะได้มีกำลังใจว่า นี่ขนาเวลาไม่กี่เดือน
ชีวิตเรา จิตของเรามันยังดีขึ้นขนาดนี้

ฉะนั้น เราไม่ต้องไปคาดหวังใดๆเลย เพราะรู้ว่าทำต่อไปชีวิตย่อมดีกว่านี้แน่นอน
ตอนนี้ที่ยังเป็นแบบนี้อยู่ เนื่องจากเหตุที่เราเคยทำไว้ยังส่งผลอยู่
ก็กำหนดแล้วก็ช่วยได้ เรื่องความทุกข์ที่มันเกิดขึ้นที่จิต ก็คลายตัวออกไปได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says:

จะหนีหนี้หรือจ๊ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เปล่าหนีค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ใช้เวลาค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 224


สุขที่แท้จริง says:
คนเรานะหมู รู้จักปลงๆ วางๆ อะไรไปเสียบ้าง ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น
สภาวะดีนะ ละเอียดมากขึ้น พี่ยังไม่ได้ลงบล็อก มีความรู้ต่างๆเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อ...จะได้ตามอ่าน

สุขที่แท้จริง says:

ธรรมะ ถ้าเรารู้จักพลิกแพลง ธรรมะเราสามารถหยิบยกมาพูดได้ทุกที่ ทุกเวลา
ดนตรีหรือเพลง ถ้าเรารู้จักจัดรูปแบบ มันจะกลายเป็นธรรมะ ไม่ใช่ธรรมเมา พาเมามัวกับตัณหา ราคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ธรรมเมา อืมๆ เข้าใจคิดนะคะ ธรรมเมา.. พี่น้ำชอบบอกว่าเขียนไม่เก่ง
ไม่ใช่เลยนะคะ เพียงแต่เขียนในเรื่องที่เป็นสาระไม่ได้เขียนแบบนิยาย

สุขที่แท้จริง says:

อ้าววว เขียนไม่เก่งจริงๆนะ อ๋อ ... ค่ะ ใช่ เขียนนิยาย ต้องใช้จินตนาการผสมกับกิเลสใส่ลงไป
แล้วปรุงแต่งตามความชอบ ชอบรสไหน ใส่ลงไป เหมือนทำกับข้าว
คนกินอาหารก็เหมือนคนที่รู้จักธรรมะ เหมือนคนที่ฟังเพลง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สนุกเพราะกิเลส น่ะค่ะ กำลังคิดตามค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เหมือนอะไรก็ได้ ถ้าจะนำมาเปรียบเทียบ เพราะธรรมะ เป็นหนึ่งเดียวกับทุกๆสภาวะตลอดเวลา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เอาแล้ว ไกลเกินเอื้อมแล้ว คร่อก

สุขที่แท้จริง says:

ทำไปค่ะ แล้วหมูจะรู้ทุกๆอย่าง ไม่แตกต่างจากพี่เลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สาธุ๊ๆๆๆๆๆ ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ต้องสาธุหรอกค่ะ เพราะมันเป็นความจริง ที่มีมาก่อน ก่อนที่จะมีทุกๆสรรพสิ่ง
อ่านที่พี่ทำเมื่อก่อน เห็นไหมล่ะ แตกต่างลิบลับ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ...แต่เวลาอยู่ตรงนี้ รู้สึกเหมือนมันเป็นแค่ความฝันน่ะค่ะ ก็เลยตกใจ
อดีต ของพี่น้ำก็เหมือนปัจจุบันของ พวกเรา ปัจจุบันของพี่เหมือนความฝันเลยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

สักวันหนึ่งเหมือนกันค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ทำไปเรื่อยๆน่ะค่ะ บางทีนั่งสมาธิสงบๆอยู่ ความรู้สึกไม่เชื่อว่าพ่อเสียแล้ว มันก็ผุดขึ้นมา

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่พี่รอบแรก 40/25 ค่ะ ทดลองเพิ่ม นั่งมาในอัตราส่วน 5 นาทีค่ะ
ก้อตอนเดิน ก็รู้เท้า และก็รู้จิต คือก็มีความแน่นๆที่จิตค่ะ ก็มีความอยาก น่ะค่ะ
ส่วนใหญ่เป็นแรงแน่นๆที่จิต มีความไม่พอใจ อยากมีสติ มีความคอยจ้องดูค่ะ ก็กำหนดรู้หนอค่ะ
แล้วก็เป้นอีกค่ะ ก็มันก้ไปเกาะเกี่ยวค่ะ พอเราเห็นใจมันจ้องแล้วเรากำหนด
แล้วเราก้ไปปรุงวนเวียนอยู่กะมันน่ะค่ะ ก็กำหนดไปอีกค่ะ
ก็พยายามกำหนดแล้วทิ้งเลยจะพยายามไม่ไปเกาะเกี่ยวค่ะ
แต่เหมือนมันวนๆ อยู่ตรงนั้น ก็นึกขึ้นมาได้ ว่านี่อาการของมัน ยิ่งพยายามก็ยิ่งอยาก ก็เลยทนไปค่ะ

แล้วก็มีบางช่วงที่ไม่ได้กำหนดค่ะแต่ใช้จิตรู้ ก็เห็นอาการของจิตที่มันเปลี่ยนแปลงค่ะ
แน่นบ้าง คลายบ้าง แล้วขมวดใหม่บ้าง แปรเปลี่ยนไปค่ะ
แล้วสักพักก็หลงไปเพลินคิดค่ะ ก็มารู้สึกตัวค่ะ แล้วก้อมีวามใจร้อนค่ะ
ความใจร้อนในการเดินค่ะ ก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ

แล้วก็ลองทำแบบพี่น้ำแนะนำค่ะ คือลองคิดดูก่อนที่จะเจริญสติ กะตอนที่ได้มาเจริญสติแล้ว
ก็เห็นความแตกต่างก็เริ่มสบายใจขึ้นค่ะ แล้วก็พอสบายใจขึ้น ก็เห็นความใจร้อนแทรกขึ้นมาค่ะ
ก็เลยดูมันต่อไปค่ะ แล้วก็มีตัววิพากษณ์วิจารณ์ค่ะแล้วก็เห็นว่ามันเหนื่อยค่ะเวลามี
ทั้งหมดนี้ก็ยังรู้เท้านะคะ

แล้วพอมานั่งก็รู้ว่ากายนั่งจะมีความรู้สึกเป็นคลื่นที่เนื้อสัมผัสพิ้นน่ะค่ะเป็นจังหวะ
แล้วก็มีเวทนามดกัดมา 2 ครั้งแล้วหาย ก่อนหน้านี้ก็มา 1 ครั้งแล้วหายค่ะ
แล้วหลังๆพอนั่งๆไปแล้วจิตมันวูบค่ะ แล้วก็รู้สึกกายทั้งกายแต่ไม่ได้แรงๆมันเบาๆ รู้สึกเบาๆ
แล้วก็มาชัดที่มือหนักๆ แล้วก็มีมาตึงๆที่กราม ก็มีตัวคิดว่าใช่ที่เคยคุยกะพี่น้ำหรือเปล่า
ก้ดูมันไป แล้วสักพักก็เปลี่ยนไปคิดโน่นี่ตามปกติแต่ยังรู้กายได้ค่ะ

แล้วก็หลังๆตอนจบแล้วแผ่เมตตาก็มีนิมิตสีเขียว แล้วก็จบน่ะค่ะ
อ้อตอนเดินก็มีร้อนผ่าวๆและชาที่เท้าด้วยค่ะลืมไป จบแล้วค่ะรอบแรก
ก็อยู่กะความใจร้อนหรือความอยากแล้วดูมันไป + กับกำหนดค่ะ


เสร็จแล้วค่ะพี่
รอบนี้เดิน 40 /นั่ง29 และมีไม่ต่อเนื่องเพราะมีคนมาเรียกค่ะ
ก็มีรู้เท้าและฟุ้งซ่านค่ะ ตอนต้นๆก็รู้เท้าแล้วก็มี ไม่พอใจ เกิดจากมีตัวบอกบทค่ะ
เช่นเวลาเดินๆอยู่แล้ว มันก้บอกบทว่าให้รู้เท้าอย่าไปคิด แล้วก็ไม่พอใจ และอยากรู้เท้าตามมาค่ะ
แล้วก็กำหนดไปค่ะ

แล้วก็มีเห็นความทุกข์ไม่พอใจที่เกิดจากการที่คิดแล้วไปปรุงว่ามันไม่ดีค่ะ
ไปให้ความเห็นว่ามันไม่ดีก็ตามมาด้วยอารมณ์ทุกข์ขึ้นมาค่ะ แล้วมันก็คลายแล้วเด๋วก็มีอีกก็ทุกข์อีกค่ะ
ก็กำหนดบางครั้ง บางครั้งก็ดูไปค่ะถ้ามันคลายเร็ว

แล้วก็มี หลงไปคิดเรื่องงานค่ะ มีคิดเพลินๆเรื่องหนักงเกาหลีที่เคยชอบดูค่ะ
แล้วก็พอรู้สึกตัวก็ไม่พอใจที่หลงไปค่ะ แล้วก็มาลองเปรียบเทียบดูค่ะว่าตอนเราหลงเพลินไป
คิดแล้วเราไม่ซีเรียสกะการหลง ไม่ทุกข์ พอมายึดว่าหลงไม่ดีก็ทุกข์

แล้วก็มีเดินๆ แล้วพอมันไม่พอใจ แล้วเกิดความทุกข์ก็ดูลงไที่ทุกข์ค่ะ
ก็เลยเห็นว่าทุกข์เกิดจากการไป คิดว่านั่นไม่ดี นี่ไม่ดี นั่นไม่ชอบ

แล้วก็มีจะปรามาสค่ะ มันไม่ได้จะปรามาสแบบจริงๆ แต่มันรู้สึกว่าเด๋วคิดแบบนี้ก็จะไปปรามาสอีก
ก็เลยไม่พอใจแล้วเลยกำหนดรู้หนอไปค่ะ ก็เห็นลักษณนิสัยของตัวเองค่ะ ว่าชอบบังคับตัวเอง
ตอนต้นๆน่ะค่ะ เห้นว่าชอบบังคับจิต

พอมานั่ง ก็รู้ว่ากายนั่งค่ะ แล้วรู้กายเคลื่อนไหวตามการหายใจ
พอถูกขัดจังหวะก็กลับมานั่งใหม่ก็ยังไม่ค่อยต่อ สักพักก็รู้กายเคลื่อนไหวที่เสียดสีกะผ้าได้ค่ะ
แต่มันก็รู้กึ่งคิดค่ะ จนจบค่ะ เบื่อๆก็เลิกก่อน 1 นาทีลืมตามาดูนาฬิกาค่ะ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ตอนจะนั่งใหม่นี่ ให้เดินจงกรมก่อนนะคะ แล้วค่อยมานั่ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้าถูกขัดจังหวะทุกครั้งใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

นอกนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ความอยากของหมู ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยังไงหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:

ก็ถ้าหมูผ่อนคลายดี อารมณ์อยากจะไม่มี หรือไม่ก็มีน้อยมาก
เมื่อใดที่หมูดูมีฮึดฮัด ความอยากขึ้นมาเต็ม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ อะไรของมันก็ไม่รู้

สุขที่แท้จริง says:

พี่ถึงบอกไง บอกว่า หมูอย่าไปอยากเลย แต่บอกไม่ได้ ห้ามไม่ได้หรอก
ต้องเรียนรู้สภาวะด้วยตัวเอง ผ่านด้วยตัวเอง จึงจะเข้าใจ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เราก็บังคับมันไม่ได้ มันเป็นงี้กันทุกคนใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ มากน้อย แล้วแต่เหตุที่ทำมา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่แล้วแต่เขาสะสมมา ตบหัวตัวเอง 1 ที

สุขที่แท้จริง says:

หายได้ด้วยสติ สัมปชัญญะค่ะ ไม่ใช่ตบหัวแล้วจะหาย เจริญสติต่อไป
เราเข้าใจทางธรรมได้ ทางโลกอยู่ได้สบาย
เมื่อเราเห็นถึงความไม่เที่ยงแล้ว ย่อมไม่มีการคาดหวังใดๆ
เมื่อเจอผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง จะไม่ไปเกาะเกี่ยวนาน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ กว่าจะเข้าใจและยอมรับแต่ละอย่าง

สุขที่แท้จริง says:

ยังดีนะหมู ทำไปเรื่อยๆ อะไรที่มืดมิด เริ่มสว่างมากขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เราไม่ยอมมีสติกัน เพราะมันเห็นทุกข์ หมูนะคะ บางทีก็หนีๆ ก็สงสัยว่าหนีทำไม
ก็เลยรู้ว่าพอรู้ไปแล้วมันเห็นทุกข์ มันก็เลยไม่รู้ หนีไปดูโน่นดูนี่บ้าง

สุขที่แท้จริง says:

ธรรมชาติของจิตค่ะ อะไรที่บีบคั้น ย่อมไม่ชอบ อ่านที่พี่บันทึกของเก่าสิ หนีเวทนา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะที่ย้ายไปกำหนดจุดอื่น

สุขที่แท้จริง says:

สุดท้าย หันหน้าสู้กับเวทนา เลยผ่านมาได้ แบบตายเป็นตาย ไว้รออ่านละกานน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เอือก ลุ้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 225

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ 15/15 ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
แล้วของตอนแรกน่ะ ไม่มีเลยนะ ข้อความหมูไม่ขึ้นมาเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ส่งไปแล้วอะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่มีเลยค่ะ พี่ก็นั่งรอ ว่าทำไมเงียบไป เอาอันนี้ก่อนค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เด๋วหมูก๊อปให้ใหม่ ...MSN เพี้ยนอีกแล้ว ได้ค่ะ

ก็รอบนี้รู้เท้า แล้วก็ ฟุ้ง แต่ก็รู้เท้าได้ค่ะ มีความอยากขึ้นมา อยากจะมีสติ หรืออยากจะเห็นว่าตัวเอง
ได้สภาวะที่อยากน่ะค่ะ พอมันขึ้นก้ก้อกำหนดรู้หนอ มีความไม่ชอบใจก็ดูไป เจาะลงไป
แล้วมันก็เปลี่ยน ไปค่ะ หายไป แล้วเด๋วก็มาอีกค่ะ
แล้วก็พอนั่ง ก็รู้กายนั่ง ไม่จับกายส่วนใดส่วนหนึ่ง รู้ภาพรวมน่ะค่ะว่ากำลังนั่งทำอะไรอยู่
มีความทรงจำ ที่มันเป็นปมด้อยผุดขึ้นมาค่ะ สมัยเด็กๆ เป็นเหตุการณ์ก็ดู แล้วสำรวจใจ
ก็ไม่เฉย แต่ไม่ได้ถึงกะทุกข์ มันคิดตาม แล้วสักพักก็เปลี่ยน ลืมไปแล้ว
แล้วก็ เบื่อรู้สึกนาน คัน อ้อเหมือนมีมดไต่ด้วยค่ะที่หน้า ตอนแรกๆ
หลังๆก็เบื่อๆ รู้สึกนาน อย่างที่บอก แล้วก็หมดเวลาพอดีค่ะ จบแล้วค่ะรอบสอง


รอบแรก
เดินก้อฟุ้งค่ะพี่ รู้ตอนเท้ากระทบ ใจก็ฟุ้งๆ แล้วก็ช่วงต้นๆของการเดิน
ก็มีความพอจใจแบบนิ่งๆ มีความสุข +ปนทุกข์ แต่ก็มีความพอใจนิ่งๆอยู่ในการดู แล้วก็เปลี่ยนไป
แล้วฟุ้งๆ แต่ก็รู้เท้ากระทบตลอด ใจก็มีความไม่พอใจ เป็นความทุกข์ ขึ้นมาตลอดก็ดูลงไป
บางทีก็เห็นมันคลายแล้วเห็นว่ามันคอยเผ้าดูไอ้ความรู้สึกไม่พอใจ แล้วมันก็ขึ้นมาอีกก็กำหนดรู้หนอค่ะ
แล้วก็หลังๆก็ฟุ้งๆเบื่อ เวทนา ร้อนผ่าวๆที่เท้ามาเรื่อย
พอมานั่งก็รู้กายนั่ง แล้วก้อเหมือนหลับ แต่ไม่ได้หลับ แล้วก็รู้ว่ากำลังนั่ง
ไปๆมาๆแบบนี้ค่ะพี่ จนจบค่ะ หมดแล้วค่ะพี่น้ำรอบแรก น่ะค่ะพี่ รอบนั้น 40/30

สุขที่แท้จริง says:

ยิ่งสติดีมากขึ้นเท่าไหร่ เรื่องราวในอดีตที่ผ่านๆมายิ่งเกิดให้เห้น สิ่งที่เราเคยทำเอาไว้ บางทีก้ลืมไปแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สิ่งที่เราโดนกระทำด้วย ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ มันจะเหมือนกับว่า เราย้อนกลับไปที่อดีตอีกครั้ง มันจะทำให้เห็นแต่เรื่องของเหตุและผล

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ หมูก็จะค่อยๆเรียนรู้ไป

สุขที่แท้จริง says:
เหมือนพี่ สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ พอมันย้อนกลับมา กลับไปขอขมาแม่ ขออโหสิกรรมต่อพี่น้อง
ตามไปใช้หนี้เล็กๆน้อยๆที่เราลืมไปแล้ว บางคนเจอหน้า ทวงเลย แต่พี่ลืมไปหมดแล้ว
ก้ให้เขานะ แถมเพิ่มให้อีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ดอกเบี้ย

สุขที่แท้จริง says:
มันมองเห็นว่า ชีวิตเราแต่เด็กทำไมเป็นแบบนั้น กรรมทายาท ถ้าไม่เกิดกับพี่ ก็ต้องเกิดกับน้องๆ
ดีที่เกิดกับพี่ อย่างน้อย ทำให้ชีวิตพี่หักเหเข้าธรรมะ แต่น้องๆไม่ใช่แบบพี่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันเกิดกับคนอื่นในครอบครัวได้ด้วย

สุขที่แท้จริง says:
บรรพบุรุษทำไม่ดี กรรมตกมาสู่รุ่นลูก จากลูกสู่หลาน จากหลานสู่เหลน
จะหลุถดพ้นจากวงจรนี้ได้ มีแต่การเจริญสติเท่านั้น พี่รอดมาแค่คนเดียว
น้องๆกำลังตกอยู่ในวังวนนั้น แต่พูดแล้วเขาไม่เชื่อ เลยเลือกที่จะเฉย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่า ง่ะ อ่อ แต่เราก็ ทำกรรม ที่ทำให้

สุขที่แท้จริง says:
เราต้องวาง
สัตว์โลกย่อมเป้นไปตามกรรม ตามการกระทำของตัวเขาเอง ต่างกรรม ต่างวาระ
สักวันเขาจะพบทางแบบที่เราพบ ก็ตามเหตุที่เขากระทำกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันกรรมจัดสรร หมายถึงเราเองก็ทำกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ให้เกิดในตระกูลที่ต้องรับกรรมขอบบรรพบุรุษด้วยถูกไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ ไม่มีคำว่าบังเอิญในโลกใบนี้หรอกค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไม่มีคำว่าบังเอิญบนโลกใบนี้.... ไม่มีจริงๆเลยหรือคะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างมีแต่เหตุที่กระทำไว้ แล้วมีผลมาแสดงให้เห็น คือ เหตุที่เกิดขึ้นในชีวิตเราในปัจจุบัน
ไม่มีหรอกหมู นิดเดียวก็ไม่มี สภาวะหมูเปลี่ยนไป แล้วหมูจะเข้าใจมากขึ้น มันจะเป็นไปตามสภาวะ
มันจะมีแต่ความไม่เที่ยง มันจะมีแต่เหตุที่กระทำและผลที่ได้รับ ซึ่งเราจะโต้แย้งตรงนี้ไม่ได้เลย
เพราะไม่สามารถระลึกได้หมด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูรู้สึกว่าเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ได้กับคนอื่นนะคะ กับตัวเอง ไอ้ความไม่พอใจน่ะค่ะ
นิสัย ที่เอาแต่ใจต่อเอง มันเลยเกิดความไม่พอใจ ไม่ค่อยมีเหตุผล

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ กิเลสจะแสดงออกมาหมด ซึ่งเมื่อก่อนถามว่ามีมัย มี แต่เราไม่เคยเห็นมันชัดเจน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูก็ไม่เข้าใจนะคะ ไม่รู้หลอกว่าทำไมทุกข์
พอมาตอนนี้ บอกไม่ถูกน่ะค่ะ ทำให้รู้ว่าทำไมทุกข์ ไม่ต้องเกิดจากคนอื่น เกิดจากตัวเองนี่แหละ

สุขที่แท้จริง says:
เราปรุงเอง มันก้ทุกข์เอง ความทุกข์ ล้วนเกิดจากอุปทาน ความสุข ก็ล้วนเกิดจากอุปทาน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไวนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไวมากๆค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เร็วกว่า 1 เคาะอีก ไว้ไว คนที่สติดีๆๆๆๆ ก็เลยทุกข์น้อยสิคะพี่

สุขที่แท้จริง says:
น้อยลงค่ะ จิตจะเบาๆสบายๆตลอดเวลา แต่ไม่ใช่สุข

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เพราะทันความปรุงแต่ง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ พอทัน มันก็ดับ จิตเลยเบา สภาวะก็ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
สัญญาเก่าๆที่เคยทำมา ความรู้มันจะขึ้นมาเรื่อยๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มหัศจรรย์

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ยังมีอะไรที่คาดไม่ถึงมากมาย
ทำให้ต่อเนื่องนี่แหละค่ะ ไม่ต้องไปคาดหวังใดๆ เอาแค่เรื่องชีวิตเราพอแล้ว
สิ่งอื่นๆที่ได้เพิ่มมา ถือว่าเป็นของขวัญที่ล้ำค่า ที่หาไม่ได้ในโลกใบนี้
เพราะว่าของสิ่งนี้อยู่เหนือกาลเวลา ต้องทำถึงจะได้
แล้วต้องลงมือทำเองด้วย ต้องต่อเนื่องด้วย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ อย่างน้อยได้ทำบ้าง ก็ยังไม่ลืม

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ถึงจะอืด ก็ยังดีกว่า เริ่มต้นใหม่
นึกถึงสภาาพมาม่าอืดๆ อืดก้ต้องกิน เพราะไม่มีอะไรจะกิน ไม่งั้นอดตาย
ถ้าอยากได้กินมาม่าร้อนๆ ใหม่ๆ ต้องทำแล้วกินทันที อย่าปล่อยเส้นแช่ไว้นาน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมม แหม เปรียบซะ

สุขที่แท้จริง says:

ถนัดของกิน พี่กินมาม่าอืดๆมาหลายปี ตอนนี้ได้กินมาม่าราคาไม่รู้เท่าไหร่
ใครๆมาขอกินก็กินไม่ได้ ต้องลงมือทำเอง ใส่ชามทองคำประดับเพชรเลยนะเนี่ยย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แหม เขาเปรียบกับแกงหรือต้มยำ พี่น้ำเปรียบก๊ะมาม่า

สุขที่แท้จริง says:

โอ๊ยย แกงกับต้มยำ นั่นมันปรุงแต่ง แต่งไปตามตัวเองชอบ
ปรุงไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายสำลัก กินไม่ลง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่าว แล้วมาม่าอะคะ

สุขที่แท้จริง says:

มาม่าแตกต่างนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันต้มอย่างเดียว ต้มอย่างเดียว สิคะ

สุขที่แท้จริง says:

ต้มอย่างเดียว ถ้าไม่กินทันที มันก็อืด เหมือนคนปฏิบัติ รู้แล้ว แต่ไม่ทำ ทำมั่ง ไม่ทำมั่ง
สุดท้ายก็อืดเหมือนมาม่า แต่ยังดีไง ยังมีให้กิน ดีกว่าต้มยำ ปรุงอยุ่นั่นแหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้ามาม่ารสต้มยำ ก็ยิ่งไปกันใหญ่นะคะ ทั้งอืดทั้งปรุง

สุขที่แท้จริง says:

แซ่บบบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่น้ำมีโปรแกรมไปวัดมหาธาตุอีกไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ไปค่ะ แต่ยังไม่พูด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อๆค่ะพี่ หมูสัญญากะเพื่อนไว้จะพาเขาไป ไม่แน่อาจจะเป็นอาทิตย์นี้ เพราะติดไว้นานแล้ว
อ่านในบล็อกพี่น้ำกินน้อยๆๆๆ อยู่ได้ไงอะคะ แต่เวลากินบุฟเฟ่ท์กินได้เยอะนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ดูหนัง 2012

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กัวอะพี่ เลยไม่ดู

สุขที่แท้จริง says:

พี่จะแบบนั้นแหละ ท้องขยายได้ไม่จำกัด ถ้าเสียเงิน
เสียแพงนิ เรื่องอะไรล่ะ อีกอย่าง นานๆกินที ปกติแล้ว พี่กินวันละมื้อนะ ข้าวน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่านเรื่องที่พี่น้ำเขียนว่าไม่มองหาความสุขจากข้างนอก มีอะไรกินได้แบบนั้น ก็เห็นภาพนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ แบบนั้นจริงๆ ไม่ต้องไปตะกายหา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ความสุขจากข้างนอกนี่เราหากันตลอดจริงๆ ทุกวิ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ เมื่อก่อนพี่เป็นแบบนั้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้าไม่ต้องหา จะเป็นสภาวะแบบไหนหนอ อนุมานว่า

สุขที่แท้จริง says:

ตังเหลือไง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จริงแฮะ

สุขที่แท้จริง says:

เห็นไหม ตังเหลือ แล้วจะช่วยครอบครัวได้เยอะ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
กะการกิน จะไปอีนังขังขอบทำไม นานๆมิตติ้งทีก็โอเค บ่อยๆจพาลเบื่อเอา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมมมม ค่ะ ทำแบบพี่น้ำได้ หมูสเลนเดอร์แหง

สุขที่แท้จริง says:

ใช้เวลาค่ะ เมื่อก่อนพี่เองก็กินเก่ง พอเจริญสติมากๆ จิตมันจะอิ่ม ความอยากมันลดลงเอง
คือบางทีอยาก แต่อยากไม่นาน มันจะมองว่า กินไปก็แค่นั้น
ตัวคนเดียว แกงถุง 15 บาท ยังกินไม่หมดเล๊ยย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันก็จริงนะคะ ถ้าแค่เอาอิ่ม

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ แค่อิ่ม ถ้าอยากกินอะไรที่มันอยากจริงๆ โน่นเดินไปบิ๊กซี ไปดูว่าอะไรลดราคา กินให้หายอยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

บิ๊กซีพี่น้ำนี่ ทำไมไม่เหมือน ที่หมูเคยเดินน้า บิ๊กซีพี่ลดราคาเยอะจังค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เดินกลางคืนไง อาหารเขาจะลดลงมาเยอะมาก
เกือบ 50 % บางอย่างลด 50% พี่ก็ซื้อมากินเอง และแจกคนอื่นๆด้วย
ยามน่ะได้กินของจากพี่เกือบทุกวัน อันนี้ซื้อแกงหน้าบ้าน สายๆเขาจะขายแค่ถุงละ 15


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ประมาณกี่โมงคะ ลดตั้งครึ่ง

สุขที่แท้จริง says:

หลัง สองทุ่มน่ะหมู พวกข้าวห่อก็มีนะ ปลาไข่นี่ เหลือ 20 บาท กินจนเบื่อ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โห ถูกอะ โสดสบายแบบนี้นะคะ

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ กุศลอ่ะนะ ถ้าไม่มีสติ ก็ใช้ชีวิตแบบไม่รู้คุณค่า คือมี แต่ยังเป็นสติแบบยังไม่ค่อยมีปัญญา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ก็เป็นทาสอารม

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2010, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 226

ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 40/25

เดินรู้เท้าการกระทบชัดค่ะ ตอนต้นๆ มันไม่ได้ละเอียดหรือมีสมาธิจดจ่อที่เท้าแบบต่อเนื่อง
แต่รู้สึกถึงเท้าชัดค่ะ

แล้วก็ หลังๆก็เริ่มฟุ้งค่ะ โน่นนี่ ไปคิดเต็มไปหมด แล้วก็มีอยู่นานแล้วสักพักก็เปลี่ยน
เท้าก้ยังรู้อยู่ค่ะ

มีเท้าแปล็บๆเหมือนโดนน้ำแข็งบ้าง ช๊อตเบาๆบ้าง ร้อนวูบๆที่ปลายเท้าบ่อยๆ
แล้วก็ มีความอยาก แต่ไม่ได้ถี่ มันเป็นฟุ้งมากกว่า ก็มีกำหนดรู้ความอยากไป

แล้วก็พอมานั่ง ก็รู้กายนั่งกะช่วงต้นๆก็รู้ว่ากำลังนั่งอยู่ค่ะ พอไปหลังๆๆ เริมเหมือนหลับ แต่ไม่ได้หลับ
แล้วก็มีวูบ เหมือนงุบ 3 ครั้งแต่ไม่ติดกัน แล้วก็สักพักก็หมดเวลาค่ะ
ตอนกรวดน้ำก็ไม่ค่อยมีสติเหมือนมันง่วงๆจะเคลิ้ม หมดแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
เวลางุบ ถ้ารู้ไม่ทัน ให้กำหนด รู้หนอๆๆ ค่อยๆยืดตัว เป้นการสำทับไว้ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ได้ค่ะ เพิ่ม 5 นาทีนี่ เห็นความแตกต่างเลย

สุขที่แท้จริง says:

เห็นยังไงหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ปกติไม่วูบน่ะค่ะ ไม่งุบไม่วูบ แต่พอเพิ่มเวลา ก็จะเป็น

สุขที่แท้จริง says:

สติไม่ทันค่ะ แต่งุบแค่นี้ไม่เป็นไรค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆ ค่ะ ยังพอรู้ตัว

สุขที่แท้จริง says:

ลองทำไปดูก่อน ถ้ายังมีงุบขึ้นเรื่อยๆ ไม่เบาลง ค่อยกลับมานั่งที่เวลาเดิม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ จะทดลองดู

สุขที่แท้จริง says:

ปรับไปได้เรื่อยๆค่ะ หมั่นสังเกตุตามไปด้วย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ นี่กะจะไปอ่าน ที่พี่น้ำโพสในกระทู้ ไม่ได้อ่านตั้งแต่เมื่อวาน

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ สภาวะเริ่มดีขึ้น จากที่อ่านนะ เพียงแต่ตอนนั้นพี่ยังปรับ ยังดูอะไรไม่เป็น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สภาวะพี่น้ำแต่ก่อนน่ะหรือคะ เหมือนพี่น้ำเองก็ทำความรู้จักกับตัวเองใหม่เลยนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ทำความรู้จักกิเลสของตัวเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แบบลืมไปหมดเลย ดีนะคะ ได้ลุ้นไปพร้อมกัน

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าตอนนั้นมีพี่เลี้ยงคงจะดีนะ ถ้ามีคอยบอกว่า เดิน 5 นาที นั่ง 5 นาทีก็ได้
ถ้าขี้เกียจมากๆนอนไปเลย อยากหลับให้หลับไป แต่ขอให้ทำทุกวันนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ตอนเวลาส่งอารมณ์กะอาจาร์ย อย่างหลวงพ่อน่ะค่ะ ท่านไม่ได้บอกเคล็ดลับแบบนี้หรือคะ

สุขที่แท้จริง says:

ส่งอารมณ์กับใครที่ไหน มีที่ไหนกันล่ะ อ่านจากหนังสือ หลวงพ่อพูดว่า ....
แล้วก็เวลาท่านเทศน์รวมๆที่กุฏิน่ะ หลวงพ่อเทศน์ว่า ...


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หลวงพ่อพูดว่า...นี่จากหนังสือ T T

สุขที่แท้จริง says:

ช่ายยย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอ้วว มาย ก๊อด แล้วๆ ตอนถามหลวงพ่อปรีชาละคะ

สุขที่แท้จริง says:

มีแต่ส่งอารมณ์กับตัวเองล่ะไม่ว่า กับพระอาจารย์ปรีชานั่นส่งจริง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะๆนั่นอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ก็แค่บอกกับท่านว่า เวลาเดิน เป็นยังไง เวลานั่ง เป็นยังไง
เดินนี่ มันรู้ทั้งตัว ไม่ใช่รู้เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง เวลานั่ง จะเห็นเวทนา ตั้งแต่กำลังจะเกิด กำลังเกิด
แล้วจางหายไปในที่สุด เป็นอยู่แบบนี้ตลอดเวลา มีความคิดก้ส่วนความคิด เหมือนเรามีหน้าที่แค่นั่งดู
การทำงานของกาย เพียงแต่สงสัยว่า สภาวะต่อไปมันจะเป็นยังไง
ท่านก็เลยให้ไปหาตำราโสฬสธรรมอ่าน พระโมฆราช


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พระโฆษราช

สุขที่แท้จริง says:

ก็ถึงบางอ้อ เพราะท่องไปไม่รู้กี่สิบรอบ กลัวท่าจะถาม แล้วเราตอบไม่ได้ เลยท่องแหลกลาน
ท่องๆไปมา จนมันอ๋อ อ้าววว .. ความอยากนี่หว่า

คือ มองว่า ความอยากน่ะ มันต้องอยากโน่น อยากนี่ ใช่ป่ะ ไม่คิดว่า แค่อยากรู้สภาวะ
ก็เป็นความอยากที่ทำให้ปัญญาไม่เกิด ก็เลยหลุดจากสภาวะนั้นมาได้ไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เก่งจังค่ะ ไม่สิ ขอคืนคำชมค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

กำลังจะบอกว่า ไม่ใช่ความเก่งสักกะหน่อย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือแหม อย่างเราก็รู้ว่าเรามีกิเลส แต่เราละไม่ได้ง่ายๆนี่คะ

สุขที่แท้จริง says:

การปฏิบัติจะมาบอกว่า เก่ง มันใช้ไม่ได้ หรือจะมาบอกว่า โง่หรือฉลาดก้ใช้ไม่ได้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมค่ะ มันรู้แต่ก็ไม่ใช่จะหลุดกันง่ายๆน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ถึงบอกไง บทมันจะรู้ มันรู้เอง
มันต้องเริ่มจากคิดใช่ป่ะ สุดท้าย ปราศจากความคิด แล้วมันจะเกิดเอง
เพราะยังคิด เลยไม่เห็น แต่บทมันจะเกิด ไปคาดเดาไม่ได้หรอก
บางทีไม่คิดอะไรเลย ก็ไม่เห็นจะมีอะไรให้เกิด สภาวะเขามาสอนแต่ความไม่เที่ยง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้าเราคาดหวัง เราคงไม่ได้ทำตอลดชีวิตนะคะ เพราะทนไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:

ตราบใดที่ยังมีคาดหวัง ก็จงทุกข์ต่อไป กับการคาดหวัง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

งืมๆๆ ค่ะ อ่านของพี่น้ำจบแล้วค่ะ น่าเสียดายนะคะ
เหมือนเริ่มได้หลักแล้ว แล้วเลิกไป หลังกลับจากวัด

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่เหตุที่ทำมา มาได้ถึงทุกวันนี้ก็นับว่ากุศลแล้วว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ชักง่วงๆ หมูขอไปนอนก่อนนะคะ เด๋วทำต่ออีกนิดแล้วนอนค่ะ แหะๆ เสียดาย

สุขที่แท้จริง says:

จ้าา เมื่อคืนดู 2012 ไม่ได้นอนเลย ตอนหมูโทรฯมา กำลังทำราเม็งไปแจกที่ทำงาน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ้ออออออ มิน่า เสียงทำไมใสจัง โห ทำราเม็งด้วย

สุขที่แท้จริง says:

นั่งดูน้ำตาไหล เกิดปีติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หา! เป็นหมูน้ำาไหลเพราะความกลัว

สุขที่แท้จริง says:

ตอนที่เห็นท่านลามะมีสติ สัมปชัญญะตลอดจนวินาทีสุดท้าย ไม่กลัวความตาย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มีที่พึ่งนี่ดีอย่างนี้นะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่จ้ะ หนังทั้งเรื่อง ฉากนี้ ประทับใจที่สุด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร