วันเวลาปัจจุบัน 10 มิ.ย. 2025, 19:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 15:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 15:29
โพสต์: 8


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2011, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้มีประสบการ์ณเกี่ยวกับผลของการนั่งสมาธิมาเล่าสู่กันฟัง ผมเองมีความดีใจที่อาการปวดหัวหายไปได้เป็นปีแล้วก่อนหน้านั้นมักปวดหัวอันเนื่องมาจากความเครียดที่มาจากการทำงานและอื่นๆ จึงกล่าวได้ว่าสมาธิมีผลต่อการลดความเครียดโดยตรง และเมื่อวานอยู่ๆเพื่อนร่วมงานก็ต่อว่าผมว่าดีแต่เอาตัวรอดพอมีปัญหาก็มีแต่บอกผมไม่เกี่ยว นี่มันควายนี่หว่า เท่านั้นแหละความเครียดเริ่มเกิดขึ้นกับผม เนื่องจากผมมีอาการปวดหัวมาก่อนทำให้ผมมาสังเกตุตัวเองว่าเครียดขนาดนี้ท่าทางปวดหัวแน่เรา แต่รอแล้วรอเล่าก็หามีปฏิกิริยาเกิดขึ้น ไม่ปวดหัว ผมชำเลืองไปที่เพื่อนร่วมงานแลรู้สึกผิดที่ว่าผมแบบนั้น จริงๆโมโหครับ แต่แปลกใจตัวเองว่าทำไมเราไม่ร้อนวูบวาบขึ้นมาที่ใจ เหมือนสมัยก่อน จึงมาพิจารณาดูว่าเป็นผลจากการนั่งสมาธินี่เอง มันเหมือนสมองเริ่มวูบวาบแต่วูบวาบเหมือนอาการสมาธิที่เกิดตอนนั่งเป็นอาการใหม่ที่ผมพึ่งได้รับ สรุปไม่ถึงชั่วโมงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดคุยเหมือนเช่นเดิม เพื่อนคนนี้เขาขอโทษใครไม่เป็น ผมเลยไม่ติดใจรอให้เขาพูดอะไรเพราะผมไม่ได้โมโหอะไรอีกต่อไป แต่รู้สึกดีใจลึกๆว่าแม้ผมไม่ได้เก่งทางสมาธิเหมือนนักภาวนาหลายๆคนแต่ผลของสมาธินั้นย่อมให้สมบัติเราคือความเย็นใจแม้ไม่ใช่ช่วงนั่งสมาธิก็ส่งผลต่อชีวิตประจำวันที่ดีขึ้นครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องของผัสสะที่เกิดขึ้นจากอายตนะทั้ง12
การพิจารณาของผมกับการนั่งสมาธินั้น ผมพิจารณากำหนดรู้เรื่องของผัสสะกับอายตนะทั้ง12อยู่ในตอนนี้ทั้งตอนที่นั่งสมาธิและการใช้ชีวิตทั่วไป เมื่อนั่งสมาธินั้นจนเกิดสมาธิ ผัสสะเกิดขึ้นรับรู้ว่าสมาธิเกิดอยู่เกิดเป็นความสงบกายใจขึ้น มีคำถามกับตัวเองว่า ความรู้สึกปวดขานั้นเป็นเวทนาหรือเป็นผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณยังไม่ใช่เวทนา จนกระทั่งเรามีความรู้สึกหวั่นไหวว่าพอแล้วนั่งพอแล้วอย่างนี้เป็นเวทนาหรือปล่าวจนกระทั่งอยากจะถอนจากสมาธินั้นเป็นตัญหาและอุปทานตามลำดับจนกระทั่งถอนจากสมาธินั้นสนองต่ออุปาทานนั่นเอง
ระหว่างที่นั่งสมาธินั้นหูได้ยินเสียงหากเรารำคาญอันนี่เวทนาหรือปล่าวแล้วเสียงดังมากเป็นผัสสะที่เกิดจากโสตวิญญาณหรือปล่าว แต่ถึงอย่างไรเมื่อผมได้ยินเสียงกำหนดรู้ว่าผัสสะเกิดขึ้นจากโสตวิญญาณมีเสียงดังแล้วดับลงอย่างชัดเจนแยกเป็นอันนี้ผัสสะได้เกิดขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับความอึดอัดในการนั่งช่วงแรกผมกำหนดลมหายใจเข้าออกอันนี้เป็นผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณอยู่อันอาศัยสติคอยกำหนดรู้ ความอึดอัดนั้นเป็นผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณอันอาศัยสติกำหนดรู้ว่าอึดอัดอยู่ผัสสะได้เกิดขึ้นแล้วจากกายวิญญาณย่อมเป็นเหตุให้เวทนาเกิดคือรู้สึกกระวนกระวายใจอยากเปลี่ยนอริยาบท ช่วงนี้การพิจารณาส่วนต่างๆทั้งในนอกของร่างกายยังดำเนินต่อไปความชัดเจนบางครั้งปรากฏน้อยเพราะผัสสะที่เกิดจากมโนวิญญาณแทรกเข้ามาเป็นระยะยังผลให้เกิดความเฉื่อยชา ไม่ผ่องใสจนกระทั่งกำหนดรู้ว่าผัสสะได้เกิดจากมโนวิญญาณแล้วผมรู้ชัดว่ามโนวิญญาณพึ่งเข้าแทรกเราเมื่อกี้นี่เอง ไม่เป็นเริ่มใหม่ จนกระทั่งเกิดสมาธิผมรู้ว่าสมาธิเกิดแล้วความอึดอัดหายไป หายใจละเอียดขึ้น สติที่คอยกำหนดรู้สลับกันกำหนดรู้โสตวิญญาณบ้าง จักษุวิญญาณบ้างคือเห็นว่าจักษุธาตุทำงานในความมืดอยู่ แล้วกำหนดรู้ผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณบ้าง มือทับมือ ขาทับขา ลมที่ประทะตามตัวเหล่านี้ย่อมเป็นผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณ ผมคิดว่าเหล่านี้ย่อมเป็นทางแห่งการพิจารณาพระไตรลักษณ์ว่าหากผัสสะที่เกิดขึ้นแล้วพิจารณาถึงความไม่เที่ยง ความเสื่อมสลายลง และหาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ ยังต้องอาศัยสติที่รับรู้ สมาธิที่สงบ และปัญญานำการพิจารณาต่อไปครับ
ในชีวิตประจำวัน ตัวผมหากมองภาพย่อมกำหนดรู้ว่าสัญญาเกิดอยู่ตามธาตุรู้ ผัสสะเกิดขึ้นเพราะจักษุวิญญาณผมกำหนดรู้ว่าเป็นแสงสว่าง แม้เป็นรูปร่างจักษุวิญญาณเกิดจริงแต่หากไม่เอามือไปจับกายวิญญาณย่อมไม่เกิดขึ้นจากตรงนั้น แม้อยากจับภาพ(เกิดตัญหา)ที่เห็นแต่ไม่ได้จับผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ จิตย่อมกระวนกระวายอยู่หากจับภาพผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณเกิดขึ้นสนองต่ออุปาทานของเราเองเช่นกัน

ถึงตรงนี้ผมเองต้องสร้างความเข้มแข็งของอินทรีย์ทั้ง5เพื่อความชัดเจนของการกำหนดรู้ต่อไป
ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางและความคิดเห็นของผมส่วนตัว ผู้ที่อ่านขอจงพิจารณาให้ถี่ถ้วนเองนะครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 14:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
วันนี้มีประสบการ์ณเกี่ยวกับผลของการนั่งสมาธิมาเล่าสู่กันฟัง ผมเองมีความดีใจที่อาการปวดหัวหายไปได้เป็นปีแล้วก่อนหน้านั้นมักปวดหัวอันเนื่องมาจากความเครียดที่มาจากการทำงานและอื่นๆ จึงกล่าวได้ว่าสมาธิมีผลต่อการลดความเครียดโดยตรง และเมื่อวานอยู่ๆเพื่อนร่วมงานก็ต่อว่าผมว่าดีแต่เอาตัวรอดพอมีปัญหาก็มีแต่บอกผมไม่เกี่ยว นี่มันควายนี่หว่า เท่านั้นแหละความเครียดเริ่มเกิดขึ้นกับผม เนื่องจากผมมีอาการปวดหัวมาก่อนทำให้ผมมาสังเกตุตัวเองว่าเครียดขนาดนี้ท่าทางปวดหัวแน่เรา แต่รอแล้วรอเล่าก็หามีปฏิกิริยาเกิดขึ้น ไม่ปวดหัว ผมชำเลืองไปที่เพื่อนร่วมงานแลรู้สึกผิดที่ว่าผมแบบนั้น จริงๆโมโหครับ แต่แปลกใจตัวเองว่าทำไมเราไม่ร้อนวูบวาบขึ้นมาที่ใจ เหมือนสมัยก่อน จึงมาพิจารณาดูว่าเป็นผลจากการนั่งสมาธินี่เอง มันเหมือนสมองเริ่มวูบวาบแต่วูบวาบเหมือนอาการสมาธิที่เกิดตอนนั่งเป็นอาการใหม่ที่ผมพึ่งได้รับ สรุปไม่ถึงชั่วโมงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดคุยเหมือนเช่นเดิม เพื่อนคนนี้เขาขอโทษใครไม่เป็น ผมเลยไม่ติดใจรอให้เขาพูดอะไรเพราะผมไม่ได้โมโหอะไรอีกต่อไป แต่รู้สึกดีใจลึกๆว่าแม้ผมไม่ได้เก่งทางสมาธิเหมือนนักภาวนาหลายๆคนแต่ผลของสมาธินั้นย่อมให้สมบัติเราคือความเย็นใจแม้ไม่ใช่ช่วงนั่งสมาธิก็ส่งผลต่อชีวิตประจำวันที่ดีขึ้นครับผม


smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 14:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าน student ท่านแยกไปเป็นกระทู้ของท่านอีกกระทู้เถอะนะ

เอกอนอ่านแล้ว ท่านเป็นนักปฏิบัติที่มีความใส่ใจต่อการปฏิบัติที่น่าติดตาม
และเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้ปฏิบัติทั้งใหม่ และเก่าได้

ทำเหมือนเป็นบล็อคของตัวเองเลย
ว่าท่านปฏิบัติแล้วเจอสภาวะนี้ ท่านระลึกถึงธรรมบทใด
และการหยิบธรรมบทใดมาใช้ในการอบรมจิตในการปฏิบัติแต่ละช่วง

เอกอนมองดูว่า
ท่านเป็นผู้ปฏิบัติที่มีจิตที่ขัดเกลาด้วยธรรมของพระพุทธองค์ง่าย
และท่านแสดงความเป็นผู้ที่มีไหวพริบ
การปฏิบัติไม่ซับซ้อน สามารถลงรอยกับธรรมหลาย ๆ ประเด็นได้อย่างสมบูรณ์ไม่ยาก

:b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 14:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


และ ท่านได้โปรด เว้นบรรทัด ขึ้นบรรทัดใหม่
เพื่อตัดข้อความไม่ให้ติดกันจนเกินไป จะช่วยให้ผู้อ่าน
อ่านได้สบายสายตามากขึ้นจ๊ะ

โดยเฉพาะคน เฒ่า ๆ อย่างเอกอน :b2: :b2:

แบบว่าอ่านแล้วตาลาย :b23: :b23: :b23:
อิอิ

:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 15:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เท่าที่อ่านคร่าว ๆ

ท่านยังกำลังง่วนอยู่กับอาการซัดส่ายของจิต :b1:
เอกอนก็เป็นเช่นนี้ล่ะ จิตเข้าไปรับรู้โน่นนี่ไม่หยุด
แล้วก็เกิดอาการกระวนกระวายกับความเป็นเช่นนั้นของจิต

แล้วสักพักเอกอนก็ รู้สึกกระวนกระวายจนเซ็ง

เหมือนเข้าไปในส่วนสนุกกับเด็กสามคน
เด็กคนนึงก็ลากไปโนน่ อีกคนก็ลากไปนี่ อีกคนก็ลากไปนั่น
โดนเด็กลากจนเหนื่อย
เมื่อไอ้ผู้ตามตามจนเหนื่อย ตามจนเบื่อ ก็จะหาฐานที่เหมาะทรงตัวอยู่
แล้วก็แค่ใช้ตา(รู้สึก)ชำเลืองมองมัน
แล้วเมื่อนั้น ท่านจะเริ่มนิ่ง ลงสู่ความสงบ และอารมณ์ไหลมารวมลงที่จุดเดียว
เป็นสมาธิในที่สุด


smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


และ ช่วงที่สมาธิยังลงได้ยาก การจับบัญญัติมาประกบกับสภาวะ
จะเป็นตัวดึงจิตให้ไปเกาะกับสภาวะบัญญัติ ซึ่งเป็นสัญญาบัญญัติ
ตรงนี้ ถ้าทำบ่อย ๆ จิตจะเกิดวิถีประจำที่คุ้นเคย
จะทำให้ท่านได้สัญญาที่แข็งแรง สัญญามันไม่ใช่แชลง ที่จะนำไปงัดอะไรขึ้น
และมันก็เป็นของหนักที่จะถ่วงท่านไว้กับวังวนแห่งความคิด(แม้จะเป็นบัญญัติก็ตาม)
ท่านต้องคิดเท่าที่จำเป็น เท่าที่ประคองตนส่งไปให้ถึงความนิ่ง สงบ แจ่มแจ้ง เบาตัว เสียก่อน
แล้วค่อยใช้สภาวะนั้น ถอยจิตออกมา พิจารณาธรรม
เพราะ การพิจารณาธรรมในสภาวะนั้น จิตจะละเอียด
ไม่เป็นเนื่อเดียวกับสิ่งที่พิจารณา
(เช่นจิตเห็นอารมณ์แต่ไม่ได้เสวยอารมณ์ ไม่เอาอารมณ์มาเป็นตน)
เมื่อนั้นท่านจะชำแหละพิจารณาในแง่ไหนมุมไหน ท่านเห็นธรรมตามความเป็นจริง
(อิอิ อันนี้จะจริงรึเปล่า เอกอนไม่รู้ แต่เอกอนเห็นมันเป็นเช่นนั้น)

ถ้าท่านจะทำสมาธิ
ท่านต้องวางตำราแล้วหันหน้ามาเผชิญหน้ากับความจริงภายใน ณ ขณะ
ในสมาธิ อย่าไปคิดว่าสิ่งที่เจอนั้น คืออะไร
ให้วางมือ แต่ให้ใช้อารมณ์ที่เป็นกุศล เข้ามาแก้อารมณ์ที่เป็นอกุศล
สำเร็จอย่างไร แค่ไหน ไม่ต้องคิดมาก
พอออกมา แล้วค่อยพิจารณาทบทวนที่สภาวะต่าง ๆ ที่เกิดภายใน
มันจะเป็น สัญญา เวทนา วิญญาณอะไร ค่อยมาพิจารณาตอนออกมา
แต่ให้คิดตามบัญญัติให้เบา ๆ เหมือน คิดเล่น ๆ เหมือนกำลังคิดถึงสิ่งที่ฝันไป
เหมือนมันจะจริง หรือไม่จริงก็ได้
เพื่อให้เปิดช่องว่างให้จิตได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายด้วยสภาวะเอง
อย่าเติมเต็มส่วนที่ขาดหายด้วยความคิดบัญญัติจนเหนียวแน่น(นั่นเป็นอุปสรรค์)
และอย่าให้สภาวะเป็นใหญ่จนปิดกั้นการชำระทิฐิด้วยบัญญัติที่เป็นสัมมาทิฐิด้วยล่ะ

ถ้าท่านติดการพิจารณาด้วยบัญญัติสัญญาในขณะทำสมาธิ
มันจะติดเป็นนิสัย และเป็นอุปสรรค์ต่อการรักษาระดับความต่อเนื่อง
เพราะ น้ำจะนิ่งได้อย่างไร ถ้ายังเรายังคงโยนหินลงไป

:b1:

จริง ๆ เอกอนก็ใช่ว่าจะเป็นผู้ชำนาญนะ
และเทคนิคที่แสดงความเห็นออกความมาทั้งหมด ก็มั่ว ๆ มาน่ะ :b14: :b9:
แต่เป็นวิธีที่เอกอนใช้แล้วรู้สึกว่า สมาธิดำเนินไปอย่างราบรื่นน่ะ

ก็อายอยู่กับการนำเสนอความเปิ่น :b3: :b3:
แต่เอกอนเห็นว่าท่าน student เป็นคนไม่คิดมาก ไม่ถือสา อิอิ

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 16:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


และอย่ากังวลว่า
ยังไม่ได้สมาธิถึงขั้นนั้น ขั้นนี้แล้วจะพิจารณาธรรมไม่ได้

พิจารณาธรรมตามความเหมาะสม
ธรรมใดที่ เป็นคู่ปรับกับอกุศลที่ยังรบกวนใจท่านอยู่
ธรรมใดที่ ทำให้อกุศลดับได้ไว
ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อการคลายกำหนัด พิจารณาได้ :b1:

ถ้าธรรมใดยังลึกยังซึ้ง ถ้าเราเก็บมาพิจารณา
บางครั้ง จินตนาการอันบรรเจิดจะคาบไปกิน :b14: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2011, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ยาวมากครับขอเวลาอ่านก่อนนะครับ จะกลับเข้ามาสนทนาใหม่

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2011, 15:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


http://media.watnapahpong.org/video/K88OG7UU7G33/สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์-14-พค-2554

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2011, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
eragon_joe เขียน

ท่าน student ท่านแยกไปเป็นกระทู้ของท่านอีกกระทู้เถอะนะ

เอกอนอ่านแล้ว ท่านเป็นนักปฏิบัติที่มีความใส่ใจต่อการปฏิบัติที่น่าติดตาม
และเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้ปฏิบัติทั้งใหม่ และเก่าได้

ทำเหมือนเป็นบล็อคของตัวเองเลย
ว่าท่านปฏิบัติแล้วเจอสภาวะนี้ ท่านระลึกถึงธรรมบทใด
และการหยิบธรรมบทใดมาใช้ในการอบรมจิตในการปฏิบัติแต่ละช่วง


ครับ อันที่จริงก็คิดอยู่แต่ติดที่เราไม่ค่อยเข้ามาเขียนแล้วกระทู้ที่เราตั้งก็จะถูกดันหายไปหน้าอื่น ยากที่จะค้นหาก็เลยมาต่อที่กระทู้นี้ที่ถูกตั้งไว้ประจำทำให้ค้นหาง่ายดี ก็ขอบคุณ เอกอน ครับสำหรับคำแนะนำและคำวิเคราะห์ ผมคิดว่าไม่ว่าเราจะอยู่ที่แห่งใดแสวงหาความสงบแค่ไหนก็ไม่วายจะต้องเจอสภาวะการกระทบกันระหว่างอายตนะในและนอก สมมุติในสภาวะที่เงียบที่สุดเรายังต้องอาศัยกายวิญญาณในการนั่งสมาธิเช่น หายใจเข้าออก การรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจ ความหนาวเย็น เป็นต้น สำหรับผมแล้วสมมุติหากผัสสะที่เกิดขึ้นจากโสตวิญญาณแล้วเรากำหนดรู้ทันผมก็ถือว่าเป็นการพิจารณาธรรมเหมือนกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ทีนี้ก็เป็นเรื่องของวิปัสสนาเมื่อยกสภาวะธรรมขึ้นสู่พระไตรลักษณ์

อ้างคำพูด:
และ ท่านได้โปรด เว้นบรรทัด ขึ้นบรรทัดใหม่
เพื่อตัดข้อความไม่ให้ติดกันจนเกินไป จะช่วยให้ผู้อ่าน
อ่านได้สบายสายตามากขึ้นจ๊ะ

โดยเฉพาะคน เฒ่า ๆ อย่างเอกอน

แบบว่าอ่านแล้วตาลาย
อิอิ


ครับผม ผมว่าคุณเอกอนเป็นคนสนุก ไม่เป็นผู้เฒ่าอย่างที่เขียนแน่

อ้างคำพูด:
เท่าที่อ่านคร่าว ๆ

ท่านยังกำลังง่วนอยู่กับอาการซัดส่ายของจิต
เอกอนก็เป็นเช่นนี้ล่ะ จิตเข้าไปรับรู้โน่นนี่ไม่หยุด
แล้วก็เกิดอาการกระวนกระวายกับความเป็นเช่นนั้นของจิต

แล้วสักพักเอกอนก็ รู้สึกกระวนกระวายจนเซ็ง

เหมือนเข้าไปในส่วนสนุกกับเด็กสามคน
เด็กคนนึงก็ลากไปโนน่ อีกคนก็ลากไปนี่ อีกคนก็ลากไปนั่น
โดนเด็กลากจนเหนื่อย
เมื่อไอ้ผู้ตามตามจนเหนื่อย ตามจนเบื่อ ก็จะหาฐานที่เหมาะทรงตัวอยู่
แล้วก็แค่ใช้ตา(รู้สึก)ชำเลืองมองมัน
แล้วเมื่อนั้น ท่านจะเริ่มนิ่ง ลงสู่ความสงบ และอารมณ์ไหลมารวมลงที่จุดเดียว
เป็นสมาธิในที่สุด


ครับผม คำว่ากระวนกระวายนั้นตรงประเด็นมากเลยครับ การที่ผมนั่งสมาธิทุกวันทำให้เหมือนตัวเองไม่ทุกข์ร้อนใจอะไรเท่าไหร่แต่ความกระวนกระวายใจ(อยากรู้อยากเห็นอยากมีอยากได้)นั้นเกิดขึ้นเมื่อใช้ชีวิตปกติ ส่วนมากผมจะนั่งสงบลงก่อนแล้วรวบรวมสมาธิและสติกลับมากำหนดรู้เรื่องของวิญญาณและผัสสะในตอนนั้นจริงๆ

อ้างคำพูด:
ถ้าท่านจะทำสมาธิ
ท่านต้องวางตำราแล้วหันหน้ามาเผชิญหน้ากับความจริงภายใน ณ ขณะ
ในสมาธิ อย่าไปคิดว่าสิ่งที่เจอนั้น คืออะไร
ให้วางมือ แต่ให้ใช้อารมณ์ที่เป็นกุศล เข้ามาแก้อารมณ์ที่เป็นอกุศล
สำเร็จอย่างไร แค่ไหน ไม่ต้องคิดมาก
พอออกมา แล้วค่อยพิจารณาทบทวนที่สภาวะต่าง ๆ ที่เกิดภายใน
มันจะเป็น สัญญา เวทนา วิญญาณอะไร ค่อยมาพิจารณาตอนออกมา
แต่ให้คิดตามบัญญัติให้เบา ๆ เหมือน คิดเล่น ๆ เหมือนกำลังคิดถึงสิ่งที่ฝันไป
เหมือนมันจะจริง หรือไม่จริงก็ได้
เพื่อให้เปิดช่องว่างให้จิตได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายด้วยสภาวะเอง
อย่าเติมเต็มส่วนที่ขาดหายด้วยความคิดบัญญัติจนเหนียวแน่น(นั่นเป็นอุปสรรค์)
และอย่าให้สภาวะเป็นใหญ่จนปิดกั้นการชำระทิฐิด้วยบัญญัติที่เป็นสัมมาทิฐิด้วยล่ะ


อนุโมทนาครับ ส่วนนี้คงจะต้องศึกษาตัวเองต่อไป จริงๆเหมือนผมเองจะดักตัวเองเหมือนกันเช่นเมื่อผัสสะเกิดแล้วก็รู้สึกว่า นี่ไงผัสสะเกิดแล้วอยู่ในใจ ส่วนมากจะพอใจกับการกำหนดทันโดยไม่โดนผัสสะจากมโนวิญญาณครอบคลุมก่อน อันนี้ตัวเองรู้ตัว แต่ก็โดนผัสสะจากมโนวิญญาณอยู่ดีคือธรรมเกิดเร็วมากนักปฏิบัติจะรู้ดีว่ารู้ตามยากที่จะรู้ว่าเกิดดับของธรรมนั้นในช่วงนาทีหนึ่งมีอะไรบ้าง

อ้างคำพูด:
และอย่ากังวลว่า
ยังไม่ได้สมาธิถึงขั้นนั้น ขั้นนี้แล้วจะพิจารณาธรรมไม่ได้

พิจารณาธรรมตามความเหมาะสม
ธรรมใดที่ เป็นคู่ปรับกับอกุศลที่ยังรบกวนใจท่านอยู่
ธรรมใดที่ ทำให้อกุศลดับได้ไว
ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อการคลายกำหนัด พิจารณาได้

ถ้าธรรมใดยังลึกยังซึ้ง ถ้าเราเก็บมาพิจารณา
บางครั้ง จินตนาการอันบรรเจิดจะคาบไปกิน


อนุโมทนาครับ ยินดีที่ได้สนทนากับคุณเอกอน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 03:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
http://media.watnapahpong.org/video/K88OG7UU7G33/สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์-14-พค-2554



เข้าไปดูตามลิงค์แล้วครับ ก็ได้ความรู้ดีมาก

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ไปทำบุญที่วัด ยืมหนังสือจากวัดมาอ่านเล่มหนึ่ง ของพระอาจารย์ ทูล ขิปฺปปญโญ ดีใจมาก เพราะท่านเป็นพระปฏิบัติคนหนึ่ง อ่านเนื้อหาก็เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ ได้เป็นแนวทางฝึกตนต่อไป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2011, 04:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


นามรูป กับ พระไตรลักษณ์
การซ้อนกันระหว่างนามรูป กำหนดรู้การเกิดดับ ทำอย่างไรจึงจะเห็นพระไตรลักษณ์ด้วยปัญญา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร