วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 10:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2016, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.พ. 2007, 20:39
โพสต์: 189


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ประสบการณ์ของนักปฏิบัติธรรม

การที่เราพยายามปล่อยวาง ไม่ให้มีตัวมีตนเกิดขึ้นในจิตในใจ ถ้าเราสามารถทำได้มากเท่าไร เราจะชนะใจตนเองมากเท่านั้น ผลที่พยายามไม่ยึดถือในตัวตนนี่เอง คือจุดหลุดพ้น

สภาพร่างกายในขณะนี้ ถึงแม้จะถูกเวทนามันรุมเร้าเอาอย่างมากก็ตาม แต่เมื่อเราทำความเข้าใจในสภาพที่แท้จริงแล้ว มันจะกลับเป็นประโยชน์และเป็นตัวปัญญาให้เราคิดแก้ไขเอาชนะสิ่งนั้นให้ได้ในที่สุด ได้มาพิจารณาถึงความเจ็บปวดในขณะที่เกิดจงกรม ใช้สติตามรู้อยู่ตลอดว่ามันปวดที่ส้นเท้าและข้อเท้ามาก แต่รู้เฉย ๆ ไม่ปรุงมัน ดูมันไป จนกลายเป็นสภาพที่มีตัวรู้เด่นอยู่เหนือความเจ็บปวดทั้งมวล แต่ในสิ่งที่กำลังรู้อยู่นี้ มิใช่ว่าอาการเจ็บปวดนั้นจะอันตรธานไป หรือลดน้อยถอยไป มันยังแสดงปฏิกิริยาของมันอย่างปกติ แต่สิ่งที่เรียกว่า รู้ นั้น ก็ยังรู้อยู่ แต่แยกกันไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่มีอาการตอบสนองหรือปรุงแต่งต่อเนื่องแต่อย่างใด เพียงแต่รับรู้ไว้เท่านั้น

นี่คือผลที่เราไม่นำเอาตัวตนของเรา เข้าไปร่วมในเหตุการณ์นั้น เมื่อมันขาดผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ มันมีเพียงกิริยาอย่างเดียว มันจึงเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อไม่สมบูรณ์ การปรุงแต่งต่อไปจึงไม่มี และขาดกันตรงนี้เอง และอาการเช่นนี้ ถ้าเราสามารถทำจิตได้ต่อเนื่องตลอดทุกลมหายใจเข้าออก จนกลายเป็นมีสติรอบเป็นวงแหวน มันก็หมดการเกิดดับตรงนี้เองเช่นกัน

เมื่อสิ่งที่รู้นั้น ไม่แสดงปฏิกิริยาปรุงแต่ง เพียงแต่มีสติรู้อยู่เฉย ๆ นี่เอง จึงทำให้เกิดปัญญาต่อไปว่า สิ่งที่รู้นี้ มันไม่ใช่ตัวที่เราเรียกว่าจิตหรอก มันไม่ใช่ทั้งกายและจิต แต่มันเป็นตัวรู้ ที่ธรรมชาติให้มา หรืออีกนัยหนึ่ง เรียกว่าตัวรู้นี้คือธรรมชาติหรือธรรมชาติคือตัวรู้นี้ ตัวรู้หรือสิ่งที่รู้นี้จะมีอยู่ทั้งในคนและสัตว์ แต่สิ่งที่เรียกว่ารู้นี้มันลึกลับที่เวไนยสัตว์จะหยั่งเข้าไปถึง

เราจะต้องหยุดการเคลื่อนไหวของจิตในรูปที่ไม่คิดปรุงแต่งทั้งหลายให้หมด เหลือไว้เพียงแต่ “รู้” เด่นอยู่เฉย ๆ เท่านั้น แล้วสิ่งที่ปรากฏออกมาตามสภาพที่แท้จริงจึงปรากฏขึ้น การรู้นี้จะทะลุหมดทั้งสามโลก เพราะตัวรู้ที่ว่านี้ มันเป็นธรรมชาติเดิมแท้ และเดินทางกลับสู่สภาพเดิม จึงรู้แจ้งแทงตลอดหมด ไม่มีสิ่งอื่นเคลือบแฝง สามารถดับความคิดปรุงแต่งทั้งมวล ดับกิเลสตัณหาอุปาทานทั้งหลาย ในจิตในใจให้หมดไป

“รู้” นี้มันอยู่เหนือคำพูดที่จะพรรณาเป็นตัวอักษรได้ รู้นี้ที่แท้แล้วมันเป็นธรรมชาติเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปค้นหาที่ไหน มันอยู่ในจิตในใจเรานั่นเอง แต่เวไนยสัตว์หลงติดอยู่กับของปลอม จึงยากที่จะเข้าถึงตัวรู้นี้ได้

สิ่งที่รู้นี้แปลก จะไม่เจือปนด้วยอะไรทั้งสิ้น ความสุขหรือทุกข์ ความกลัวหรือความกล้า ก็ไม่มีอยู่ในสิ่งรู้นั้น มันขาดจากสิ่งแปลกปลอมทั้งหลายจะเข้าไปอยู่ในขณะนั้น มันโพร่งเด่นตระหง่านอยู่กลางจิตกลางใจ ไม่มีอาการปวดเมื่อยในการเดินหรือเกิดเวทนาใด ๆ เลย ซึ่งการใช้เวลาเดินตั้งเกือบสามชั่วโมง มันเสมือนเราเดินกลับเข้าสู่สภาพธรรมชาติเดิมที่แท้ ที่มีอยู่แล้วในตัวเราและเรากำลังเดินเข้าสู่ธรรมชาติของเดิมนั่นทีเดียว

มันเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ปู่พูดไว้ไม่มีผิด คือ จิตของเรากับสิ่งต่าง ๆ ซึ่งแวดล้อมเราอยู่นั้น มันเป็นสิ่ง ๆ เดียวกัน จากคำพูดของปู่ที่ว่า จิตของเราเหนือกว่ามนุษย์หรืออมุษย์ ทำอะไรเราไม่ได้ มันไม่ใช่คุณธรรมที่เรามีเหนือกว่าสิ่งทั้งหลายพวกนี้หรอกจึงทำอะไรเราไม่ได้ แต่ที่แท้จริงแล้ว มันเป็นเพราะจิตเดิมแท้หรือ รู้ นี่ต่างหาก ที่มันกลับไปสู่สภาพเดิมตามธรรมชาติที่เขามีอยู่แล้ว คือ “ความว่าง”

เมื่อมันกลับเข้าสู่สภาพจิตเดิมแท้ อภิธรรมชาติทั้งหลายจึงทำอะไรเราไม่ได้ ไม่ใช่คุณธรรมในแง่ใดทั้งนั้น เมื่อของเดิมเป็นเช่นนี้ และเราสามารถยกปัจจุบันจิตให้เข้าสู่สภาพระดับเดิมเดียวกัน จนเป็นผืนเดียวกันอย่างปู่ว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงในจิตในใจก็ดับหมด อยู่ตรงนี้นั่นเอง มันไม่ไกลเกินไปจริง ๆ ทีเดียว

จริงอย่างปู่ว่า “จิต ตัวมันเอก็ไม่ใช่จิต ถ้าเราทำความสงบเงียบอยู่จริง ๆ เว้นขาดจากการนึกคิด ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของจิตแม้แต่น้อยที่สุดเสียให้ได้จริง ๆ ตัวแท้ของมันก็จะปรากฏออกมาเป็นความว่าง” ตรงดังที่ปู่พูดทุกแง่ทุกมุม และเข้าใจตลอดในขั้นตอนที่ผ่านมา เมื่อนำหนังสือ จิตคือพุทธะ ของปู่มาอ่านทวนจากสิ่งที่เกิดในวันนี้ ซึ่งเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้อ่านหนังสืออันมีค่าเหนือชีวิตเล่มนี้.

:b44: :b44:

.....................................................
เมื่อเจ้าจักเห็น จงเห็นฉับพลัน พอตั้งต้นคิด หนทางปิดตัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2016, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร