วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 02:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 17:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2011, 16:15
โพสต์: 21


 ข้อมูลส่วนตัว


คือมีครั้งนึง เราทำความรู้ตัว โดยการดูกายตอนกินข้าว ก็ดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไรนอกจากดู แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเหมือนไม่มีตัวเรา จนเรารู้สึกโหวงเหวงและก็คิดว่าแล้วจะทำยังไงต่อล่ะเนี่ย ความรู้สึกนี้มันคืออะไรคะ ผิดหรือถูกทางอย่างไร รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2011, 00:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 20:43
โพสต์: 15


 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนครับว่า ผมไม่ได้สัมผัสความรู้สึก ในขณะนั้นกับคุณ จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่ามันคืออะไร ดังนั้น ความเห็นผมคุณจะเห็นพ้องด้วยหรือไม่ก็ได้
สิ่งที่ปรากฎแก่คุณ
1. ถ้ามันคือ จิตว่าง และสติคุณรู้สึกตัวทั่วพร้อม เมื่อความคิดเกิดขึัน ความอยากเกิด หรือกิเลสเกิด หรืออะไรก็ตามที่ปรากฎแก่จิตคุณท่ามกลางจิตซึ่งว่างนั้น คุณจะเห็นมันชัดมาก (อุปมา เหมือนกระดาษขาวบริสุทธิ์ เมื่อคุณใช้ดินสอจุดลงเพียงเล็กน้อย ก็ยังเห็นมันชัด หรือ ในเวลาเงียบสงัด หากมีเสียงเกิดขึ้นแม้แผ่วเบาเราก็ยังได้ยินมันชัด) คุณจะเห็นเหตุแห่งการเกิดชัด เห็นการดำรงอยู่ และหายไปชัด..แล้วก็จะเห็นความคิดหรือกิเลสหรือความอยากเกิดขึ้นอีกชัด แล้วจะเห็นการตั้งอยู่แล้วดับไปชัด รู้ในทันทีว่ามันไม่เที่ยง รู้ในทันทีถึงความเช่นนั้นเอง เมื่อถึงขั้นนี้..คุณก็หายสงสัยแล้ว
2. ถ้ามันคือ ภวังค์ จิตเผลอหล่นวูบไป เหมือนคนนั่งสมาธิใหม่ ๆ ที่จิตร่วงลงไปในภวังค์ พอขึ้นมาได้ คุณจะรู้สึกโล่ง โปร่งเบาสบาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณเริ่มมาถูกทางแล้ว แต่มีปัญหาอยู่นิดหน่อย หากคุณอยากให้มันเกิดขึ้นอีก
3. ไม่ว่าจะคืออะไรก็ตาม มันก็เป็นอดีตไปเสียแล้ว แนะนำว่าให้วางมันลงเสีย เพราะภาวะแห่งการรู้แจ้ง ภาวะแห่งอิสระภาพทางใจ มันปรากฎเฉพาะในปัจจุบันขณะเท่านั้น รวมถึงข้อความที่ผมบรรยายทั้งหมด หากคุณอ่านแล้ว ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าคุณจะสนใจหรือไม่ก็ตาม ทิ้งมันไปได้เลย แล้วทำหน้าที่ของคุณต่อไป แล้วพิจารณาธรรมของคุณต่อไป จนกว่าคุณจะเข้าใจว่า..มันเป็นเช่นนั้นเอง..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรียกว่าอนัตตสัญญาก็ได้ครับ เป็นความจริงอย่างหนึ่งที่ผู้เจริญสติพิจารณา
กาย เวทนา จิต หรือธรรมต้องพบเจอ เป็นปัญญาในการเห็นโดยประจักษ์
แจ้งหรือเรียกว่า ปัจจักขญาณ ที่รู้เท่ารู้ทันจริงๆ ต่อสภาวะธรรม

อารมณ์นี้เวลาใครเจอใหม่ๆ ไม่มีใครชินทั้งนั้นครับ โหวงเหวง ตกใจ
หรือกลัว รวมๆ แล้วเกิดเพื่อให้รู้ว่ากายใจนี้ไม่ใช่ตัวตนหรือเป็น อัตตา
ที่มีอุปาทานไปยึดถือสำคัญมั่นหมายเอาไว้อย่างแต่ก่อนมาว่าเป็นเรามีเรา!

ดีนะครับเกิดง่ายกับคนที่ตั้งใจปฏิบัติ บางทีมีแผนที่ ทราบรู้วิธีการแต่ก็ไม่เคย
เิกิดภาวะอย่างนี้ก็มี พูดง่ายๆ ว่าตอนปฏิบัติให้ ค่อยพิจารณากายใจตาม
เป็นจริงในปัจจุบันใช่ไหมครับ พอความรู้เกิด แต่ไม่เคยเจอ ธรรมดา
ก็ต้องสงสัย อาศัยจิตไปคิดไปพิจารณา ในความรู้แบบนี้ ก็หล่นจาก
ปัจจุบันธรรม ปัจจุบันอารมณ์ ในขณะที่เกิดภาวะนั้นๆ หรือแม้แต่ ครั้งจะ
เริ่มต้นปฏิบัติภาวนาใหม่ รู้กายรู้ใจใหม่ ก็ทำให้ กลัวบ้าง สงสัยบ้าง
อยากให้เกิดอีกบ้าง แต่ละบุคคลก็แตกต่างกันไม่เหมือนกัน

ในรายที่อยากได้อีก มั่นใจเพราะอาศัย การประจักษ์แจ้งในที่แรก ก็จะ
อยากบอกอยากพูดให้ใครต่อใครทราบว่า กายใจนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นอนัตตาก็มี อาศัยความประจักษ์แจ้งเล็กๆ น้อยๆ นั้นก่อน แล้วก็มา
อาศัยการคิดเอา หรือเรียกว่า อนุมานญาณ ปัญญาในการอนุมานกายใจ
นามรูป ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมีอีกชื่อว่า อันวยญาณ ปัญญาคล้อยตาม
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์ ฯลฯ

ที่นี้ถ้าชอบใจติดใจพอใจ วิปัสสนานี้ก็กลายเป็นกิเลสไป ที่เคยได้ก็ไม่ได้
ที่เคยมีก็ไม่มี เป็นความไม่เที่ยง เป็นอนิจจังขึ้นมาอีก ไม่ใช่ตัวตนที่จะไป
บังคับให้มีหรือไม่มีอีก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกลับมาอยู่กับ สติสัมปชัญญะ
ความระลึก ความรู้สึกตัวเหมือนเดิม ในปัจจุบันอารมณ์

พอดีช่วงอบรมพระใหม่ ก็มีผู้เกิดสภาวะธรรมคล้ายข้างต้นนี้สองสามราย
เลยให้ข้อสรุปสั้นๆ ง่ายๆ ไว้ต่อยอดคือ "ความรู้สึกตัวนี้จริง ความรู้นี้อาจจริง
บ้างไม่จริงบ้างก็ได้" หมายความว่า ความรู้สึกที่เกิดจากทางตา หู จมูก ลิ้น
กายใจ ในปัจจุบัน(ปรมัตถอารมณ์) นั้นจริงกว่า สำคัญในการกำหนดรู้เห็นทุกข์
เห็นความดับทุกข์มากกว่า

ส่วนความรู้ที่ว่าจริงบ้างไม่จริงบ้างคือ ในหมู่นักภาวนา ส่วนใหญ่ ตกม้าตาย
คือนอกจากไม่ได้ปัจจุบันอารมณ์ ไม่คอยกำหนด ยังเลยเถิดอาศัยแต่อนุมาน
ในการประจักษ์เห็นไตรลักษณ์ หลงคิดพิจารณาตามความเคยชินมากกว่าที่จะ
ให้เกิดความจริงหรือ เท่าทันสภาวะธรรมจริงๆ ที่ควรกำหนด

ทำให้เนิ่นช้า ที่เคยเป็นอนิจจังก็ดี ทุกขังก็ดี อนัตตาก็ดีก็ไม่เป็นอีกกลายเป็น
ความจำความคิดที่เกี่ยวกับ ไตรลักษณ์เท่านั้นอย่างน่าเสียดายโอกาสก็ขอ
ฝากเอาไว้พิจารณากันทุกๆ คนนะครับขอเจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พัดชา เขียน:
คือมีครั้งนึง เราทำความรู้ตัว โดยการดูกายตอนกินข้าว ก็ดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไรนอกจากดู แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเหมือนไม่มีตัวเรา จนเรารู้สึกโหวงเหวงและก็คิดว่าแล้วจะทำยังไงต่อล่ะเนี่ย ความรู้สึกนี้มันคืออะไรคะ ผิดหรือถูกทางอย่างไร รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


ผิดหรือถูกทางอย่างไร

ไม่ผิดหรอก

ผู้มนสิการกายใจใหม่ๆจะประสพอารมณ์ทำนองนี้กันทั้งนั้น

คลิกๆดูตัวอย่างที่นี่เยอะแยะ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=6.0


เพราะอไร ? เพราะสติสัมปชัญญะยังเกาะจับกาย (หรือสิ่งซึ่งกำลังทำเฉพาะหน้า) ไม่ชัด คือยังมีเผลอๆอยู่

ไม่เสียหายอะไร ใหม่ๆก็ยังงี้แหละ พึงตามดูรู้ทันกาย (รวมความรุ้สึกนึกคิด) และสิ่งที่กำลังทำขณะนั้นๆให้ชัด ต่อไป เช่น กินข้าว ตักก็รู้ว่าตัก ยกขึ้นก็รู้ว่ายกขึ้น ใส่ปากก็รู้ใส่ปาก เคี้ยวก็รู้ตัวว่ากำลังเคี้ยว กลืนก็รู้ว่ากลืนลงไป ชัดๆ

แม้กำลังทำงานอื่นๆนอกจากนั้นอยู่ก็ทำนองเดียวกัน ชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2012, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มี.ค. 2012, 17:36
โพสต์: 210


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
กระบี่อยู่ที่ใจ : เมตตาธรรมค้ำจุนโลก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร