วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 05:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


* ที.ปา.11/228/231 อภิ.วิ.35/804/438 ในพระสูตร ท่านแสดงแต่หัวข้อไม่อธิบาย

ส่วนในพระอภิธรรม ท่านอธิบาย ปัญญาสองข้อแรกมุ่งเอากัมมัสสกตาญาณ และสัจจานุโลมิกญาณ (วิปัสสนาญาณ) ที่เกิดขึ้นโดยปรารภอาชีพการงานศิลปะวิชาการที่ตนประกอบ

ส่วนปัญญาข้อที่ 3 ท่านว่าได้แก่ “สมาปนฺนสฺส ปญฺญา” ปัญญาของผู้ประกอบหรือเข้าถึง ซึ่งอรรถกถาว่า หมายถึงปัญญาของผู้ประกอบด้วยสมาบัติ คือ ปัญญาที่เกิดจากสมาธิ (วิภงฺค.อ. 534 วิสุทธิ.ฎีกา 3/9) แต่ถ้าอย่างความหมายอย่างทั่วไป หมายถึงปัญญาของผู้ลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ หรือทำกิจนั้นจริงๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูแผนที่เสริมอีกหน่อย

นอกจากตัววิธีที่เป็นหลักใหญ่แล้ว ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่พึงใช้ประกอบในกระบวนการก่อให้เกิดปัญญาโดยเฉพาะในวิธีที่สาม

กิจกรรมที่สำคัญๆคือ การฟัง ซักถาม สอบค้น (สวนะ และปริปุจฉา)
การสนทนา ถกเถียง อภิปราย (สากัจฉา)
การสังเกตดู เฝ้าดู ดูอย่างพินิจ (ปัสสนะ และนิชฌาน)
การพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ หรือ โยนิโสอุปปริกขา)
การชั่งเหตุผล (ตุลนา)
การไตร่ตรอง ตรวจสอบ ทดสอบ สอบสวน ทดลอง และเฟ้น (วิมังสา และวิจัย)
การเสพคุ้น ฝึกหัด ทำบ่อย ทำให้มาก (อาเสวนะ ภาวนา และพหุลีกรณ์)

การคิด การเล่าเรียนสดับฟัง และการปฏิบัติฝึกปรือ ย่อมเป็นเครื่องช่วยให้สัญญา ทิฏฐิ และญาณนั้น เกิดมีใหม่ขึ้นบ้าง ก้าวหน้าเพิ่มพูนขึ้นบ้าง ได้รับการแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องขึ้นบ้าง
ว่าที่จริง สุตะ คือความรู้ที่ได้เล่าเรียนสดับมาก็ดี การคิดอะไรได้ต่างๆก็ดี และปัญญาที่รู้เข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้ก็ดี ย่อมเป็นความรู้แบบต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวบุคคลด้วยเหมือนกัน แต่ความรู้ที่จะออกผลเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นรูปสำเร็จขึ้นในตัวบุคคล ก็คือ ความรู้ 3 อย่างข้างต้น คือ สัญญา ทิฏฐิ และญาณนั้น
อาจพูดได้ว่า สัญญา ทิฏฐิ และญาณ ก็คือผลข้างปลายของสุตะ จินตาและภาวนานั่นเอง เมื่อความรู้ออกรูปเป็นสัญญา ทิฏฐิ และญาณแล้ว ย่อมมีผลต่อชีวิตของบุคคลมาก
สัญญา มีอิทธิยิ่งต่อการรับรู้ การมองเห็น การเข้าใจโลกรอบตัว และการที่จะสร้างความรู้อย่างอื่นต่อๆไป
ทิฏฐิ ตั้งแต่ความยึดถือลัทธิศาสนาและอุดมการณ์ต่างๆตลอดลงมาจนถึงค่านิยมต่างๆ เป็นตัวชี้นำแนวทางแห่งพฤติกรรมและวิถีชีวิตของบุคคลได้ทั้งหมด
ส่วนความรู้ประเภทญาณเป็นความรู้กระจ่างชัดและลึกซึ้งที่สุด เป็นผลสำเร็จทางปัญญาสูงสุดที่มนุษย์จะทำได้ สามารถชำระล้างลงไปถึงจิตสันดานของบุคคล สร้างหรือเปลี่ยนแปลงท่าที่แห่งการมองโลกและชีวิต ที่เรียกว่าโลกทัศน์และชีวทัศน์ได้ใหม่ มีผลต่อพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของบุคคลอย่างเด็ดขาดและแน่นอนยั่งยืนยิ่งกว่าทิฏฐิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าโดยสภาวะหรือธรรมชาติ ร่างกายและจิตใจหรือรูป-นามทั้งองคาพยพเนี่ย เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของมันเองอยู่แล้ว เกิดดับอยู่แล้วตามสภาพของมัน ต่อให้เราอยากหรือไม่อยากยังไงมันก็เป็นอย่างนั้นเองอยู่แล้ว อยู่แต่ว่ามนุษย์เห็นความจริงอย่างนั้นของมันไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่เวลาง่วงแล้วสติจะหายอ่ะคะแล้วก็กำหนดผิดๆถูกๆเช่นก่อนง่วงกำลังกำหนดพองหนอ ยุบหนอ แต่พอง่วงมันจะกลายเป็นพองหนอ พองหนอ - - ไม่ก็ยุบหนอยุบหนอไปเรื่อยๆเหมือนเป็นไปตามความเคยชิน คิดอะไรก็กำหนดไม่ค่อยจะได้ cry
แล้วถ้าง่วงแบบนี้จะเกิดสมาธิได้ยังไงอ่ะคะ cry
จริงๆจิตมันกวนอ่ะคะ- - ทีนั่งสมาธิแล้วหลับ แต่พอออกจากสมาธิแล้วมาเห็นคอมหายง่วงทันที ดูมันกวนจริงๆ- -

ตอนนี้ จขกทรู้แล้วอ่ะคะว่าที่ง่วงเพราะความขี้เกียจ cry cry จขกท อยากขยันอ่ะคะ ใครมีวิธีเพิ่มความขยันมั้งคะช่วยบอกหน่อย Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 16:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จริงๆจิตมันกวนอ่ะคะ ทีนั่งสมาธิแล้วหลับ แต่พอออกจากสมาธิแล้วมาเห็นคอมหายง่วงทันที ดูมันกวนจริงๆ-


เห็นแล้วก็นึกขำ ^ :b9: เห็นคอมแล้วหายง่วง



เปรียบก็เหมือนรายนี้แหละ ถ้าอาจารย์ บอกว่า เณร เลิกได้ หมดเวลาแล้ว ก็หายง่วงทันทีเหมือนกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
แต่เวลาง่วงแล้วสติจะหายอ่ะคะแล้วก็กำหนดผิดๆถูกๆเช่นก่อนง่วงกำลังกำหนดพองหนอ ยุบหนอ แต่พอง่วงมันจะกลายเป็นพองหนอ พองหนอ ไม่ก็ยุบหนอยุบหนอไปเรื่อยๆเหมือนเป็นไปตามความเคยชิน คิดอะไรก็กำหนดไม่ค่อยจะได้
แล้วถ้าง่วงแบบนี้จะเกิดสมาธิได้ยังไงอ่ะคะ

จริงๆจิตมันกวนอ่ะคะ ทีนั่งสมาธิแล้วหลับ แต่พอออกจากสมาธิแล้วมาเห็นคอมหายง่วงทันที ดูมันกวนจริงๆ

ตอนนี้ จขกทรู้แล้วอ่ะคะว่าที่ง่วงเพราะความขี้เกียจ จขกท อยากขยันอ่ะคะ ใครมีวิธีเพิ่มความขยันมั้งคะช่วยบอกหน่อย


"ยิ่งยากลำบากเท่าใด ก็ยิ่งเข้าใจชีวิตมากเท่านั้น"

จขกท อยากขยันอ่ะคะ ใครมีวิธีเพิ่มความขยันมั้งคะช่วยบอกหน่อย

วิริยะหรือวิริยินทรีย์นั่นงัย คือ ยาขยัน :b1:

(แต่จะพูดถึงวิริยะตัวเดียวก็ไม่ถูกนักเพราะองค์ธรรมหรือสัมปยุตธรรมนั้นทำงานร่วมกันอีกหลายตัว เช่น สติ สัมปชัญญะ สมาธิเป็นต้น)

จขกท. เดินจงกรมระยะไหนอ่ะครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ระยะแรกอ่ะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
ระยะแรกอ่ะคะ


เห็นบอกว่า เดิน 1 ชม. นั่ง 1 ชม.ใช่มั้ยครับ

ตอนนี้ต้องการเพิ่มวิริยะ ก็ควรเดินระยะแรก ขวา ย่าง หนอ ซ้าย ย่าง หนอ ฯลฯ เดินเร็วนิดหนึ่ง แต่ตามดูรู้ให้ทันเท้าซ้าย-ขวาที่ก้าวไปๆๆ ซ้ายเป็นซ้าย ขวาเป็นขวา ช้ดๆ ไม่หลง

สุดทางหยุดพิจารณารูปยืน ยืนหนอๆๆๆๆ

ต้องการเดินต่อ กลับตัว กลับหนอๆๆๆๆ เดินต่อไป

เพิ่มวิริยะ เดินระยะต่ำๆ (ระยะ1-3) แก้ง่วง เดิน 1 ชม. แต่ลดเวลานั่งเหลือ 50 นาทีพอก่อนช่วงนี้ คือ เดินจงกรมมากกว่านั่งหน่อยหนึ่ง

นี่เป็นวิธีปรับอินทรีย์ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 21:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


บางครั้งก็อย่างละครึ่งชั่วโมง บางครั้งก็15นาทีอ่ะคะ s002 แต่ส่วนใหญ่จะเดินจงกรมไม่ีค่อยมีสมาธิอ่ะคะ เพราะคนงานก่อสร้างข้างบ้านเขา ก่อสร้างกันอยู่เสียงดังไอเสียงก่อสร้างยังไม่เท่าไรเพราะจิตไม่ค่อยสนใจแต่ แต่เขาดันเปิดเพลงอ่ะคะ cry ตอนนี้จิตไม่คิดถึงเพลงเพลงมันไม่ขึ้นในหัวแล้วคะ! เพราะคนงานก่อสร้างข้างบ้านเขาดันเปิดเพลงแทน cry แล้วเวลากำหนดจิตมันก็ดันไปฟังเพลงซะงั้น พอกำหนดเสียงหนอๆ แล้วพยายามเอาจิตไปกับการเดินมันก็มักจะแวบไปสนใจกับเพลงทุกที cry ผิดกับเสียง เอี๊ยดๆแอ๊ดๆที่คนงานก่อสร้างเขากำลังก่อสร้า(จะดังมาเป็นระยะ ไม่ก็หยุดไปสักพัก- - และช่วงที่หยุดเสียงเพลงก็จะดัง(เสียงก่อสร้างดังกว่าเสียงเพลง พอเสียงก่อสร้างหยุดเสียงเพลงก็จะได้ยินชัดแถมดังอีก cry ) จิตไม่ค่อยจะสนใจเสียงก่อสร้างเท่าไร s002 ตอนนี้เริ่มเข้าใจเรื่องการติดในเสียงที่ไพเราะมากขึ้นหน่อยแล้ว ( ถ้าให้เลือกตอนปฏิบัติธรรม ขอฟังเสียงที่น่ารำคาญดีกว่าฟังเสียงเพลงดีกว่า s002 )

ตอนนี้เพราะคนงานก่อสร้างข้างบ้านทำให้ จขกทไม่ค่อยคิดฟุ้งซ่านแล้วคะจะคิดก็ตอนง่วงเนี่ยแหละคะ s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อจะนั่งตั้งใจว่า 50 นาทีนี้ (ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากหลับก็ให้นั่งหลับอยู่ยังงั้น) พองหนอ ยุบหนอ ฯลฯ พองเป็นพอง ยุบเป็นยุบ ชัดๆ ตามขณะปัจจุบันคือท้องพอง-ท้องยุบ แต่ละขณะๆให้ทัน ไม่หลง พองหนอ ยุบหนอ

หากรู้สึกง่วงปุ๊บ กำหนดในใจแรงๆปั๊บ ง่วงหนอๆๆๆๆๆๆ ปักความความคิดลงตรงหัวใจเต้น จึ้ลงไป ง่วงหนอๆๆๆๆๆๆๆ จนหายง่วง
หากจะหลับก็ให้นั่งหลับอยู่ยังงั้นแหละไม่ต้องกังวล ไม่หมดเวลาไม่ลุกไม่เลิก พองหนอ ยุบหนอ ฯลฯ รู้สึกง่วง ง่วงหนอๆๆๆๆๆ ตามวิธีดังกล่าวข้างต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2011, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องเสียงที่ได้ยิน ได้ยินปุ๊บ เสียงหนอๆๆ กำหนดแล้วๆกันจบ สมมุติว่ากำลังเดิน ก็กำหนดอิริยาบถเดินต่อไป

อิริยาบถนั่งก็เช่นกัน ขณะกำลังพองหนอ ยุบหนอ จิตแว้บไปรับรู้เสียง กำหนดทันที เสียงหนอๆๆ กำหนดแล้วๆกันจบ ดึงสติมาเกาะพอง-ยุบต่อไป

คิดถึงเพลงก็เช่นกันได้ยินปุ๊บ เสียงหนอๆๆ

หากจำอยู่ในหัว จู่ๆเพลงผุดขึ้นมา หรือจิต (ธรรมารมณ์) ร้องเพลงแทรกขึ้นล่ะก็กำหนดเลย ร้องเพลงหนอๆๆ กำหนดแล้วๆกันจบ ดึงสติมาอยู่กับสิ่งที่กำลังทำเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะงานอะไรได้ทั้งนั้น ทำงานใด ก็อยู่กับงานนั้น เดินก็อยู่กับเดิน คิดแวบออกนอกงานเฉพาะหน้า กำหนดอีก คิดหนอๆๆๆๆ ฯลฯ ทุกข์พึงกำหนดรู้ กำหนดรู้ตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็นของมัน จะดีชั่วอย่างไร เผชิญหน้า ไม่เลี่ยงหนี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2011, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว ไม่ได้เอาสติมาไว้ที่ลิ้นปี่หรอคะ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2011, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sunflower เขียน:
อ้าว ไม่ได้เอาสติมาไว้ที่ลิ้นปี่หรอคะ


ตรงนี้ตรงนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เหตุผลก็คือให้จิตมีที่เกาะที่จับ ไม่เคว้งคว้าง

หาก จกขท.คล่องตัวตรงลิ้นปี่ก็ใช้ตรงนั้นได้ หรือตรงอื่นก็ยังได้อีก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2011, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:23
โพสต์: 53

แนวปฏิบัติ: สติปัฏฐาน4
อายุ: 17
ที่อยู่: ก.ท.ม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่ะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 08:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท. หายจ้อยไปเลย :b1: เป็นไงบ้างครับพอตามจิตซึ่งถูกความง่วงครอบงำทันหรือยัง หรือว่าน้ำท่วมบ้านจนไม่มีเวลาพิสูจน์สัจธรรม :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร