วันเวลาปัจจุบัน 20 พ.ค. 2025, 22:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 18:17
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: รบกวนท่านผู้รู้ลช่วยตอบให้ด้วยค่ะ...ต้องขอเล่ายาวนิดนึงนะคะ
คือเมื่อปี 51 เคยไปปฎิบัติธรรม 7 วัน(เป็นครั้งแรก) ที่วัดสอนแบบสติปัฎฐาน4 เดินจงกรมสลับกับนั่งสมาธิค่ะ การเดินจงกรมนั้นให้กำหนดซ้ายย่างหนอขวาย่าง หากความคิดเกิดก็ให้กำหนดรู้ที่ความคิด ดูจนหายแล้วเอาสติไปตามรู้ที่การก้าวเดินต่อ 3 วันแรกทำแต่ก็ไม่เคยได้สมาธิเลย รู้แต่ว่าแต่ละรอบที่ฝึกทำไมมันนานจัง ตอนนั่งสมาธิก็ปวด
หลังมาก จนรอบสุดท้ายของการฝึกวันที่4 ในขณะที่ดิฉันเดินจงกรมตามรู้การก้าวเดินเวลาความคิดมันแล่นเข้าก็หยุดเดินแล้วเอาสติไปตามรู้ที่ความคิดจนกระทั่งหาย
ก็กลับมาที่เท้าต่อ ทำได้ซักพักรู้สึกเหมือนวูบตัวมันเอียง เหมือนจะล้มแต่ไม่ล้ม ดิฉันก็กำหนดตามรู้อยู่ตลอด หลังจากนั้นมันเหมือนตัวมันเริ่มเบาขึ้น เบาขึ้น จากที่ต้อง
พยายามกำหนดสติให้ต่อเนื่องกันตลอดในตอนแรก มาตอนนี้เหมือนกับว่าสติมันตามรู้ให้ได้เองค่ะ ไม่ว่าจะซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ คิดหนอ เสียงหนอ มันไปเอง
อัตโนมัติ รู้อยู่อย่างนั้นเบามาก จนสลับมานั่งสมาธิ ก็นั่งกำหนดยุบหนอพองหนอต่อได้โดยไม่เมื่อยเลยค่ะ จนครบ
เวลา 3 ช.ม. เวลาผ่านไปเร็วมากในความรู้สึก ไม่เหมือนรอบอื่นเลย ตอนเดินลงกลับเข้าที่พักก็ยังรู้สึกเบาอยู่นะคะ แต่ก็ค่อยๆเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ หลังจากนั้นที่เหลืออีก 3 วัน ดิฉันก็ไม่เคยทำได้เหมือนครั้งนั้นอีกเลยค่ะ
เล่ามาซะยาว ขอถามนะคะ
- อยากทราบว่าอาการตอนเดินจงกรมนั้นเค้าเรียกว่าสมาธิใช่รึป่าว แล้วถ้าเป็นสมาธินี่มันเป็นระดับไหนคะ รบกวนตอบให้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2010, 09:53
โพสต์: 10


 ข้อมูลส่วนตัว


น่าจะเป็นสมาธิระดับฌาน :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 14:56
โพสต์: 122

โฮมเพจ: chanachai20102553@gmail.com
แนวปฏิบัติ: ค้นหาธรรมของพุทธเจ้า
งานอดิเรก: มองธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: แค่นามสมมุติ
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ดูก่อนท่านทั้งหลาย.............................

การทำสมาธินั้นพึงกระทำสติพิจารณาอาการที่เกิดขึ้น ที่ตั้งอยู่ ที่ดับไป ของอาการ ณ. ปัจจุบันให้ทัน
ส่วนการทำแล้วรู้สึกสบายนั้น คืออารมณ์ในฌาน แต่ขอให้ท่านอย่าพึงยึดติดในอารมณ์นั้น อย่าหลง อย่าคาดหวัง อย่ารีบ อย่ากระวนกระวาย อย่าสุขในฌาณ อย่ายินดี เพราะจะเป็นเหตุให้สมาธิเสื่อม.

ขอให้ท่านพึงรู้ในธรรมยิ่งๆขึ้นไปเทอญฯ...............

.....................................................
เราจักขออำนาจบุญกุศลที่ตัวเราได้กระทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
จงแผ่อำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายไปสู่ทั่วทั้งสากลโลก ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน วิญญาณที่มีรูป และ ไม่มีรูป ทั่วทั้งทุกอณูใน 3 โลกจงได้รับแห่งบุญกุศลที่เราได้จักกระทำไว้ด้วยเทอญ สาธุ.................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มิใช่มีแต่สมาธิตัวเดี่ยวที่ทำหน้าที่อยู่ ยังมีนามธรรมหรือองค์ธรรมหรือธรรมชาติอีกมากซึ่งทำหน้าที่ร่วมกันอยู่ ณ ขณะนั้น เป็นต้นว่า สติ สัมปชัญญะ สมาธิ วิริยะ เจตนา มนสิการ

ที่ถามว่า เป็นสมาธิระดับไหน ตอบ...สมาธิระดับต้นๆ ดังนั้น พึงปฏิบัติต่อไปครับ


แนะนำบอร์ด

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=3.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ไม่ทราบได้คำตอบหรือยัง การเดินนจงกลมนั้นมีหลายวิธี หลายอาจารย์ มีตั้งแต่เดินเร็ว แบบก้าวฉับๆๆๆ จนสติตามไม่ทัน แบบเดินด้วย ความเร็วปกติ(แบบเดินช้าๆ) และแบบสุดท้ายแบบสโลโมชั่นหน่อย ก็ยกหนอแล้วค้างไว้ ย่างหนอแล้วค้างไว้ เหยียบหนอแล้วค้างไว้ การเดินทั้ง 3 แบบความหยาบ ความละเอียดของจิต ตรงตัวรู้
มันจะต่างกัน เดินแบบฉับๆๆนั้นเราไม่เห็นด้วยสติมันตามรู้ไม่ทันอิริยาบท ประโยชน์มันได้น้อยมากได้แต่ความแข็งแรง ของร่างกาย ส่วนแบบที่สองนี้(คือเดินปกติแต่ช้า)แบบนี้นัยว่าเป็นการทำสมาธิอย่างหยาบ กำจัดกิเลสอย่างหยาบ ก่อนทำสมาธิแบบสมรรถกรรมฐาน(ความจริงประโยชน์มีมากกว่านั้นเยอะ แต่ไม่ขอกล่าวเดี๋ยวงง) ส่วนแบบสุดท้ายนี้นี้เรียกว่าต้องการรู้อิริยาบท คือตามรู้การเคลื่อนไหวของกายอย่างละเอียด(หมวดกาย) ทำให้จิตอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างไม่คลาดเคลื่อน การเคลื่อนไหวแบบนี่ มันใกล้วิปัสนาในหมวดกายานุปัสนาเข้าไปเต็มที(ตามรู้กายอย่างละเอียด แต่อริยาบทเดียวคือเดิน) แบบสุดท้ายนี้ความจริงน่าจะได้ประโยขน์มากหน่อยถ้าทำได้จริง แต่มันยากตรงที่ไม่เหมาะกับบางท่านบางคน เช่นโยมบางคนอายุปาเข้าไป 60-70เดินปกติก็ทรงตัวลำบากอยู่แล้วครูบาอาจารย์ยังไปทรมานท่าน ให้ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ค้างไว้ ท่านก็จะแย่เอา อีกอย่างจริตก็เกี่ยวแบบไหนถูกกับจริตเราควรเลือกแบบนั้น ดูตรงไหนว่าถูกกับจริต ก็ดูตรงที่เดินแบบไหนจิตมันตามอิริยาบทได้ดี ได้ต่อเนื่อง ไม่ช้า-ไม่เร็วไปกว่าการเคลื่อนไหว ตัวรู้มันตามอาการเคลื่อนไหวแบบแตะกันไป(สัมผัสเบาๆ) ได้ต่อเนื่องยาวนาน รู้สึกสบายทั้งกายและจิตขณะเดิน ก็ควรเลือกแบบนั้น และถ้าถามว่าเดินแล้วได้อะไร ผลของแต่ละคนมันต่างกันมาก มันขึ้นกับคุณพึ่งปฏิบัติหรือปฏิบัติมานานแล้วสะสมพลังสมาธิพลังปัญญาไว้มากแล้ว แต่อย่างน้อยจิตอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1ชั่วโมง หยุดการปรุงแต่งไปแล้ว 1ชั่วโมงสมาธิอย่างหยาบตั้งขึ้นแล้ว กิเลส นิวรณ์อย่างหยาบดับไปบางส่วนแล้ว แม้แต่เป็นการชั่วคราว แต่ก็ทำให้กายและจิตของคุณพร้อมที่จะปฏิบัติในขั้นตอนที่ยิ่งขึ้นไป(สมรรถหรือวิปัสนา) จะให้อธิบายผลอธิบายมันไม่ได้มันเป็นปัจจัตตัง แต่เกิดอะไรขึ้นก็ประคองจิตไว้กับอิริยาบทอย่าให้หลุด เป็นเรื่องดี ก็อย่ายินดี เป็นเรื่องร้ายก็อย่ายินร้าย จะว่าธรรมดาก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่อยากบอกไว้คืออรหันต์บางองค์บรรลุขณะเดินจงกลมนี้เอง....เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะ คุณจขกท
อาการที่เกิดเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนที่มี "จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ"
แต่เป็นสมาธิระดับต้น ๆ ค่ะ ยังไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาน ดังนั้นขอแนะนำ
ให้เพียรให้มากปฏิบัติให้มาก และต้องไม่ประกอบไปด้วยความอยาก
เข้าถึงสภาวะใดสภาวะหนึ่งจะทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าถึงค่ะ

ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 18:17
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณสำหรับทุกๆ คำตอบเลยนะคะ :b8:



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b8: สาธุค่ะ ตัวเองยังไม่เคยได้ผลมากขนาดนั้นเลย เข้ามาศึกษาด้วยคน :b20:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร