วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 08:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2010, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณไร้นา พอเข้าใจการปรับอินทรีย์ที่คุณวลัยพรบอกไหมครับ :b10: คือว่าคุณพอเห็นแนวทางที่เป็น

รูปธรรมพอจะนำไปทำไปปฏิบัติเองได้บ้างไหม พูดตรงๆเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2010, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:

โปรแกรมในหัวผม..มันตั้งใว้ผิด..ตั้งแต่แรก..เลย

ตาเห็น..ไร้นา..
ใจอ่าน..ไรน่า..

ใจมันชอบฝรั่ง..หรืองัยก็ไม่ทราบ :b10:

ตอนนี้ใจก็ยัง..อ่านเป็น..ไรน่า..ทุกที

นี้..สัญญาวิปลาส..มันแก้ยาก..หากไม่เอ่ะใจ..มันก็ผิดอย่างเดิมอยู่ร่ำไป

ไร้นา..ไรน่า
ไร้นา..ไรน่า

:b32: :b32: :b32:

ไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้..เขาเล้ย.. :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การปรับอินทรีย์ ถ้าเกี่ยวกับสภาวะ จะดูในเรื่องของสติ สัมปชัญญะและสมาธิเป็นหลัก
เพราะเมื่อทำได้ตรงนี้แล้วศรัทธาและปัญญา จะเจริญงอกงามขึ้นมาเองตามสภาวะ
อันนี้ก็แล้วแต่เหตุของแต่ละคนด้วยนะคะ มันไม่แน่เสมอไป

ถ้าสมาธิมาก หรือขาดความรู้สึกตัวในขณะที่จิตเป็นสมาธิ
เช่น ในกรณีเกิดโอภาส รู้ว่าเกิด แต่ไม่สามารถรู้ที่กายได้

หรือเวลาที่จิตเป็นสมาธิ แค่รู้ว่าเป็นสมาธิ รู้สึกเหมือนกายหายไปหมด
และไม่สามารถรู้กายได้ ตลอดจนไม่สามารถรู้การเคลื่อนไหวหรือการทำงานของกายที่มีอยู่ได้

ถามคุณ walaipron อีกว่า สัมปชัญญะ จะเจริญได้อย่างไรครับ

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
คุณไร้นา พอเข้าใจการปรับอินทรีย์ที่คุณวลัยพรบอกไหมครับ คือว่าคุณพอเห็นแนวทางที่เป็น

รูปธรรมพอจะนำไปทำไปปฏิบัติเองได้บ้างไหม พูดตรงๆเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ


ที่คุณวลัยพรตอบมา เข้าใจครับ แต่ก็ยังมีสงสัยอยู่ไม่น้อยครับ ที่จริงก็เป็นเรื่องธรรมดาครับที่ปุถุชนอย่างผมก็มีเรื่องที่ต้องศึกษา พิจารณา หาเหตุและผลของข้อธรรมที่เกิดขึ้นอยู่ทุกขณะจิต

อย่างนั้นก็ขอคำชี้แนะเพิ่มเติมจากคุณกรัชกายด้วยก็ดีครับ ในเรื่องการปรับอินทรี 5 และพละ ด้วยก็จะเป็นการดีครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ไร้นา เมื่อ 14 ต.ค. 2010, 22:36, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้นา เขียน:
อย่างนั้นก็ขอคำชี้แนะเพิ่มเติมจากคุณกรัชกายด้วยก็ดีครับ ในเรื่องการปรับอินทรี 5 และพละ ด้วยก็จะเป็นการดีครับ


องค์ธรรมเป็นต้นดังว่า จะนั่งคิดปรับโดยไม่ลงมือทำเห็นจะยากครับ :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
วิธีปรับคือ เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง หรือนั่งให้น้อยลง

คราใดที่เกิดโอภาสแล้วสามารถรู้การเคลื่อนไหวของกายได้ตลอด
จึงค่อยๆเพิ่มการนั่ง ให้เสมอกับการเดิน แต่ถ้าเพิ่มแล้ว ขาดการรู้กายอีก ให้ปรับนั่งลงมาเหมือนเดิม
ปรับไปปรับมาแบบนี้ จนกว่าจิตจะรู้อยู่ในกายได้โดยไม่ส่งออกนอกองค์กรรมฐาน


ตามที่คุณวลัยพรแนะนำนั่น คุณเข้าใจยังไงครับ เช่นที่ว่า เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง หรือนั่งให้น้อยลง

คุณเข้าใจว่า ทำเขาทำยังไงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 22:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
วิธีปรับคือ เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง หรือนั่งให้น้อยลง

คราใดที่เกิดโอภาสแล้วสามารถรู้การเคลื่อนไหวของกายได้ตลอด
จึงค่อยๆเพิ่มการนั่ง ให้เสมอกับการเดิน แต่ถ้าเพิ่มแล้ว ขาดการรู้กายอีก ให้ปรับนั่งลงมาเหมือนเดิม
ปรับไปปรับมาแบบนี้ จนกว่าจิตจะรู้อยู่ในกายได้โดยไม่ส่งออกนอกองค์กรรมฐาน


ตามที่คุณวลัยพรแนะนำนั่น คุณเข้าใจยังไงครับ เช่นที่ว่า เดินจงกรมให้มากกว่านั่ง หรือนั่งให้น้อยลง

คุณเข้าใจว่า ทำเขาทำยังไงครับ


เข้าใจว่าให้ทำการรู้สึกตัวอยู่ในกาย เช่นการเดินจงกลมก็ให้รู้ที่การเคลื่อนใหวส่วนขาและเท้าที่สัมผัสกับ
พื้น อย่างต่อเนื่อง ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่างหนอ โดยที่จิตจะรู้อยู่ที่เท้ายก ย่าง และสัมผัสกับผื้น ทำให้มีสติรู้อยู่ตลอด แตกต่างจากการนั่งสมาธิที่จับลมหายใจที่ปลายจมูก ร่างกายส่วนอื่นไม่เคลื่อนใหว ทำให้การระลึกรู้ต้องใช้ความละเอียดมาก เพราะอากาศเป็นอะไรที่เบามาก เวลาเกิดผัสสะกับปลายจมูกก็จะละเอียด จนบางครั้งหายไป หรือ เกิดผัสสะทางมโนขึ้น สติก็หลุดจากปลายจมูกไปที่มโนที่เกิดขึ้นได้ง่ายทำให้การเจริญสติ-สัมปชัญญะ ขายหายไป ไม่ต่อเนื่องเท่าการเดินจงกลมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อย่างนั้นก็ขอคำชี้แนะเพิ่มเติมจากคุณกรัชกายด้วยก็ดีครับ ในเรื่องการปรับอินทรี 5 และพละ ด้วยก็จะเป็นการดีครับ


คุณไร้นาเข้าใจพอสมควร :b12:

ก็เมื่อเข้าใจอย่างนั้นแล้ว คุณก็ใช้การเดินจงกรม+การนั่งดังกล่าวนั่นปรับอินทรีย์ หรือพละเอา เช่น เพิ่มเวลาให้ยาวนานขึ้นเป็นขั้นๆไป (แต่พึงค่อยๆปรับ)

ตัวอย่าง จงกรมระยะ 1-3 เท่าเพิ่มวิริยินทรีย์ หรือ วิริยพละ เป็นต้น รวมทั้งเดินจงกรมมากด้วย
จงกรม ระยะ 4-6 เท่ากับเพิ่มสมาธินทรีย์ หรือ สมาธิพละ ฯลฯรวมทั้งการนั่งกำหนดอารมณ์กรรมฐานให้มากก็เพิ่มสมาธินทรีย์ เป็นต้นเหมือนกัน

คุณพึงสังเกตตนเองว่า อินทรีย์ตัวใดอ่อน ตัวใดกล้า แล้วก็ใช้การเดินจงกรม กับการนั่ง + กับเวลาเดิน นั่งนั่นแหละเป็นตัวปรับ

อินทรีย์ ก็มี 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา พละก็ได้แก่องค์ธรรม 5 ตัวนั่นแหละ แต่มีกำลังเพิ่มขึ้นจากการปฏิบัติดังกล่าวแล้ว จึงเรียกว่า พลธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2010, 10:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
คุณไร้นาเข้าใจพอสมควร :b12:

ก็เมื่อเข้าใจอย่างนั้นแล้ว คุณก็ใช้การเดินจงกรม+การนั่งดังกล่าวนั่นปรับอินทรีย์ หรือพละเอา เช่น เพิ่มเวลาให้ยาวนานขึ้นเป็นขั้นๆไป (แต่พึงค่อยๆปรับ)

ตัวอย่าง จงกรมระยะ 1-3 เท่าเพิ่มวิริยินทรีย์ หรือ วิริยพละ เป็นต้น รวมทั้งเดินจงกรมมากด้วย
จงกรม ระยะ 4-6 เท่ากับเพิ่มสมาธินทรีย์ หรือ สมาธิพละ ฯลฯรวมทั้งการนั่งกำหนดอารมณ์กรรมฐานให้มากก็เพิ่มสมาธินทรีย์ เป็นต้นเหมือนกัน

คุณพึงสังเกตตนเองว่า อินทรีย์ตัวใดอ่อน ตัวใดกล้า แล้วก็ใช้การเดินจงกรม กับการนั่ง + กับเวลาเดิน นั่งนั่นแหละเป็นตัวปรับ

อินทรีย์ ก็มี 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา พละก็ได้แก่องค์ธรรม 5 ตัวนั่นแหละ แต่มีกำลังเพิ่มขึ้นจากการปฏิบัติดังกล่าวแล้ว จึงเรียกว่า พลธรรม


ขอบคุณมากครับ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ไร้นา เมื่อ 15 ต.ค. 2010, 10:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร