วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 12:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 23:16
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อริยสัจจ์๔แห่งจิต ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย ผลที่เกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค ผลที่เกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ อริยะสัจจ์ ๔ ของจิต
จิต รู้เกิด-รู้ดับ เป็น สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์
ผลที่เกิดจากจิตที่รู้เกิด รู้ดับ เป็น ทุกข์
จิต รู้ไม่เกิด ไม่ดับเป็น มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ผลที่เกิดจากจิตที่รู้ไม่เกิด ไม่ดับ เป็น นิโรธความดับทุกข์
อริยะสัจจ์ ๔ ล้วนแล้วแต่เป็นอาการของจิตทั้งนั้น จิตที่พ้นจากอริสัจจ์ ๔ จึงไม่มีอาการของสมมติใดๆทั้งสิ้น การไปการมา การตั้งอยู่หรือการดับไปของจิตจึงไม่มี สิ่ง ต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของสมมติทั้งสิ้น ส่วนมากร้อยทั้งร้อยหรือล้านทั้งล้านนักปฏิบัติธรรมจะไปดูอาการของจิตแล้วจะพูดว่าเป็นการปฏิบัติธรรมดูจิตส่วนมากไปติดแค่อาการของจิตหรือเงาของจิตอาการของจิตก็คือความว่างความสว่างความสงบความสบายความสุขทางจิตใจและสภาวะที่ตรงกันข้ามก็คือความไม่ว่างความไม่สว่างความไม่สงบความไม่สบายความทุกข์ทางจิตใจต่างๆนาๆอื่นๆอีกฯลฯเหล่านี้นั้นล้วนเป็นอาการของจิตหรือเงาของจิตนั่นเองตัวจิตแท้จริงนั้นคือรู้ที่ไม่เกิดไม่ดับรู้ที่มีสภาวะเดียวหรือเรียกว่าเอกะสภาวะรู้ที่ไม่มีนิมิตเครื่องหมายรู้ที่ไม่มีที่ตั้งหรือที่อิงอาศัยหรือรู้ล้วนๆนั่นเองสมดังที่ท่านพระสารีบุตรถามปัญหานางกุณฑลปริพาชิกาว่าเอกังนามะกิงหนึ่งไม่มีสองคืออะไรนางกุณฑลไม่สามารถตอบได้ปัญหานี้ผู้สามารถตอบได้มีแต่พระพุทธเจ้ากับเหล่าพระอรหันต์เท่านั้นให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องสิ่งใดๆก็ตามถ้ามีการเกิดๆดับๆอยู่สิ่งนั้นไม่ใช่จิตมันเป็นแค่อาการของจิตหรือเงาของจิตจิตที่แท้จริงก็คือรู้ที่ไม่เกิดไม่ดับนี่คือมรรคข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ผลที่เกิดจากการเจริญดูจิตคือรู้ที่ไม่เกิดไม่ดับเป็นนิโรธ(หรือนิพพานนั่นเอง)และนิพพานก็มีอยู่แล้วภายในจิตของทุกๆคนอยู่แล้วแต่ไม่มีใครมาสนใจดูจิตใจของตนเองเท่านั้นเองส่วนมากพากันไปดูที่อาการของจิตหรือเงาของจิตแล้วก็พากันเหมาเอาเองว่าเป็นการดูจิตซึ่งไม่ถููกต้อง อริยะสัจจ์ ๔ ของจิต
จิต รู้เกิด-รู้ดับ เป็น สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์
ผลที่เกิดจากจิตที่รู้เกิด รู้ดับ เป็น ทุกข์
จิต รู้ไม่เกิด ไม่ดับเป็น มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ผลที่เกิดจากจิตที่รู้ไม่เกิด ไม่ดับ เป็น นิโรธความดับทุกข์(หรือนิพพานนั่นเอง)
อริยะสัจจ์ ๔ ล้วนแล้วแต่เป็นอาการของจิตทั้งนั้น จิตที่พ้นจากอริสัจจ์ ๔ จึงไม่มีอาการของสมมติใดๆทั้งสิ้น การไปการมา การตั้งอยู่หรือการดับไปของจิตจึงไม่มี สิ่ง ต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของสมมติทั้งสิ้น ที่กล่าวกันว่าจิตที่พ้นจากสมมติแล้วเป็นจิตดับความรู้ก็ดับไปด้วยนั้น เป็นความรู้ความเห็นของนักปฏิบัติธรรมประเภทสุ่มเดาต่อให้ด้นเดาเกาหมัดต่อไปอีกนับกัปป์นับกัลป์ไม่ถ้วนก็ไม่มีโอกาสพบพระนิพพานของจริง ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ เพราะเกาไม่ถูกที่คันมันก็เลยไม่หายคัน จิตที่ถอดถอนกิเลสมีอวิชชา ตัณหา อุปปาทาน ออกไปจากจิตใจจนหมดสิ้นไม่มีเหลือนั่นแหละท่านเรียกว่านิโรธหรือนิพพานนั่นเอง หรือเรียกว่าจิตที่ผ่านการกลั่นกรองจากอริยะสัจจ์ ๔ นั่นเองท่านให้ชื่อให้นามว่า พระนิพพาน ความจริงแล้วจะเรียกว่าอย่างไรก็ไม่มีปัญหาสำหรับจิตที่พ้นแล้วจากสมมติโดยประการทั้งปวง จิตเป็นอกาลิโกตลอดอนันตกาลท่านเรียกว่าวิสุทธิจิต ดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสไว้ในปฐมพุทธะวะจะนะ ความว่า วิสังขาระคะตัง จิตตัง จิตของเราได้ถึงสภาพที่ สังขารไม่สามารถปรุ่งแต่งจิตได้อีกต่อไป ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคาติ มันได้ถึงความสิ้นไปแห่งตัณหาคือถึงพระนิพพานนั่นเอง สิ่งใดก็ ตามขึ้นชื่อว่าสมมติย่อมตกอยู่ภายใต้กฏอะนิจจัง ทุกขัง อะนัตตา จิตที่อยู่ภายใต้ความเกิดและความดับจึงเป็นจิตที่อยู่กับสมมติของกิเลสดีๆนี่เอง จิตประเภทนี้ย่อมอยู่กับความเกิด-ความดับตลอดอนันตกาลเหมือนกัน เป็นจิตที่อยู่กับความเกิด-ความตายนั่นเอง แล้วจะเสกให้เป็นพระนิพพานได้ยังไง ? ผู้ที่ปัญญาเท่านั้นไม่ไว้วางใจกับจิตประเภทนี้ ยกเว้นพวกที่มีปัญญาอ่อนหรือปัญญาหน่อมแน้มไปหน่อยเท่านั้นเอง จิตที่พ้นจากสมมติจึงเป็นจิตที่บริสุทธิ์ล้วนๆเป็นวิสุทธิจิต พ้นจากกฏอะนิจจัง ทุกขัง อะนัตตา ตลอดอนันตกาล เมื่อถึงที่สุดของจิตแล้วมันไม่มีชื่อเรียกด้วยซ้ำไป ที่กล่าวกันว่า สิ่งสิ่งหนึ่งที่ไม่มีชื่อ ไม่มีฉายา ไม่มีการมา ไม่มีการไป ไม่มีการตั้งอยู่ และไม่มีการดับไป ไม่มีร่องรอยให้กล่าวถึง แต่มีอยู่จริง เห็นอยู่ รู้อยู่ มันเป็นสันติสุขที่รุ่งเรืองและเร้นลับและมีอยู่อย่างสมบูรณ์ภายในจิตใจของทุกๆคนอยู่แล้ว นั่นแหละท่านเรียกว่าที่สุดแห่งทุกข์หรือพระนิพพานนั่นเอง พระนิพพานมีอยู่ตลอดกาล(อะกาลิโก)ไม่เลือกกาลเวลา ปฏิบัติเวลาใหนเห็นเวลานั้นไม่เลือกกาลเวลาและสถานที่ ภิกษุทั้งหลาย อายตนะอันไม่เกิดแล้ว อันปัจจัยไม่ทำแล้วไม่แต่งแล้วมีอยู่(หมายถึงจิตหรือรู้ที่บริสุทธิ์ล้วนๆนั่นเองคืออายตนะนิพาน )

this nation is last our nation , we don't come back to are born again time stump suthee


แก้ไขล่าสุดโดย suthee เมื่อ 14 ก.ย. 2010, 14:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2010, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




Resize of aa024.jpg
Resize of aa024.jpg [ 96.41 KiB | เปิดดู 1865 ครั้ง ]
tongue
การปฏิบัติสมาธิในพุทธศาสนานั้น
พระองค์ทรงเน้นให้ใช้อานาปานสติเป็นเครื่องมือ
พร้อมคำบริกรรม(พุทโธ) เพื่อหน่วงจิตให้เกิดสติได้ง่ายขึ้น


คุณธรรมภูตครับ คุณกำลังหลงทาง หลงประเด็นอยู่หรือเปล่าครับ มีอันตรายหลายอย่างซ่อนอยู่ในความเห็นส่วนตัวของคุณ คุณกำลังบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยไม่รู้ตัว ผมยกมาให้คุณพิจารณาท่อนหนึ่ง ดังข้างบนนี้

มีในพระสูตรใดที่พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าให้ใช้คำบริกรรม พุทโธ กำกับอานาปานสติ

อนึ่ง การมีสติ สมาธิ ปัญญา เป็นสัมมาดีแล้ว ย่อมจะเห็น ความเกิด - ดับ ของจิต หรือสภาวธรรมเป็นธรรมดา

การเห็น หรือรู้ถึงความเกิด-ดับ นั้น เป็นทางเดินของวิปัสสนาปัญญา ความเกิดดับนั้นแสดงสามัญลักษณะข้อที่ 1 คือ อนิจจะลักขณะ หรือ อนิจจัง ใครเห็นอนิจจังชัด จนเกิดความเบื่อหน่ายคลายจางในธาตุขันธ์ก้อนนี้แล้วปล่อยวางความเห็นผิด ยึดผิด ว่าเป็น ธาตุขันธ์ หรือ อัตตา ตัวกู ของกู จึงจักเป็นเหตุพ้นโลกย์ได้


คุณธรรมภูตครับ รู้น้อย ก็ไม่ดี รู้มากเกินไป ก็พาให้ฝั้นเฝือ หรือพอดีๆ จับประเด็นคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ชัดๆ ตรงๆ ถูกต้องดีเสียก่อน จะพาไปสู่ดี

พบคนถูกต้อง ก็จะได้รู้สิ่งที่ถูกต้อง
รู้ถูกต้องสำคัญที่สุด เพราะ

รู้ถูกต้อง ทำให้ เห็นถูกต้อง

เห็นถูกต้อง จักทำให้ คิด ถูกต้อง

คิดถูกต้อง ย่อม ทำ ถูกต้อง

ทำถูกต้อง ย่อมจักได้สิ่งที่ถูกต้อง

ได้สิ่งที่ถูกต้อง ก็จักเป็นคนถูกต้อง

เป็นคนถูกต้อง ก็จักพูดและถ่ายทอดแต่สิ่งที่ถูกต้อง


ข้อความทั้งหมดที่คุณได้อ่านในวันนี้ จะช่วยปลุกผู้ก่อการร้ายในจิตของคุณธรรมภูตขึ้นมาแสดงตัวทันที
คุณธรรมภูตจะได้เจอของจริง ณ บัดเดี๋ยวนี้ ลองสู้กับเขา ดู สักตั้งนะครับ ขอให้ชนะ และฉลาดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วเจริญในเส้นทางแห่งมรรค 8 สู่นิพพานในเร็ววันนี้นะครับ สาธุ

:b8: :b8: :b27: :b27: :b16: :b16: :b12: :b12: :b12: :b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2010, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ไหนตอนแรก ไม่ยอมรับว่าจิตเกิดจิตดับได้

ถ้ายืนกรานดังเดิม ต้องไม่มาตั้งคำถามแบบนี้อีก


ถ้าตั้งคำถามแบบนี้ แสดงว่ายอมรับแล้วว่าจิตเกิดดับ


ถึงอย่างไรก็ตาม ขอบอกว่าตั้งประเด็นถามได้ตลกมาก
ก็ "เกิดดับ" นั่นแหละ คือ "ความเป็นจริง" ที่ต้องตามเห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2010, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 407

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ชาวพุทธทั้งหลายพึงข้อสังเกตวิธีการสอนของผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้เผยแผ่ธรรมของพระพุทธองค์ว่าเป็นไปตามพระธรรมวินัยหรือไม่ ทำไมผู้สอนบางท่านจึงอ้างถึงคุณวิเศษในการทำนายทายทักบุคคลอื่น พูดถึงเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ซึ่งพิสูจน์ได้ยาก หรือพยากรณ์คุณธรรมของผู้อื่นว่าบรรลุธรรมขั้นใด ทั้งที่การพยากรณ์การเป็นอริยบุคคลนั้น เป็นพุทธวิสัย คือ เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้น


รายงานโดย :ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553



อ้างคำพูด:
ภิกษุผู้อวดคุณวิเศษที่ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง ชื่อว่าเป็นยอดมหาโจรในโลก เพราะบริโภคก้อนข้าวของราษฎรด้วยอาการแห่งขโมย

พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน


พระอริยะสาวก ต้องถือพระวินัยและข้อวัตรอย่างเคร่งครัด


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร