วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2025, 19:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


91One เขียน:
ผมความรู้น้อย ปัญญากระจิดริด หากคุณธรรมภูติจะกรุณา
ท่านอื่นๆ คงจะได้ประโยชน์นะครับ :b12: :b4:

คุณ91Oneครับ

ผมคิดว่า บทความที่ผมนำมาขึ้นกระทู้ไว้นั้น เมื่อคุณอ่านและค่อยๆทำความเข้าใจ
ก็จะเห็นได้ว่า พระพุทธพจน์ที่ผมยกมานั้นล้วนเป็นการปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงจิตและรู้จักจิตที่แท้จริงได้ดีขึ้นครับ

ปุถุชนคนกิเลสหนาทุกคน ล้วนเหมือนกันหมดใช่มั้ยครับ???
วันๆจิตอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่างๆอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ยครับ???
เห็นแต่จิตที่กวัดแกว่ง แส่ส่าย ส่งออกไป และไหวหวั่นไปตามอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้นที่เข้ามากระทบ
เปลี่ยนจากอารมณืหนึ่งสู่อีกอารมณ์หนึ่งอย่างรวดเร็ว ด้วยความกลอกกลิ้ง

เมื่ออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดอันไหนที่เราคุ้นชินมากๆ
จิตของเราก็จะระงับลงไม่แสดงออกได้เร็ว
กว่าอารมณ์ที่เราประทับใจมากๆและยังไม่คุ้นชินใช่มั้ยครับ???
ก็จะเป็นวัฏฏะวน ที่หมุนเวียนไปแบบนี้ จนกระทั่งเราตายเน่าเข้าโลงไป
โดยที่จิตของเราปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้ออกไปไม่เป็นเลยใช่มั้ยครับ???

การปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา(สัมมาสมาธิ)นั้น ก็เพื่อเป็นการฝึกฝนอบรมจิตได้ดีขึ้น
ให้จิตรู้จักวิธีการปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่างๆออกไปจากจิต ด้วยการปฏิบัติภาวนา
เราจะรู้อยู่เห็นอยู่ว่า การที่จิตเป็นสุข หรือเป็นทุกข์อยู่กับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้นเพราะอะไร???

เพราะจิตขาดสติในการจัดการกับอุปทานความยึดมั่นถือมั่น ที่หมักดองอยู่ที่จิตใช่มั้ยครับ???
เมื่อเรามาฝึกฝนอบรมจิตด้วยการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนา
ย่อมทำให้จิตมีกำลังสติในการขจัดสิ่งที่หมักดองอยู่นั้นให้หมดไปครับ.....

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


91One เขียน:
ธรรมภูต เขียน:
คุณ91Oneครับ
คุณช่วยบอกหน่อยได้มั้ยครับว่า จิตในจิตนั้น(ดูจิต)
จิตตัวแรกคืออะไรครับ???
จิตตัวหลังคืออะไรครับ???
:b39:


คุณ91Oneครับ

ไปอ่านเต็มๆได้ที่นี่ครับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nulek&month=05-2008&date=02&group=6&gblog=9

จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน

จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน บรรพะนี้หมายความว่า ใช้สติตามรู้ตามเห็นเข้าไปในอาการของจิตที่เกิดขึ้น เมื่อมีอารมณ์เข้ามากระทบ

ดังนั้น จิตชนิดต่างๆในบรรพะนี้ จึงเป็น จิตสังขาร คือ ถูกอารมณ์เข้าปรุงแต่งให้เสียคุณภาพเดิมไปแล้วทั้งสิ้น

อาการของจิตทั้งหลาย เช่น ราคะก็ดี โทสะก็ดี โมหะก็ดี จึงล้วนแต่อยู่ใต้อำนาจพระไตรลักษณ์ ที่สามารถสลัดละวางได้ด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิในที่สุด.

อารมณ์ที่เข้ามากระทบจิตนั้นแบ่งเป็น ๒ ชั้น คือ อารมณ์ชั้นใน และ อารมณ์ชั้นนอก

อารมณ์ชั้นในนั้น ได้แก่ ความนึกคิดที่เกิดขึ้นภายในจิต
และอารมณ์ชั้นนอกนั้น ก็ได้แก่ อารมณ์ที่เข้ามาทางอายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัส รวม ๕ ทางด้วยกัน.

เมื่ออารมณ์ใดๆเข้ามากระทบจิตแล้ว ย่อมส่งผลให้เกิดความรู้สึกทุกข์-สุข(เวทนา)ขึ้น

เมื่อความรู้สึกทุกข์-สุขเกิดขึ้น ก็ย่อมส่งผลให้เกิดจิตสังขาร คือ รัก, ชัง, เฉยๆ ซึ่งเป็นกิเลส รวม ๑๖ ชนิดขึ้นด้วย แล้วแต่ว่าจะเป็นอารมณ์ชนิดใดเข้ามากระทบ หรือแล้วแต่ว่าจะเป็นอารมณ์ชั้นในหรือชั้นนอก

ลำดับการทำงานของผู้ปฏิบัติหมวดจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีอยู่ ๓ ขั้น ดังนี้คือ:

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 20:04
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณที่กรุณา แล้วเราจะทำความเข้าใจกับคำว่า "จิต" นี่อย่างไร พอจะเปรียบเทียบได้ไหมครับ
เพื่อจะได้ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ถือว่าเป็นธรรมทาน กับทุกๆ ท่านนะครับ :b4: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


91One เขียน:
ขอบคุณที่กรุณา แล้วเราจะทำความเข้าใจกับคำว่า "จิต" นี่อย่างไร พอจะเปรียบเทียบได้ไหมครับ
เพื่อจะได้ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ถือว่าเป็นธรรมทาน กับทุกๆ ท่านนะครับ :b4: :b12:

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า
ในโลกนี้ไม่มีอะไรเกินไปกว่าเรื่องจิตกับอารมณ์
จิตคือธาตุรู้ มีจิตที่ไหน มีรู้ที่นั่น
อารมณ์คือสิ่งที่ถูกจิตรู้

เพราะจิตมีอวิชชาครอบงำ
จิตไม่รู้จักอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง (ไม่รู้จักทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
จิตจึงชอบแส่ส่ายออกไปหาอารมณ์
ยึดถือและปรุงแต่งไปตามอารมณ์ ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นที่จิต

พระพุทธองค์ทรงสอนให้ปฏิบัติอริยมรรค ๘
เพื่อให้จิตหลุดพ้นจากการครอบงำของอวิชชา
จิตรู้จักอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง (รู้จักทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
จิตไม่แส่ส่ายออกไปหาอารมณ์
ไม่ยึดถือและไม่ปรุงแต่งไปตามอารมณ์ ทำให้ไม่เกิดทุกข์ขึ้นที่จิต

***
จิตรู้จักอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง (รู้จักทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เป็นไฉน???

ก็คือ เมื่อปฏิบัติสัมมาสมาธิตามหลักอริยมรรค ๘ จนจิตสงบตั้งมั่น

จิตก็จะรู้ว่า การที่ตนชอบแส่ส่ายออกไปหาอารมณ์
ทำให้ตนกระสับกระส่าย เกิดทุกข์ขึ้น (ทุกข์)

จิตก็จะรู้ว่า การที่ตนแส่ส่ายออกไปหาอารมณ์
ที่จะไม่ทุกข์เป็นไม่มี (สมุทัย-เหตุแห่งทุกข์)

จิตก็จะรู้ว่า การปฏิบัติสัมมาสมาธิตามหลักอริยมรรค ๘
ทำให้จิตสงบตั้งมั่นโดยลำพังตนเองได้
จิตไม่แส่ส่ายออกไปหาอารมณ์ ไม่เกิดทุกข์ขึ้น (นิโรธ)

จิตก็จะรู้ว่า การปฏิบัติสัมมาสมาธิตามหลักอริยมรรค ๘
เป็นวิธีการที่จะทำให้ตนพ้นจากทุกข์ได้ (มรรค)

อ่านเกี่ยวกับเรื่อง จิต ได้ที่นี่ครับ
http://dhamaprateep.wordpress.com/%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%95/

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนังสือ ธรรมประทีป ๙ ธรรมะภาคปฏิบัติ โดย อ.ไชยทรง จันทรอารีย์-------ยาพิษอีกเล่ม ที่ปลอมปน
อ้างเอาพุทธวจนะบังหน้า :b18: :b18:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
หนังสือ ธรรมประทีป ๙ ธรรมะภาคปฏิบัติ โดย อ.ไชยทรง จันทรอารีย์-------ยาพิษอีกเล่ม ที่ปลอมปน
อ้างเอาพุทธวจนะบังหน้า :b18: :b18:

ชัดๆนะครับ เช่นนั้น

ความรู้ที่เช่นนั้นรู้ ยิ่งกว่าอสรพิษ เพราะเที่ยวฉกกัดคนอื่นไปทั่ว
และทำให้คนที่ศึกษาใหม่ หลงผิดไปจนคิดว่าจิตเหลวไหลอบรมไม่ได้

ชัดๆนะเช่นนั้น เช่นนั้นเคยได้รับเชิญไปอบรมพระวิปัสสนาจารย์บ้างมั้ย???
ถ้ายังไม่รู้ตัวว่า เดินทางผิดอยู่ ก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นใหม่ซะ ยังไม่สายหรอกนะ เช่นนั้น


รูปภาพ

จดหมายเชิญ อ.ไชยทรง จันทรอารีย์ จากสมเด็จพระพุฒาจารย์
ให้ไปบรรยายธรรมแก่ พระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมภูต เมื่อ 05 ก.ย. 2010, 16:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระศาสดา คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น เป็นธรรมราชา
พุทธวจนะของพระองค์ เป็นธรรมของพระองค์

แม้ท่านจะยกสมมติสงฆ์ที่ยิ่งกว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ แต่หลับหูหลับตาเชิดชูสัทธรรมปฏิรูป ก็ไม่มีค่าไม่มีราคาแต่อย่างไร :b28:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2010, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
พระศาสดา คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น เป็นธรรมราชา
พุทธวจนะของพระองค์ เป็นธรรมของพระองค์

แม้ท่านจะยกสมมติสงฆ์ที่ยิ่งกว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ แต่หลับหูหลับตาเชิดชูสัทธรรมปฏิรูป ก็ไม่มีค่าไม่มีราคาแต่อย่างไร :b28:


ชัดๆนะเช่นนั้น

แสดงว่าเช่นนั้น เชิดชูสัทธรรมปฏิรูป ที่คิดเองเออเอง ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลยแม้สักนิดเดียว

แต่ยังทำอหังการ มมังการต่อท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ และพระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศอีกหรือ

ขนาดยกพระพุทธพจน์มาให้เห็นชัดๆนะเช่นนั้น เช่นนั้นยังกล่าวตู่โดยไม่ละอายใจเลย

แถมยังลบหลู่พระสงฆ์องค์เจ้าที่ขานนาคเข้ามาสืบต่อพระพุทธศาสนา

เช่นนั้นมีอะไรดีกว่าพระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นหรือ ก็แค่คนที่หลงผิดมืดบอดดีๆนี่เอง
v
v
บุคคลใด เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น เราจะกระทำอะไรได้กะบุคคลนั้น
ผู้เป็นปุถุชนคนพาล บอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น.


:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมภูต เมื่อ 06 ก.ย. 2010, 08:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2010, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคลใด เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น เราจะกระทำอะไรได้กะบุคคลนั้น
ผู้เป็นปุถุชนคนพาล บอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2010, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 23:16
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อริยสัจจ์๔แห่งจิต ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย ผลที่เกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค ผลที่เกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ อริยะสัจจ์ ๔ ของจิต suthee
จิต รู้เกิด-รู้ดับ เป็น สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์
ผลที่เกิดจากจิตที่รู้เกิด รู้ดับ เป็น ทุกข์
จิต รู้ไม่เกิด ไม่ดับเป็น มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ผลที่เกิดจากจิตที่รู้ไม่เกิด ไม่ดับ เป็น นิโรธความดับทุกข์
อริยะสัจจ์ ๔ ล้วนแล้วแต่เป็นอาการของจิตทั้งนั้น จิตที่พ้นจากอริสัจจ์ ๔ จึงไม่มีอาการของสมมติใดๆทั้งสิ้น การไปการมา การตั้งอยู่หรือการดับไปของจิตจึงไม่มี สิ่ง ต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของสมมติทั้งสิ้น ที่กล่าวกันว่าจิตที่พ้นจากสมมติแล้วเป็นจิตดับความรู้ก็ดับไปด้วยนั้น เป็นความรู้ความเห็นของนักปฏิบัติธรรมประเภทสุ่มเดาต่อให้ด้นเดาเกาหมัดต่อไปอีกนับกัปป์นับกัลป์ไม่ถ้วนก็ไม่มีโอกาสพบพระนิพพานของจริง ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ เพราะเกาไม่ถูกที่คันมันก็เลยไม่หายคัน จิตที่ถอดถอนกิเลสมีอวิชชา ตัณหา อุปปาทาน ออกไปจากจิตใจจนหมดสิ้นไม่มีเหลือนั่นแหละท่านเรียกว่านิโรธหรือนิพพานนั่นเอง หรือเรียกว่าจิตที่ผ่านการกลั่นกรองจากอริยะสัจจ์ ๔ นั่นเองท่านให้ชื่อให้นามว่า พระนิพพาน ความจริงแล้วจะเรียกว่าอย่างไรก็ไม่มีปัญหาสำหรับจิตที่พ้นแล้วจากสมมติโดยประการทั้งปวง จิตเป็นอกาลิโกตลอดอนันตกาลท่านเรียกว่าวิสุทธิจิต ดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสไว้ในปฐมพุทธะวะจะนะ ความว่า วิสังขาระคะตัง จิตตัง จิตของเราได้ถึงสภาพที่ สังขารไม่สามารถปรุ่งแต่งจิตได้อีกต่อไป ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคาติ มันได้ถึงความสิ้นไปแห่งตัณหาคือถึงพระนิพพานนั่นเอง สิ่งใดก็ ตามขึ้นชื่อว่าสมมติย่อมตกอยู่ภายใต้กฏอะนิจจัง ทุกขัง อะนัตตา จิตที่อยู่ภายใต้ความเกิดและความดับจึงเป็นจิตที่อยู่กับสมมติของกิเลสดีๆนี่เอง จิตประเภทนี้ย่อมอยู่กับความเกิด-ความดับตลอดอนันตกาลเหมือนกัน เป็นจิตที่อยู่กับความเกิด-ความตายนั่นเอง แล้วจะเสกให้เป็นพระนิพพานได้ยังไง ? ผู้ที่ปัญญาเท่านั้นไม่ไว้วางใจกับจิตประเภทนี้ ยกเว้นพวกที่มีปัญญาอ่อนหรือปัญญาหน่อมแน้มไปหน่อยเท่านั้นเอง จิตที่พ้นจากสมมติจึงเป็นจิตที่บริสุทธิ์ล้วนๆเป็นวิสุทธิจิต พ้นจากกฏอะนิจจัง ทุกขัง อะนัตตา ตลอดอนันตกาล เมื่อถึงที่สุดของจิตแล้วมันไม่มีชื่อเรียกด้วยซ้ำไป ที่กล่าวกันว่า สิ่งสิ่งหนึ่งที่ไม่มีชื่อ ไม่มีฉายา ไม่มีการมา ไม่มีการไป ไม่มีการตั้งอยู่ และไม่มีการดับไป ไม่มีร่องรอยให้กล่าวถึง แต่มีอยู่จริง เห็นอยู่ รู้อยู่ มันเป็นสันติสุขที่รุ่งเรืองและเร้นลับและมีอยู่อย่างสมบูรณ์ภายในจิตใจของทุกๆคนอยู่แล้ว นั่นแหละท่านเรียกว่าที่สุดแห่งทุกข์หรือพระนิพพานนั่นเอง พระนิพพานมีอยู่ตลอดกาล(อะกาลิโก)ไม่เลือกกาลเวลา ปฏิบัติเวลาใหนเห็นเวลานั้นไม่เลือกกาลเวลาและสถานที่ ภิกษุทั้งหลาย อายตนะอันไม่เกิดแล้ว อันปัจจัยไม่ทำแล้วไม่แต่งแล้วมีอยู่(หมายถึงจิตหรือรู้ที่บริสุทธิ์ล้วนๆนั่นเองคืออายตนะนิพาน ) suthee

this nation is last our nation , we don't come back to are born again time stump


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร