วันเวลาปัจจุบัน 20 พ.ค. 2025, 01:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 133 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 00:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(ต่อ) นิพพาน จึงมีลักษณะอธิบายโดยเอกเทศอันไม่อาจพิจารณาในแนวเดียวกับลักษณะที่พิจารณาเหมือนกับพิจารณาขันธ์ 5
คือ ความเที่ยง นิจจังของนิพพาน เที่ยง โดยความเป็นผล โดยความดับ และออกจากสังสารวัฏฏ์
ความสุข เพราะ ปราศจากความกระวายใด อันเป็นเหตุแห่งความเกิด
อนัตตา เพราะไม่อาจเป็นไปตามบังคับบัญชาของจิต

อีกประการ อนัตตาก็ไม่ใช่ การแสดงว่าเป็นธรรมอันตรงข้ามกับอัตตา

อัตตา เป็นธรรมที่ใช้แสดงร่วมกับขันธ์ 5 ที่ถูกยึดถือเอาว่าเป็นตน ของตน แม้โดยอัตตานั้น ก็ปรากฏโดยอยู่ใต้อำนาจแห่งสัจจะของไตรลัษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เช่นเดียวกับขันธ์ 5 ทุกประการ
เพราะอัตตา มีความเกิด ความเสื่อม ความดับ ปรากฏ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=29182&p...%20-
:b42: :b42: :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b55:


แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 04:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฏก ,พระธรรมเทศนาหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติ..
เรียนท่านหลับอยู่ เเละ ท่านเช่นนั้น

นิพพาน
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ

ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อมตภาพ......"

ภิกขุสูตร ที่ ๒ มหา. สํ. (๓๑-๓๒)

การจะเข้าใจพระนิพพานธรรมได้อย่างแจ่มแจ้งนั้น
ต้องมีความเข้าใจในพระไตรลักษณ์เสียก่อน

ตามกฎพระไตรลักษณ์ มีพุทธพจน์ ที่ตรัสแสดงไว้ว่า

สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สังขารทั้งปวง
ไม่เที่ยง
(อนิจจัง - อนิจจตา)

สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา สังขารทั้งปวง
คงทนอยู่ไม่ได้
(ทุกขัง- ทุกขตา)

สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งปวง
ไม่เป็นตัวตน
(อนัตตา- อนัตตตา)


สังขาร สิ่งที่เกิดแต่เหตุปัจจัยปรุงแต่ง ในไตรลักษณ์จึงหมายรวมถึงทุกสรรพสิ่ง ทั้งรูปธรรม, นามธรรม, กุศลธรรม, อกุศลธรรม, ทั้งโลกียธรรม และโลกุตรธรรม ขันธ์ ๕ ฯลฯ.
อันล้วนแต่เกิดแต่เหตุปัจจัยทั้งสิ้น
ยกเว้นเพียง สภาวธรรมหรือสภาวธรรมชาติหรือธรรมชาติ
ดังได้กล่าวไว้โดยละเอียดแล้วในพระไตรลักษณ์หรือธรรมนิยาม ดังมี

"พระนิพพาน"
อันเป็น"สภาวธรรม"อย่างหนึ่งที่เรียกว่าเป็นอสังขตธรรม คือสิ่งที่ไม่มีปัจจัยไปปรุงแต่ง,
หรือสิ่งที่มิได้เกิดแต่เหตุปัจจัยใดๆไปปรุงแต่งนั่นเอง
หรือก็คือสภาวธรรมหรือธรรมชาติทั้งหลายนั่นเอง

ธรรม ในพระไตรลักษณ์
หมายถึงสภาวธรรมหรือธรรมชาติอันครอบคลุมทุกๆสรรพสิ่ง
อันย่อมหมายรวมพระนิพพานด้วย ดังกล่าวข้างต้น

ขยายความพระไตรลักษณ์โดยย่อ เพื่อความเข้าใจในพระนิพพาน

๑. อนิจจตา ความไม่เที่ยง แปรปรวน ผันแปร ไม่คงที่ ไม่ยั่งยืน
ภาวะที่เกิดแล้วต้องเสื่อมหรือแปรปรวนไป

ดังนั้นสังขารทั้งปวง ไม่เที่ยง จึงหมายถึง สังขารสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้น
อันล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย จึงล้วนไม่เที่ยง มีการผันแปร ปรวนแปรเป็นอาการธรรมดาไปตามเหตุปัจจัย
ที่มาประชุมรวมกันนั้น ไม่สามารถควบคุมบังคับให้เป็นไปตามใจปรารถนาได้อย่างแท้จริง
การควบคุมบังคับได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ถือว่าควบคุมบังคับได้อย่างแท้จริง

๒. ทุกขตา ความทนอยู่ไม่ได้ เป็นสภาวะที่สุดของการแปรปรวน กล่าวคือ
ต้องสลายตัวดับไปเป็นที่สุด, เป็นภาวะที่เกิดจากการถูกบีบคั้นจํายอมจากสภาวะของอนิจจตา
ที่แปรปรวนเป็นธรรมดาอยู่ตลอดเวลาที่เกิดขึ้น มองไม่ออกให้พิจารณาอะตอม
ที่มีอิเลคตรอนวิ่งรอบๆอย่างแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา จนดับไปเป็นที่สุด

อันเนื่องจากเกิดแต่เหตุปัจจัยต่างๆหลากหลายมาประชุมกัน
แต่ก็ไม่ใช่สิ่งๆเดียวกันอย่างแท้จริงนั่นเอง จึงมีความไม่สมบูรณ์แอบแฝงอยู่
จึงต้องแปรปรวน และจนดับไปเช่นนี้เป็นธรรมดา
เป็นสภาวธรรมหรือกฎธรรมชาติหรืออสังขตธรรม
อันมีความเที่ยงและคงทนต่อทุกกาล
(อย่าสับสนกับสังขาร ที่ไม่เที่ยง คงทนอยู่ไม่ได้)

ความแปรปรวนและการดับไปเหล่านั้น จึงเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิด
เป็นอุปาทานทุกข์แก่ผู้เข้าไปอยากด้วยตัณหา
จึงไปยึดด้วยอุปาทานตามความพึงพอใจของตัวของตน

ดังนั้น สังขารทั้งปวง เป็นทุกข์ จึงหมายถึง สังขารหรือสิ่งที่ถูกปรุงแต่ง
หรือมีการปรุงแต่งขึ้น อันล้วนเกิดแต่เหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยกัน จึงไม่เที่ยง
จึงทนอยู่ไม่ได้ ต้องดับไปในที่สุด ไม่สามารถควบคุมบังคับบัญชาได้อย่างแท้จริง,
สังขารทั้งหลายจึงเป็นทุกข์ ถ้าไปอยากหรือไปยึดเพราะไม่สามารถควบคุม
บังคับบัญชาได้ตามใจปรารถนาอย่างแท้จริง

๓. อนัตตตา ธรรม หรือสภาวธรรม
หรือสภาวธรรมชาติทั้งหลายล้วนไม่มีตัวไม่มีตนที่เป็นแก่นแกนถาวรอย่างแท้จริง
และยังครอบคลุมถึงสังขารทั้งหลายทั้งปวงด้วย เพราะในบางขณะนั้นถึงจะมีตัวตนก็จริงอยู่
แต่ตัวตนที่เห็นหรือสัมผัสล้วนเกิดแต่เหตุมาเป็นปัจจัย อันไม่เที่ยงมาประชุมกัน
ชั่วขณะระยะหนึ่งเท่านั้น จึงย่อมต้องแปรปรวนจนคงอยู่ไม่ได้ตลอดไป
ดังเพราะว่าเกิดแต่เหตุปัจจัย
ดังนั้นจึงต้องแปรปรวนและดับไปตามเหล่าเหตุปัจจัยนั้น
ตัวตนที่ถึงแม้มีอยู่ขณะนั้นก็จริงอยู่จึงต้องดับไปในที่สุด
ไม่เป็นแก่นแกนอย่างแท้จริงถาวรตลอดไป

ดังนั้นธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตตา
จึงหมายถึง ธรรมหรือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงซึ่งหมายครอบคลุมทุกๆสรรพสิ่งโดยไม่มีข้อยกเว้น
ว่าโดยตามความจริงขั้นสูงสุดแล้ว(ปรมัตถ์) ไม่มีตัวไม่มีตนที่เป็นแก่นแท้ๆ
ถ้ามีตัวตนที่เห็นได้ หรือผัสสะได้ด้วยอายตนะใดๆก็ตามทีนั้น
ล้วนเป็นเพียงมวลรวมหรือมายาที่ประกอบขึ้นจากองค์ประกอบของเหล่าเหตุต่างๆ
ที่มาเป็นปัจจัยหรือประชุมปรุงแต่งกันนั่นเอง จึงล้วนขึ้นหรืออิงอยู่กับเหตุปัจจัย
ไม่ขึ้นอยู่กับตัวตน,

นิพพานหรือสภาวธรรมชาติทั้งหลายอันเป็นอสังขตธรรม
ที่ไม่มีเหตุปัจจัยมาปรุงแต่ง แต่ก็ล้วนเป็นอนัตตาเป็นเพียงสภาวธรรม
(อ่านรายละเอียดในอนัตตา ที่แจงสภาพทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตนเช่นนิพพานไว้โดยละเอียดถึงที่สุด) กล่าวคือเป็นเพียงสภาวะธรรม แต่ยังไม่เกิดปรากฏการณ์เป็นตัวเป็นตนเป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งกันขึ้น

ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา
จึงหมายครอบคลุมถึงทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาลล้วนเป็นอนัตตาโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

"พระนิพพาน" เป็นอสังขตธรรมหรือสภาวธรรม
จึงไม่เป็นอนิจจตาและไม่เป็นทุกขตา(เพราะท่านหมายเฉพาะสังขาร)
แต่เป็นอนัตตา(เพราะเป็นธรรมอย่างหนึ่งหรือสภาวธรรมอย่างหนึ่ง),
และมีการกล่าวไว้อย่างชัดเจนดังคํากล่าวที่ได้ยินกันเสมอๆว่า

นิพพานเป็นอนัตตา

นิพพาน ก็คือ สภาวะนิโรธ ที่แปลว่าการดับทุกข์
คือสภาวะที่ไม่คับแค้น ไม่ข้องขัดใจ หรือสภาพที่ไม่เร่าร้อน เผาลน กระวนกระวาย
อันล้วนเนื่องมาจากไฟของ โมหะ โลภะ โทสะ

หรือถ้าพิจารณาในแนวทางปฏิจจสมุปบาท ก็คือ ไม่เร่าร้อนเผาลนด้วยไฟของกิเลส(อาสวะกิเลส) ตัณหา อุปาทาน อันยังให้เกิดอุปาทานขันธ์ ๕ ในชรา
อันล้วนเป็นขันธ์ที่ล้วนประกอบคือร่วมด้วยอุปาทาน
อันเป็นอุปาทานทุกข์หรือความทุกข์ที่เร่าร้อนเผาลนอย่างแท้จริง
และสามารถดับความเร่าร้อนเหล่าใดเหล่านั้นได้ด้วยธรรมของพระองค์ท่านจริงๆ

จากที่กล่าวว่า นิพพานเป็นธรรมชนิดอสังขตธรรมหรือสภาวธรรม(ธรรมชาติ)
อันจริงแท้ แน่นอน จึงมีความเที่ยง และอกาลิโก,
ถ้าไม่โยนิโสมนสิการโดยละเอียดและแยบคาย มักจะยังความสงสัยหรือวิจิกิจฉาในที่สุดว่า

สภาวธรรมหรือสภาวธรรมชาติอื่นๆ ดังเช่น ฝนตก ฟ้าร้อง พระอาทิตย์ขึ้นและตก
แม้แต่ธรรมะ ฯลฯ. ก็ไม่ล้วนวิเศษเป็นดั่งเช่นนิพพานหรือ? คือไม่ขึ้นอยู่กับอนิจจัง และทุกขัง ดังเช่นพระนิพพานหรือ? เพราะต่างก็ล้วนเป็นสภาวธรรมหรือธรรมชาติอันจริง แท้ แน่นอนทั้งนั้น!

ความจริงแล้วอสังขตธรรมหรือธรรมชาติเหล่านั้นก็ล้วนเป็นอนัตตาเช่นกัน
กล่าวคือปรากฏการณ์เหล่านั้นก็ยังคงมีอยู่เช่นนี้ตลอดกาลนาน
ส่วนสังขาร(สิ่งที่ได้ถูกกระทำคือถูกปรุงถูกแต่งขึ้นแล้ว)ของสภาวธรรมหรือธรรมชาติทั้งหลายเหล่านั้น อันเกิดขึ้นล้วนแต่จากการปรุงแต่งของเหตุต่างๆที่มาเป็นปัจจัยกันนั่นเอง
จึงถึงยังมีการเกิดๆดับๆคือไม่เที่ยง เกิดแล้วต้องดับไปอยู่ตลอดเวลา

ลองพิจารณาพระอาทิตย์ขึ้น ฝนตก ลมพัด แม้แต่ธรรมคําสอนทั้งหลายทั้งปวง
กล่าวคือสภาวธรรมทั้งหลายนั้นแม้ยังคงมีความจริง แท้ แน่นอน
แต่ก็คงล้วนเป็นอนัตตาไม่มีตัวไม่มีตน ที่หมายถึง ไม่เป็นแก่นแกนแท้จริง
เป็นเพียงสภาวธรรมหรือสภาวะแห่งธรรมชาติหรือยังไม่เกิดปรากฏการณ์เป็นตัว
เป็นตนเป็นสังขารขึ้นนั่นเอง กล่าวคือยังไม่ได้เกิดการปรุงแต่งกัน
ให้เป็นตัวตนเป็นก้อนเป็นมวลหรือสังขารขึ้น

แต่เมื่อใดก็ตามที่ปรากฎขึ้นเป็นตัวเป็นตนหรือสังขาร คือการเกิดของสังขารขึ้นของสภาวธรรม
ที่กล่าวถึงนั้น หมายถึงเมื่อเป็นสังขารสิ่งปรุงแต่งแล้ว
ดังเช่น ฝนที่กำลังตกลงมาเป็นเม็ดฝนให้เห็นหรือสัมผัสได้นั้น
หมายถึงสภาวธรรมของฝนนั้นได้เกิดเป็นตัวตนเป็นสังขารขึ้นแล้ว
จะเห็นว่าฝนนั้นเกิดขึ้นแต่มีเหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยกัน อาทิเช่น นํ้า
ความร้อนจากดวงอาทิตย์ การระเหย ฝุ่นละออง การรวมตัว
อุณภูมิที่แตกต่างกัน การกลั่น แรงดึงดูดของโลก ฯลฯ.
มีเหตุต่างๆเหล่านั้นมาเป็นปัจจัยกัน

อันเมื่อเกิดเป็นปรากฎเป็นตัวตนจึงคือการเกิดของสังขารขึ้น จึงเป็นไปตามพระไตรลักษณ์
ที่สังขารย่อมมีการเกิดๆดับๆเป็น อนิจจัง ทุกขัง, ลองโยนิโสมนสิการที่จุดนี้
เพราะยากแก่การเข้าใจ ยากต่อการบรรยายเป็นคำพูดภาษาสมมุติใดๆ
พระอนัตตาจึงเป็นปัญหาที่ถกเถียงและเข้าใจได้ยากกันมาโดยตลอด
(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบท พระไตรลักษณ์ และอนัตตา)

:b8: :b8: :b8:





แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 03:51, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41:


แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 04:03, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48:


แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 04:03, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




40.gif
40.gif [ 7.13 KiB | เปิดดู 4664 ครั้ง ]
ก็ยัง คาอยู่ในสมอง ว่า
สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา...
สิ่งใดเป็นสุข สิ่งนั้นเป็นอะไร????

:b25: :b10:

ที่สุดแห่งทุกข์
นิพพานเป็นอนัตตา แปลว่านิพพานเป็นทุกข์ :b10: :b10: :b10: ต้องไม่แย้งกันนะ :b10: :b10: :b10:

นิพพานัง ปรมัง สุขัง
รากศัพท์อินเดียโบราณ
ปร มัง มาจาก ปะร้ำ ปะรา แปลว่า ดั้งเดิม
นิพพานดั้งเดิมเป็นสุข นิพพานเป็นสุขดั้งเดิม นิพพานเป็นสุขยิ่ง :b10:

ๆลๆ

ลึกล้ำมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับเกินคิดได้
smiley


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 24 พ.ค. 2010, 22:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48:


แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 04:03, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 00:37
โพสต์: 86

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley smiley smiley

:b8: :b8: :b8:

...โคตรภู.. ต้องขอโทษ.. ท่านลิ้มธรรมด้วย ที่ตอบคำถามล่าช้า....

...โคตรภู.... เห็นว่าศึกษาจากพระไตรปิฎก ดังท่านหลับอยู่แนะนำ เป็นวิธีการดีที่สุด...
แต่...เรื่องอะไรละ.... อันนี้ต้องให้ท่านลิ้มธรรม... ตัดสินใจเอง... อยากค้นหาอะไร...
หรือ..สภาวธรรมอะไร..... หรือลองทบทวนความเข้าใจในศัพท์ทั้งหลาย เช่น เรื่องขันธ์ 5
แท้ที่จริงแล้วคืออะไร....พุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
...จิตคืออะไร...พุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
...ฌานคืออะ....ไรพุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
...ญาณคืออะ....ไรพุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
....สังโยชน์คืออะไร...พุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
....กิเลศคืออะไร...พุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
....อวิชาอะไร...พุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
....สังโยชน์คืออะไร...พุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า
...การทำความเพียรในศาสนานี้...ทำอย่างไร...พุทธองค์ทรงตรัสหรืออธิบายว่าอย่างไร...เราเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า.......
... ลองเข้าไปตรวจสอบความรู้..ความเข้าใจ..ที่เรามีอยู่ที่ได้จากการฟังหรืออ่านจากตำราชั้นหลังๆ..
ว่าเข้าใจ...ผิดเพี้ยน...ไปหรือเปล่า

........หรือจะบำเบ็ญเพียรทางจิตอย่างอุกฤตในช่วงเวลาซัมเมอร์....ก็ดี.. โคตรภู..ขออนุโมทนาด้วย

เจริญในธรรมครับ

.....................................................
....ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา......


แก้ไขล่าสุดโดย โคตรภู เมื่อ 25 พ.ค. 2010, 16:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 00:37
โพสต์: 86

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley smiley smiley

:b8: :b8: :b8:

....โคตรภู..กราบขอพระคุณท่านเช่นนั้น.... ที่เข้ามาร่วมแสดง...ความเห็นอีกครั้ง
ว่าธรรมะคืออะไร....

....ท่านเช่นนั้น..มายืนยันว่า...ธรรมมะคือสัจจะ...คือความจริง...ในมิติต่างๆ..
1. ด้านสัจจะ
2. ด้านคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
3. ด้านธรรมชาติแห่งจิต
4. ด้านเหตุและผล
5. ด้านปริยัติ ปฏิบัติ ปฎิเวช

ซึ่งแสดงไว้ได้อย่างน่าสนใจครับ

เจริญในธรรมครับ

.....................................................
....ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา......


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ก็ยัง คาอยู่ในสมอง ว่า
สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นเป็นอนัตตา...
สิ่งใดเป็นสุข สิ่งนั้นเป็นอะไร????


ที่สุดแห่งทุกข์
นิพพานเป็นอนัตตา แปลว่านิพพานเป็นทุกข์ :b10: :b10: :b10: ต้องไม่แย้งกันนะ


ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ คือนิพพาน
ความสิ้นไปแห่งเหตุ ให้เกิดทุกข์ คือที่สุดแห่งทุกข์ ไม่ใช่ทุกข์ที่สุดนะครับ

สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดไม่อาจเป็นไปในอำนาจ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา

สิ่งใดเป็นสุข สิ่งนั้นยังเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นสุข สุขเพราะตั้งจิตไว้ชอบ(สัมมา)

นิพพานเป็นสุข เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ โทสะ โมหะ เพราะจิตที่ตั้งไว้ชอบแล้วอยู่

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


หากสนทนา ในเรื่องนี้ต่อ วนแน่นอนครับสหายเช่นนั้น smiley
ขอพัก แค่นี้ก่อน
สารภาพว่าคิดเองถามเองอยู่ในใจ เพียงนี้


ต่อ เคยได้ยินมาอีกว่า ธรรมะ คือหน้าที่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48:


แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 04:03, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 133 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร