ผมเคยดูข่าวหลายปีมาแล้ว ทางช่อง 7 มีพระหนุ่มรูปหนึ่งนั่งสมาธิแล้วเกิดปึ๋งปั๋ง ท่านได้ตัดมันทิ้ง
ท่านไม่ต้องทำเหมือนพระท่านก็ได้ เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ผู้ชาย นานๆไปเดี๋ยวก็ชิน

เรียนท่านอวบ
ขอตอบตามประสบการณ์และความรู้ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัย โปรดใช้วิจารณญาณ นะครับ

1. มีอารมณ์ทางเพศมากขณะปฏิบัติธรรม ต่อเนื่องประมาณ 10 วัน
ตอบ สิ่งที่ผู้ประพฤติปฏิบัติต้องประสบพบเจอนั่นคือ นิวรณ์ 5 ที่ ใครจะเจอตัวใดตัวหนึ่งมากก็แล้วแต่จริตนิสัย ของแต่ละบุคคล อย่างท่านอวบนั้นน่าจะเจอกามฉันทะ ก็มิต้องไปวิตกกังวลอะไรเมื่อใจคิดนึกขึ้นว่าก็รีบกำหนดรู้ซะ ถ้าเป็นผมจะกำหนดว่าคิดหนอ รัวๆ ถี่ ๆ ซักพักความนึกคิดนั้นๆ ก็จะหายไป ซักพักก็มาใหม่ ก็กำหนดใหม่ ทำไปซักพักพอจิตคุ้นชิน มันก็จะหายไปเอง แต่ก็ต้องเจอกับนิวรณ์ตัวอื่นๆ อยู่ดี ก็ได้แตจริญสติต่อสู้กับมันไป เป็นการฝึกสติในหมวดจิต อย่างดี ออกจากกรรมฐานแล้วพอเจอเหตุการณ์ต่างๆ ก็จะได้นำไปใช้ได้อย่างชำนาญ
แต่อย่างไรก็ตามหากอารมณ์มันรุนแรงนักคิดว่าลำพังสติอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ ก็ใ้ห้ใช้สมถะกองที่ดับกามช่วย เช่น อสุภะ มรณา ในช่วงที่ผมปฏิบัติในบางคราวที่รู้สึกว่าถูกกามฉันทะโจมตีรุนแรงหนักหน่วง ผมก็นึกถึงศพในโลงที่ผมเคยเห็นและจำติดตา หรือไม่ก็บริกรรม เราจักต้องตายหนอ ๆ ทำไปซักพักมันก็ไปบรรเทากามฉันทะได้
2. พอออกจากกรรมฐานแล้วรู้สึกไม่มีอารมณ์ทางเพศ
ตอบ ถ้ามันตัดได้จริงก็อนุโมทนาด้วย เพียงแต่อาจจะเป็นอารมณ์ของกรรมฐานมันกดทับไว้ ท่านก็ลองสังเกตุดูจากเวลากินข้าว ถ้าเจอของอร่อย แล้วยินดี พอใจ ก็แสดงว่า ความพอในในกามมันมีอยู่แน่นอน เพราะความพอใจใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็จัดเป็นกามฉันทะเหมือนกัน ถ้าอันใดอันหนึ่งยังอยู่ แสดงว่าที่เหลือก็ต้องอยู่ ถ้าท่านตัดได้มันต้องตัดได้ทั้งยวงนะครับ กรุณาอย่างไปทดสอบกับหนังโป๊เลย เพิ่งออกจากกรรมฐานมาแท้ ๆ กลับไปเอาสิ่งไม่ดีใส่จิตอีก ทางที่ดีควรจะสำรวมอายตนะ ดีกว่าจะได้มีความสุขกับความสงบบ้าง ดีกว่าปล่อยตามใจกิเลส ยิ่งตามก็ยิ่งทุกข์

สรุป ถือเป็นเรื่องปกติของผู้ปฏิบัตินะครับมิต้องไปวิตกกังวลอะไร มีอะไรมากระทบก็กำหนดรู้ไป เดี๋ยวมันก็หายไปเอง เหมือนอย่างตอนที่ท่านนอนไม่หลับไงละครับ

ทำฌาณให้ได้ แล้วทำให้เป็นวสี (ชำนาญบ่อยๆ)
กระทู้คลายเครียดดี

แค่..มันถูกกดข่มใว้..นะครับ

ไม่ได้หายไปไหนหรอก

ละรูปราคะ อรูปราคะได้นี่.... ต้องออกแนวๆ หลุดพ้น จากภพ 3 แล้วนะกบน้อย

สุทธาวาสพรหม..นี้..พ้นจากภพทั้ง 3 แล้วหรือ???

หากจะว่า..จะพ้นในไม่ช้า..

ก็พอจะ OK

สังโยชน์ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่าง คือ
ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ได้แก่
๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน
๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต
๔. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ
๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ
ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง ๕ ได้แก่
๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม
๘. มานะ ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่
๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
๑๐. อวิชชา ความไม่รู้จริง;
พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ข้อต้นได้,
พระสกิทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ ๔ และ ๕ ให้เบาบางลงด้วย,
พระอนาคามี ละสังโยชน์ ๕ ข้อต้นได้หมด,
พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ข้อ;

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๖ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓
ธาตุกถา-ปุคคลบัญญัติปกรณ์

บุคคลปฏิบัติแล้วเพื่อละไม่ให้เหลือ ซึ่งกามราคะและพยาบาท ปฏิบัติ
แล้วเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล กามราคะและพยาบาทอันบุคคลใดละได้หมด
ไม่มีเหลือ บุคคลนั้นเรียกว่า อนาคามี



บุคคลปฏิบัติแล้ว เพื่อไม่ให้เหลือซึ่งรูปราคะ อรูปราคะ มานะ
อุทธัจจะ และอวิชชา ปฏิบัติแล้วเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล รูปราคะ อรูปราคะ
มานะ อุทธัจจะ อวิชชา อันบุคคลใดละได้หมดไม่มีเหลือ บุคคลนี้เรียกว่าอรหันต์


เอกกนิทเทส จบ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๖ บรรทัดที่ ๒๘๒๗ - ๒๙๓๙. หน้าที่ ๑๑๖ - ๑๒๐.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... agebreak=0

ก็บอกมาแค่..

ละรูปราคะ
ละอรูปราคะ

แค่นี้เอง..นี้คร้าบ..


ก็คิดเท่าที่เห็น..ก็เห็นเท่าที่พิมพ์..
ไม่พิมพ์ก็ไม่เห็น..ไม่เห็นก็ไม่คิด..

ตก ๆ หล่น ๆ ..ต้องแจก

นานๆต่อยที
พอต่อยแล้ว..เปรี้ยงเดียวจอด... เลยครับท่านเช่นนั้น

ฮาแทบตกเก้าอี้ครับ

ส่วนตัว ผม คิดว่า หากละรูปราคะ อรูปราคะได้แล้ว ท่านใดที่ละได้คงไม่เก้บ มานะ อุธัจจะ และอวิชชาไว้เป็นที่ระลึกหรอกนะครับ

แจกคืนครับ

เป็นอาการของจิต ที่ได้พบกับของดี (พระพุทธศาสนา) ทำให้เราไม่หลงไปกับสิ่งที่เข้าทาง

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือใจไม่ไปยึดในสิ่งต่างๆ เหมือนอย่างคนที่ปฏิบัติธรรม รู้ธรรมะ

ของพระพุทธเจ้า ก็ไม่ทุกข์ หากจะมีทุกข์บ้าง ก็วางได้ ไม่มาให้มาเกาะอยู่ที่ใจ




ขนาดดู AV เรื่องโปรด...ยังปลง....แถมแอบเบื่อๆ...เซ็งๆๆ...รู้สึกสมเพส ดาราหนังโป้...สงสาร...ปนสมเพส......รู้สึกไม่อยากมีแฟน.....เบื่อการมีคู่เห็นเด็กๆจีบกันคุยกัน...chat กัน ดูมันไร้สาระไปหมด............


คงเหมือนกันคนที่เข้าถึงธรรมะ พอเห็นก็จะสงสารคนที่ทำความผิด สงสารที่เค้าไม่รู้อย่างเรารู้

ว่าสิ่งที่เค้าได้ทำต้องนั้นตัวของเค้าก็จะได้รับผลของกรรมนั้น เหมือนกับท่าน จขกท

ที่รู้สึกเบื่อการมีคู่เห็นเด็กๆจีบกันคุยกัน...chat กัน ดูมันไร้สาระไปหมด น่าจะเอาเวลาไปทำ สิ่งที่

มีสาระมากกว่านี้


สาธุ สาธุ

บางทีเราก็ลืมไปว่า
"ความเบื่อ ก็ไม่เที่ยง"

พากัน"นอนใจในความไม่เบื่อ"

เรียนทุกท่านขอรับ

หลังจากสนุกสนานกับเทศกาลสงกรานต์ โดย มิได้ใส่ใจปฏิบัติธรรม หรือแม้แต่ สวดมนต์ใดๆ...
( เด็กดีไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างและผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่เด็ก สตรี และคนชรา)


สภาวะธรรมถดถอยกลับมาเป็น ใหญ่ยาวเป็น ปกติ ขอรับ อิอิ

แต่มิควรที่จะมาดีใจ เพราะเป็นความประมาณในธรรม

กระผมจะ ตั้งใจปฏิบัติธรรมใหม่ขอรับ หากติดขัดประการใดขออนุญาติเขามาสอบถามอีกนะขอรับ......


ขอบคุณทุกกำลังใจขอรับ.....