วันเวลาปัจจุบัน 06 ต.ค. 2024, 19:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ประวัติและปฏิปทา
พระเนกขัมมมุนี
(หลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม)

วัดราชายตนบรรพต (วัดเขาต้นเกด)
ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พระเนกขัมมมุนี (หลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม) มีนามเดิมว่า ก้าน ด้วงเด่น เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ปีวอก ณ บ้านโผงเผง ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง โยมบิดาชื่อ เจียม ด้วงเด่น โยมมารดาชื่อ กุล ด้วงเด่น ท่านจบการศึกษาประถมศึกษาปีที่ ๓ จากโรงเรียนประชาบาล จ.อ่างทอง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๓ คน หลวงปู่เป็นคนกลาง ซึ่งต่อมาทั้งพี่ชายและน้องชายของหลวงปู่ต่างก็พากันออกบวช

เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ โยมบิดา-มารดาได้ทำการอุปสมบทให้หลวงปู่ตามประเพณี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ พัทธสีมาวัดถนนสุทธาราม ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง

ปี พ.ศ. ๒๔๘๗ ท่านสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก

ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ นายบักเซ้ง แซ่อื้อ ถวายที่ดินที่ครอบครองที่มีอยู่แต่เดิมให้หลวงปู่ก้าน

วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๕ หลวงปู่จึงได้ขออนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยเรียกขานอย่างเป็นทางการว่า “วัดราชายตนบรรพต” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดต้นเกด” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยของทั้งสองพระองค์ประดิษฐานไว้ที่หน้าบันอุโบสถ และทรงปลูกต้นศรีตรังไว้ที่หน้าอุโบสถ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๗ อีกด้วย หลังจากที่สร้างวัดเพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่และเป็นของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปแล้ว หลวงปู่ก้านก็ไม่เคยย้ายไปอยู่ที่วัดอื่นใดอีกเลย

หลวงปู่ก้าน เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีเมตตา เป็นที่เคารพศรัทธาของลูกศิษย์ที่เป็นสงฆ์และฆราวาส จะเห็นได้จากในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะมีพุทธศาสนิกชนพากันหลั่งไหลเข้าวัด เวียนเทียน ฟังเทศน์ ฟังธรรมจากหลวงปู่ ไม่เว้นแม้กระทั่งวันตรุษ วันประเพณีต่างๆ รวมไปถึงวันคล้ายวันเกิดและวันสำคัญต่างๆ ของหลวงปู่ก้านก็จะมีพระเถรานุเถระผู้ใหญ่ร่วมกันสวดมนต์ถวายพรแด่หลวงปู่เป็นประจำทุกปี

สำหรับประวัติของหลวงปู่ก้านโดยละเอียดนั้น ค่อนข้างหาอ่านได้ยากเพราะท่านยังไม่อนุญาตให้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ แต่เราสามารถศึกษาประวัติของหลวงปู่ก้านได้ โดยผ่านประวัติของหลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม เนื่องจากท่านทั้งสองเป็นสหธรรมิกคู่บารมีกันค่ะ หลวงปู่ก้านท่านเดินทางไปมอบกายถวายตัวเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) จ.สกลนคร พร้อมกับหลวงปู่ฉลวย ก่อนที่ท่านทั้งสองจะได้ทำญัตติกรรมใหม่เป็นพระภิกษุธรรมยุติกนิกาย ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ เวลา ๒๐.๔๒ น. โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ร่วมกัน และพระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ โดยได้รับนามฉายาว่า “สุธมฺโม” และ “ฐิตธมฺโม” ตามลำดับ ในขณะนั้นหลวงปู่ฉลวยมีอายุ ๔๒ ปีแล้ว

รูปภาพ
หลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม ท่านเดินทางไปมอบกายถวายตัวเป็นศิษย์
ของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จ.สกลนคร
พร้อมกับหลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม แห่งวัดป่าวิทยาลัย สหธรรมิกคู่บารมี


รูปภาพ
หลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม
เมื่อครั้งยังเป็น พระครูวิศาลสมาธิวัตร


นอกจากนี้หลวงปู่ก้านยังเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมกับหลวงปู่ฉลวยช่วยกันสร้างวัดป่ากลางโนนภู่ (เดิมชื่อ วัดป่าบ้านภู่ หรือวัดกลางบ้านภู่) บ้านกุดก้อม ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร สถานที่อันเป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ศาลาที่พักอาพาธพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พ.ศ. ๒๔๙๒”

หลังจากหลวงปู่ฉลวย-หลวงปู่ก้านได้ญัตติกรรมใหม่ในคณะธรรมยุติกนิกายแล้ว ท่านทั้งสองก็ได้พำนักจำพรรษาที่วัดป่ากลางโนนภู่ อีก ๑ พรรษา ได้สร้างเสนาสนะและเทศนาธรรมสั่งสอนชาวบ้านให้เกิดศรัทธาความเลื่อมใส ส่วนในการปฏิบัติภาวนานั้น หลวงปู่ฉลวยจะมีนิมิตภาพเจดีย์ของวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา ปรากฏอยู่เสมอ ท่านจึงเกิดความสงสัยว่าวัดใหญ่ชัยมงคลกับท่านนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกันหนอ เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่ฉลวยจึงชักชวนหลวงปู่ก้านออกเดินธุดงค์กลับมายัง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีสามเณรติดตามมาด้วยองค์หนึ่ง สำหรับวัดป่ากลางโนนภู่หลวงปู่ฉลวยได้นิมนต์ พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินโน มาเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา

สำหรับ “พิพิธภัณฑ์ศาลาที่พักอาพาธพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พ.ศ. ๒๔๙๒” วัดป่ากลางโนนภู่ บ้านกุดก้อมนั้น เป็นอาคารไม้ซึ่งเป็นกุฏิที่ท่านพระอาจารย์มั่นใช้พักในคราวอาพาธระยะสุดท้าย เป็นเวลา ๑๐ วัน ก่อนจะไปมรณภาพที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร ในคืนเดียวกับที่ได้อาราธนาองค์ท่านมายังวัดป่าสุทธาวาส ภายในพิพิธภัณฑ์ศาลาที่พักอาพาธพระอาจารย์มั่นฯ มีการจัดแสดงบริขารของท่านพระอาจารย์มั่นที่องค์ท่านเคยใช้ในคราวมาพักอาพาธอยู่ที่วัดแห่งนี้ อันได้แก่ แคร่คานหามที่ได้ใช้อาราธนาองค์ท่านจากวัดป่าบ้านหนองผือ มาที่วัดป่ากลางโนนภู่แห่งนี้, เตียง, มุ้ง, กลด, ที่นอน, ประทุน ฯลฯ รวมทั้ง ยังได้จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับชีวประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ตลอดจนเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป, รูปหล่อเหมือนท่านพระอาจารย์มั่น, ภาพถ่ายประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าที่หาชมได้ยาก, พระบรมสารีริกธาตุ, อัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่น, อัฐิธาตุของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระป่ากรรมฐาน, อัฐิธาตุของอดีตเจ้าอาวาส คือ พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน และพระอาจารย์กว่า สุมโน เป็นต้น

เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ได้เมตตามาเป็นองค์ประธานเปิดพิพิธภัณฑ์ศาลาที่พักอาพาธพระอาจารย์มั่นฯ และบรรจุอัฐิธาตุของท่าน พร้อมทั้งมารับผ้าป่าช่วยชาติในคราวเดียวกัน นับแต่นั้นมาพิพิธภัณฑ์ศาลาที่พักอาพาธพระอาจารย์มั่นฯ แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนาสืบต่อมา

:b47: ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10637


“ใบ กิ่ง ก้าน ธรรม พระอาจารย์ก้าน ฐิตธมฺโม”

คัดลอกบทความจาก posttoday.com

ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีวัดแห่งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่เสมอ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ วัดแห่งนั้นคือ วัดราชายตนบรรพต หรือวัดเขาต้นเกด ตามประวัติที่แพร่หลายกันนั้นระบุว่า พระอาจารย์ฉลวย สุธมฺโม (งามสมภาค) พระอาจารย์ก้าน ฐิตธมฺโม (ด้วงเด่น) หรือ พระเนกขัมมมุนี และพระอาจารย์กิ่ง วรปุตโต (ด้วงเด่น) รวม ๓ รูป ร่วมกันก่อสร้างวัดแห่งนี้ด้วยกันเมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๐ ครั้งนั้นพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่รกร้าง อยู่ในการดูแลของเถ้าแก่ บั๊กเซ้ง แซ่อื้อ และคุณเจี่ย แต่ทั้งหมดนี้ รวมทั้งนายสมาน ทวีศรี ซึ่งเป็นป่าไม้อำเภอหัวหินอยู่ในขณะนั้น ได้มีศรัทธาปสาทะ ยินดีในการปฏิบัติเผยแผ่ของ พระสุปฏิปันโนทั้ง ๓ รูป จึงอนุญาตและสนับสนุน ให้ใช้ที่ดินผืนนั้นก่อตั้งเป็นวัดขึ้น โดยได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นวัดเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๕ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๕ ในนามวัดราชายตนบรรพต แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดเขาต้นเกด”

เมื่อเห็นนาม พระอาจารย์ฉลวย สุธมฺโม ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์พระกรรมฐานย่อมระลึกถึงหนึ่งในพระอริยบุคคลซึ่งเป็นศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่เป็นพระมหานิกาย

พระอาจารย์ฉลวย สุธมฺโม พระอาจารย์ก้าน ฐิตธมฺโม และ พระอาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพงนั้น มิเพียงเป็น สหธรรมิกกัน หากแต่ยังมีความละม้ายคล้ายคลึงกันประการหนึ่งคือ เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ทั้งที่ยังเป็นพระฝ่ายมหานิกาย

หลวงปู่ฉลวยละขันธ์ไปแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๖ ขณะวัย ๘๗ ปี ส่วนหลวงปู่ก้านนั้น ท่านยังดำรงขันธ์อยู่ และในปีนี้จะมีอายุ ๙๕ ปี

ประวัติหลวงปู่ก้านโดยละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่มีใครทราบ เพราะท่านยังไม่อนุญาตให้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแผ่

ที่พอจะมีการเผยแผ่อยู่คือ นามเดิมว่า ก้าน ด้วงเด่น เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ปีวอก อยู่ที่บ้านโผงเผง ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ในสกุลของพ่อ เจียม ด้วงเด่น แม่ กุล ด้วงเด่น

ท่านเป็นคนกลางของพี่น้อง ๓ คน ซึ่งชื่อเรียงกันว่า ใบก้านกิ่ง และบุตรชายในครอบครัวนี้ได้อุปสมบททั้งหมด

ท่านเองได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ ขณะอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ โดยโยมบิดามารดาได้อุปสมบทให้ที่วัดถนนสุทธาราม จ.อ่างทอง หลังจากนั้นเพียง ๔ ปี คือในปี พ.ศ.๒๔๘๗ ท่านก็สอบได้นักธรรมเอก

แม้ว่าจะไม่มีประวัติหลวงปู่ก้านโดยละเอียด แต่ผู้สนใจศึกษาก็อาจจะแกะรอยได้จากประวัติหลวงปู่ฉลวย สหธรรมิกคู่บารมี

ประวัติของหลวงปู่ฉลวย สุธัมโม ดังกล่าว แสดงให้เห็นเส้นทางธรรมของพระสุปฏิปันโนสองรูปที่เคียงคู่กันมาตั้งแต่ต้นๆ จนอีกฝ่ายล่วง สู่มรรคาแห่งพระนิพพานอย่างชัดแจ้ง

ทั้งสองท่านพบกันครั้งแรกที่วัดยม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

ครั้งนั้น หลวงปู่ฉลวย อายุได้ ๓๙ ปี อุปสมบทเป็นหนที่ ๒ ในคณะมหานิกาย ที่วัดโคกช้าง อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา มี หลวงพ่ออั้น ลูกศิษย์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นพระอุปัชฌายะ พอบวชแล้วก็มองหาที่ปฏิบัติ เมื่อได้ยินว่าวัดยมเป็นวัดปฏิบัติ จึง ขออนุญาตพระอาจารย์เปลื้อง เจ้าอาวาสวัดยม มาอาศัยในบริเวณป่าช้าของวัดดังกล่าว

ขณะนั้นหลวงปู่ฉลวยเป็นพระหนุ่มใหญ่ที่ตั้งเข็มมุ่งมั่นสู่การปฏิบัติอย่างแน่วแน่ ส่วนหลวงปู่ก้านเป็นพระหนุ่มน้อยซึ่งเป็นครูสอนนักธรรมอยู่ที่วัดบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

ผู้อ่อนวัยวุฒิเรียกหาผู้อาวุโสว่า “หลวงน้า”

ต่างสบอัธยาศัยซึ่งกันและกัน เพราะต่างคนต่างฝักใฝ่ในการปฏิบัติเป็นทุน

ถ้าเป็นภาษาการเมืองก็ต้องเรียกว่า มีอุดมการณ์เดียวกัน

ตามประวัติหลวงปู่ก้านระบุไว้ว่า ท่านได้พบ “หลวงพ่อก้าน ฐิตธมฺโม ซึ่งขณะนั้นเป็นครูสอนนักธรรมอยู่ที่วัดบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อมีโอกาสได้สนทนากันในข้ออรรถข้อธรรม ก็ถูกจริตนิสัยกัน จึงสนทนาธรรมกันอยู่เสมอ”

ทั้งสองรูปมีอะไรสนทนากันในเมื่ออีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาไปปฏิบัติ ?

ในประวัติหลวงปู่ฉลวยมีบันทึกไว้เล็กน้อยว่า ตอนหนึ่ง หลวงพ่อก้าน กล่าวว่า “หลวงน้าฉันมื้อเดียว เคร่งไป ไม่เป็น มัชฌิมาปฏิปทา”

หลวงปู่จึงตอบว่า “คุณก้าน ท่านว่าแม่น้ำมันเชี่ยวนั้นท่านลองลงว่ายดูหรือยังว่ามันเชี่ยวหรือมันเบาขนาดไหน”

ครั้งหนึ่ง หลวงปู่นิมนต์หลวงพ่อก้านมาฉันน้ำร้อนและสนทนาธรรม ตอนหนึ่ง หลวงปู่กล่าวว่า “คุณก้าน ลองหาดูวิญญาณซิ” หลวงพ่อก้านจึงนั่งสมาธิพิจารณาสักครู่ จึงตอบว่า “หาไม่เจอ”

จากความนี้ย่อมสันนิษฐานได้ว่า พระก้านในขณะนั้นมิได้เป็นแต่ครูสอนนักธรรม แต่เป็นครูที่ดียิ่งคือปฏิบัติเคียงคู่ไปกับปริยัติ

ถ้าพิจารณาจากสภาวธรรมของข้างใดข้างหนึ่งก็พอจะคาดเดาได้ว่า นอกจากความเหล่านั้นแล้ว ทั้งสองท่านจะสนทนาอะไรกันอีก

ตามประวัติที่ปรากฏ ณ กุฏิหลังเล็กๆ พื้นเป็นไม้กระดาน ๕ แผ่น หลังคามุงสังกะสี ในป่าช้าวัดยมนี้เอง หลวงปู่ก้านได้ลิ้มรสแห่งธรรมะ

“...อธิษฐานจิตบูชาคุณของพระพุทธเจ้า และได้เกิดขึ้นที่ใจว่า “เมื่อมีความอยากได้ อยากถึงอยู่ในใจ ความอยากก็จะกันปัญญาเสียหมด” ดังนั้น ท่านจึงอธิษฐานจิตว่า “โสดา สกทาคา อนาคา อรหันต์ ข้าพเจ้าไม่ต้องการ สมาธิ สติ ปัญญาก็ไม่ต้องง้อ เมื่อทำไปถูกต้องแล้ว ก็มีเอง”

เมื่อเกิดขึ้นอย่างนี้แล้ว หลวงปู่ก็ตั้งหน้าทำความเพียรต่อไป ทำกัมมัฏฐาน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็นกระดูก จนเกิดขึ้นที่ใจเองว่า กัมมัฏฐานนี้ยาวไป เขาก็ย่อเองเป็น “เข้มแข็งธาตุดิน เหลวธาตุน้ำ อบอุ่นธาตุไฟ เคลื่อนไหวธาตุลม” ยังไม่ทันเป็นอนุโลม ก็มองเห็นกระดูกภายในร่างกายบริเวณศีรษะถึงคอ เมื่อทำต่อไป เกิดขึ้นครั้งที่สอง ก็มองเห็นกระดูกภายในไปถึงครึ่งตัว เมื่อทำต่อไป เกิดขึ้นครั้งที่สาม ก็มองเห็นกระดูกภายในหมดทั้งตัว เมื่อถึงจุดนั้นไม่มีอะไรเลย ทั้งตัวผู้พิจารณาก็หายไปที่นั้นเอง

เมื่อถอนออกแล้ว หลวงปู่ก็ทำความเพียรต่อไป เกิดดำริว่าจะพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ก็เกิดขึ้นที่ใจว่า ยังไม่ควร หลวงปู่ก็ทำกัมมัฏฐานต่อไป หันมากำหนดลมหายใจเข้า ลมหายใจออก จนลมหายใจไม่เข้าไม่ออก ทำจนกระทั่งสามารถบังคับลมหายใจ ให้เข้าไปแล้วไม่ออกมาก็ได้ ออกไปแล้วไม่เข้าก็ได้...”

ด้วยความมุ่งมั่นในการปฏิบัติของหลวงปู่ฉลวยนั้นเอง เมื่อท่านได้พบกับเจ้าของน้ำอบนางลอยชื่อ “กิมเฮียง” ซึ่งเปิดกิจการอยู่หน้าวัดเทพธิดาราม จึงได้สนทนากันเรื่องการปฏิบัติของสำนักต่างๆ และโยมกิมเฮียงนี่เองที่ชักชวนท่านร่วมคณะไปร่วมทอดกฐินที่ วัดหนองผือ จ.สกลนคร

เป็นเหตุให้ท่านได้พบและฝากตัวรับการอบรมอยู่กับพระอาจารย์มั่นเป็นเวลา ๑๘ วัน เป็นครั้งแรก

หลังจากกลับจากอีสานแล้วธุดงค์มายังแถบ จ.เพชรบุรี ได้ไม่นาน ท่านก็ยกคณะกลับไปบ้านหนองผือ หาพระอาจารย์มั่นอีกครา

“...หลวงปู่ฉลวย หลวงพ่อก้าน พระสายบัว พระทองม้วน จึงเข้าไปยังวัดหนองผือ เมื่อเข้ามาในวัดหนองผือแล้วก็ไปยังกุฏิของหลวงปู่มั่น เมื่อพบหลวงปู่มั่น ท่านก็ทักขึ้นก่อนว่า “อ้าว ฉลวย มาอีกแล้ว ไม่กลัวตายหรือ”

“ครับ กระดูก ๓๐๐ ท่อน ตายตรงไหน ก็ทิ้งมันตรงนั้นแหละครับ” หลวงปู่ตอบ

หนนั้นอยู่จนกระทั่งใกล้จะเข้าพรรษา ท่านจึงจากพระอาจารย์มั่นมาและร่วมกันก่อตั้งวัดโนนภู่อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ขึ้นเป็นที่จำพรรษา

ต่อมาวัดแห่งนี้มี พระอาจารย์กู่ ธัมมทินโน มาเป็นเจ้าอาวาส และเป็นที่พักของคณะที่นำพระอาจารย์มั่นมาพัก ระหว่างออก เดินทางจากวัดหนองผือ เพื่อไปละขันธ์ที่วัดป่าสุทธาวาสในปี พ.ศ.๒๔๙๒

ระหว่างสร้างวัดนั้น โยมกิมเฮียงได้รับเป็นเจ้าภาพสร้างพระประธานถวาย หลวงปู่ฉลวยและหลวงปู่ก้าน ได้ไปรอรับพระประธานที่จะส่งมาจากกรุงเทพฯ ทางรถไฟอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี ทั้งสองรูปได้ญัตติกรรมใหม่เป็นพระภิกษุธรรมยุติกนิกาย ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๑ เมื่อเวลา ๒๐.๔๒ น. โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลวงปู่ฉลวยได้รับนามฉายาว่า “สุธมฺโม” ขณะหลวงปู่ก้านได้รับฉายาว่า “ฐิตธมฺโม”

หลังจากนั้นทั้งสองรูปจำพรรษาอยู่ที่วัดกลางโนนภู่อีก ๑ พรรษา ระหว่างนั้นหลวงปู่ฉลวยจะนิมิตเห็นภาพเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล พระนครศรีอยุธยาอยู่หลายหน พอออกพรรษาแล้ว ท่านจึงพา หลวงปู่ก้านและเณรอีกรูปจาริกกลับมายังพระนครศรีอยุธยา

ทั้งสองท่านได้ช่วยกันดูแลและบูรณะวัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งถูก ทิ้งร้างมาตั้งแต่ครั้งเสียกรุงครั้งที่สองขึ้นใหม่ และที่นี่เองที่หลวงพ่อชา สุภัทโท ได้จาริกมาอยู่ร่วมปฏิบัติด้วยกัน เป็นเหตุให้ท่านทั้งหมดนี้มีสัมพันธ์และเกื้อกูลกันมาตลอดชีวิต ในยามอายุมากแล้ว หลวงปู่ฉลวยยังเคยไปจำพรรษาที่ถ้ำแสงเพชรซึ่งเป็นหนึ่งในวัดสาขาหนองป่าพงถึง ๒ พรรษา โดยบอกว่าเป็นการใช้คืนหลวงปู่ชา ที่ครั้งอดีตเคยมาร่วมจำพรรษาอยู่กับท่านและหลวงปู่ก้านที่วัดใหญ่ ชัยมงคลดังที่กล่าวนี้

ปี พ.ศ.๒๕๐๐ หลวงปู่ฉลวยจึงพาคณะซึ่งแน่นอนว่า รวมทั้งหลวงปู่ก้านจาริกมาถึงหัวหินและพบถิ่นที่ได้สถาปนาขึ้นเป็นวัดเขาต้นเกดในปัจจุบัน ครั้งสร้างวัดขึ้นแล้ว ท่านได้ให้หลวงปู่ก้านเป็นเจ้าอาวาส ขณะที่ท่านก็จรไปที่โน่นนี่กว่า ๒๕ ปี จึงไปตั้งวัดป่าวิทยาลัย ช่วงเวลานั้นจนกระทั่งหลวงปู่ฉลวยมรณภาพ หลวงปู่ก้านก็ได้ติดตามไปดูแลอุปฐากหลวงปู่ฉลวยอยู่เป็นนิตย์

หลวงปู่ก้านเป็นพระมหาเถระซึ่งดำรงอยู่ในวิถีแห่งพระสุปฏิปันโนมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ท่านเป็นรัตตัญญู ผู้ใดได้ไปกราบสักการะ และฟังธรรมท่าน แล้วล้วนซาบซึ้งใจ ปัจจุบันหลวงปู่ก้าน ฐิตธัมโม อายุ ๙๖ ปี เวลากราบท่านคือ ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. เพื่อรักษาธาตุขันธ์องค์ท่าน

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ
วัดราชายตนบรรพต (วัดเขาต้นเกด) จ.ประจวบคีรีขันธ์

รูปภาพ
แถวหน้า จากซ้าย : หลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม, หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม,
พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พนฺธุโล) และหลวงปู่ขาว อนาลโย


พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พนฺธุโล) กับเหล่าสัทธิวิหาริกที่ท่านอุปสมบทให้
อาทิเช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู,
หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม วัดป่าบ้านวไลย (วัดป่าวิทยาลัย) จ.ประจวบคีรีขันธ์,
หลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม วัดราชายตนบรรพต (วัดเขาต้นเกด) จ.ประจวบคีรีขันธ์


รูปภาพ
หลวงปู่ฉลวย สุธมฺโม และหลวงปู่ก้าน ฐิตธมฺโม
กำลังสรงน้ำพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พนฺธุโล) พระอุปัชฌาย์


รูปภาพ
“พิพิธภัณฑ์ศาลาที่พักอาพาธพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พ.ศ.๒๔๙๒”
ณ วัดป่ากลางโนนภู่ บ้านกุดก้อม ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ในปัจจุบัน


รูปภาพ
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้เมตตาเดินทางมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด
“พิพิธภัณฑ์ศาลาที่พักอาพาธพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พ.ศ.๒๔๙๒”
และบรรจุอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น ณ วัดป่ากลางโนนภู่ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๓

ในภาพ : หลวงตามหาบัวกำลังพิจารณาแคร่คานหาม, เตียง, มุ้ง, กลด, ที่นอน, ประทุน ฯลฯ
ที่พระอาจารย์มั่นเคยใช้ในคราวมาพักอาพาธระยะสุดท้าย ๑๐ วัน ณ วัดป่ากลางโนนภู่
โดยในพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ฯ มี “หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินฺโน” วัดป่าโสตถิผล มาร่วมในงานด้วย


-----------

:b44: ศิษย์รุ่นสุดท้ายของ “หลวงปู่มั่น” ที่ยังดำรงขันธ์อยู่เวลานี้
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48343

:b44: ภาพเก่าๆ ของครูบาฯ สายหลวงปู่มั่น ที่หาดูได้ยากมากๆ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=42605

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร