50868.เป็นอริยะไม่ได้

bigtoo

Rosarin เขียน:

wink
ปัญญาเข้าถึงความบริสุทธิ์ 25 % ก็เป็นปกติในชีวิตประจำวันที่มั่นคงต่อพระรัตนตรัย
จะทำอะไรก็ไม่เหลือวิสัยของผู้รู้ตื่นเบิกบาน ไม่ได้หลับไหลอย่างปุถุชนคนหนานี่
จะได้เอาตัวรอดไม่พกพาหมู่คณะเพื่อให้เกิดการพึ่งพาอิงอาศัยในกันและกัน
ดูโลกธรรมตามเป็นจริงแต่จิตไม่ติดข้องนี่อยู่เป็นผู้ดูจิตไม่ได้ไหลไปตาม
เพราะหยุดรับ+พิจารณาสิ่งที่มีจริงๆพอกระแสโสตะไหลผ่านปรับรู้เลย
อ้อมีเพิ่มอีกอย่างอริยชนได้อนาสตังคญาณทำนายได้ไม่เกิน7ชาติ
:b12:

ถ้ายังไม่บอกเลิกจะได้ชื่อว่ามั่นคงต่อพระรัตนตรัยได้อย่างไร. แค่คุณเลิกทุกอย่างเหลือแต่พระรัตนตรัยจริงๆคุณก็ข้ามปุถุชนภูมิได้. ทำไมไม่เลิก งง หรือยังห่วงอาลัยอะไรกับคำว่าปุถุชนอยู่เหรอ

กบนอกกะลา

bigtoo เขียน:

รดน้ำมนต์ สวดอ้อนวอน ไหว้เทพทุกองค์ มีวัตถุที่เรียกว่าวัตถุมงคล.เชื่อมงคลตื่นข่าว แค่นี้ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นอริยะ

ทั้งเชื่อเลย..หรือ...ไม่เชื่อแล้วเอาแต่ตำนิโดยไม่ศึกษาพิจารณา..ก็ล้วนแต่งมงายทั้งคู่

.งมงาย..อย่างเดียว...ไปไม่ได้ทั้งหมด...งมงาย..นี้เพราะขาดปัญญา...

กบนอกกะลา

คนนี้ซิ...เป็นอริยะไม่ได้..

มุสา..
เกเร..
บิดเบือน..
ใส่ร้าย..
ฯลฯ

:b32:

ลุงหมาน

bigtoo เขียน:

รดน้ำมนต์ สวดอ้อนวอน ไหว้เทพทุกองค์ มีวัตถุที่เรียกว่าวัตถุมงคล.เชื่อมงคลตื่นข่าว แค่นี้ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นอริยะ

คนที่ทำ อนันตริยกรรม ๕ อย่างย่อมพระอริยะไม่ได้
นอกนั้นเป็นได้หมด

๑. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
๒. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
๔. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
๕ .สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์

ใน ๕ อย่างนี้
ถ้ายังเป็นฆราวาสอยู่เว้น ข้อ ๔ กับข้อ ๕
ถ้าเป็นพระภิกษุเว้นข้อ ๔

ศิริพงศ์

ลุงหมาน เขียน:

bigtoo เขียน:

รดน้ำมนต์ สวดอ้อนวอน ไหว้เทพทุกองค์ มีวัตถุที่เรียกว่าวัตถุมงคล.เชื่อมงคลตื่นข่าว แค่นี้ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นอริยะ

คนที่ทำ อนันตริยกรรม ๕ อย่างย่อมพระอริยะไม่ได้
นอกนั้นเป็นได้หมด

๑. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
๒. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
๔. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
๕ .สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์

ใน ๕ อย่างนี้
ถ้ายังเป็นฆราวาสอยู่เว้น ข้อ ๔ กับข้อ ๕
ถ้าเป็นพระภิกษุเว้นข้อ ๔

กบนอกกะลา

bigtoo เขียน:

รดน้ำมนต์ สวดอ้อนวอน ไหว้เทพทุกองค์ มีวัตถุที่เรียกว่าวัตถุมงคล.เชื่อมงคลตื่นข่าว แค่นี้ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นอริยะ

ลุงหมาน เขียน:

คนที่ทำ อนันตริยกรรม ๕ อย่างย่อมพระอริยะไม่ได้
นอกนั้นเป็นได้หมด

๑. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
๒. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
๔. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
๕ .สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์

ใน ๕ อย่างนี้
ถ้ายังเป็นฆราวาสอยู่เว้น ข้อ ๔ กับข้อ ๕
ถ้าเป็นพระภิกษุเว้นข้อ ๔

ศิริพงศ์ เขียน:

:b8:

นั้นคือกรรมที่ทำแล้ว...ในชาตินี้จะเป็นอรหันต์นั้นเป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้..นะ

แต่..คนที่กำลังทำตัวอย่างนี้อยู่..คือ

กบนอกกะลา เขียน:

คนนี้ซิ...เป็นอริยะไม่ได้..

มุสา..
เกเร..
บิดเบือน..
ใส่ร้าย..
ฯลฯ

:b32:

คนเหล่านี้...แสดงว่ายังไม่บรรลุธรรมวิเศษใดใดได้เลย

ถ้าคนเหล่านี้..เข้าใจว่าตนบรรลุธรรมแล้ว....
ไม่ต้องมีญาณวิเศษใดใด..ก็รู้ได้เลยว่า...คนเหล่านี้...หลง...ไปแล้ว..นะ...Bigtoo
:b9:

ศิริพงศ์

กบนอกกะลา เขียน:

bigtoo เขียน:

รดน้ำมนต์ สวดอ้อนวอน ไหว้เทพทุกองค์ มีวัตถุที่เรียกว่าวัตถุมงคล.เชื่อมงคลตื่นข่าว แค่นี้ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นอริยะ

ลุงหมาน เขียน:

คนที่ทำ อนันตริยกรรม ๕ อย่างย่อมพระอริยะไม่ได้
นอกนั้นเป็นได้หมด

๑. มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
๒. ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
๔. โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
๕ .สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์

ใน ๕ อย่างนี้
ถ้ายังเป็นฆราวาสอยู่เว้น ข้อ ๔ กับข้อ ๕
ถ้าเป็นพระภิกษุเว้นข้อ ๔

ศิริพงศ์ เขียน:

:b8:

นั้นคือกรรมที่ทำแล้ว...ในชาตินี้จะเป็นอรหันต์นั้นเป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้..นะ

แต่..คนที่กำลังทำตัวอย่างนี้อยู่..คือ

กบนอกกะลา เขียน:

คนนี้ซิ...เป็นอริยะไม่ได้..

มุสา..
เกเร..
บิดเบือน..
ใส่ร้าย..
ฯลฯ

:b32:

คนเหล่านี้...แสดงว่ายังไม่บรรลุธรรมวิเศษใดใดได้เลย

ถ้าคนเหล่านี้..เข้าใจว่าตนบรรลุธรรมแล้ว....
ไม่ต้องมีญาณวิเศษใดใด..ก็รู้ได้เลยว่า...คนเหล่านี้...หลง...ไปแล้ว..นะ...Bigtoo
:b9:

ใครเหรอมุสา. บิดเบือน. ใส่ร้าย. มโนเองละมั้ง. ขอบคิดเองไม่อิงคำรา. ประกอบเนืองๆ. มาได้อย่างไร. ไม่ลองไตร่ตรองดู. พระองค์กล่าวทำไม. มีเหตุผลอะไร

Rosarin

ศิริพงศ์ เขียน:

ใครเหรอมุสา. บิดเบือน. ใส่ร้าย. มโนเองละมั้ง. ขอบคิดเองไม่อิงคำรา.
ประกอบเนืองๆ. มาได้อย่างไร. ไม่ลองไตร่ตรองดู. พระองค์กล่าวทำไม. มีเหตุผลอะไร

ยกมาอ้างอิงจากกระทู้ เรามาปฏิบัติธรรมกันทำไม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50914&start=75
อ่านท่อนที่เป็นสีม่วงที่แสดงว่าจิตตภาวนาไม่ถึงธรรมโดยเฉพาะการยึดตำราไม่ถึงอจลศรัทธาน๊า

Rosarin เขียน:

rolleyes
จากกระทู้ธรรมยุติกนิกายกับมหานิกายเน้นให้อ่านตัวสีแดงกะสีน้ำเงิน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50959&start=30

Rosarin เขียน:

Kiss
สอนวิปัสสนาอย่างละเอียด ย่อหน้าที่16 พิจารณาดู อนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
:b16:

อ้างคำพูด:

คงได้เนื้อความว่า อวิชชาดับสิ่งเดียวเท่านั้น สังขาร วิญญาณ นามรูป ตลอดไปถึง ชรา มรณะ ดับตามกันไปหมด ที่แสดงความดับแห่ง อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรุปเป็นต้นในปฏิจจสมุปบาทนี้ ไม่ได้หมายคนตาย หมายดับที่คนเป็น ๆ เรานี้เอง มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นตัวอย่าง สมัยที่พระองค์สัมมาสัมโพธิญาณ ได้ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาทเป็นทางวิปัสสนา เมื่ออวิชชาเกิดขึ้น อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป ตลอดถึงชรา มรณะดับหมด แต่พระองค์หาได้นิพพานไม่ ยังอยู่โปรดเวไนยสัตว์ถึง ๔๕ พรรษา จึงเสด็จเข้าสู่พระนิพพาน เมื่อสังขารดับหมดแล้ว ตนของพระองค์ก็ยังเต็มที่ แต่ส่วนที่เหลืออยู่นั้นจะเรียกว่าวิสังขารก็ได้ จะเรียกว่า อนุปาทินนกสังขารก็ได้ จะเรียกว่า อเนญชาภิสังขารก็ได้ จะเรียกว่า อสังขตธรรมก็ได้ จะเรียกว่า สังขารธรรมก็ได้ จะเรียกว่า โลกุตรธรรมก็ได้ ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรกับชื่อนามกร ข้อสำคัญคือตัวอวิชชาดับ เกิดเป็นวิชชาขึ้นเท่านั้น ส่วนธรรมที่ยังเหลืออยู่นี้ เป็นธรรมพิเศษ ไม่มีอนิจจัง ไม่มีทุกขัง คงมีอยู่แต่อนัตตาเท่านั้น เพราะไม่ใช่ตัวตน เป็นธรรมต่างหาก
อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา ดับไปตามอุปาทินนกสังขาร ถ้าไตรลักษณ์อย่างนี้ไม่ดับ ไม่รู้จักวิโมกข์ ๓ แสดง วิโมกข์ ๓ ไม่ได้ แสดงได้ก็ไม่ได้ความ ถ้าสังขารไม่ดับ แสดงนิโรธก็ไม่ได้ แสดงได้ก็ไม่ได้ความเหมือนกัน ถ้ายังแสดงว่าตัวของตัวยังเป็น อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อยู่ตราบใด พึงรู้เถิดว่า ตัวยังจมอยู่ในกองทุกข์ตราบนั้น เพราะ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เป็นตัวทุกข์ เพราะเป็นสังขาร เมื่อสังขารดับหมดแล้ว ยังเหลืออยู่แต่วิสังขาร เป็นนาถกรณธรรม คือทำตนให้เป็นแก่นสาร เกิดศรัทธาความเชื่อตนขึ้นเป็นอจลศรัทธา ไม่งมงายหลงเชื่อแต่คนอื่น คนเราโดยมากมักเชื่อแต่ตำรา เชื่อตามเขาว่า หาได้น้อมธรรมเข้ามาในตน ให้เห็นจริงที่ตน เกิดความเชื่อขึ้นในตนไม่ จึงออกจากสมมติไม่ได้ ติดสมมติตายอยู่นี้เอง สมมติกับสังขารอันเดียวกัน จะแสดงความดับแห่งสังขารหรือดับแห่งสมมติไว้เป็นตัวอย่าง

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=44608

หลังดับอวิชชานามเกิดรูปดับจิตไม่ถอยกลับไปมั่วสุมปะปนกายตามที่โลกๆเขาเป็นกันแล้วค่ะ
:b29:

Rosarin

ดับกายหยาบไม่ได้ก็อวิชชาไม่ดับ
ก็ยังบ้าหลงสังขารเป็นวิปัสสนู/นึก
:b32:

กบนอกกะลา

คนมุสา.....อยู่..ก็จะเป็นอะไรไปได้..

คนยังจิบเหล้าอยู่....จะเป็นอะไรไปได้..

คนเอาคำตนว่าเป็นคำพระพุทธเจ้ากล่าว..จะเป็นอะไรไปได้..

ศิริพงศ์

กบนอกกะลา เขียน:

คนมุสา.....อยู่..ก็จะเป็นอะไรไปได้..

คนยังจิบเหล้าอยู่....จะเป็นอะไรไปได้..

คนเอาคำตนว่าเป็นคำพระพุทธเจ้ากล่าว..จะเป็นอะไรไปได้..

อะไรที่เรียกว่ามุสา. อย่าคิดเองซิต้องใช้เหตุผล. อะไรที่ว่าจิบเหล้า. อย่ายัดเยียดข้อหาด้วยคำว่าจิบเหล้าดูแล้วเหมือน. กบยิ่งโง่นะ. เพราะว่าเราขัดแย้งกันตรงที่เราโต้แย้งว่าการกระทำที่ไม่ได้มีเจตนาต่างหาก. เมื่อไม่มีเจตนาการกระทำนั้น. พระองค์ทรงใช้คำว่าประกอบเนื่องๆ พระองค์ชี้โทษชัดเจนการประกอบเนื่องๆ. จึงเกิดโทษ. ถ้าไม่เกิดโทษ อะไรๆก็ไม่มีความผิดนะจะจับเขาติดคุกได้อย่างไร

ศิริพงศ์

Rosarin เขียน:

Kiss
ดับกายหยาบไม่ได้ก็อวิชชาไม่ดับ
ก็ยังบ้าหลงสังขารเป็นวิปัสสนู/นึก
:b32:

อวิชาคือความหลง. ไม่ใช่ดับกายหยาบ(การดับกายหยายเป็นเพียงสมาธิระดับหนึ่งเท่านั้นถ้าไม่นำมาทำปริญญาก็ใบ้กินเหมือนเดิม). และถ้ายังทำอะไรๆที่คิดว่ามันดี. เช่นรดน้ำมนต์. ท่องคาถาเรียกเงิน. สวดอ้อนวอนต่างๆแบบนั้นเขาเรียกว่ายังหลงอยู่

Rosarin

ศิริพงศ์ เขียน:

Rosarin เขียน:

Kiss
ดับกายหยาบไม่ได้ก็อวิชชาไม่ดับ
ก็ยังบ้าหลงสังขารเป็นวิปัสสนู/นึก
:b32:

อวิชาคือความหลง. ไม่ใช่ดับกายหยาบ(การดับกายหยายเป็นเพียงสมาธิระดับหนึ่งเท่านั้นถ้าไม่นำมาทำปริญญาก็ใบ้กินเหมือนเดิม). และถ้ายังทำอะไรๆที่คิดว่ามันดี. เช่นรดน้ำมนต์. ท่องคาถาเรียกเงิน. สวดอ้อนวอนต่างๆแบบนั้นเขาเรียกว่ายังหลงอยู่

เค้ามีครูบาอาจารย์รับรองผลบรรลุฌาน3นิ่งใบ้สงบจากอกุศลเป็นกุศลศีลน๊า
อ้อแล้วไม่มีคู่ครองประพฤติพรหมจรรย์ฌานไม่เสื่อมจะทำอะไรไม่ล่วงศีลเป็นปกติ
:b32:

ศิริพงศ์

Rosarin เขียน:

ศิริพงศ์ เขียน:

Rosarin เขียน:

Kiss
ดับกายหยาบไม่ได้ก็อวิชชาไม่ดับ
ก็ยังบ้าหลงสังขารเป็นวิปัสสนู/นึก
:b32:

อวิชาคือความหลง. ไม่ใช่ดับกายหยาบ(การดับกายหยายเป็นเพียงสมาธิระดับหนึ่งเท่านั้นถ้าไม่นำมาทำปริญญาก็ใบ้กินเหมือนเดิม). และถ้ายังทำอะไรๆที่คิดว่ามันดี. เช่นรดน้ำมนต์. ท่องคาถาเรียกเงิน. สวดอ้อนวอนต่างๆแบบนั้นเขาเรียกว่ายังหลงอยู่

เค้ามีครูบาอาจารย์รับรองผลบรรลุฌาน3นิ่งใบ้สงบจากอกุศลเป็นกุศลศีลน๊า
อ้อแล้วไม่มีคู่ครองประพฤติพรหมจรรย์ฌานไม่เสื่อมจะทำอะไรไม่ล่วงศีลเป็นปกติ
:b32:

ไม่มีอะไรไม่เสื่อม นอกจากอริยมรรคครับ. นอกนั้นของเสื่อม

Rosarin

อริยบุคคลประกอบด้วยความสมบูรณ์ของญาณ16 ปกติจิตไม่ทำบาป ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์แล้ว
อยู่ตรงทางสายกลางสมบูรณ์ด้วยอริยสัจจ์สี่ อริยมรรค8 มีสติสัมปชัญญะในสติปัฏฐานสี่ ดับอวิชชามีวิชชา
จะขึ้นเขาลงห้วย ทำอาชีพการงาน ไปตากอากาศพักผ่อนอิริยาบถ ลั๊ลล้าก็ไม่แปดเปื้อนด้วยธุลีของอกุศล
:b32:

50868.เป็นอริยะไม่ได้

ผู้ใช้งานขณะนี้