วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 23:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอนุญาติท่านผู้ดูแลลานหรือแอดมิดกรุณาช่วยลบกระทู้ทั้งหมดที่ผมตั่งรวมถึงไอดีออกจากระบบด้วยครับ เพราะเดียวผมจะไม่มีโอกาสเข้าเว็บนี้อีก หากมีใครกล่าวหา ผมไม่มีโอกาสชี้แจงคนอื่นจะเข้าใจผมผิดก็ได้ครับโดยเฉราะ คนชื่อหญิงไทย มักใส่ร้ายป้ายสีผมอยู่เรื่อย........... :b8: :b8:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2012, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว




DSC05012.gif
DSC05012.gif [ 168.71 KiB | เปิดดู 5132 ครั้ง ]
.... :b8: :b8:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2012, 04:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับความมืด เขียน:
ขอนุญาติท่านผู้ดูแลลานหรือแอดมิดกรุณาช่วยลบกระทู้ทั้งหมดที่ผมตั่งรวมถึงไอดีออกจากระบบด้วยครับ เพราะเดียวผมจะไม่มีโอกาสเข้าเว็บนี้อีก หากมีใครกล่าวหา ผมไม่มีโอกาสชี้แจงคนอื่นจะเข้าใจผมผิดก็ได้ครับโดยเฉราะ คนชื่อหญิงไทย มักใส่ร้ายป้ายสีผมอยู่เรื่อย........... :b8: :b8:


ขอเก็บหลักฐานการก่อกวนนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2012, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


"เมื่อเห็น ให้สักเป็นแต่ว่า เห็น
ได้ยิน เป็นสักแต่ว่า ได้ยิน
ทราบ เป็นสักแต่ว่า ทราบ
รู้แจ้ง เป็นสักแต่ว่า รู้แจ้ง

ในกาลใด "ท่าน"
เห็น เป็นสักแต่ว่า เห็น
ได้ยิน เป็นสักแต่ว่า ได้ยิน
ทราบ เป็นสักแต่ว่า ทราบ
รู้แจ้ง เป็นสักแต่ว่า รู้แจ้ง

ในกาลนั้น "ท่าน" ย่อมไม่มี ทั้งในโลกนี้ โลกหน้า และระหว่างโลกทั้งสอง

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2012, 11:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ดับขันธ์ในฌาณ.jpg
ดับขันธ์ในฌาณ.jpg [ 51.46 KiB | เปิดดู 5098 ครั้ง ]
s007
ท่านอยู่กับความมืด จะออกจากความมืด (อวิชชา) ไปหาแสงสว่าง (วิชชา) ด้วยตนเองเงียบๆแล้วหรือครับ
ไปแล้วอย่าไปลับ รีบกลับมา ได้วิชชาแล้วอย่าไปให้ไกลกัน เพราะลานธรรมจักรนั้นเป็นสถานทดสอบธรรม
เป็นมิเตอร์วัดความเจริญก้าวหน้าทางธรรม และเป็นสถานที่ที่จะได้ฝึกหัดขัดเกลาจิตใจให้ยิ่งในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยนะครับ
:b4: :b4: :b4:
:b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2012, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s007
ท่านอยู่กับความมืด จะออกจากความมืด (อวิชชา) ไปหาแสงสว่าง (วิชชา) ด้วยตนเองเงียบๆแล้วหรือครับ
ไปแล้วอย่าไปลับ รีบกลับมา ได้วิชชาแล้วอย่าไปให้ไกลกัน เพราะลานธรรมจักรนั้นเป็นสถานทดสอบธรรม
เป็นมิเตอร์วัดความเจริญก้าวหน้าทางธรรม และเป็นสถานที่ที่จะได้ฝึกหัดขัดเกลาจิตใจให้ยิ่งในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยนะครับ
:b4: :b4: :b4:
:b8:



ก็ประมานนั้นแหละ ตอนนี้ก้เรียนจบปริยัติแล้วต่อไปคงถึงเวลาปฏิบัติแบบจริงจังสักที กลับจากเขาใหญ่แล้วคงไปอยู่วัดป่าโน้นแหละคงไม่มีโอกาสมานั่งพิมพ์ข้อความหน้าคอมแบบนี้อีก แม้อายุจะยังน้อยแต่ถ้าไม่รีบปฏิบัติตั่งแต่ตอนนี้ก้ไม่รู้ว่าความตายจะมาเยือนเมื่อไหร่..เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปขอมุ่งปฏิบัติอย่างเดียว......... :b8: :b8:

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง
เธอจงมีธรรมเป็น มีธรรมเป็นที่พึ่ง
ผู้ไดไม่ประมาท
ประพฤติตามพระธรรมวินัยนี้
ผู้นั้นจักละชาติสงสาร
กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
...... :b8: :b8:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2012, 14:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2012, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2004, 19:48
โพสต์: 1736

ชื่อเล่น: admin
อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


อยู่กับความมืด เขียน:
ขอนุญาติท่านผู้ดูแลลานหรือแอดมิดกรุณาช่วยลบกระทู้ทั้งหมดที่ผมตั่งรวมถึงไอดีออกจากระบบด้วยครับ เพราะเดียวผมจะไม่มีโอกาสเข้าเว็บนี้อีก หากมีใครกล่าวหา ผมไม่มีโอกาสชี้แจงคนอื่นจะเข้าใจผมผิดก็ได้ครับโดยเฉราะ คนชื่อหญิงไทย มักใส่ร้ายป้ายสีผมอยู่เรื่อย........... :b8: :b8:


:b8: ท่านอยู่กับความมืด

ท่านเป็นสมณะ พึงสงบและสำรวมระวัง กาย วาจา ใจ
เพื่อยังความสง่างามในเพศสมณะ

.....................................................
-- วิธีใช้บอร์ด --
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=22930
- สมาชิกใหม่แนะนำตัวที่นี่
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=29
- กฎกติกาบอร์ด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19110
- เครื่องมือผู้ดูแลบอร์ด -
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=23048
facebook ลานธรรมจักร
http://www.facebook.com/larndhammajak


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2012, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


[กุลบุตรจะเรียนกรรมฐานต้องบำเพ็ญศีลให้บริสุทธิ์ก่อน]

กุลบุตรควรชำระศีล ๔ อย่างให้หมดจดก่อน.
ในศีลนั้นมีวิธีชำระให้หมดจด ๓ อย่าง คือ ไม่ต้องอาบัติ ๑ ออกจากอาบัติที่ต้องแล้ว ๑ ไม่เศร้าหมองด้วยกิเลสทั้งหลาย ๑.
จริงอยู่ ภาวนาย่อมสำเร็จแก่กุลบุตรผู้มีศีลบริสุทธิ์อย่างนั้น. กุลบุตรควรบำเพ็ญแม้ศีลที่ท่านเรียกว่าอภิสมาจาริกศีล ให้บริบูรณ์ดีเสียก่อน ด้วยอำนาจวัตรเหล่านี้ คือวัตรที่ลานพระเจดีย์ วัตรที่ลานต้นโพธิ์ อุปัชฌายวัตร อาจริยวัตร วัตรที่เรือนไฟ วัตรที่โรงอุโบสถ ขันธกวัตร ๘๒ มหาวัตร ๑๔.
จริงอยู่ กุลบุตรใดพึงกล่าวว่า เรารักษาศีลอยู่, กรรมด้วยอภิสมาจาริกวัตรจะมีประโยชน์อะไร? ข้อที่ศีลของกุลบุตรนั้นจักบริบูรณ์ได้ นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้. แต่เมื่ออภิสมาจาริกวัตรบริบูรณ์ ศีลก็จะบริบูรณ์. เมื่อศีลบริบูรณ์ สมาธิย่อมถือเอาห้อง.
สมจริงดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า๑-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ข้อที่ภิกษุนั้นหนอไม่บำเพ็ญธรรม คืออภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญศีลทั้งหลายให้บริบูรณ์ได้ นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้.
เรื่องนี้ควรให้พิสดาร.
เพราะเหตุฉะนั้น กุลบุตรนี้ควรบำเพ็ญแม้วัตร มีเจติยังคณวัตรเป็นต้น ที่ท่านเรียกว่าอภิสมาจาริวัตร ให้บริบูรณ์ด้วยดีเสียก่อน.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.p ... &i=176&p=2

[ภิกษุผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์กรรมฐานย่อมไม่เจริญ]

จริงอยู่ ความบังเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าเป็นของได้ด้วยยาก, การบรรพชาและการอุปสมบทเป็นของได้ด้วยยากยิ่งกว่านั้น. แต่พระวินัยธรควรพูดอย่างนี้ว่า เธอจงปัดกวาดโอกาสที่เงียบสงัด แล้วนั่งพักกลางวัน ชำระศีลให้บริสุทธิ์ จงมนสิการอาการ ๓๒ ดูก่อน.
ถ้าศีลของภิกษุนั้นไม่ด่างพร้อยไซร้ กรรมฐานย่อมสืบต่อ, สังขารทั้งหลาย ก็เป็นของปรากฏชัดขึ้น, จิตก็เป็นเอกัคคตา ดุจได้บรรลุอุปจาระและอัปปนาสมาธิ ฉะนั้น, ถึงวันจะล่วงเลยไปแล้วก็ตาม เธอก็ไม่ทราบ. ในเวลาวันล่วงเลยไป เธอมาสู่ที่อุปัฏฐากแล้ว ควรพูดอย่างนี้ว่า ความเป็นไปแห่งจิตของเธอเป็นเช่นไร? ก็เมื่อเธอบอกความเป็นไปแห่งจิตแล้ว ควรพูดกะเธอว่า ขึ้นชื่อว่าบรรพชา มีความบริสุทธิ์แห่งจิตเป็นประโยชน์, เธออย่าประมาท บำเพ็ญสมณธรรมเถิด.
ส่วนภิกษุใดมีศีลขาด กรรมฐานของภิกษุนั้นย่อมไม่สืบต่อ, จิตย่อมปั่นป่วน คือถูกไฟคือความเดือดร้อนแผดเผาอยู่ ดุจถูกทิ่มแทงด้วยปฏัก ฉะนั้น, ภิกษุนั้นย่อมลุกขึ้นในขณะนั้นทีเดียว เหมือนนั่งอยู่บนก้อนหินที่ร้อน ฉะนั้น.
เธอมาแล้วถามว่า ความเป็นไปแห่งจิตของท่านเป็นอย่างไร?
เมื่อเธอบอกความเป็นไปแห่งจิตแล้ว ควรพูดว่า
ขึ้นชื่อว่าความลับของผู้กระทำกรรมชั่ว ย่อมไม่มีในโลก๑-
แท้จริง บุคคลผู้กระทำความชั่ว ย่อมรู้ด้วยตนเอง ก่อนคนอื่นทั้งหมด, ต่อจากนั้น อารักขเทพดาทั้งหลาย สมณพราหมณ์และเทพเจ้าเหล่าอื่น ผู้รู้จิตของบุคคลอื่น ย่อมรู้ (ความชั่ว) ของเธอ, บัดนี้ เธอนั่นแลจงแสวงหาความสวัสดีแก่เธอเองเถิด.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=01&i=23


[๖๘๗] พ. ดูกรภิกษุ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอจงยังเบื้องต้นในกุศลธรรมให้บริสุทธิ์
ก่อน เบื้องต้นของกุศลธรรมคืออะไร? คือ ศีลที่บริสุทธิ์ดี และความเห็นตรง เมื่อใด ศีล
ของเธอจักบริสุทธิ์ดี และความเห็นของเธอจักตรง เมื่อนั้น เธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้ว
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ โดยส่วน ๓ สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน?
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 900&Z=3940


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อนั้นเป็นเพราะธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนผิดทาง ดังนี้. ส่วนปริยัติใด ที่บุคคลเรียนถูกทาง คือหวังความบริบูรณ์แห่งคุณมีสีลขันธ์เป็นต้นเท่านั้น เรียนแล้ว มิได้เรียนเพราะเหตุมีการติเตียนผู้อื่นเป็นต้น นี้ชื่อนิสสรณัตถปริยัติ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมุ่งหมายตรัสไว้ว่า
ธรรมเหล่านั้นที่บุคคลเหล่านั้นเรียนถูกทาง ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขตลอดกาลนาน.
ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะธรรมทั้งหลายบุคคลเหล่านั้นเรียนถูกทาง.
ส่วนพระอรหันต์ผู้มีขันธ์อันกำหนดรู้แล้ว มีกิเลสอันละได้แล้ว มีมรรคอันอบรมแล้ว มีพระอรหัตตผลอันแทงตลอดแล้ว มีนิโรธอันทำให้แจ้งแล้ว ย่อมเรียนซึ่งปริยัติใด เพื่อต้องการรักษาประเพณี เพื่อต้องการอนุรักษ์พุทธวงศ์โดยเฉพาะ นี้ชื่อภัณฑาคาริกปริยัติ.
อนึ่ง ภิกษุปฏิบัติดีในพระวินัย อาศัยสีลสัมปทา ย่อมบรรลุวิชชา ๓ เพราะท่านกล่าวประเภทแห่งวิชชา ๓ เหล่านั้นไว้ในพระวินัยนั้น. ภิกษุปฏิบัติดีในพระสูตร อาศัยสมาธิสัมปทา ย่อมบรรลุอภิญญา ๖ เพราะท่านกล่าวประเภทแห่งอภิญญา ๖ เหล่านั้นไว้ในพระสูตรนั้น. ภิกษุปฏิบัติดีในพระอภิธรรม อาศัยปัญญาสัมปทา ย่อมบรรลุปฏิสัมภิทา ๔ เพราะท่านกล่าวประเภทแห่งปฏิสัมภิทา ๔ ไว้ในพระอภิธรรมนั้นเหมือนกัน. ภิกษุปฏิบัติดีในปิฎก ๓ เหล่านั้น ย่อมบรรลุสมบัติต่างด้วยวิชชา ๓ อภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทา ๔ เป็นต้นนี้ตามลำดับ ด้วยประการฉะนี้.
ส่วนภิกษุปฏิบัติชั่วในพระวินัย ย่อมมีความสำคัญว่า ไม่มีโทษในผัสสะทั้งหลายมีการถูกต้องสิ่งที่มีวิญญาณครองเป็นต้นที่ต้องห้าม โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับการถูกต้องวัตถุมีเครื่องปูลาดและผ้าห่ม อันมีสัมผัสสบายที่ทรงอนุญาตไว้เป็นต้น. สมด้วยคำที่พระอริฏฐะกล่าวไว้ว่า เรารู้ทั่วถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วว่าเป็นธรรมทำอันตราย แต่ธรรมเหล่านั้นไม่อาจเพื่อเป็นอันตรายแก่ผู้ส้องเสพได้เลย ดังนี้. แต่นั้น ภิกษุนั้นย่อมถึงความเป็นผู้ทุศีล.
ภิกษุปฏิบัติชั่วในพระสูตร ไม่รู้ความมุ่งหมายในพระบาลีมีอาทิว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ พวกเหล่านี้มีอยู่ ปรากฏอยู่๑๐- ดังนี้ ย่อมถือเอาผิดๆ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมุ่งหมายตรัสไว้ว่า บุคคลย่อมกล่าวตู่เราทั้งหลายด้วย ย่อมขุดซึ่งตนด้วย ย่อมประสบสิ่งที่มิใช่บุญเป็นอันมากด้วย ด้วยการที่ตนถือผิด ดังนี้. แต่นั้น ภิกษุนั้นย่อมถึงความเป็นมิจฉาทิฏฐิ.
ภิกษุปฏิบัติชั่วในพระอภิธรรม เมื่อคิดธรรมฟุ้งเกินไป ย่อมคิดแม้เรื่องที่ไม่ควรคิด แต่นั้นย่อมถึงจิตวิปลาส. สมด้วยพุทธภาษิตที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคิดอยู่ซึ่งเรื่องไม่ควรคิดทั้งหลายเหล่าใด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เสียจริต เรื่องไม่ควรคิดทั้งหลายเหล่านี้ ๔ ประการ บุคคลไม่ควรคิดเลย ดังนี้.
ภิกษุปฏิบัติชั่วในปิฎก ๓ เหล่านี้ ย่อมถึงความวิบัติต่างด้วยความเป็นผู้ทุศีล ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ และจิตวิปลาสนี้ตามลำดับ ด้วยประการฉะนี้.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 9&i=1&p=1#การเล่าเรียน_๓_อย่าง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร