วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 09:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2004, 19:48
โพสต์: 1736

ชื่อเล่น: admin
อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรียนสมาชิกทุกท่าน

เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า คุณ buddha
มีพฤติกรรมกล่าวแอบอ้าง ตามข้อความในกระทู้นี้
viewtopic.php?f=11&t=29060
viewtopic.php?f=1&t=28768

จึงได้ทำการลงโทษแบน 7 วัน นับจากวันที่ 29 ม.ค. ถึงวันที่ 4 ก.พ.
เพื่อให้รับทราบโทษ และปรับปรุงตัวเอง หลังจากพ้นแบนแล้ว

ส่วนกรณีที่ใช้ชื่อว่า buddha นั้น ทาง admin ได้ส่งข้อความให้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่
ไปหลายฉบับแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับ ได้ตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีการเปิดอ่านข้อความ
ที่ทาง admin ส่งแจ้งไป จึงต้องเปลี่ยนชื่อใหม่

จากเดิม buddha
ใหม่ sriariya

ตรงตามชื่ออีเมล์ที่ใช้สมัคร แต่ถ้าไม่พอใจชื่อนี้ ก็ขอเปลี่ยนใหม่ได้
ขอให้เจ้าตัวรับทราบด้วยครับ

...........

ส่วนกรณีคุณ ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์
ที่ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม รุนแรง ไม่ตั้งอยู่ในเมตตาธรรม ในการแสดงความคิดเห็น
ได้ทำลงโทษด้วยการตักเตือน ให้ใบเหลือง เป็นระยะเวลา 7 วัน

ประกาศเพื่อให้สมาชิกท่านได้ทราบโดยทั่วกัน
admin

.....................................................
-- วิธีใช้บอร์ด --
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=22930
- สมาชิกใหม่แนะนำตัวที่นี่
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=29
- กฎกติกาบอร์ด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19110
- เครื่องมือผู้ดูแลบอร์ด -
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=23048
facebook ลานธรรมจักร
http://www.facebook.com/larndhammajak


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 27 ก.พ. 2010, 20:27, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้อภัยกันได้ ไหม๊ :b55:

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากเดิม buddha
ใหม่ sriariya

อสูรย์ ว่า sriariya ก็ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ถ้างั้นเปลี่ยนเป็น sritunya ดีใหม ? ครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เหมาะสมๆๆๆ


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




Y4775273-7.jpg
Y4775273-7.jpg [ 13.72 KiB | เปิดดู 7248 ครั้ง ]
น ปโร ปรํ นิกุพฺเพถ สัตว์เหล่าอื่นอย่าข่มเหงสัตว์อื่นเลย
นาติมญฺเญถ กตฺถจิ นํ กิญฺจิ อย่าดูหมิ่นอะไรๆ เขา ในที่ใดๆ เลย
การดูหมิ่นเขาน่ะมันมีอยู่ทุกคน
ภิกษุก็ดูหมิ่นภิกษุ สามเณรก็ดูหมิ่นสามเณร
ภิกษุดูหมิ่นสามเณร สามเณรดูหมิ่นภิกษุ
ดูหมิ่นกัน ดูหมิ่นกันต้องเกิดเรื่อง ไม่ได้รับความสุข
หรืออุบาสกอุบาสิกาก็ดูหมิ่นกัน
อุบาสกก็ดูหมิ่นอุบาสกในอุบาสกซึ่งกันและกันเอง
หรืออุบาสิกาดูหมิ่นอุบาสก
หรือชนชาวบ้านดูหมิ่นชาววัด
หรือชาววัดดูหมิ่นชาวบ้าน
การดูหมิ่นกันอย่างนี้แหละปราศจากเมตตาในกันและกัน ให้กลับใจเสียใหม่
ภิกษุก็ไม่ดูหมิ่นภิกษุ ในชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ
สามเณรก็ไม่ดูหมิ่นสามเณร ในชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ
หรือภิกษุไม่ดูหมิ่นสามเณร สามเณร ไม่ดูหมิ่นภิกษุ
หรือคนมั่งมีดูหมิ่นคนจน หรือคนจนดูถูกคนมี
หรือคนชั้นสูงดูถูกคนชั้นต่ำ คนชั้นต่ำดูถูกคนชั้นสูง อย่างนี้ต้องมีอยู่เป็นธรรมดา
ส่วนเมตตาพรหมวิหารให้เลิกดูหมิ่นกันเสีย ไม่ให้ดูหมิ่นอะไรๆ ในที่เขาหรือในที่ใดๆ ไม่ดูหมิ่นทั้งนั้น
ถ้าเลิกดูหมิ่นเสียเช่นนี้นั่นแหละ จะกลับเป็นคนดีกับเขาได้
บางทีดูหมิ่นเขาไม่รู้ตัวว่าดูหมิ่นเขา ดูหมิ่นเป็นอย่างไร?


คำดูหมิ่นนะ เขาเล็กกว่าสู้ไม่ได้ พูดเอาตามชอบใจ ว่าเอาตามชอบใจ ไม่ไพเราะ พูดอย่างกักขฬะๆ หยาบช้า กล้าแข็ง บ้างด่าว่าเขาต่างๆ ชอบอกชอบใจ เหล่านี้เรียกว่าดูหมิ่นเขาอยู่แล้ว
ถึงเขาจนก็ดูหมิ่น พูดไม่เคารพ คารวะในกันและกัน
พูดใช้เสียงกระด้างไม่น่าฟัง ถ้อยคำเหล่านั้น ตวาด ขู่ด้วยประการต่างๆ เหล่านี้ดูหมิ่นเขา


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 30 ม.ค. 2010, 14:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




1166029440_1.jpg
1166029440_1.jpg [ 98.48 KiB | เปิดดู 7252 ครั้ง ]
อ้ายลักษณะดูหมิ่นเป็นข้อสำคัญนัก เขาจึงได้ยืนยันไว้ว่า เรือนยอดที่จะทำลายลงด้วยไฟไหม้น่ะ เพราะไหม้แต่เรือนย่อยขึ้นไป กระต๊อบกระท่อมที่ปลูกอยู่ข้างๆ เรือนยอดนั่นแหละ ไหม้เรือนเล็กๆ ขึ้นก่อน แล้วก็ไปไหม้เรือนยอดนั่น ฉันใดก็ดี


แง่นี้แหละความร้อนเกิดจากชั้นน้อยขึ้นมาไหม้เรือนยอดได้
เจ้าครองประเทศ หรือผู้ครองประเทศจะได้รับความอับปาง เกิดปฏิวัติขึ้น ก็เพราะผู้ใหญ่ดูหมิ่นผู้น้อย
หรือไม่ฉะนั้นผู้น้อยเมื่อถูกดูหมิ่น ดูถูกด้วยประการใดประการหนึ่ง ก็จำเอาไว้ ได้สมัครพรรคพวกมากขึ้น ก็ลงโทษผู้ใหญ่

เหมือนในคอมมิวนิสต์บัดนี้ ที่จะเกิดลุกลามกันใหญ่โตเช่นนี้ เพราะผู้ชั้นสูงดูหมิ่นผู้ต่ำ คนมั่งมีดูถูกคนจน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เกิดเข้าปล้นกัน เกิดเป็นคอมมิวนิสต์ขึ้น นี่เพราะเหตุพูดจาไม่เพราะ ดูถูกดูหมิ่นกัน จึงได้เกิดรบราฆ่าฟันกันเช่นนี้

ถ้าแม้ไม่ดูถูกดูหมิ่นซึ่งกันและกันแล้ว ไหนเลยจะเกิดรบราฆ่าฟันกันเช่นนี้
เหตุนี้ถ้าภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา รู้จักเช่นนี้แล้วให้เลิกดูหมิ่นกันเสีย ไม่ดูหมิ่นใครๆ ละ เลิกดูหมิ่นเสีย ตั้งอยู่ในเมตตา
เมื่อเจอผู้ใหญ่ ก็ตั้งอยู่ในเมตตารักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข
เมื่อเจอผู้ปานกลาง ก็ตั้งอยู่ในเมตตารักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข
เมื่อเจอผู้ต่ำ ก็ตั้งอยู่ในเมตตารักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข
เมื่อตั้งอยู่เช่นนี้ ตามบาลีว่า
น ปโร ปรํ แปลว่า ไม่ดูถูกดูหมิ่นในกันและกัน
นาติมญฺเญถ กตฺถจิ นํ กิญฺจิ นี้เรียกว่าไม่ดูถูกดูหมิ่นในกันและกัน

มารดาผู้ถนอมกล่อมเกลี้ยงแต่บุตรที่เกิดในตนผู้เดียว ยอมพร่าชีวิตของตนได้ด้วยความรักลูกแม้ฉันใด บุคคลผู้ประกอบเมตตา บุคคลผู้ตั้งอยู่ในเมตตา บุคคลผู้เจริญเมตตา พึงตั้งจิตดวงนั้นไว้ จิตดวงของมารดาที่พร่าชีวิตแทนบุตรของตนได้น่ะ บุคคลผู้ประกอบด้วยเมตตา พึงตั้งจิตดวงนั้นไว้


นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า กิริยาของจิตเช่นนั้นแหละ ชื่อว่าเป็นพรหมวิหารในพุทธศาสนาทีเดียว

ตรงนี้ต้องจำ มารดาผู้ถนอมบุตรของตน ผู้เกิดในตนผู้เดียว ด้วยยอมพร่าชีวิตของตนได้ ผู้ประกอบด้วยจิตเมตตาพึงรักษาจิตดวงนั้นไว้


บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่ากิริยาของจิตเช่นนั้นแหละเป็นพรหมวิหารในพุทธศาสนานี้ จิตดวงนั้นให้รักษาไว้

รักษาอย่างไร? จิตที่รัก รูป เสียง อิ่มเอิบซาบซึ้งในใจนั่นแหละ อย่าใช้จำเพาะลูกของตัว เมื่อใช้ในลูกของตัว จิตสงบดีแล้ว ใช้จิตซาบซ่านอย่างชนิดนั้นให้ทั่วไปแก่คนอื่นไม่จำเพาะลูก ให้ทั่วไปแก่คนอื่น


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 05 ก.พ. 2010, 08:42, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled.bmp
untitled.bmp [ 420.46 KiB | เปิดดู 7254 ครั้ง ]
เหมือนอยู่ในวัดนี้ ถ้าจะแผ่เมตตาก็เหมือนกันหมด เห็นหญิงก็ดี ชายก็ดี ภิกษุ สามเณร เอาใจของตัว จิตของตัวที่เอิบอาบ ซึมซาบในลูกที่เกิดในอกของตนนั่นแหละ จำได้รสชาติใจนั้นแน่ เอาใจดวงนั้นแหละ เอาไปรักใคร่เข้าในบุคคลอื่นทุกคนเหมือนกับลูกของตน ให้มีรสมีชาติอย่างนี้ ถ้ามีรสมีชาติอย่างนั้นละก็ เมตตาพรหมวิหารของตนเป็นแล้ว

เมื่อเมตตาพรหมวิหารเป็นขึ้นเช่นนี้แล้วอัศจรรย์นัก ไม่ใช่พอดีพอร้ายให้ใช้อย่างนี้ ใช้จิตของตนให้เอิบอาบ

ถ้าว่าทำจิตไม่เป็น ก็แผ่ได้ยาก ไม่ใช่แผ่ได้ง่าย แต่ลูกของตนแผ่ได้ ลูกออกใหม่ๆ น่ะ เอิบอาบ ซึมซาบ รักใคร่ ถนอมกล่อมเกลี้ยงบุตรของตน กระฉับกระเฉงแน่นแฟ้นเพียงใด

ให้เอาจิตดวงนั้นแหละมาใช้ เรียกว่า เมตตาพรหมวิหาร เอาไปใช้ในคนอื่นเข้า เห็นคนอื่นเข้าก็รักใคร่อย่างนั้นแหละ เมตตารักใคร่อย่างนั้นแหละ

เมตตารักใคร่อย่างบุตรน่ะ เมตตารักใคร่อย่างไร? มีอะไรให้หมด ถ้าว่ามีนม ก็รับให้นมทีเดียว มีของอะไรให้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง รักใคร่จริงๆ อย่างนั้น เอิบอาบซึมซาบรสชาติสำคัญทีเดียว ลูกอ่อนน่ะ




อ้ายจิตดวงนั้นสำคัญทีเดียว จำไว้ ตั้งจิตดวงนั้นแหละไว้ พรหมวิหาร แต่ว่าให้ทั่วไปแก่สัตว์โลก โอกอ่าววัฏสงสาร ไม่ว่าสัตว์ชนิดใดๆ ๔ เท้า ๒ เท้า เท้าเ-ห ี้ยน เท้ามากไม่เข้าใจ

จะเป็นสัตว์ตัวใหญ่ หรือสัตว์ตัวยาว หรือสัตว์ตัวปานกลาง
หรือสัตว์ตัวสั้นหรือพี หรือผอม หรืออ้วน ชนิดอะไรก็ช่าง ผอมหรืออ้วนก็ช่าง
ที่เห็นแล้ว หรือยังไม่ได้เห็นก็ช่าง อยู่ใกล้หรืออยู่ไกลก็ช่าง ตั้งจิตให้มั่นหมายในสัตว์อย่างนั้น ตั้งจิตลงไปเช่นนั้น อ้ายนี่ให้จำไว้


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 03 ก.พ. 2010, 16:32, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




Y4775273-7.jpg
Y4775273-7.jpg [ 13.72 KiB | เปิดดู 7268 ครั้ง ]
เมตตาพรหมวิหารให้รักษาเอาไว้ นี่พวกทำจิตให้เป็นน่ะทำได้อย่างนี้
ให้จำแม่ลูกอ่อนรักลูกไว้ ถ้าไม่เป็นแม่ลูกอ่อน ไม่รู้รสชาติของจิตนี้ ไม่รู้จักรสชาติของจิตดวงนี้

ถ้าเป็นแม่ลูกอ่อน จึงจะรู้จักรสชาติของจิตดวงนี้
ถ้าเป็นพ่อลูกอ่อนก็รู้จักรสชาติของจิตดวงนี้
ถ้าไม่เป็นพ่อลูกอ่อนก็ไม่รู้จักรสชาติของจิตดวงนี้ จิตดวงนี้เป็นจิตดวงสำคัญ เมื่อรู้จักใช้แล้วละก็ ใช้จำเพาะลูกของตนก็ไม่ได้ผล มีฤทธิ์นัก
ถ้ารู้จักใช้ถูกส่วนแล้วละก็ มีฤทธิ์มีเดชมากมายนักนะ จะมีคนรักใคร่มากมายนับประมาณไม่ได้ ถ้าใช้ถูก

ส่วนถ้าว่าผู้ทำจิตเป็น ทำใจหยุดนิ่งได้ก็แก้ไขใจของตัวได้ ไปแค่ไหนก็แก้ไขแค่นั้น แก้ให้รักใคร่สัตว์โลก เหมือนอย่างกับแม่ลูกอ่อนที่รักลูกที่เกิดใหม่ๆ โคก็ดีรักลูกที่เกิดใหม่น่ะ

สัตว์เดรัจฉานลูกที่เกิดใหม่ๆ น่ะ ใครเข้าไปขวิดทีเดียว ไก่ป่าก็ดี เปรียวนักกลัวมนุษย์นัก แต่พอลูกอ่อนออกมาละก็ ออกจากไข่ใหม่ๆ พาลูกเดินต๊อกแต๊กละก็ เอาละใครเข้าไปละก็ ปราดตีใส่ทีเดียว ไก่เถื่อนนะ ไก่ป่านะ กลัวมนุษย์นัก แต่ว่ามนุษย์เข้าใกล้ตีทีเดียว ร้องทีเดียว แผ่ปีกทีเดียว เพราะรักลูก ออกห่างจากลูกไม่ได้

จิตดวงนั้นสัตว์ดิรัจฉานก็ยังใช้ในลูก สัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า เท้า*น ใช้ในลูกเหมือนกันหมด แม่ลูกอ่อนใช้ในลูกละก็ ให้จำจิตดวงนั้นไว้ นั่นแหละทำให้เป็นขึ้นเถอะ


จิตดวงนั้นน่ะให้เป็นแก่มนุษย์ทั่วไปละก็ บุคคลนั้นแหละจะทำอะไรละก็ ในมนุษย์โลกสำเร็จหมด สำเร็จหมดทีเดียว จะสร้างประเทศก็สำเร็จหมด สร้างวัดสร้างวาเป็นสำเร็จหมด ใช้อย่างนั้นแหละคนต้องมาช่วยทำให้สำเร็จทุกประการ

เหมือนอย่างกับแม่ลูกอ่อน รักลูกเอิบอาบดึงดูดกระฉับกระเฉงแน่นแฟ้นในลูก ลูกจะแอะก็ไม่ได้ละ แม่ก็ต้องควักละ นั่นแหละฉันใด ลูกนั่นก็ทำใจหยุดดีมั่นคงดี แม่มีความกระสันแน่นแฟ้นในลูกยิ่งนักหนา

จิตดวงนั้นแหละผู้เจริญเมตตาให้รักษาไว้ อย่าให้คลาดเคลื่อน ถ้ารักษาไม่ได้แล้ว ขอสะกิดใจว่านั่นแหละ พรหมวิหารในพระพุทธศาสนาจะทำอะไรในพระพุทธศาสนาสำเร็จทุกสิ่งทุกประการ



(ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงพ่อ สด วัดปากน้ำ)
กัณฑ์ที่ ๓๓
กรณียเมตตสูตร
วันที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๙๗
.......................................................................


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 03 ก.พ. 2010, 16:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




Y4775273-7.jpg
Y4775273-7.jpg [ 13.72 KiB | เปิดดู 7255 ครั้ง ]
ลฺลภา จ ขณสมฺปตฺติที่จะถึงด้วยทานสมัย เป็นของได้ยากอีกประการหนึ่ง ที่ ๓ ถึงพร้อมด้วยทานด้วยสมัยเป็นอย่างใด
พระพุทธเจ้ามาอุบัติตรัสขึ้นในโลกนี้พูดถึงทานสมัยนี้ เราไปเกิดเสียบ้านนอกเมืองดอนรอนแขมแรมไพรสิบวันพันปี ไม่พบลภิกษุสามเณร ผ่านไปทางนั้นสักหนหนึ่ง นี่เป็นอขณะสมัยเสียข้อหนึ่งแล้ว
พระพุทธเจ้ามาอุบัติเกิดในโลกโน้นไปเกิดเป็นสัตว์นรกเสีย ก็เป็นอขณะสมัยเสีย ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเสีย
พระพุทธเจ้ามาอุบัติเกิดขึ้นในโลก ก็เป็นอขณะสมัยเสีย ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกายเสีย ก็เป็นอขณะสมัยอีกเหมือนกัน
พระพุทธเจ้ามาอุบัติเกิดขึ้นในโลก ก็ไปเกิดเป็นอรูปสัตว์ ชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น หรือสัญญีสัตว์โน้น
พระพุทธเจ้ามาอุบัติเกิดในโลก เขาเรียกว่าเป็นบ้าเสีย เอาเมื่องไม่ได้ นี้ก็เป็นอขณะสมัย
พระพุทธเจ้ามาอุบัติในโลกเป็นคนดีบริสุทธิ์ ตัวกลับเฉลียวฉลาด พูดจาปราศรัยไม่ได้กลัวใคร
ไม่ได้ครั่นคร้ามผู้หนึ่งผู้ใด
พระพุทธเจ้าก็ไม่กลัวเสียอีก
กลับดูถูกดูหมิ่นพระพุทธเจ้าไปเสียอีกหาว่าตัวฉลาดกว่าพระพุทธเจ้าเข้าไปเสียอีก
พูดจาปราศรัยไม่มีใครเทียมทันทั้งนั้น
ผู้คนคนชนิดนี้เขาเรียกว่า เอฬมตฺตโก บ้าน้ำลายเอาจริงไม่ได้ ดูถูกดูหมิ่นคละไปเสียอีก
เป็นเอฬมตฺตโก เป็นอขณะสมัย เหมือนกับไม่พบพุทธศาสนา
ไม่พบพระพุทธเจ้าทีเดียวนั้นแหละ แบบเดียวกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เป็นมิจฉาทิฏฐิเสียก็ใช้ไม่ได้ ก็เป็นอขณะสมัยเสียอีกเหมือนกัน ไม่เอาจริง พวกนี้เหลวไหลทั้งนั้น อขณะสมัย
พระพุทธเจ้ามาอุบัติตรัสขึ้นในโลก ตัวเองเป็นคนสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่เลื่อมใสเหมือนภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ในบัดนี้ก็เหมือนกันละนะ ต่างพวกเป็นคนบ้าน้ำลายเหมือนกัน เอฬมตฺาตโก ดีแต่พูดไม่จริงซักอย่างหนึ่ง ไอ้ชนิดนี้เขาเรียกว่า บ้าน้ำลาย เป็นอขณะสมัย มาพบพุทธศาสนาไม่ได้อะไร
เสียเวลาเปล่าให้เป็นโทษเสียอีก ....."

(ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงพ่อสด วัด ปากน้ำ)
กัณฑ์ที่ ๕๐
ของที่ได้โดยยาก
๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๗


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 05 ก.พ. 2010, 08:54, แก้ไขแล้ว 16 ครั้ง.
โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดนิดเดียว คุณ ตื่นอยู่ ตอบซะยาววววววว ยังไงอสูรย์ก็ว่า เหมาะอยู่ดี


โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนนึงของ2กัณฑ์เทศน์แสดงโดยหลวงพ่อ สด วัดปากน้ำ ส่วนตัวผมเชื่อว่าสื่อได้ดีครับ

:b8: :b8: :b8:
smiley smiley smiley


ชิวๆ


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 30 ม.ค. 2010, 14:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พวกชอบซ้ำเติมผู้อื่น... ศาสนาพุทธไม่ได้สอนไว้นะ...

ก็แค่ กระทงหลงทาง... ใบหนึ่ง
ที่ต้องรอเวลาให้ลอยกลับมา

ปล. ขนาดพระอริยเจ้ายังไม่แสดงตนนะ แล้วพวกที่ยังไม่ถึงขั้น ไม่ถึงเวลา
แสดงตน ไปเพื่ออะไร???

การพูด หรือการตอบกระทู้ เพื่อให้คนรู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่ชอบ หรือกล่าวคำปรามาส
ก็ถือว่ามีความประมาทแล้ว

แล้วกับผู้ประเสริฐที่จะเป็นศาสดาองค์ต่อไป มีความประมาทเช่นนี้หรือ?

ไม่ใช่ของจริงหรอกนะ พวกที่แสดงตนว่าเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ ก็แค่กิเลสที่คิดว่าเป็น แล้วก็อยากเป็น ก็แค่นี้แหละ เลิกหลงทางได้แล้ว


โพสต์ เมื่อ: 31 ม.ค. 2010, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b13:
สนุกสนานกันมากไปหน่อย

ยินดีต้อนรับสู่ "สมาคมคนโดนแบน"

จาก... รุ่นพี่ที่สมาคม :b32:


โพสต์ เมื่อ: 31 ม.ค. 2010, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สนุกในความทุกข์ของผู้อื่น

ให้อภัยกันได้ ไหมครับ cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร