วันเวลาปัจจุบัน 16 พ.ค. 2025, 22:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2010, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 20:04
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"วิญญาณ" การรับรู้ เกิดจากอะไร? ต่างจาก "จิต" หรือเปล่าครับ
สาธุ ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2010, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ภิกษุ ท.! ผู้ใด จะพึงกล่าวอย่างนี้ ว่า
"เราจักบัญญัติ ซึ่งการมา การไป การจุติ การอุบัติ
ความเจริญ ความงอกงาม และความไพบูลย์ ของวิญญาณ
โดยเว้นจากรูป เว้นจากเวทนา เว้นจากสัญญา และเว้นจากสังขาร"ดังนี้นั้น, นี่ไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้เลย. :b42:

- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๖๗/๑๐๖-๑๐๗.


:b41: เพราะมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร จึงทำให้มีวิญญาณ

เพราะมีตา มีรูป จึงทำให้เกิด จักขุวิญญาณ การรู้แจ้งทางตา
เพราะมีหู มีเสียง จึงทำให้เกิด โสตวิญญาณ การรู้แจ้งทางหู
ฯลฯ
เพราะมีความคิด มีมโน จึงทำให้เกิดมโนวิญญาณ การรู้แจ้งทางใจ

เพราะวิญญาณหนึ่งเกิดขึ้น วิญญาณหนึ่งจึงดับไป... :b41:


:b42: ภิกษุ ท!
สุข โสมนัส ใด ๆ ที่อาศัย วิญญาณ แล้วเกิดขึ้น,
สุขโสมนัสนี้แล เป็น รสอร่อย (อัสสาทะ) ของวิญญาณ;
วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ด้วยอาการใด ๆ,
อาการนี้แล เป็น โทษ(อาทีนพ) ของวิญญาณ;

การนำ ออกเสียได้ ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจความ
พอใจในวิญญาณ การละเสียได้ ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ
ในวิญญาณด้วยอุบายใดๆ, อุบายนี้แล เป็น เครื่องออกพ้นไปได้ (นิสสรณะ)จากวิญญาณ. :b42:

- ธนฺธ. สํ. ๑๗/๘๐/๑๒๓.

:b42: ภิกษุ ท.! คนทั่วไปกล่าวกันว่า "วิญ ญ าณ" เพราะอาศัยความหมายอะไรเล่า ?

ภิกษุ ท.! เพราะกิริยาที่รู้แจ้ง (ต่ออารมณ์ที่มากระทบ)ได้มีอยู่ในสิ่งนั้น (เช่นนี้แล)
ดังนั้น สิ่งนั้น จึงถูกเรียกว่า วิญ ญ าณ .

สิ่งนั้น ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งอะไร ?
สิ่งนั้น ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งความเปรี้ยวบ้า ง ,
ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งความขมบ้าง, ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งความเผ็ดร้อนบ้าง, ย่อมรู้แจ้งซึ่งความหวานบ้าง,
ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งความขื่นบ้าง, ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งความความไม่ขื่นบ้าง,
ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งความเค็มบ้าง, ย่อมรู้แจ้ง ซึ่งความไม่เค็มบ้าง (ดังนี้เป็นต้น)
ภิกษุ ท.! เพราะกิริยาที่รู้แจ้ง (ต่ออารมณ ์ที่มากระทบ) ได้ มีอยู่ในสิ่งนั้น
(เช่นนี้แล) ดังนั้น สิ่งนั้น จึงถูกเรียกว่า วิญญาณ. :b42:

- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๖/๑๕๙.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 07:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วิญญาณ การรับรู้เกิดจากการรู้อารมณ์ทางทวารทั้ง6 เมื่ออายตนะภายในและอายตนะภายนอกกระทบกัน

เช่น รูปกระทบตา เกิดความรู้เรียก จักขุวิญญาณ
ธรรมารมณ์ มากระทบใจเกิดความรู้เรียก มโนวิญญาณ เป็นต้น

ส่วนจิต คือ สภาพที่คิด หรือสภาวะที่รู้อารมณ์ มี 89 ดวง หรือ 121ดวง

ทั้งจิต กับ วิญญาณจัดอยู่ใน หัวข้อธรรมในการเจริญวิปัสสนา

วิญญาณ เป็น1 ใน5 ข้อของขันธ์5 ย่อเป็น นามกับรูป มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
จิต เป็น1 ใน4 ข้อของ ปรมัตถธรรม4 คือ สิ่งที่มีอยู่จริงโดยความหมายสูงสุด มี จิต เจตสิก รูป นิพพาน

ขันธ์5 กับ ปรมัตถธรรม4 เกี่ยวกันเป็น
รูป คงเป็น รูป
เวทนา สัญญา สังขาร 3อย่างนี้เป็น เจตสิก
วิญญาน คือ จิต เหมือนกันครับ
พระนิพพาน เป็นสภาวธรรมที่พ้นจากขันธ์5 เพราะเป็น โลกุตตรธรรม

อ้างอิงจากหนังสือวิปัสสนาภาวนา ของ ฐิตวณฺโณ ภิกฺขุ ขอบคุณครับ
(เป็นหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผมทั้งชีวิตให้พบแสงสว่างอีกเล่มหนึ่ง)

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แก้ไขล่าสุดโดย student เมื่อ 31 ส.ค. 2010, 07:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 15:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


วิญญาณ การรับรู้ เกิดจากอะไร?.....

เกิดจากการผัสสะ ระหว่างอายตนะภายใน กับ อายตนะภายนอก เช่น.....

ตา เห็น(ผัสสะ)... รูป เกิด จักขุวิญญาณ.......การรับรู้ทางตา ฯลฯ............


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


วิญญาณเกิดจากนามรูป นามรูปเกิดจากวิญญาณ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


(รูป28 เวทนา สัญญา สังขาร50) เป็นเหตุใกล้ให้เกิด วิญญาณ
วิญญาณ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด (รูป28 เวทนา สัญญา สังขาร50)

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2010, 05:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


จิตเกิดที่ ทวารทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย .........เรียกว่าวิญญาณ
ส่วนทวารที่หก คือใจนั้น มันมีรายละเอียดเป็นพิเศษ
คำว่า ทวารใจ คือ มโนทวาร เป็นนาม มิใช่เป็นรูป
ทวารอื่นคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ล้วนเป็นรูป ทวารใจ หรือ มโนทวาร จึงแปลกแยกออกไป
ตอนที่ไม่มีจิตเกิดที่ ทวารทั้งห้า ขณะนั้นจิตไปอยู่ที่ไหน
จิตไปเกิดอยู่ที่ หทยรูป
เรายังคงเรียก จิตที่เกิดดับที่หทยรูปว่า มโนวิญญาณ(ในเบื้องลึกแล้วมีอยู่3ดวง ไม่เรียกมโนวิญญาณ)

ในจำนวนจิตทั้งหมดซึ่งมีหลายสิบดวง
มโนวิญญาณ จึงมี จำนวนมากที่สุด มิใช่มีแค่2ดวง เหมือนวิญญาณอื่นๆ

จิตเกิดที่ทวารตา เรียกว่า จักขุวิญญาณ มี2ดวง

จิตเกิดที่ทวารทั้งห้า (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย) รวมเรียกว่า ทวิปัญจวิญญาณ มี10ดวง

จิตอื่นๆ เกิดที่หทยวัตถุ(หรือหทยรูปนั่นแหละ)

ข้อน่าสังเกตุอีกนิดคือ
จิตเกิดที่หทยวัตถุ แต่อาศัยมโนทวาร(ซึ่งเป็นนาม).....ขณะนั้นมีการคิดนึก หรือฝัน
กับจิตเกิดที่หทยวัตถุ แต่มิได้อาศัยมโนทวาร(ซึ่งเป็นนาม).........เรียกว่าภวังคจิต ไม่คิด ไม่ฝัน

การจะพูดว่า จิตเกิดที่ตา ดับที่ตา ย่อมหมายถึง เกิดที่จักขุปสาทรูป
การพูดว่า จิตเกิดที่ใจดับที่ใจ ย่อมหมายถึง เกิดที่หทยรูป (มิได้หมายถึงที่มโนทวารแต่อย่างใด)

เพราะจิตเกิด ต้องอาศัย รูปและนาม
ที่ที่จิตจะเกิด อาศัยแต่นามอย่างเดียวโดยไม่มีรูปไม่ได้เลย(พูดเฉพาะในภูมิที่มีขันธ์5)

มโนทวารเกิดแล้วดับเร็ว มีอายุเท่ากับจิตหนึ่งดวง คือเป็นเวลาที่สั้นมาก

ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด อาจมีส่วนผิด เพราะเรื่องจิต เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ยินดีรับคำชี้แนะครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2010, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 20:27
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตะเกียงแก้ว เขียน:
การประจวบแห่งธรรม ๓ ประการ เรียกว่า "ผัสสะ"

เมื่อตาเห็นรูป...จึงเกิดวิญญาณ...ทางตา
เมื่อหูได้ยินเสียง...จึงเกิดวิญญาณ...ทางหู
เมื่อจมูกได้กลิ่น...จึงเกิดวิญญาณ...ทางจมูก
เมื่อลิ้นรับรส...จึงเกิดวิญญาณ...ทางลิ้น
เมื่อกายกระทบสัมผัส...จึงเกิดวิญญาณ...ทางกาย
เมื่อใจกระทบสิ่งปรุงแต่ง...จึงเกิดวิญญาณ...ทางใจ

วิญญาณ หมายถึง การรู้อารมณ์ ที่ผัสสะทางตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ

วิญญาณ ธาตุรู้ได้ทีละอย่าง
รู้อารมณ์ที่ตา...เกิดดับ
รู้อารมณ์ที่หู...เกิดดับ
รู้อารมณ์ที่จมูก...เกิดดับ
รู้อารมณ์ที่ลิ้น...เกิดดับ
รู้อารมณ์ที่กาย...เกิดดับ
รู้อารมณ์ที่ใจ...เกิดดับ


เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด

เพราะสิ่งนี้่ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ

เพราะมีผัสสะ จึงมีเวทนา
เพราะมีเวทนา จึงมีตัณหา
เพราะมีตัณหา จึงมีอุปาทาน จึงมีทุกข์เกิดขึ้นมา

ควบคุมผัสสะ ไม่ให้เกิดเวทนา ตัณหา ได้ ก็หยุดความทุกข์ได้

:b39:


ขอขอบคุณคำเตือนของตะเกียงแก้วที่ส่งให้หลังไมค์ในเวปที่ยุติไปแล้ว

ถ้าผมตกนรกจริงที่ปกป้องปฏิปทาสงฆ์ผมยินดีตกนรก

ครับ

พบคนด่าพระ เราควรตักเตือน

หรือว่าควรตำหนิคนต่อต้านคนด่าพระ

ผมไม่เชื่อว่าที่ผมปกป้องท่านพุทธทาสจะทำให้คนภายนอกมองท่านเลื่อม

ตะเกียงแก้วเอาอะไรมาตัดสิน

หรืออุปาทานไปเอง

เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด


ขออนุญาตเจ้าของกระทู้

และขออนุญาตเวปเป็นกรณีพิเศษ(คงไม่ถึงกับผิดกฎ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2010, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 20:04
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านคร้าบบ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2010, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ข้อที่หลายคน ยังไม่ยอมรับคือ
คนเราแม้ตายไป แล้ว จิต เจตสิก รูป ก็ยังคงเกิดดับสืบต่อไป ด้วยยางเหนียวของตัณหา
วิญญาณจึงยังมี แม้ตายไปแล้ว

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


91One เขียน:
"วิญญาณ" การรับรู้ เกิดจากอะไร? ต่างจาก "จิต" หรือเปล่าครับ
สาธุ ขอบคุณครับ :b8:

เกิดจากสังขาร :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


และที่ไม่ค่อย ยอมฉงน กันก็คือ
ยามหลับสนิท ไม่ฝัน ไม่รู้สึกตัว หรือพูดกันว่า หลับเป็นตาย
ยามนั้น จิต ยังคงเกิดดับๆ ยังมีจิตอยู่..............................แต่เราไม่มี เราไม่รู้ไปไหน

เราโผล่มาอีกทีเมื่อ ตอนตื่น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 20:04
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกความเห็นคร้าบบ สาธุ :b4: :b16: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2010, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้เรื่องวิญญาณหลังตาย
ไม่มีผลต่อทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นก่อนที่ยังไม่ตาย :b12:

การเกิดขึ้นทุกครา เป็นทุกข์ร่ำไป :b45:
ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นแห่งรูป หรือว่าเวทนา หรือว่าสัญญา หรือว่าสังขาร หรือว่าวิญญาณ
เป็นทุกข์ทั้งนั้น :b45:

การยึดมั่นถือมั่นว่า วิญญาณเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา
นั้นและคือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ดอกที่สอง

วิญญาณเองมันเป็นทุกข์ของมันอยู่แล้วในตัวของวิญญาณเอง
เมื่อไปยึดมันเข้าไปอีก มันก็เลยทุกข์สองเด้ง

ไม่ต้องไปทำอะไรกับวิญญาณให้มันมากเรื่อง
เพียงแค่อย่าไปหลงเข้าใจว่า มันเป็นตัวเรา มันเป็นสัตว์บุคคลตัวตน ขึ้นมา เท่านั้นก้พอแล้ว :b45:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร