วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 11:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=25



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2008, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

เ ข้ ม แ ข็ ง ใ น ค ว า ม ดี ...
เ พื่ อ ใ น ห ล ว ง ข อ ง เ ร า


ใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ขององค์มหาธรรมิกราชา
ผู้เป็นเสมือนศูนย์รวมดวงใจของปวงประชาไทยทั้งชาติแล้ว..นะคะเพื่อนๆ


ในฐานะพสกนิกรคนหนึ่งผู้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระองค์

ขออนุญาตนำบทความที่มีคุณค่าบทหนึ่ง
ซึ่งเป็นบทบรรณาธิการนิตยสาร
"ธรรมใกล้ตัว" : ฉบับที่ ๐๕๖ (พฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑)
เขียนโดย "คุณกลางชล" มาลงให้พี่น้องผองเพื่อนทุกท่านได้อ่าน
เพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้ทุกท่านได้มุ่งมั่นและ
"เข้มแข็งในการทำความดี" ต่อไป...เพื่อธรรม
และในหลวงของเรานะคะ
:b8:

:b44: :b44: :b44:

สวัสดีค่ะ

ช่วงนี้ มีหลายคนทีเดียวค่ะ มาทอดถอนใจให้ฟังว่ารู้สึกสลดหดหู่เหลือเกิน
กับเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ในบ้านเมืองที่เกิดขึ้น
และความเสียหายมหาศาลที่ตามมา
ติดตามข่าวไปแต่ละวัน ๆ แล้วก็พลอยหดหู่ไปด้วยนะคะ
ประเทศไทย สยามเมืองยิ้มของเรา
เดี๋ยวนี้แทบจะหาข่าวที่น่าชื่นใจให้หัวใจเบิกบานกันสักข่าวหนึ่งได้ยากเย็นเหลือเกิน

จำได้ว่า ประมาณช่วงเดียวกันนี้ ของเมื่อสัก ๒ ปีที่แล้ว
เอแบคโพลเขาสำรวจดัชนีความสุขของคนไทยแล้วพบว่า

ในขณะที่ดัชนีความสุขทางด้านการเมืองและด้านเศรษฐกิจ ถึงกับติดลบอย่างน่าเป็นห่วง

คนไทยกลับมีความสุขสูงสุด จากความรู้สึกจงรักภักดี และความปลื้มปีติอันล้นพ้น
ในช่วงงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งมีคะแนนความสุขเฉลี่ยทั่วประเทศพุ่งขึ้นสูงจนเกือบ ๑๐ คะแนนเต็ม


ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ก็เห็นจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะคะ
ท่ามกลางความแห้งผากและรุ่มร้อน เพียงนึกถึงพระองค์ท่านขึ้นมาในใจครั้งใด
แม้เพียงในมโนภาพ ก็ราวกับมีหยดน้ำที่ชุ่มฉ่ำหล่อเลี้ยงหัวใจเราทุกคนทันทีแล้ว

นับว่าเป็นบุญของคนไทยนะคะ
ที่เรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถ
และทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมอย่างแท้จริง
เช่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา


พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการเพียรทำความดีอย่างไม่ย่อท้อ
พระองค์ทรงสอนให้คนไทยเราเข้มแข็ง หนักแน่น ในการทำสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง
แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นความดีงามนั้นของเรา ราวกับปิดทองเพียงหลังพระก็ตาม

"ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อเตือนตัวเองว่า

การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้
ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่
เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว…"


"...ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อย ๆ
แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง"

(จาก "บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร")

เวลาได้ยินข่าวว่ามีใคร "ทำดีถวายในหลวง" อย่างเป็นรูปธรรมขึ้นมาสักครั้ง
ก็อดรู้สึกปลาบปลื้มใจไม่ได้นะคะ และเชื่อว่าพลังแห่งความดีในแต่ละคน แต่ละครั้งนั้น
ย่อมส่งกระแสความสุขถึงคนรอบข้างและสังคมโดยรวม เป็นแรงบันดาลใจให้แก่กันได้ด้วย

อย่างเมื่อปีที่แล้ว ๓๑ ต.ค. ๕๐ มีข่าวใหญ่ขึ้นหน้า ๑ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐอยู่ข่าวหนึ่ง

น.ส.ดรุณี มีสุวรรณ เก็บกระเป๋าหนังสีดำที่ตกอยู่ที่พื้นได้ใบหนึ่ง และพบว่าในนั้น
มีเงินต่างประเทศอยู่ถึง ๑ ล้านกว่าบาท เธอจึงได้นำมามอบให้ตำรวจ เพื่อตามหาเจ้าของ
ตำรวจถามเธอว่า เงินจำนวนมากมายขนาดนี้ ไม่รู้สึกอยากได้บ้างหรือ?
คำตอบของเธอทำเอาทุกคนที่ได้ยินตื้นตันไปตาม ๆ กันค่ะ
เธอบอกว่า... เธอไม่อยากเก็บไว้ เธอขอ "ทำความดีถวายในหลวง"

กระแสความโลภ ความโกรธ ความหลง ของคนทุกวันนี้ เชี่ยวกรากยิ่งนักนะคะ
ถ้าไม่มั่นคงในความดีงามเสียแล้ว เกิดพลาดพลั้ง เราอาจโง่เขลาเบาปัญญา
ทำอะไรโดยปราศจากสำนึกผิดชอบชั่วดีไปได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ
โดยเฉพาะถ้าเราพยายามจะเป็นน้ำดี ทั้งที่อยู่ท่ามกลางน้ำเสีย เราจะมีแรงสู้อยู่ได้อย่างไร

ในหลวงท่านทรงตรัสสอนพวกเราไว้อย่างนี้ค่ะว่า

"การทำความดีนั้น สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวเอง ผู้อื่นไม่สำคัญ
และไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเป็นห่วงหรือต้องรอคอยเขาด้วย
เมื่อได้ลงมือลงแรงกระทำแล้ว ถึงแม้จะมีใครร่วมมือด้วยหรือไม่ก็ตาม
ผลดีที่ทำจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน และยิ่งทำมากเข้า นานเข้า ยั่งยืนเข้า
ผลดีก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น และแผ่ขยายกว้างออกไปทุกที

คนที่ไม่เคยทำดีเพราะเขาไม่เคยเห็นผล ก็จะได้เห็นและหันเข้ามาตามอย่าง
หลักประกันสำคัญในการทำดีจึงอยู่ที่ว่า แต่ละคนต้องทำใจให้มั่นคง
ไม่หวั่นไหวกับสิ่งแวดล้อม ที่เห็นอยู่ ทราบอยู่ มากเกินไป จนเกิดความท้อถอย

เมื่อใจมั่นคงแล้ว ก็ขอให้ตั้งอกตั้งใจ สร้างนิมิตและค่านิยมใหม่ขึ้นสำหรับตัวเอง
ตามที่พิจารณาเห็นดีด้วยเหตุผลอันถูกต้องเที่ยงตรงแล้ว
แล้วมุ่งหน้าปฏิบัติดำเนินไปให้เต็มกำลังจนบรรลุผลสำเร็จ

ในที่สุด ความดีความเจริญที่ปรารถนาก็จะเกิดทวีขึ้น
และจะเอาชนะความเสื่อมทรามต่าง ๆ ได้ไม่นานเกินรอ..."


(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันศุกร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑)


ใครสะดวกดูวีดีโอออนไลน์ อยากให้ลองเปิดหนังโฆษณาชิ้นนี้ดูกันนะคะ
เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่สะท้อนความพยายามในการสร้างจิตสำนึกให้กับใครก็ตาม
ที่อาจกำลังอ่อนแอกับกิเลส ได้มั่นคงในความดีงาม อย่างน้อยก็เพื่อในหลวงของเรา

วิดีโอเรื่อง : "เข้มแข็งในความดี เพื่อในหลวงของเรา"



(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2008, 13:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่ใช่เพียงแค่ความดีเท่านั้น
ที่ในหลวงท่านทรงปรารถนาให้คนไทยที่เกิดบนแผ่นดินพุทธได้เจริญรอยตาม

พระองค์ยังทรงปรารถนาให้พวกเราชาวพุทธทุกคน
ลงมือศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
ด้วยการลงมือพากเพียรปฏิบัติด้วยความตั้งใจจริง

เพราะตราบใดที่เรายังหลงดิ้นไปตามกิเลสเร่า ๆ ไปเรื่อย ๆ
ก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตท่ามกลางความมืดอยู่เช่นนั้นไม่รู้จบสิ้น


"...ความจริงปฏิบัติพระพุทธศาสนา
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่ของยาก
แต่ละคนทำได้ทั้งนั้น แต่ว่าจะต้องมีความตั้งใจ
เมื่อเราอยากที่จะปฏิบัติธรรม มีความอยากแล้ว
ก็หมายความว่าเรายินดี เราอยากที่จะปฏิบัติ

ถ้าเราสนใจพระพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธศาสนา
เริ่มสนใจก็เริ่มทำได้แล้ว เพราะว่าถ้าคนเราไม่อยากปฏิบัติ ขี้เกียจปฏิบัติ
หรือไม่คิดอ่านที่จะปฏิบัติ ก็ย่อมไม่ได้ปฏิบัติ
เมื่อไม่ได้ปฏิบัติ ความมืดก็ครอบคลุม เพราะว่าไม่ได้เปิดไฟ
แต่ถ้าเราอยากขึ้นมา และเห็นว่าศาสนานี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์
ก็ย่อมเป็นการเปิดไฟ แม้จะริบหรี่ก็เป็นความสว่างให้เห็น ..."


(พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะผู้แทนพุทธสมาคมทั่วประเทศ
ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย วันเสาร์ที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๓)


ใครที่มักมีข้ออ้างให้ตัวเองว่า งานยุ่ง ไม่มีเวลา เอาไว้แก่ชรา เอาไว้เกษียณก่อน ฯลฯ
เคยลองนึกดูไหมคะว่า ในหลวงท่านทรงงานหนักกว่าพวกเรากี่ร้อยเท่า
ทรงดูแลโครงการต่าง ๆ เพื่อความสุขของพสกนิกร พระองค์ต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงไหน
แม้กระนั้น พระองค์ก็ยังทรงไม่ละทิ้งการศึกษาธรรมะ
เพื่อประโยชน์อันสูงสุดที่ชาวพุทธคนหนึ่งพึงจะเรียนรู้ได้ในชีวิตหนึ่งนี้

แต่ละครั้งที่ในหลวงท่านได้เสด็จไปกราบครูบาอาจารย์พระป่าในอดีตหลาย ๆ องค์
พระปุจฉาของท่านนั้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความใฝ่พระทัย
ในการมุ่งสู่ประโยชน์สูงสุดของธรรมะอย่างจริงจังทั้งสิ้น

เช่นเมื่อครั้งที่ในหลวงและพระราชินีฯ
ท่านได้เสด็จเยี่ยม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ เป็นการส่วนพระองค์
ในหลวงท่านก็ได้ทรงมีพระราชปุจฉาว่า

"การละกิเลสนั้น ควรละกิเลสอะไรก่อน"

หลวงปู่ได้ถวายวิสัชนาพระองค์ว่า

"กิเลสทั้งหมดเกิดรวมที่จิต ให้ดูที่จิต
อันไหนเกิดก่อนให้ละอันนั้นก่อน"

(จากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้)

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2008, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
พระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผลงานปั้นของ ‘วัชระ ประยูรคำ’ ประติมากรชื่อดัง



นอกจากนี้ ยังมีครั้งหนึ่ง ที่ในหลวงท่านได้เสด็จเยี่ยม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
พระองค์ก็ได้ทรงมีพระราชปุจฉาถึง "ที่สุด" ในพระพุทธศาสนาว่า

"ที่สุดของศีล คืออะไร?
ที่สุดของสมาธิ คืออะไร?
และที่สุดของปัญญา คืออะไร?"


หลวงปู่เทสก์ท่านได้ถวายวิสัชนาพระองค์ว่า

"ที่สุดของศีล คือ เจตนาวิรัติ
ที่สุดของสมาธิ คือ อัปนาสมาธิ
และที่สุดของปัญญา คือ ไตรลักษณ์"


ใครอ่านแล้วยังงง ๆ ไม่รู้ว่าคำศัพท์ทั้งสามหมายถึงอะไร
ก็ขอทิ้งไว้เป็นปริศนาธรรมให้ลองไปค้นคว้าหาคำตอบกันดูก็แล้วกันนะคะ
ขอเฉลยเฉพาะคำสุดท้ายคือ "ไตรลักษณ์"
และอยากให้ถือคำนี้เป็นคำสำคัญค่ะ

เพราะที่สุดแล้ว เราปฏิบัติธรรมทั้งหลายทั้งปวงกันไปก็มิใช่เพื่ออะไร
แต่เพื่อให้มีปัญญาเห็นสิ่งนี้เท่านั้นเอง คือ "ไตรลักษณ์"
หรือ ลักษณะสามประการ ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
หรือแปลอีกทีว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน

เพราะปัญญาที่เห็นเช่นนี้ได้เท่านั้น ที่จะทำให้เราคลายวางจากความยึดถือทั้งปวง
เป็นความสว่างที่เข้ามาแทนที่ความมืด เป็นความสุขที่แท้จริง อย่างไม่กลับเป็นอื่นอีก


วันนี้... หากจะมีสิ่งใด ที่เราจะพึงเดินตามรอยในหลวงของเราได้
นอกจากความเข้มแข็งมั่นคงต่อความดีงาม
และการเพียรศึกษาปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างไม่ขี้เกียจขี้คร้านแล้ว
ก็อยากให้พวกเราได้นึกถึงความเพียรอันบริสุทธิ์ของ "พระมหาชนก"
ไว้เป็นแบบอย่างในชีวิต (อ่านเรื่องย่อ พระมหาชนก)

พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จากชาดกในพระพุทธศาสนา เรื่อง "พระมหาชนก"
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สะท้อนถึงพระปณิธานความตั้งใจมั่นในความเพียรของพระองค์

และพระองค์เองก็คงทรงปรารถนาจะถ่ายทอดเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคนด้วย
เพื่อความเป็นผู้มีความเพียรอันบริสุทธิ์ ไม่ท้อถอย ไม่เกียจคร้าน ไม่อ่อนแอ
และมีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ กล้ากระทำในสิ่งอันควร อย่างไม่ละทิ้งในเป้าหมาย

ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งปวงในสังคมวันนี้
กระแสความดีงาม กระแสความสงบ กระแสความร่มเย็น รอบ ๆ ตัวเรา
นับวันก็จะยิ่งหากันได้น้อยลงทุกทีนะคะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่า เราจะช่วยกันสร้างความสงบร่มเย็นเหล่านั้นให้กลับคืนมาใหม่ไม่ได้


อยากฝากพระราชดำรัสของในหลวงปิดท้ายไว้อีกสักนิดหนึ่งนะคะ
ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากขอฝากถึงคุณผู้อ่าน
และคนไทยในวันนี้ทุก ๆ คนทั่วประเทศเลยนะคะ

"ประเทศไทยเราอาจจะไม่เป็นประเทศที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก
หรือรวยที่สุดในโลก หรือฟู่ฟ่าที่สุดในโลก
แต่ก็ขอให้เมืองไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มีความสงบได้
เพราะว่าในโลกนี้หายากแล้ว
เราทำประเทศเราให้เป็นประเทศที่สงบ
ประเทศที่มีคนช่วยเหลือซึ่งกันและกันจริง ๆ

เราจะเป็นที่หนึ่งในโลกในข้อนี้...."


(พระราชดำรัส ในโอกาสที่ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์
นำคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ และนักเรียนทุนพระราชทานเข้าเฝ้าฯ
ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
ณ ศาลาดุสิดาลัย วันจันทร์ที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๙)


ช่วยกันขัดเกลาตัวเราเองทุก ๆ วัน และเผื่อแผ่ความร่มเย็น
ถึงคนรอบข้างเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อให้เมืองไทยเป็นหนึ่งในโลก
อย่างที่ในหลวงของเราทรงตั้งพระปณิธานกันนะคะ


:b8: :b8: :b8:

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล : บทบรรณาธิการ นิตยสาร "ธรรมใกล้ตัว"
: ฉบับที่ ๐๕๖ (วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑) โดย กลางชล)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2008, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1854

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว




VEK_5442.jpgพระพี่นาง.jpg
VEK_5442.jpgพระพี่นาง.jpg [ 82.6 KiB | เปิดดู 5877 ครั้ง ]
:b8: อ้างถึง.- ในหลวงท่านทรงตรัสสอนพวกเราไว้อย่างนี้ค่ะว่า

:b39: "การทำความดีนั้น สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวเอง ผู้อื่นไม่สำคัญ
และไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเป็นห่วงหรือต้องรอคอยเขาด้วย
เมื่อได้ลงมือลงแรงกระทำแล้ว ถึงแม้จะมีใครร่วมมือด้วยหรือไม่ก็ตาม
ผลดีที่ทำจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน และยิ่งทำมากเข้า นานเข้า ยั่งยืนเข้า
ผลดีก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น และแผ่ขยายกว้างออกไปทุกที

คนที่ไม่เคยทำดีเพราะเขาไม่เคยเห็นผล ก็จะได้เห็นและหันเข้ามาตามอย่าง
หลักประกันสำคัญในการทำดีจึงอยู่ที่ว่า แต่ละคนต้องทำใจให้มั่นคง
ไม่หวั่นไหวกับสิ่งแวดล้อม ที่เห็นอยู่ ทราบอยู่ มากเกินไป จนเกิดความท้อถอย

เมื่อใจมั่นคงแล้ว ก็ขอให้ตั้งอกตั้งใจ สร้างนิมิตและค่านิยมใหม่ขึ้นสำหรับตัวเอง
ตามที่พิจารณาเห็นดีด้วยเหตุผลอันถูกต้องเที่ยงตรงแล้ว
แล้วมุ่งหน้าปฏิบัติดำเนินไปให้เต็มกำลังจนบรรลุผลสำเร็จ

ในที่สุด ความดีความเจริญที่ปรารถนาก็จะเกิดทวีขึ้น
และจะเอาชนะความเสื่อมทรามต่าง ๆ ได้ไม่นานเกินรอ..."
:b39:

:b53: (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันศุกร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑)
:b53:

:b44: " พระองค์ยังทรงปรารถนาให้พวกเราชาวพุทธทุกคน
ลงมือศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า
ด้วยการลงมือพากเพียรปฏิบัติด้วยความตั้งใจจริง "
:b44:

:b35: ขอบคุณท่าน เจ้าของกระทู้ ที่นำบทความดี ๆ มาให้สมาชิกได้ชื่นชม ด้วย :b35:

:b48: " บัวหิมะ จะเข้มแข็งในการทำความดี โดยไม่ย่อท้อ เพื่อพ่อหลวงของชาวไทย เจ้าค่ะ " :b48:

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2008, 11:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ค. 2004, 20:31
โพสต์: 1491

อายุ: 0
ที่อยู่: ธนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b44: ขอถวายพระพร

.....................................................
รูปภาพ
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2015, 14:33 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2525

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร