วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 03:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 30, 31, 32, 33, 34, 35, 36 ... 45  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



ที่บ้านไม่มีทีวี เพราะยกทีวีให้ข้างบ้านไปแล้ว
ไม่เคยดูทีวีมาเป็นปี โฆษณา ละครต่างๆ ใครๆไม่ต้องถาม เพราะถามมาตอบไม่ได้

หนังสือพิมพ์ไม่เคยอ่านมาปีกว่าแล้ว ยิ่งไม่รู้เรื่องรายละเอียดต่างๆที่มาพูดคุยกัน
วิทยุมี ก็มีไว้ฟังเทศน์ นานๆก็เปิดฟังที คือ หลายเดือน
จนคลื่นต่างๆที่เคยตั้งไว้ หายไปหมด ต้องมาหาคลื่นใหม่
โรงภาพยนต์ ไม่เคยเหยียบเข้ามาหลายปีแล้ว

มีหน้าแตกอยู่วัน วันนั้นไปปฏิบัติที่วัดมหาธาตุ
แล้วไม่รู้เรื่องรถเมล์ไม่เข้าสนามหลวง กระเป๋ารถเมล์ต้องอธิบายให้ฟัง
ก็บอกเขาตามตรงว่า ไม่เคยดูทีวี หนังสือพิมพ์ไม่เคยอ่าน

เมื่อเช้าไปทำงาน พอถึงที่ทำงาน ด่านแรกที่ต้องเจอคือรปภ.ประจำบริษัท
เขาจะติดตามข่าวตลอด แล้วมาเล่าให้ฟัง น้ำมีหน้าที่คือฟัง

พอเข้าห้องทำงาน ก็ทานข้าวเช้าก่อน น้ำทานข้าววันละมื้อ
เสร็จจากทานข้าว ก็เจริญสติ วันนี้ทำทั้งวัน แผ่เมตตาให้กับเพื่อนร่วมโลกทุกๆคน
ขอให้ทุกๆคนมีความสุข เมื่อมีความสุข จะได้ไม่มาเบียดเบียนซึ่งกันและกัน

อุบายในการเจริญสติมีมากมายยิ่งนัก ถ้าเรารู้จักนำมาใช้ให้ถูกกับจิตเรา สภาวะจะไปได้ตลอด
อันนี้เล่าสู่กันฟังนะคะ เป็นการปฏิบัติของตัวน้ำเอง ทำแบบนี้ทุกวัน

ห้องทำงาน เป็นห้องส่วนตัว ไม่ปะปนกับใครๆ เป็นห้องแอร์ เรียกว่า อากาศเย็นสบายทั้งวัน
น้ำเป็นคนที่ถูกกับสัปปายะเย็นค่ะ อากาศร้อนๆนี่ ถ้าสมาธิไม่ดี สติยังด้อย จะรู้สึกหงุดหงิด

ผลที่ได้รับทั้งหมดนี้เกิดจากความเพียร ที่หมั่นสร้างแต่เหตุดีมาตลอด และได้อธิษฐานไว้ว่า
ขอให้ได้ที่ทำงานที่มีสัปปายะเหมาะแก่การปฏิบัติของเราด้วย ก็ได้สมดั่งใจค่ะ

9.00 - 11.00 เดิน 1 ชม. นั่ง 1 ชม.

11.00-12.00 หลังจากนั้น มานั่งต่อที่โซฟา นั่งดูรู้อยู่กับรูปนาม สมาธิเกิดตลอด ดูไปเรื่อยๆ
ไม่มีหลับ ไม่มีง่วง มีสติรู้อยู่กับกาย พองยุบ กายเคลื่อนไหว ลมหายใจ
รู้สลับไปมาแบบนี้จนครบ 1 ชม. กำลังของสมาธิไม่แน่นอน บางทีนั่งได้หลายชม.

12.00-13.00 เดิน 1/2 ชม. นั่ง 1/2 ชม.

13.00- 15.00 นั่งที่โซฟา จิตเข้าสู่สมาธิได้ไว เพราะยังมีกำลังของสมาธิค้างอยู่จากการนั่งเมื่อกี้
สมาธิแนบแน่นดี รู้อยู่กับรูปนาม ไม่มีหลับ ไม่มีง่วง

15.00-16.45 เดิน 1 ชม. นั่ง 45 นาที

16.45 -17.10 นั่งที่โซฟา

จะชอบนั่งที่โซฟา จิตเกิดสมาธิได้ไว และตั้งมั่นได้นาน ทำสลับไปมาแบบนี้ทั้งวันแหละค่ะ
เดินจงกรม ต่อด้วยนั่งที่พื้น แล้วมาต่อด้วยนั่งที่โซฟา

เวลามีพนักงานมาหา ก็ทำงานปกตินี่แหละค่ะ ทำเสร็จ อยู่ในอริยาบทไหนก็ไปต่ออริยาบทนั้นได้เลย
ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นอริยาบทนั่ง ต้องเดินก่อนสักรอบหนึ่ง แล้วค่อยมานั่งต่อ

ทำแบบนี้ทุกวันแหละค่ะ แล้วแผ่เมตตา กรวดน้ำให้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่
บางวันก็มี สติไม่ทัน นั่งหลับยาวไปเลย แต่มีน้อยครั้งมากที่จะเป็นแบบนั้น

เป็นคนที่มีความสุข สุขตามอัตภาพที่ตัวเองได้สร้างเหตุเอาไว้
และเหตุใหม่ที่กำลังทำสะสมไปอย่างต่อเนื่อง

ที่ห้องสามารถเล่นเน็ตได้ แต่ไม่เล่น และไม่ใช้อะไรทั้งสิ้น คือตัดขาดจากสิ่งเหล่านั้นไปเลย
มีหนังสือไว้อ่านเพื่อหาความรู้ไม่กี่เล่ม มีวิสุทธิมรรคของเปรียญ 9 มหาสติปัฏฐานสูตร
วิปัสสนากรรมฐาน ของหลวงพ่อโชดก

หลังจากเลิกงาน พอเข้าบ้านแล้ว ไม่มีการออกจากบ้าน
อยู่แต่ในบ้านของตัวเอง ชอบอยู่บ้านค่ะ มีความสุขมากๆ
แต่ก็ชอบไปทำงานด้วย มีความสุขมากๆกับการทำงานและการปฏิบัติ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุอนุโมทนาครับคุณน้ำ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ที่การปฏิบัติของทักทายยังไม่ก้าวหน้าไปไหน?
ก็คงเป็นเพราะการจัดระเบียบของชีวิตยังไม่ดีพอ....มันสับสนไปหมด
บางวันเวลาก็เหลือน้อย....บางวันเวลาก็เหลือเฟือ....ทั้งๆที่งานก็ไม่ได้
มากหรือน้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่?.....คงต้องจัดระเบียบของตัวเอง
ให้ดีมากกว่านี้.....

อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
ที่การปฏิบัติของทักทายยังไม่ก้าวหน้าไปไหน?
ก็คงเป็นเพราะการจัดระเบียบของชีวิตยังไม่ดีพอ....มันสับสนไปหมด
บางวันเวลาก็เหลือน้อย....บางวันเวลาก็เหลือเฟือ....ทั้งๆที่งานก็ไม่ได้
มากหรือน้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่?.....คงต้องจัดระเบียบของตัวเอง
ให้ดีมากกว่านี้.....

อนุโมทนาค่ะ :b8:





เป็นเพียงความคิดน่ะค่ะ เราไปคิดว่าไม่ก้าวหน้า
จริงๆแล้ว สภาวะแปรเปลี่ยน เปลี่ยนรายละเอียดไปเรื่อยๆ
เพียงแต่ คุณทักทาย ยังมองไม่เห็นในสิ่งที่มีมากขึ้นมาเรื่อยๆ
ทุกอย่างที่ทำไปนั้น เป็นการสะสมค่ะ รับรองว่า ถ้าทำต่อเนื่อง ไม่ต้องไปคาดหวังใดๆทั้งสิ้น
ได้ผลแน่นอน ไม่ต้องไปคิดว่าได้ผลมากหรือน้อย เพราะการได้ผล ไม่ว่าจะมากหรือน้อย
ย่อมดีกว่าไปทำอย่างอื่น ที่เป็นเหตุส่งไปทางอื่นค่ะ

ลองสังเกตุดูตัวเองสิคะ
เวลาโกรธ ดับได้ไวมากขึ้น ปล่อยวางในเรื่องต่างๆได้มากขึ้น
ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตตามความเป็นจริงมากขึ้น
การโต้ตอบผู้อื่นน้อยลง กลัวเรื่องกรรมมากขึ้น จึงพยายามสร้างแต่กุศลกรรม

เหมือนสภาวะของหมูเขา ตัวเขาเองก็คิดว่าเขาไม่ก้าวหน้า
แต่พอมาไล่สภาวะตามความเป็นจริง คือ ถามไป แล้วเขาตอบมา
เขาถึงได้รู้ว่าตัวเขาก้าวหน้าขึ้นกว่าเมื่อก่อน


สภาวะของทุกๆคนที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนเกิดจากเหตุที่กระทำกันมาทั้งในอดีต
และในปัจจุบันที่กำลังกระทำกันอยู่

เหตุเก่าส่งผล คือ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต เหตุใหม่ส่งผลคือ เก็บเกี่ยวเอาทุกข์เข้าหาตัวน้อยลง
ส่วนเรื่องสภาวะที่เกิดขึ้นในขณะที่นั่งกำหนดนั้น เป็นไปตามกำลังของ สติ สัมปชัญญะ
และตามกำลังของสมาธิ

หากสติ สัมปชัญญะดี สมาธิดี สภาวะจะรู้อยู่กับรูปนามได้ดี
คือ รู้อยู่กับกายได้ดี เช่น ลมหายใจ

พอกำลังของสมาธิแรงมากขึ้น ลมหายใจละเอียดจับไม่ได้
มารู้ท้องพองยุบ

พอกำลังสมาธิมากขึ้น อาการพองยุบจะแผ่วเบาจนจับไม่ได้
มารู้ชัดที่กายส่วนอื่นๆเคลื่อนไหว เช่นหน้าอก

ถ้าจิตมีกำลังสมาธิสูง การเคลื่อนไหวของกายจะแผ่วเบามากๆ ก็ให้มารู้ว่านั่ง
รู้แบบนี้ เรียกว่ารู้อยู่กับรูปนาม

พอกำลังสมาธิคลายตัว ลมหายใจจะชัดเจน ไปรู้ลมหายใจ
รู้สลับไปมาแบบนี้แหละค่ะ

สิ่งที่พึงระวังคือ เรื่องความอยากค่ะ ความอยากตัวนี้เนียนมากๆ
ยิ่งเราอยากก้าวหน้ามากๆ เราจะยิ่งรู้สึกว่า สภาวะไม่ไปไหนเลย
เพราะเราไปติดอยู่ที่คิดน่ะค่ะ เรามีหน้าที่เพียง เฝ้าดู รู้ลงไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ทำตามกำลังเท่าที่เราสามารถทำได้ ทำไปตามความเป็นจริง
อย่าเร่ง อย่าหยุด อย่าอยาก ( ตัวนี้คงห้ามยากหน่อย )
ส่วนถ้าคนไหนชอบพิจรณา อันนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไรค่ะ แล้วแต่เหตุที่ทำมา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 18 พ.ค. 2010, 01:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 23:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุยเรื่องอาหารเจ ...

:b12: :b12:

????


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กบนอกกะลา เขียน:
คุยเรื่องอาหารเจ ...

:b12: :b12:

????


เป็นการปฏิบัติตัวก่อนทานอาหารเจ
อะค่ะท่านกบฯ :b12:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 18 พ.ค. 2010, 00:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 00:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


walaiporn เขียน:
ลองสังเกตุดูตัวเองสิคะ
เวลาโกรธ ดับได้ไวมากขึ้น ปล่อยวางในเรื่องต่างๆได้มากขึ้น
ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตตามความเป็นจริงมากขึ้น
การโต้ตอบผู้อื่นน้อยลง กลัวเรื่องกรรมมากขึ้น จึงพยายามสร้างแต่กุรรมดี


ความรู้สึกนี้เป็นจริงค่ะ...เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
แบบไม่ค่อยรู้ตัว....จะทำอะไรจะชั่งใจคิดก่อน...ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นอกุศลกรรม
หรือไม่?...จะหลีกเลี่ยงไม่ทำเลย...ปล่อยวางได้...ความโกรธจะเหมือนไฟกระพริบ
ติดปัํปก็ดับปุ๊ปได้ทันที....อนุโมทนาค่ะ :b8:


อ้างคำพูด:
พอกำลังสมาธิมากขึ้น อาการพองยุบจะแผ่วเบาจนจับไม่ได้
มารู้ชัดที่กายส่วนอื่นๆเคลื่อนไหว เช่นหน้าอก


พออาการพองยุบแผ่วๆที่ไรก็จะคิดว่า
วันนี้การปฏิบัติไม่ดี....เพิ่งสังเกตุว่าถ้าพองยุบเบา...การกระเพื่อม
ที่หน้าอกจะชัดเจน....อนุโมทนาค่ะ :b8:


อ้างคำพูด:
ถ้าจิตมีกำลังสมาธิสูง การเคลื่อนไหวของกายจะแผ่วเบามากๆ ก็ให้มารู้ว่านั่ง
รู้แบบนี้ เรียกว่ารู้อยู่กับรูปนาม รู้สลับไปมาแบบนี้แหละค่ะ


เข้าใจแล้วค่ะ...อนุโมทนาค่ะ :b8:

อ้างคำพูด:
สิ่งที่พึงระวังคือ เรื่องความอยากค่ะ ความอยากตัวนี้เนียนมากๆ
ยิ่งเราอยากก้าวหน้ามากๆ เราจะยิ่งรู้สึกว่า สภาวะไม่ไปไหนเลย
เพราะเราไปติดอยู่ที่คิดน่ะค่ะ เรามีหน้าที่เพียง เฝ้าดู รู้ลงไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ทำตามกำลังเท่าที่เราสามารถทำได้ ทำไปตามความเป็นจริง
อย่าเร่ง อย่าหยุด อย่าอยาก ( ตัวนี้คงห้ามยากหน่อย )
ส่วนถ้าคนไหนชอบพิจรณา อันนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไรค่ะ แล้วแต่เหตุที่ทำมา


นี่แหละค่ะปัญหาใหญ่ที่ต้องฟันฝ่า
อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 18 พ.ค. 2010, 00:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 03:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




header.jpg
header.jpg [ 329.28 KiB | เปิดดู 4771 ครั้ง ]

อื่มมม .. คิดเสียว่า เป็นเมนูอาหารเจละกันนะคะ
เพราะมีแต่ความเมตตามาแบ่งปันกัน

เรื่องที่นำมาเล่าให้ฟังนี่ เป็นสิ่งที่น้ำฝันเมื่อคืนค่ะ :b15:
เลยทำให้เชื่อมัน่ว่า อีกไม่นาน สภาวะบ้านเมืองจะกลับมาเป็นปกติ
อธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องบ้านเมือง และพระสยามเทวาธิราช




May 20
ปีศาจกินเมือง

เส้นทางที่ผ่านๆในระหว่างการปฏิบัติ คนไหนมีพื้นฐานสมถะแรงมาก่อน
จะมีความแปลกประหลาดเหมือน อลิซในดินแดนมหัศจรรย์
เพราะจะพบสภาวะแปลกๆ มีความมหัศจรรย์ต่างๆเกิดขึ้นในดวงจิต

เราเองได้พบเจอหลายๆสภาวะที่แปลกประหลาด หลายครั้งต่อหลายครั้ง
เมื่อก่อนเคยสงสัยว่า สิ่งเหล่านั้นมาจากไหน มาได้ยังไง
ทำไมเราถึงต้องฝันถึง ทำไมถึงมีนิมิตจากจิตล่วงหน้าหลายครั้งต่อหลายครั้ง

เดี๋ยวนี้ไม่มีความสงสัยแล้ว กำลังของสมาธิ ( ในสมัยก่อน )
เหมือนมนต์วิเศษ ที่สามารถพาเราท่องเที่ยวไปในอีกมิติหนึ่งได้

เมื่อคืนฝันนะ ฝันอะไรขนาดนั้น ทั้งๆที่ก่อนนอนไม่ได้คิดอะไรเลย
จิตรู้อยู่กับลมหายใจ กับพองยุบ สักพักรู้สึกว่ามันวูบลงไป
เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น หลับๆตื่นๆบอกไม่ถูก

ฝันถึงสัตว์ประหลาดตัวสีเขียว ส่วนใบหน้าทั้งหมดมีแต่ดวงตา
ในฝันเรารู้ว่า มันเป็นปีศาจกินเมือง เห็นตัวเราเองกำลังต่อสู้กับมัน

คิดๆแล้วขำ เราเหาะเหินเดินกลางอากาศได้ด้วยนะ เห็นบ้านเมืองถูกทำลาย
เห็นปีศาจมันไล่จับเรา ตัวเราเหาะไปมา แล้วนั่งในท่าสมาธิกลางอากาศ
เสียงเราสวดแผ่เมตตา เสียงงี้ดังก้องกังวาล แปลกนะ แปลกมาก
เสียงเราที่ดังออกมา ไหงเป็นเสียงของผู้ชาย เสียงมีพลังมากๆ

เห็นปีศาจมันก้มหัวลงแล้วยอมสยบ ยอมแพ้เรา แล้วปีศาจตนนั้นก็หายตัวไป
เรารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็ขำๆนะ คิดว่าตัวเองฝันเลอะเทอะ
แต่โดยปกติ เราเป็นคนที่นอนหลับแล้วไม่ค่อยจะฝัน
ถ้าฝันเมื่อไหร่ คือ เรื่องจริงอย่างแน่นอน

เช้ามา ก็ไปทำงานนะ ระหว่างขับมอไซค์ มีละอองฝน ต้องเรียกว่าละอองนะ
เหมือนละอองของฝอยน้ำ ละอองนี้ถูกตัวเรา

นี่ก็แปลกอีก ทั้งๆที่เราใส่เสื้อแขนยาว แต่ทำไมเราถึงรู้สึกเหมือนละอองฝนนั้นถูกตามตัวตามแขนเราได้ก็ไม่รู้
ถ้ามีละอองฝนจริงๆ แว่นเราต้องมีน้ำฝนติดมั่งแหละ นี่ไม่มีเลย

พอถึงที่ทำงาน เราก็ทำกิจวัตรประจำวันคือ ทานข้าวเช้าก่อน
เสียบกระติกน้ำร้อน ชงกาแฟเย็น ชอบการแฟเย็นนะ


9.30-12.30

ต่อมาเดินจงกรม ช่วงนั้นโทรฯหาหมู แล้วเดินจงกรมไปด้วย
คือ เดินก่อนที่จะโทรฯ รู้เท้าได้ชัดี ปกติดี นี่แหละผลของการเจริญสติ
จิตมันจะแยกกันทำงาน ไม่มาปะปนรวมกัน

หลังจากคุยกับหมูเสร็จ ก็เดินจงกรมต่อ แล้วนั่งต่ออีก 1 ชม.
จิตเป็นสมาธิตั้งแต่กำหนดยืน ก่อนที่จะกำหนดนั่งลงไป

พอนั่งลง จิตเป็นสมาธิต่อเนื่อง ขณะที่นั่ง รู้อยู่กับรูปนามได้ดี
เสียงนาฬิกาดังหมดเวลาที่ตั้งไว้ มีสติรู้ตลอด เสียงสักแต่ว่าเสียง

12.30-15.30

กำหนดนั่งที่โซฟาต่อ วันนี้มีวูบ ดิ่งเข้าสมาธิไป ความรู้สึกตัวหายไปเป็นช่วงๆ
แล้วกลับมารู้สึกตัวได้ ก็รู้อยู่กับรูปนาม ความคิดแผ่วๆ จับใจความอะไรไม่ได้
แล้วกลับมารู้อยู่กับกายได้เป็นพักๆ สลับกับดิ่งไปในสมาธิ

ก็ยอมรับนะ ยังตัดตรงนี้ไม่ได้ มีแอบดีใจลึกๆ ที่เริ่มดับในสมาธิได้มากขึ้น
เมื่อก่อนจะดับแค่แว๊บเดียว เดี๋ยวนี้นานขึ้น

15.30-16.15

เดินจงกรมต่อ กะว่า จะเดินถึง 16.30 แล้วจะนั่งต่ออีก 1 ชม.
ปรากฏว่าพนักงานมาแจ้งข่าวว่าบริษัทปล่อยให้เลิกก่อนเวลา
เนื่องจากสถานการณ์ที่กทม.เริ่มไม่ดีรถเมล์หยุดวิ่ง
โทรฯมือถือ ถูกตัดการสื่อสาร ข่าวว่าช่อง 3 ถูกเผา

เราออกทีหลังเพื่อน คนอื่นๆกลับไปหมดแล้ว
ระหว่างที่เดินผ่านห้องโถงของบริษัท เราได้ยินเสียงสวดมนต์
ก็เดินหาว่าเสียงสวดมนต์มาจากไหน เป็นบทสวดพาหุง
ได้ยินชัดนะ ก็เดินหา หาไม่เจอ เลยยืนฟัง สักพักเสียงนั้นหายไป

ระหว่างเดินทางกลับ รถติดมากๆ ใจคิดถึงพนักงานที่อยู่แถวกรุงเทพฯ
และผู้คนที่กำลังมีเหตุร่วมกันทั้งหมด แผ่เมตตาตลอดทาง

วิ่งผ่านอู่รถเมล์ เห็นอู่ปิดป้าย รถเมล์หยุดวิ่ง เห็นคนตกรถ กลับบ้านไม่ได้
ก็รู้สึกสะเทือนใจนะ ได้แต่แผ่เมตตาให้กับเขา ขอให้เขาเหล่านั้น
ได้เดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

พอกลับถึงบ้าน ชาวบ้านคุยกัน เรื่องห้างต่างๆถูกเผา
บิ๊กซีปิดแต่วัน เพราะได้ข่าวมาว่า บิ๊กซีที่สำโรงถูกเผาไปแล้ว

มีคนถามว่า เราไม่คิดอะไรบ้างเหรอ เราบอกว่าไม่
เพราะเราเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมั่นในพระสยามเทวาธิราช
ต่อให้มีเหตุการณ์ยังไงก็ตาม ไม่หวั่นไหวหรือตื่นตูมตามข่าว

เราเพิ่งมาครุ่นคิดถึงนิมิตหรือความฝันที่เราฝัน
ตอนแรกเราคิดว่าเรื่องไร้สาระ ปีศาจกินเมืองมีด้วยหรือ

และเรื่องละอองฝนที่เราได้สัมผัสเมื่อเช้า ทั้งๆที่ไม่มีฝนเลยแม้แต่สักนิดเดียว
ตัวเราก็ใส่แขนยาว แล้วน้ำฝนจะถูกตัวเราได้ยังไง


เราเชื่อว่า ทุกอย่าง กำลังจะจบลงแล้ว
เหมือนปีศาจตนนั้น เราต้องแผ่เมตตา ช่วยกันตั้งจิตแผ่เมตตา
ไม่เลือกฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เขา เรา ล้วนไม่แตกต่างกัน
ต่างลงมือทำร้ายกันเพราะความไม่รู้ เราควรให้อภัยกัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 20:24
โพสต์: 43

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำครับที่นิพพานไม่มีอาหารเจนะ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำค่ะ วันนี้ขออาหารว่างซัก2-3อย่างหน่อยสิค่ะ
แล้วก็ smoothy ของสามหนุ่มน้อยด้วยน่ะค่ะ

วันนี้เรามีความรู้สึกว่าอยากจะคุยค่ะ
หลังจากรู้สึกหดหู่มาหลายวัน
จริงๆแล้วอยากจะคุยกับคุณน้ำ ตั้งแต่คุณน้ำpostเริ่มแรกตอนหน้า33แล้วค่ะ
แต่ความรู้สึกแบบ.......ในหัวใจรู้สึกเหมือนมันแน่นๆน่ะค่ะ

ตอนที่คุณน้ำpostล่าสุดนี้เป็นตอนเวลาตี3.56ใช่มั๊ยค่ะ

พอดีมีเรื่องอยากจะเล่า อยากจะถาม
แล้วก็อยากจะรบกวน หรืออยากจะขอความช่วยเหลือ
จากคุณน้ำหรือคุณอมิตาพุทธน่ะค่ะ :b41: :b55: :b48: :b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้ำค่ะ วันนี้ขออาหารว่างซัก2-3อย่างหน่อยสิค่ะ
แล้วก็ smoothy ของสามหนุ่มน้อยด้วยน่ะค่ะ

วันนี้เรามีความรู้สึกว่าอยากจะคุยค่ะ
หลังจากรู้สึกหดหู่มาหลายวัน
จริงๆแล้วอยากจะคุยกับคุณน้ำ ตั้งแต่คุณน้ำpostเริ่มแรกตอนหน้า33แล้วค่ะ
แต่ความรู้สึกแบบ.......ในหัวใจรู้สึกเหมือนมันแน่นๆน่ะค่ะ

ตอนที่คุณน้ำpostล่าสุดนี้เป็นตอนเวลาตี3.56ใช่มั๊ยค่ะ

พอดีมีเรื่องอยากจะเล่า อยากจะถาม
แล้วก็อยากจะรบกวน หรืออยากจะขอความช่วยเหลือ
จากคุณน้ำหรือคุณอมิตาพุทธน่ะค่ะ :b41: :b55: :b48: :b38:




คุณเต้ ด้วยความยินดีค่ะ :b12:
เรื่องที่น้ำเล่า .. ใช่ค่ะ เวลา 03. 56 น.
ช่วงนี้ สภาวะของน้ำ มันไม่หลับทั้งกลางวันกลางคืนค่ะ
เดี๋ยวคุณเต้ งง มีด้วยเหรอ ไม่หลับ ไม่นอน ขอยืนยันค่ะว่า สภาวะแบบนี้ มีจริงๆค่ะ


คุณเต้ลองเล่าในสิ่งที่คุณเต้กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่มาสิคะ
เผื่อน้ำหรือคนอื่นๆที่ได้อ่าน อาจจะมีข้อความคิดเห็นเสนอแนะกันได้น่ะค่ะ

สำหรับตัวน้ำเอง เท่าที่ได้สนทนาทั้งคุณเต้ และคุณอามิตาพุทธและหลายๆคน
เราล้วนเป็นกัลยาณมิตรกันค่ะ คือ กำลังสละออก ไม่ใช่นำเข้ามา ( กิเลส )

อาหารว่างที่ขอมา และ สมูทตี้ เดี๋ยวจัดให้ค่ะ
ฝากจุ๊ฟฟแก้มหนุ่มๆทั้ง 3 หน่อด้วยนะคะ :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สติสัมปันน์ เขียน:
คุณน้ำครับที่นิพพานไม่มีอาหารเจนะ :b9:





จารย์ ... แวะมาเยี่ยมหรือคะ :b8:
อิอิ ... นิพพานหน้าตาเป็นไงคะ :b32:

ตอนนี้กำลังศึกษา วิสุทธิมรรคของเปรียญ ๙ อยู่ค่ะ
ถ้าติดขัดเรื่องคำศัพท์ตัวไหน คงจะต้องขอรบกวนด้วยค่ะ

วันนั้นที่ได้สนทนากันเรื่อง " นิมิต " ที่หมายถึง เครื่องกำหนดรู้
โดนเลยค่ะ มีผู้ที่ส่งการบ้านเขาถามมา ก็เลยตอบเขาไปว่า นิมิตมีหลายแบบ
มีทั้งโดยสภาวะ และในแง่ของบัญญัติที่ใช้ในสื่อความหมาย
ก็อ่านเจอนะคะ มีอยู่ในวิสุทธิมรรคของเปรียญ ๙ ที่กำลังอ่านอยู่น่ะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




pakkarddong1.jpg
pakkarddong1.jpg [ 29.21 KiB | เปิดดู 4535 ครั้ง ]
ก๋วยเตี๋ยวห่อผักกาดดองเจ

ส่วนผสม

โปรตีนเกษตรนำไปแช่น้ำจนพอง หั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
ผักกาดดองเปรี้ยว ซอย 1 ถ้วย
เต้าหู้หั่นชิ้นเล็ก ทอด 1/2 ถ้วย
ถั่วฝักยาวหั่นแฉลบ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ หรือก๋วยเตี๋ยวหลอดแบบแผ่นใหญ่
เกลือและพริกไทย เล็กน้อย

วิธีทำ

1. ต้มน้ำให้เดือด นำผักกาดดองลงต้มประมาณ 5 นาที พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ผัดโปรตีนเกษตรที่เตรียมไว้กับน้ำมันให้สุก เติมผักกาดดอง และถั่วฝักยาว
3. ปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย เกลือ และพริกไทย ผัดให้เข้ากัน
4. คลี่แผ่นก๋วยเตี๋ยวออก ตักผักกาดดองที่ผัดไว้ใส่ลงไป แล้วม้วนให้แน่น
5. เรียงก๋วยเตี๋ยวที่ห่อแล้วนำไปนึ่งให้ร้อน ก่อนรับประทาน
6. รับประทานคู่กับซีอิ๊วหวาน




จริงๆแล้ว ถ้าใส่เห็ดหอม หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ลงไปผัดรวมด้วยนะคะ
จะอร่อยมากๆ เวลาเคี้ยวนี้ หนุบหนับๆ อร่อยมากๆค่ะ

มีอีกนะคะ ใช้ถั่วลิสงเม็ดใหญ่น่ะค่ะ นำไปแช่น้ำก่อน แล้วลอกเปลือกออก
นำไปคั่วให้เหลืองๆค่ะ แล้วนำมาใส่เป็นเครื่องเคียง เคี้ยวกุบกับดีค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




raspberryfreeze.jpg
raspberryfreeze.jpg [ 17.48 KiB | เปิดดู 4528 ครั้ง ]
ราสเบอร์รี่ฟรีซ..ราสเบอร์รี่ปั่น

ส่วนประกอบ

- น้ำต้มสุก1/2 ลิตร
- ราสเบอร์รี่กวน 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำแดง 1 ถ้วย

วิธีทำ

- นำราสเบอร์รี่ น้ำต้มสุก น้ำเชื่อม น้ำมะนาว น้ำแดง ปั่นจนส่วนผสมเข้ากัน
- เติมน้ำแข็งบด 4 ถ้วยตวง
- ปั่นต่อจนน้ำผลไม้และน้ำแข็งเข้ากันคล้ายหวานเย็น พร้อมเสิร์ฟ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




tofusalad.jpg
tofusalad.jpg [ 14.05 KiB | เปิดดู 4526 ครั้ง ]
tofusalad1.jpg
tofusalad1.jpg [ 22.5 KiB | เปิดดู 4526 ครั้ง ]
สลัดเต้าหู้ สปาคูซีน

หวานนุ่มลิ้นกับชิ้นเต้าหู้ที่ตัดกับรสเปรี้ยวหวานจากน้ำสลัดสไตล์ไทยได้คุณค่าน่าลิ้มลอง

ส่วนประกอบ (สำหรับ 2 ท่าน)

เต้าหู้แผ่นขาว 200 กรัม
แครอทหั่นเป็นแผ่นบางตามยาว 25 กรัม
ซอสคิโคแมน 2 ช้อนโต๊ะ
อบเชยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
แผ่นปอเปี๊ยะ 2 แผ่น
สาหร่ายแผ่น 2 แผ่น


ส่วนประกอบสลัด

เห็ดเข็มทอง 50 กรัม
ส้มเขียวหวาน 40 กรัม
ผักน้ำ 50 กรัม
งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ


ส่วนประกอบน้ำสลัด

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
พริกสับ 1 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ


วิธีเตรียมเต้าหู้
+ นำเต้าหู้แผ่นขาวมาหั่นให้เป็นชิ้นตามยาว จากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับซอสคิโคแมนและอบเชยป่น

+ ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่น้ำมันมะกอก แล้วนำแครอทหั่นแผ่นลงทอดพอสุก ยกขึ้นซับน้ำมันพักไว้

+ นำแผ่นปอเปี๊ยะแช่น้ำอุ่นเล็กน้อยให้พออ่อนตัว จากนั้นนำเต้าหู้แผ่นขาวที่คลุกเคล้าแล้วมาวาง
บนแผ่นปอเปี๊ยะ, สาหร่าย และแครอททอด ม้วนให้แน่นแล้วหั่นเป็นชิ้นประมาณพอดีคำ

+ ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน-มะกอกลงไป จากนั้นนำชิ้นเต้าหู้ที่หั่นเรียบร้อยแล้วไปทอด โดยวาง
ทอดเฉพาะด้านที่หั่นให้เหลืองกรอบ เมื่อเห็นว่าสุกได้ที่แล้วนำขึ้นจากกระทะ ซับน้ำมันออกแล้วพักไว้


วิธีเตรียมน้ำสลัด

นำน้ำผึ้ง, น้ำมัน-งา, พริกสับ, งาขาวคั่ว , ซีอิ๊วขาว และน้ำมะนาว มาผสมให้เข้ากัน

วิธีทำสลัด

+ นำเห็ดเข็มทองหั่นครึ่งตามยาว, ชิ้นส้มเขียวหวานหั่นเป็นสามส่วน และผักน้ำเด็ดก้านมาผสม
กับน้ำสลัดที่เตรียมไว้

+ จัดเต้าหู้ที่ทอดแล้วใส่จานเสิร์ฟพร้อมสลัด โรยงาดำได้ทันที

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 30, 31, 32, 33, 34, 35, 36 ... 45  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร