วันเวลาปัจจุบัน 08 ต.ค. 2024, 00:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
พระป่ากัมมัฏฐาน ๕ รูปที่ได้ถึงแก่มรณภาพลงพร้อมกันด้วยเหตุเครื่องบินตก

การสูญเสียพระคณาจารย์พระป่ากัมมัฏฐาน
สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
ครั้งใหญ่ไปพร้อมกันทีเดียวถึง ๕ รูปด้วยกัน
ด้วยเหตุเครื่องบินตกครั้งประวัติศาสตร์


:b47: :b44: :b47:

พระคณาจารย์พระป่ากัมมัฏฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้รับอาราธนาจากทางสำนักพระราชวัง เพื่อไปในงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลในวโรกาสครบรอบ ๓๐ ปีวันบรมราชาภิเษกสมรส วันจันทร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๓ ทั้งหมดจำนวน ๕ รูปด้วยกัน คือ หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร), พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม พระคณาจารย์พระป่ากัมมัฏฐานทั้งหมดท่านจึงได้ไปรวมกันที่ จ.อุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องบินโดยสารแอฟโร ๔ ของบริษัทเดินอากาศไทย (ซึ่งในเวลานั้นยังไม่ได้มารวมกิจการกับบริษัทการบินไทย) เที่ยวบิน TG 231 สายนครพนม-กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเครื่องบิน ๒ ใบพัด รุ่น HS-748 รหัส HS-THB บินออกจากท่าอากาศยานนครพนม จะไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพราะลูกศิษย์ลูกหาต้องการถวายความสะดวกและความรวดเร็วในการเดินทาง เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓

ครั้นเมื่อเครื่องบินมาถึงท้องนาทุ่งรังสิต เขตหมู่ที่ ๔ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เหลือระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตรเศษ เครื่องบินได้ตั้งลำและลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงสู่สนาม แต่เนื่องจากเครื่องบินได้ประสบพายุหมุน ประกอบกับมีพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก มีลมกระโชกแรง เกินที่นักบินจะควบคุมเครื่องให้ลงจอดได้อย่างปลอดภัย สุดท้ายจึงเสียการควบคุมตกลงมากระแทกกับพื้นดินบนท้องนาทุ่งรังสิต อุบัติเหตุเครื่องบินตกในคราครั้งนี้เป็นเหตุทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินจำนวน ๕๓ คน เสียชีวิตลงพร้อมกันทั้งสิ้น ๔๐ คน ในจำนวนนี้มีพระสงฆ์มรณภาพ ๗ รูป เป็นพระคณาจารย์ดังกล่าว ๕ รูป เมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ นาฬิกา

รูปภาพ
พระอาจารย์วัน-พระอาจารย์จวน-พระอาจารย์สุพัฒน์

รูปภาพ

รูปภาพ
ซากเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุ


สำหรับผู้โดยสารที่รอดชีวิตจำนวน ๑๓ คนนั้นเป็นผู้ที่นั่งทางส่วนหางหรือส่วนท้ายของเครื่องบิน เพราะส่วนหางหรือส่วนท้ายของเครื่องบินยังอยู่ในสภาพดี ในจำนวนนี้มี “นายสมพร กลิ่นพงษา” ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตำแหน่งในขณะนั้น ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ถือเอกสารราชการลับของประเทศ

เมื่อพระคณาจารย์ทั้ง ๕ รูปได้ถึงแก่มรณภาพแล้ว มีการนำศพไปตกแต่งบาดแผลที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช แล้วนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้ง ๗ วัน วันแรกพระราชทานหีบทองทึบ วันต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งให้เปลี่ยนใหม่เพราะทรงเห็นว่าไม่สวยงาม จึงได้เปลี่ยนเป็นหีบลายทอง

หลังจาก ๗ วันแล้ว ในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๒๓ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเป็นเจ้าภาพ และในวันที่ ๖ พฤษภาคม คณะรัฐบาลซึ่งมีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ของพระคณาจารย์ที่มรณภาพดังกล่าวซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ นับว่าเป็นเกียรติประวัติแก่พระคณาจารย์ทั้ง ๕ รูปที่จากไปอย่างยิ่งยวด ยังความปลื้มปิติยินดีแก่ญาติพี่น้อง เพื่อนสหธรรมิก คณะศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือของพระคณาจารย์ทั้ง ๕ รูปอย่างหาที่สุดมิได้

รูปภาพ
ศพพระคณาจารย์ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ

รูปภาพ
สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธฯ
ทรงเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุ


รูปภาพ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
เสด็จร่วมบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุ


รูปภาพ
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ
เสด็จร่วมบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุ


รูปภาพ
รถพยาบาลหลายคันจากโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เชิญศพพระคณาจารย์ต่างๆ
เดินทางจากวัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน ไปถึงวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี
บรรดาพระภิกษุ สามเณร และประชาชนไปคอยเคารพศพอยู่อย่างคับคั่ง



เมื่อครบกำหนดการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายที่วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เขตบางเขนแล้ว ก็ได้อัญเชิญศพพระคณาจารย์ทั้ง ๕ รูปกลับไปสู่ยังวัดเดิมของแต่ละท่าน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หัวหน้าแผนกพระราชพิธีเป็นผู้ดูแลโดยตลอด สำหรับรถยนต์ที่เชิญศพพระคณาจารย์ต่างๆ คุณหมอปัญญา ส่งสัมพันธ์ แห่งโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา เป็นผู้จัดหา และได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลต่างๆ เป็นอย่างดียิ่ง

วันพุธที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๒๓ เวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา รถเชิญศพได้เคลื่อนออกจากวัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เขตบางเขน โดยมีรถตำรวจทางหลวงนำ ถัดมาเป็นรถหลวง รถพระอาจารย์สมชาย ฐิติวิริโย และรถเชิญศพพระคณาจารย์ทั้ง ๕ รูป ตามลำดับ เมื่อเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ นาฬิกาเศษ ขบวนเชิญศพได้มาถึง จ.นครราชสีมา มีคณะพระภิกษุสามเณรโดยการนำของพระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระชินวงศาจารย์ และพระครูคุณสารสัมบัน (หลวงพ่อสมาน ชิตมาโร) แห่งวัดป่าศรัทธารวม พร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกา ได้นำข้าวห่อมาต้อนรับคณะเชิญศพและมาเคารพศพกันเป็นจำนวนมาก

รูปภาพ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน)
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๘ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์


รูปภาพ
พระอาจารย์สมชาย ฐิติวิริโย

รูปภาพ
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่
พระชินวงศาจารย์ ได้นำคณะพระภิกษุสามเณร-อุบาสกอุบาสิกา
มาเคารพศพพระคณาจารย์ ๕ รูปที่ถึงแก่มรณภาพลงพร้อมกัน
เมื่อครั้งขบวนรถคณะเชิญศพได้เดินทางมาถึงยังจังหวัดนครราชสีมา



หลังจากพระฉันอาหารและเจ้าหน้าที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ขบวนเชิญศพได้ออกเดินทางต่อไปถึงวัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อเวลา ๑๒.๓๐ นาฬิกา ทางวัดโพธิสมภรณ์และชาวอุดรธานีได้จัดต้อนรับเป็นอย่างดี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีได้นำประชาชนหลายจังหวัดมารอเคารพศพ ซึ่งแล้วเสร็จเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ นาฬิกาเศษ รถเชิญศพจึงได้แยกย้ายกันไปยังวัดต่างๆ อันเป็นวัดเดิมของแต่ละพระคณาจารย์ ดังนี้

๑. หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่
วัดสิริสาลวัน บ้านโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

๒. พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร) ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่
วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร

๓. พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่
วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

๔. พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่
วัดป่าแก้วชุมพล บ้านชุมพล ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

๕. พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่
วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี บ้านต้าย ต.บ้านต้าย อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

นับว่าการเชิญศพถึงวัดได้รับความสะดวกสบายปลอดภัยทุกประการ

ท่ามกลางความเศร้าสลดอาลัยของคณะสงฆ์ เพื่อนสหธรรมิก คณะศิษยานุศิษย์ และสาธุชนทั่วไปเป็นยิ่งนัก ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียของวงการสงฆ์ครั้งใหญ่มากอีกครั้งหนึ่งของเมืองไทย

รูปภาพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่พระคณาจารย์ที่มรณภาพด้วยเหตุเครื่องบินตก
ณ ตึกติสสมหาเถร วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๓



:b8: :b8: :b8: รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก...
(๑) หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ
พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม)

เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๔
(๒) หนังสือกุลเชฏฐาภิวาท ฉบับสมบูรณ์
ชีวประวัติ ปฏิปทา และธรรมเทศนา ของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
วัดเจติยาคิรีวิหาร ภูทอก อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖
คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ผู้เขียนและเรียบเรียง



.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แก้ไขล่าสุดโดย สาวิกาน้อย เมื่อ 11 ม.ค. 2010, 14:23, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
“บาตรบุบ” ของ “พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ”
ภายในเจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ
วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ


:b44: :b44:

บาตรพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) จังหวัดบึงกาฬ
เมื่อครั้งเครื่องบินตกที่ท้องนาทุ่งรังสิต อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

ซึ่งเมื่องัดฝาบาตรเปิดออกมา ปรากฏว่าพบ เอกสารราชการลับ ซ่อนอยู่ข้างใน
นายสมพร กลิ่นพงษา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตำแหน่งในขณะนั้น
เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ถือเอกสารราชการลับฉบับดังกล่าวไว้กับตนเองตลอดเวลา
โดยในขณะเครื่องบินจะตกนั้น ท่านนั่งอยู่บริเวณตอนท้ายของเครื่องบิน
ได้กอดรัดเอกสารราชการลับฉบับดังกล่าวไว้อย่างแน​่นหนา
ด้วยกลัวว่าหากเอกสารหลุดรอด สูญหายไป อาจจะเป็นภัยใหญ่หลวงต่อประเท​ศชาติ
แต่ครั้นเมื่อเครื่องบินตกแล้ว กลับมาพบเอกสารลับฉบ้บนี้อยู่ในบาตรพระอาจารย์จวน
ซึ่งท่านนั่งอยู่บริเวณตอนหน้าของเครื่องบิน กับครูบาอาจารย์พระป่ากัมมัฏฐานรวม ๕ รูป

(หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ,
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม)


หลังจากเครื่องบินตก เมื่อกู้ซากเครื่องบินและเก็บอัฐบริขารของครูบาอาจารย์แล้ว
กลับพบว่าภายในบาตรพระอาจารย์จวนนั้น มีเอกสารราชการลับที่ทางการค้นหาอยู่
ซึ่งบาตรลูกนี้มีรอยบุบยุบอัดแน่นที่เกิดจากการใช้อ​ุ้งมือและนิ้วโป้งทั้ง ๒ ข้าง
กดลงไปให้บุ๋มลง เพื่อไม่ให้เอกสารราชการลับดังกล่าวหล่นออกมาจากบาตร
หากไม่ปิดปากบาตรให้แน่น เอกสารลับฉบ้บนี้คงถูกนำไปเผยแพร่อย่างแน่นอน


ในยุคปีพุทธศักราช ๒๕๒๓ นั้น ยังมีเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายเกิดขึ้นในประเทศอยู่
เมื่อเวลาผ่านไปกว่า ๑๐ ปี คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต เกิดความสงสัย
จึงได้สอบถามนายสมพร กลิ่นพงษา ผู้ถือเอกสารราชการลับฉบับดังกล่าวในยุคนั้นว่า
คิดอย่างไรตอนเครื่องบินจะตก กลับนำเอกสารราชการลับไปฝากพระอาจารย์จวนไว้

นายสมพร กลิ่นพงษา บอกว่าท่านไม่รู้เรื่องนี้ ท่านกอดเอกสารลับแน่นอยู่ที่อกตลอด
พอเครื่องตกก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และไม่ทราบว่าเอกสารราชการลับ
ที่ตนเองถืออยู่​นั้นได้หายไปอยู่ในบาตรของพระอาจารย์จวนได้อย่างไร


นี่ก็คือความอัศจรรย์ !! และความเมตตาของพระอาจารย์จวนที่ท่านเล็งเห็น
จึงได้ช่วยจัดการซ่อนเอกสารราชการลับฉบับนั้นให้ไปอ​ยู่ในบาตรของท่าน
พร้อมทั้งบุบบาตรให้บุ๋มปิดผนึกอัดแน่นไว้ หากไม่ทำเช่นนั้น
ตอนกู้ซากเครื่องบินอาจมีชาวบ้านมารื้อค้นทำให้เอกสารราชการลับ
สูญหายหรือถูกนำออกไปเผยแพร่ หรือหากตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม
ก็จะทำให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงเป็นภัยใหญ่หลวงต่อประเท​ศชาติเราได้


รูปภาพ
พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ

รูปภาพ
ซากเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องตก ณ ท้องนาทุ่งรังสิต
เขตหมู่ที่ ๔ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
อุบัติเหตุเครื่องบินตกในคราครั้งนี้เป็นเหตุทำให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์
พระป่ากัมมัฏฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
ได้ถึงแก่มรณภาพลงพร้อมกันทีเดียวถึง ๕ รูปด้วยกัน คือ
หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ,
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม


:b8: :b8: :b8: รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก...
หนังสือกุลเชฏฐาภิวาท ฉบับสมบูรณ์
ชีวประวัติ ปฏิปทา และธรรมเทศนา ของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
วัดเจติยาคิรีวิหาร ภูทอก อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖
คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ผู้เขียนและเรียบเรียง

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2012, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ
เครื่องบริขารและเครื่องใช้ต่างๆ ของ “พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ”
ภายในเจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ
วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

:b49: :b44: :b49:

บาตรบุบ

ในห้องแสดงอัฐบริขารในเจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐนั้น มีการแสดงบริขารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นบริขารที่ท่านครองอยู่ หรือที่ท่านนำมาเวลาเครื่องบินตกถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓ ได้แก่ สบง จีวร อังสะ สังฆาฏิ กลด มุ้งกลด กระติกน้ำ ย่าม บาตร รองเท้า เป็นต้น

ที่มีรอยฉีก ขาด เสียหายบ้าง ก็เช่น เครื่องผ้าอย่างสบง จีวร แต่ที่ดูเสียหายมากจนเห็นชัด คือ
บาตรและฝาบาตร ที่แม้เป็นโลหะ แต่ก็บุบยุบลงไป แสดงถึงแรงกระแทกเมื่อเครื่องบินตกลงกระทบพื้นดิน

บาตรและฝาบาตรที่บุบยุบลงไป หรือที่จะเรียกกันต่อไปสั้นๆ ว่า “บาตรบุบ” นี้เอง เป็นเรื่องที่ประหลาด “ไม่ธรรมดา” อีกเรื่องหนึ่งที่สมควรบันทึกไว้

คงจะต้องเล่าทวนความจำกันหน่อยว่า ศพของท่านและครูบาอาจารย์องค์อื่นที่มรณภาพพร้อมกันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ บำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทาน ตลอดเวลา ๗ วัน ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน

บริขารที่ท่านครองนอกจากฉีกขาดบ้างแล้ว ยังอยู่ในสภาพเปื้อนโคลนมาก เพราะขณะเกิดเหตุนั้นมีฝนตกใหญ่ ได้มีการจัดนำสบง จีวรชุดใหม่มาเปลี่ยนให้ท่าน สำหรับชุดเดิมทางพระแต่ละวัดก็นำมาซัก ทำความสะอาด เก็บรักษาไว้ ส่วนบริขารอื่นๆ ที่ยังหาไม่ได้ เข้าใจว่าคงตกกระจัดกระจายอยู่ในทุ่งนา อย่างเช่น ย่าม บาตร รองเท้า กลด...เหล่านี้ ทางพระลูกศิษย์จึงออกติดตามไปยังที่เกิดเหตุ

ถึงจะมีพระที่มรณภาพพร้อมกันหลายองค์ แต่บรรดาศิษย์ต่างก็จำบาตร ย่าม เครื่องใช้ของท่านอาจารย์ของตนได้ จึงไม่เป็นปัญหาอะไร

ระยะนั้น นอกจากเวลาทั้งสิ้นแล้วผู้เขียนอยู่ที่วัดตลอด เพียงกลับมาอาบน้ำแต่งตัวเท่านั้น ทราบข่าวเป็นระยะๆ ว่า บริขารชิ้นใดที่หาได้แล้ว และบริขารชิ้นใดที่ยังหาไม่พบ ที่การหาไม่ง่ายดายนัก ก็เพราะสถานที่เกิดเหตุเป็นโคลน ซากเครื่องบินอยู่ในสภาพพังยับเยิน บางอย่างพบบนดิน บางอย่างก็ต้องไปงัดซากเครื่องบินบางส่วนออก

สุดท้าย บริขารของท่านอาจารย์จวนก็หาได้ครบ ยกเว้นแต่รองเท้าข้างเดียวที่หาอย่างไรก็ไม่ได้ เข้าใจว่าคงถูกแรงอัดของเครื่องบินจมหายลงไปในดิน

บาตรซึ่งมีฝาบาตรปิดอยู่ บุบยุบลงไปด้วยกัน ต้องงัดเป็นการใหญ่ จึงสามารถเปิดออกมาได้

สังฆาฏิ บริขารอาศัย พับอยู่อย่างเรียบร้อยภายในบาตร รวมทั้งเครื่องใช้อื่นๆ ที่ท่านใช้เป็นประจำ เช่น ซองผ้าใส่ช้อนส้อม กลักสบู่ ในเวลาเดินทางพระธุดงค์ท่านใช้บาตร เหมือนกับที่พวกเราใช้กระเป๋าเดินทาง จึงไม่ประหลาดที่พบของเหล่านี้

แต่ที่ประหลาด คือ พบซองจดหมายหนาปึกอยู่ซองหนึ่ง วางอยู่ข้างบนอัฐบริขารทั้งหมด รวมอยู่ในบาตรด้วย

เป็นซองราชการ ผนึกอย่างดี และตีตราลับ...!

พระท่านก็นำมาให้ผู้เขียนดู ไม่ทราบว่าของใคร นำมาฝากท่านอาจารย์ไว้

ผู้เขียนเห็นตรากระทรวงมหาดไทย เห็นมุมซองแสดงว่าเป็นเอกสาร

จากผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ก็ร้องด้วยความดีใจ

เราหากันแทบจะพลิกแผ่นดิน (ตรงบริเวณเครื่องตก) เอกสารซองนี้...!

อยู่ในบาตรท่านอาจารย์นี่เอง...!


คุณสมพร กลิ่นพงษา...ขอประทานออกนาม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม-ตำแหน่งในขณะนั้น บัดนี้ท่านเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาในเครื่องบินลำที่เกิดเหตุนี้ด้วย ท่านนั่งทางท้ายเครื่องบิน จึงโชคดีไม่เสียชีวิต แต่ก็บาดเจ็บสาหัส เมื่อมีผู้ไปช่วยเหลือท่านยังมีสติอยู่ จึงพอทันบอกความกับผู้ที่ไว้ใจได้ว่า ท่านได้นำเอกสารสำคัญชิ้นหนึ่งติดตัวมาด้วย เอกสารนี้เป็นความลับของประเทศ หากตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม จะเกิดอันตรายเป็นผลเสียหายอย่างร้ายแรง ขอให้ช่วยหาให้ได้

เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยหาไม่พบ ก็มาติดต่อกับผู้เขียนให้ช่วยหาด้วย

เมื่อไม่พบกันจริงๆ ก็ได้แต่ภาวนาขอให้เอกสารนั้นถูกอัดหายเข้าไปในดินโคลนตม สูญหายไปเลย ดีกว่าจะถูกค้นพบ ตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงข้าม หรือถูกนำไปเปิดเผยให้เสียหายแก่บ้านเมือง

สองวันเต็มๆ ที่ใจคอไม่ดีกันแล้วก็มาพบได้...!

จึงโทรศัพท์เชิญทางกระทรวงมหาดไทยมาดู ท่านก็ยืนยันว่า ใช่...เป็นเอกสารที่ต้องการจริงๆ

ขณะนั้นนึกเพียงว่าประหลาด ทำไมคุณสมพรนึกยังไงถึงได้เอาซองเอกสารสำคัญมาฝากท่านอาจารย์ไว้ ไม่เก็บไว้กับตัว หรือเกิดสังหรณ์อะไร จึงฝากไว้ หรือท่านอาจารย์ “รู้” ล่วงหน้า ก็เลยเรียกให้ไปฝากไว้

ว่าจะถาม แต่คุณสมพรก็เจ็บหนัก ไม่ควรไปกวน ต่อมาเมื่อท่านหายเจ็บแล้ว...ตามวิสัยคนกรุง เรื่องผ่านไปแล้ว ก็ลืมไปเลย พบคุณสมพรภายหลัง ก็พูดคุยกันเรื่องอื่นไปหมด

จนกระทั่งเมื่อจะจัดตั้งเครื่องบริขารในห้องพิพิธภัณฑ์ คิดจะแยกเป็นกลุ่ม แสดงบริขารที่ท่านใช้วันเครื่องบินตกโดยเฉพาะ เห็นบาตรบุบจึงนึกขึ้นได้

ว่าจะเรียนถามท่านสักหน่อย ว่าคุณสมพรเอาไปฝาก หรือท่านอาจารย์เรียกให้เอาไปฝาก

โทรศัพท์ติดต่อกับท่านได้เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๒ นี้เอง ท่านอุทานดังลั่นเมื่อทราบเรื่อง

“อะไรนะครับ ซองเอกสารนั่นหรือครับ ได้มาจากบาตรท่านอาจารย์จวน...!”

“ค่ะ”

“ผมไม่ทราบเลย เพิ่งทราบจากพี่เดี๋ยวนี้เอง โอ...ผมขนลุกไปหมด”

“ทำไมคะ”

“ก็ผมไม่ได้เอาไปฝากท่าน อยู่กับตัวผมตลอดเวลาจนเครื่องตก เอกสารลับเป็นความเป็นความตายอย่างนั้น ใครจะให้คลาดจากตัว ! แล้วเข้าไปอยู่ในบาตรท่านได้อย่างไร ผมขนลุกจริงๆ...! พี่บอกว่า บาตรบุบยุบอัดแน่น เปิดไม่ได้ จนพระต้องช่วยกันงัด...! เท่ากับท่านช่วยไว้ไม่ให้ใครไปพบก่อนพวกเราจะพบ...!”


แล้วคุณสมพรก็เล่าเท้าความเรื่องเดิมให้ฟังว่า วันเกิดเหตุนั้นท่านเดินทางมาจากนครพนม จะมารับรางวัลชนะเลิศการปราบยาเสพย์ติด (กัญชา) ซึ่งกำหนดจะมีการมอบรางวัลกันในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๓ ปกติทางบริษัทเดินอากาศไทยซึ่งเวลานั้นยังไม่ได้มารวมกิจการกับบริษัทการบินไทย จะสำรองที่นั่งไว้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเก้าอี้แถวที่หนึ่งเสมอ

มาถึงอุดรฯ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็มาขอร้องให้ยกที่นั่งให้คณะท่านอาจารย์ที่ขึ้นเครื่องบินที่นั่น คุณสมพรก็ย้ายไปอยู่กลางลำ เกิดมีสองสามีภรรยามาบอกว่า เดินทางมากับลูกเล็กอีกคนหนึ่ง ได้ที่นั่งตรงข้างคุณสมพรเพียง ๒ ที่ จึงอยากจะขอแลกเพื่อได้มาอยู่รวมกัน คุณสมพรเห็นใจก็เลยยอมย้ายไปนั่งแทนตรงท้ายเครื่องบิน

กลายเป็นโชคดีไป เพราะผู้โดยสารทางส่วนท้ายของเครื่องบินรอดตายหลายคน...!

“แล้วสามคนพ่อแม่ลูกนั่นล่ะคะ?”

“หมดเลยครับ ผมยังต้องทำบุญให้เขา เท่ากับเขามาตายแทนผมแท้ๆ เชียว...โธ่”

เลยปลอบว่า “คุณไม่ได้เป็นคนไปขอแลกที่กับเขา เขามาขอแลกที่กับคุณอง แปลว่า เขาจะถึงที่เองต่างหากค่ะ”


“เรื่องเอกสารนั้น พอเจ้าหน้าที่เขามาบอกว่า หาได้แล้ว เอามาให้ผมดูให้รู้ว่า ใช่ ก็โล่งใจ ให้จัดส่งกันไปตามระเบียบ โอย...ไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านอาจารย์เอาเข้าไปไว้ในบาตรให้”

“คุณเรียนท่าน หรือระแคะระคายให้ท่านทราบเรื่องเอกสารนี่ไหม”

“โธ่...พี่จะเรียนท่านได้อย่างไร เอกสารลับ...นะครับ”

บอกคุณสมพรว่า ความจริงเราก็ทราบแล้ว ผู้ถือเอกสารลับย่อมต้องรักษาสุดชีวิต ยอมแม้ตัวจะตายก็ต้องยอม แต่ที่ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจสิ้นสงสัยในประเด็นของท่านอาจารย์ต่างหาก

⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

ท่านอาจารย์ทราบได้อย่างไร ว่าคุณสมพรมีเอกสารนั้น?

...และในวินาทีที่ความเป็นความตายกำลังคุกคามทุกคนอยู่...ท่านอาจารย์ก็อยู่ในวินาทีแห่งความเป็นความตายกำลังคุกคามองค์ท่านเองด้วย ท่านจะมีเวลารับกระแสภาวนาอ่านจิตทุกคน ตลอดไปทั้งเครื่องบินได้ไหม...?

ทุกคนในเครื่องบินกำลังภาวนาหาที่พึ่ง

ข่ายอริยญาณของท่านแผ่ไปเป็นปริมณฑลโดยรอบ เห็นควรช่วยคุณสมพรซึ่งกำลังกังวลถึงเอกสารลับของประเทศ

ท่านเลยช่วย...?

ต้องคิดด้วย...จะช่วยวิธีใด...?

ในขณะจิตนั้นเอง...วินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง ท่านก็จะต้องทำจิตของท่านด้วย...

หรือว่าท่านผู้สิ้นไปแล้วจากอาสวกิเลสทั้งหลาย เป็น “ผู้เสร็จกิจจบพรหมจรรย์ ไม่มีกิจอื่นที่จะต้องทำอีกต่อไป” เวลาจะละขันธ์ ท่านไม่ต้องระวังรักษาจิตของท่าน?

เราเคยได้ยินกันแต่เรื่องที่ท่านเมตตาช่วย...ในเวลาอื่น

เมตตาช่วย...ในเวลาขณะจิตที่กำลังละขันธ์นี้ ท่านทำอย่างไร...?

หรือ...ฯลฯ...?

หรือ...ฯลฯ...?

โอ...นี่เอง ที่สมเด็จพระพุทธองค์ท่านทรงตรัสไว้ว่า เป็นอจินไตย เป็นของไม่ควรคิด ด้วยเหลือวิสัยที่ปุถุชนคนธรรมดาคนใดจะคิดได้ ทำได้ เข้าใจได้ ขืนคิดไปจะเป็นบ้า


⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

ห่วงโซ่ที่ขาดหายไป

อันที่จริงยังมีเรื่องราวที่ “ไม่ใช่ธรรมดา” อีกหลายเรื่องด้วยกันที่น่าสนใจควรบันทึกไว้ แต่เมื่อเขียนมาถึงเรื่อง “บาตรบุบ” นี้แล้ว ผู้เขียนก็คิดว่า ไม่จำเป็นจะต้องบันทึกเรื่องอื่นใดต่อไปอีก

บารมีธรรมของท่านเปี่ยมล้นแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงพลังจิตที่กล้าแข็ง เด็ดเดี่ยว

ไม่ต้องพูดถึงกำหนดจิตที่ว่องไว เฉียบคม

ไม่ต้องพูดถึงญาณของท่าน ที่รอบรู้ อนาคต อดีต ปัจจุบัน รู้จิตผู้อื่น

เมตตาธรรมของท่านนั้นมากมูลล้นเหลือ แม้ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ท่านก็ยังเอื้อมหัตถ์มาปกป้องคุ้มครองงานแผ่นดิน

ไม่จำเป็นจะต้องบันทึกเรื่องอื่นใดอีกต่อไป

⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

อย่างไรก็ดี ผู้เขียนคิดว่า ก่อนจะยุติข้อเขียนชุดนี้ ควรจะบันทึกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งลงไว้ ณ ที่นี้ด้วย

เป็นเวลากว่า ๙ ปี ที่ผู้เขียนได้รับคำถามเกี่ยวกับการเดินทางมาประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกของท่าน เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓

“ท่านรู้ล่วงหน้าไหม...?”

“ถ้ารู้แล้วทำไมจึงมา...?”


พระระดับนี้ ทำไมต้องมาตายอย่างนี้

แรกๆ คำถามจะเป็นไปในทำนองก้าวร้าว ดูแคลน แต่เมื่อเวลาล่วงไปเกียรติคุณของท่านเริ่มประจักษ์...พระธาตุของท่านเริ่มปรากฏ...น้ำเสียงของคำถามค่อยเปลี่ยนไป นอบน้อมขึ้น คารวะขึ้น แต่ก็ยังสงสัยอยู่บ้างตามวิสัยปุถุชนธรรมดา

ท่านรู้...ทำไมจึงเดินทางมา? ยังเป็นคำถามที่ผู้เขียนได้รับรู้ และไม่กล้าตอบให้ถึงใจ

วันนี้น่าจะถึงเวลาที่ควรบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ ถ้าเป็นสำนวนของท่านอาจารย์เอง...ท่านจะว่า “เพื่อให้เรื่องสมบูรณ์”

ผู้เขียนขอเล่าภาพเหตุการณ์ในคืนวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓ คืนแรกที่ตั้งศพท่าน และท่านอาจารย์ทุกองค์ ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ เรากำลังเตรียมตัวคอยรดน้ำศพด้วยใจอันโศกสลด...ท่านผู้ใหญ่ในแผ่นดินท่านหนึ่ง เห็นหน้าผู้เขียน ก็เรียกไปหาอย่างเมตตา เป็นการปลอบใจมิให้เศร้าโศกเสียใจจนเกินไป แล้วท่านก็บอกความข้อหนึ่งให้ฟัง

“โหรหลวงเขาทำนายไว้ ว่าปีนี้ชะตาเมืองไทยจะตกต่ำถึงขีดสุด อาจจะมีข้าศึกยกเข้ามาในเมืองไทย หรือมิฉะนั้นก็จะต้องเสียพระอริยเจ้าหลายองค์ในเวลาเดียวกัน”

ท่านมองเรานิ่งอยู่ อย่างเห็นใจในความทุกข์ และปลอบประโลมใจ

ผู้เขียนหายใจขัดๆ โหรหลวงจะให้คำทำนายแม่นยำถูกต้องหรือไม่...นั้นอย่างไรก็เป็นขอนไม้ที่ลอยมาขอนแรกให้เราเกาะนั่นแหละ กราบเรียนถามท่านว่า โหรหลวงได้ทำนายไว้แต่เมื่อใด

ท่านบอกว่า โหรบอกไว้แต่เมื่อก่อนปีใหม่

ผู้เขียนกราบแทบเท้าท่าน

โอ...ชะตาเมืองไทยจะตกต่ำถึงขีดสุด อาจจะมีข้าศึกยกเข้ามาในเมืองไทย...เมืองไทยของเราจะประสบชะตากรรมถึงกระนั้นเชียวหรือ...?

ทางเลือกยังมี...

หรือมิฉะนั้นก็จะต้องเสียพระอริยเจ้าหลายองค์ในเวลาเดียวกัน !...โอ้...ท่านอาจารย์

เมื่อเรายังเป็นเด็กรุ่น เรียนอยู่จุฬา ญี่ปุ่นยกเข้ามาในเมืองไทย รองเท้าบู๊ตของมันย่ำลงในผืนแผ่นดินไทย เหมือนย่ำลงบนหัวใจเรา กรีดลึกปวดแปลบแทบจะขาดใจ

เราเคยคิด ขอให้เราตายไป...จะต้องตายอีกสักกี่ครั้ง...เพื่อแลกกับอิสรภาพของชาติ เราก็ยินดีแลกชีวิตทุกชาตินั้น เพื่ออิสรภาพของชาติไทยเพียงหนเดียว

ท่านอาจารย์แทบทุกองค์มีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับเรา ก่อนบวชก็คงเป็นเด็กหนุ่มที่มีเลือดรักผืนแผ่นดินไทยร้อนระอุเหมือนๆ พวกเรา

ทำไมชะตาบ้านเมืองจึงต้องการของแลกที่มีราคาแพงอย่างนี้

แต่นั่นแหละ ของที่เรารักที่สุด ของที่เราหวงแหนที่สุด ก็ต้องประเมินค่าที่จะต้องแลกด้วยรัตนะอันมีค่าที่สุด

เลือกรัตนะอันเปรียบด้วย “เพชรบนยอดมงกุฎแห่งอีสาน” เทียวหรือ

โอ...ท่านอาจารย์ของเราทุกองค์


ใน “มหาการุณิโก นาโถ” ผู้เขียนก็เล่าไว้แล้วว่า ท่านอาจารย์บอก ท่านกับท่านอาจารย์วันต่างเข้าที่พิจารณา ได้ความตรงกันว่า จะมีอายุยืนมาก เฉพาะท่านนั้นจะอยู่จนอายุ ๙๒ ปีทีเดียว ท่านพูดเช่นนี้ตลอด จนเดือนกุมภาพันธ์ปลายเดือนจึงเปลี่ยนมาเริ่มพูดถึงการพลัดพรากจากกัน

นิมิตเรื่องที่ท่านเดินทางไปพบแม่น้ำใหญ่ขวางหน้าอยู่ น้ำไหลเชี่ยวมาก ท่านอธิษฐานว่า ขอให้ข้ามไปถึงฝั่งตรงข้ามให้ได้นั้น เป็นนิมิตที่นักกัมมัฏฐานย่อมเข้าใจได้ดีว่า ท่านจะสามารถข้ามแม่น้ำแห่งโอฆสงสารไปพระนิพพานได้ (ถ้าเร่งความเพียร...!)


ในเทปประวัติที่ท่านอัดไว้แต่เมื่อปี ๒๕๒๓ ไม่มีเรื่องนี้ ท่านเพิ่งยอมเล่าเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๒๓ เพียง ๑ เดือนก่อนมรณภาพ จำได้ว่าเสียงต่ำเบา เผอิญอัดเทปไว้ได้

เรื่องท่านพระอาจารย์มั่นพยากรณ์ท่านว่า กาเยนะ วาจายะ วะเจตะ วิสุทธิยา อันมีความหมายว่า ท่านจวนเป็นผู้มีกายและจิตสมควรแก่ - วิสุทธิยา ความบริสุทธิ์หลุดพ้นนี้ ท่านเพิ่งเล่าให้ผู้เขียนฟัง เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๒๓ เพียงหนึ่งวันก่อนเราเดินทางกลับจากภูทอก และไม่ได้พบท่านอีกเลย โดยท่านสิ้นชีวิต

นิมิตทำนองนี้ก็ดี คำพยากรณ์ของพ่อแม่ครูจารย์ก็ดี ในเรื่องเช่นนี้ปกติจะไม่ค่อยมีใครยอมบอกให้ผู้อื่นฟัง ในเทปประวัติจึงไม่มี เป็นไปได้ไหม...ครั้นเมื่อท่านคิดเปลี่ยนใจไม่อยู่จนอายุ ๙๐ กว่า คิดจะปลงสังขารในเวลาเดือนเมษายนแล้ว ท่านจึงยอมบอกให้ศิษย์ทราบ...!


สำหรับผู้เขียนนั้น เมื่ออ้อนวอนเซ้าซี้ซักโน่นถามนี่ อันเป็นเรื่อง “ลึกซึ้ง” มากๆ โดยอ้างว่า เพื่อทำประวัติอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่หลัง ท่านก็หลุดปากออกมา ๒-๓ ครั้งว่า เอาเถอะ ไว้อาตมาจวนจะตายแล้วจะบอก !

การไปอยู่ภูทอกเที่ยวหลังสุด ต้นเดือนเมษายนนั้นเอง ท่านก็ถึงกับถามผู้เขียนว่า

“ช่วยทำศพให้อาตมาด้วยได้ไหม”

ท่านถามย้ำถึง ๒ ครั้ง เมื่อผู้เขียนอ้างว่า จะทำศพได้อย่างไร ท่านจะอยู่ถึง ๙๐ กว่า ตัวผู้เขียนก็จะอายุ ๘๐ กว่า จะทำอย่างไร ท่านก็ว่า

“ก็ถ้าเผื่อมันต้องเปลี่ยนแปลงล่ะ !”

การพิจารณาอนาคตของท่านอาจารย์วันและท่านอาจารย์ไม่เคยพลาด...

ท่านบอกว่า ท่านจะมีอายุถึง ๙๐ กว่า แต่แล้วในเดือนเมษายนก่อนหน้าเสียชีวิต ท่านก็บอกขอให้ศิษย์คนหนึ่งช่วยทำศพให้ โดยบอกว่า “ถ้าเผื่อมัน ต้อง เปลี่ยนแปลง”

ทำไม ต้อง เปลี่ยนแปลง?

นิมิตและคำพยากรณ์สำคัญที่ท่านยอมบอก และท่านเคยว่าจะบอกให้ตอนจวนจะตาย...!

เป็นไปได้ไหม ว่าท่านปลงสังขารใหม่แล้ว และท่านเตรียมละขันธ์...?

...ท่านสั่งตั้งเจ้าอาวาสล่วงหน้า

...ท่านพูดแล้วว่า มากรุงเทพฯ คราวนี้ ก็อยู่แค่วัดพระศรีฯ (ซึ่งกลายเป็นที่ตั้งศพของท่าน)

แน่นอน...ท่านย่อมทราบ...

ปัญหามีเพียงว่า ทำไมท่าน ต้อง เปลี่ยนแปลงกำหนดละขันธ์ของท่าน?

ลูกโซ่ทุกห่วงต่อเนื่องกันมา 'ห่วง' ที่ขาดหายไป คือ 'ห่วง' ซึ่งผู้เขียนไม่เคยเขียนเล่าเรื่องการทำนายของโหรหลวงนั่นเอง

เป็นไปได้ไหม...ถ้าคำทำนายของโหรหลวงแม่นยำ และญาณของท่านอาจารย์ทุกองค์ก็สอดคล้องกับความนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอาราธนาเชิญท่านไปเพื่อแลกให้กับความสงบสุขของบ้านเมือง...?! ท่านจะไม่ยินดีไปกระนั้นหรือ


ที่ท่านอาจารย์ใช้คำว่า ต้องเปลี่ยนแปลง นั้นน่าคิด !

ระหว่างแรกๆ ที่ศรัทธาของคนส่วนใหญ่คลอนแคลน แต่ศรัทธาของผู้เขียนนั้นมีแต่จะมั่นคงยิ่งขึ้น

ยิ่งมีกรณีของ “บาตรบุบ” มาอธิบายเพิ่มเติมอีก

พลังจิตของท่านแกร่งกล้าขนาดนี้

อิทธิปาฏิหาริย์ของท่านยิ่งใหญ่ แม้กำลังจะละขันธ์ยังสามารถคุ้มครองปกป้องงานแผ่นดินได้

เรื่องเล็กขนาดนี้ ท่านยังแผ่เมตตาให้ เรื่องใหญ่ขนาดซึ่งเกี่ยวพันกับความเป็นความตาย ความสุขสบายของชาติ ท่านจะไม่เมตตาเลยหรือ

ในปี ๒๕๒๓ นั้นเอง ญวนยังบุกเข้ามาถึงโนนหมากมุ่น ! คิดเล่นๆ ว่า ถ้าท่านอาจารย์ทุกองค์ไม่จากไป เหตุการณ์แผ่นดินจะวิกฤตเพียงไหน...!

โอ้...พระคุณของท่าน !

ผงธุลีเล็กๆ ชิ้นนี้ ช่างมีบุญเสียจริงหนอ ที่ปลิวไปแทบบาท...
- ได้กราบท่าน
- ได้รู้จักท่าน
- ได้เข้าไปใกล้
- ได้ฟังธรรมที่ท่านเมตตาสั่งสอน
- ได้สัมผัสกระแสแห่งเมตตาธรรมที่ท่านแผ่ไปโดยไม่มีประมาณ


⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

:b8: คัดลอกเนื้อหามาจาก...หนังสือกุลเชฏฐาภิวาท ฉบับสมบูรณ์
ชีวประวัติ ปฏิปทา และธรรมเทศนา ของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
วัดเจติยาคิรีวิหาร ภูทอก อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖
คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ผู้เขียนและเรียบเรียง


รูปภาพ
“บาตรบุบ” ของ “พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ”
ภายในเจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ
วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศนาธรรมเมื่อเช้าวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ณ วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี


ท่านอุปคุตฝันไม่ดี

ท่านสุพัฒน์ก็ตกเครื่องบินตาย ท่านสิงห์ทองก็ตกเครื่องบินนะ ท่านสิงห์ทองนี้อัฐิกลายเป็นพระธาตุนะ ท่านจวนอัฐิก็กลายเป็นพระธาตุเหมือนกัน นี่บ่งบอกแล้ว จะตายด้วยกันกี่คนที่ตกเครื่องบินตายด้วยกัน แล้วแยกออกมาแล้วมีที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุเพียงสองราย คือ ท่านจวน-ท่านสิงห์ทอง นี่บ่งบอกแล้ว อัฐิลงได้กลายเป็นพระธาตุแล้ว คือเป็นพระอรหันต์ล้วนๆ ตกเครื่องบินตอนนู้นมีสององค์นะ (ที่อัฐิเป็นพระธาตุ) หมดไปๆ ละวงกรรมฐานเรา ผู้นำที่ดีงามนะหมดไป การแนะนำสั่งสอนผู้สอนต้องแม่นยำ ความรู้ในขั้นไหนก็สอนไปถึงขั้นนั้น เลยนั้นไปก็ไม่แน่นัก ลูบๆ คลำๆ ถ้าอยู่ในภูมิธรรมที่เจ้าของรู้แล้ว สอนไปตรงไหนถูกต้องไปตรงนั้น ท่านสิงห์ทองก็อัฐิกลายเป็นพระธาตุ ท่านจวนก็เหมือนกัน มีอยู่สององค์ ท่านจวนตกเครื่องบิน ท่านสิงห์ทองตกเครื่องบิน อัฐิกลายเป็นพระธาตุสององค์

ตกเครื่องบินไปงานอะไรไม่รู้ ท่านอุปคุตท่านฝันแม่นยำมากนะ ที่ท่านจะไปตายคราวนี้ ไปเกาะไหนก็พัง คือท่านฝันกลางคืนนี้จนตื่นเต้นตกใจเสียใจ ทำไมถึงฝันร้ายขนาดนี้ ท่านว่าอย่างนั้นนะ ไม่เคยฝันอย่างนี้เลย ฝันร้ายกาจไม่มีชิ้นดีเลย ท่านว่าอย่างนั้น แล้วเขามานิมนต์ให้ไปในงานนี้ละ แล้วกันกับความฝันมันเข้ากันได้แล้ว ไม่ใช่จะเอาเราไปตกเครื่องบินตายเหรอ ท่านพูดอย่างนั้นเลย ท่านเลยหาที่เกาะ ไปนิมนต์อาจารย์สิงห์ทอง ถ้าท่านสิงห์ทองไปเราถึงจะไป เกาะตรงนั้นนะ ถ้าท่านไม่ไปเราก็ไม่ไป เขาไปนิมนต์ท่านสิงห์ทอง ท่านสิงห์ทองรับเขาแล้วก็พังไปเลย ถ้าหากว่าท่านสิงห์ทองไม่ไปท่านจะไม่ไป ชีวิตท่านก็จะยังอยู่ เลยตายในระยะนั้นละ

ท่านฝันแปลกประหลาดมาก พอตื่นขึ้นมานี้ดูอาการโศกเศร้าเหงาหงอย มันฝันร้ายเหลือเกิน ท่านว่าอย่างนั้นนะ แต่ท่านไม่พูดเรื่องฝันร้ายว่าเป็นอย่างไรๆ แต่มันฝันร้ายไม่มีชิ้นดีเลย ท่านบอกอย่างนั้น มีแต่ล้มพังทั้งนั้น พอดีเขาก็มานิมนต์ ท่านก็ไปเกาะท่านสิงห์ทอง ท่านสิงห์ทองไปเราก็จะไป พอดีไปนิมนต์ท่านสิงห์ทอง ท่านก็รับเขา เรียกว่าเกาะแล้วพังเลย ตายด้วยกันทั้งสอง ท่านอุปคุตนี่สำคัญ ท่านฝันไม่ดีเลยท่านว่า เขามานิมนต์โดยลำพังท่าน ท่านจะไม่รับท่านบอก ทีนี้เพราะความเคารพกันเกี่ยวกับท่านสิงห์ทอง ท่านรับ แล้วท่านเลยต้องรับไปด้วย แล้วก็ไปตายด้วยกัน

:b42: หมายเหตุ : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ตั้งฉายาประจำตัวให้พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม ว่า “ท่านอุปคุต” เนื่องด้วยมีครั้งหนึ่งในงานครูบาอาจารย์ พระอาจารย์สุพัฒน์ท่านได้นั่งภาวนาฟังธรรมแล้วเกิดสัปปะหงกล้มลง จนส่งเสียงดัง แล้วมีคนเห็นเหตุการณ์อยู่พอสมควร แต่ท่านก็รีบลุกขึ้นนั่งหลับตาฟังธรรมต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงถูกองค์หลวงตามหาบัวนำมายกเป็นเหตุเตือนหมู่คณะ และให้ฉายาแก่ลูกศิษย์ของท่านองค์นี้ใหม่ว่า “ท่านอุปคุตปราบมาร” เพื่อเตือนสติให้ท่านสำรวมระวังและตั้งใจภาวนาด้วยความมีสติ

รูปภาพ
พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี จ.สกลนคร
ซึ่งองค์หลวงตาได้ตั้งฉายาประจำตัวให้ใหม่ว่า “ท่านอุปคุต”



:b8: :b8: :b8: ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูล...
เว็บไซต์ http://www.luangta.com

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2016, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พระกรรมฐานประสบอุบัติเหตุ
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


:b47: :b44: :b47:

เหตุการณ์ครั้งสำคัญคราวหนึ่งยังความโศกสลดอาลัยอาวรณ์แก่พุทธศาสนิกชนชาวไทยโดยเฉพาะแวดวงกรรมฐานอย่างมาก คือ เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ที่เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นเหตุให้พระกรรมฐานและประชาชนจำนวนไม่น้อยต้องถึงแก่กรรม

คุณหญิงไขศรี ณ ศีลวันต์ ผู้ซึ่งเป็นศิษย์องค์หลวงตา (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) คนหนึ่ง เป็นพระอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และเป็นภริยา ดร.เชาวน์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี ตลอดจนเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลายองค์ อาทิ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นต้น

ในหนังสืออนุสรณ์คุณหญิงไขศรี ณ ศีลวันต์ กล่าวถึงการเดินทางไปกราบนมัสการและสนทนาธรรมกับพระเถระสายหลวงปู่มั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของคุณหญิงคือปี พ.ศ. ๒๕๑๒ และได้เข้ากราบองค์หลวงตาและพักอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดเป็นสถานที่แรก องค์หลวงตายังเมตตาพาไปพบหลวงปู่ขาว ที่วัดถ้ำกลองเพลอีกด้วย หลังจากนั้นองค์หลวงตายังเป็นพระกรรมฐานองค์แรกที่เมตตามาฉันที่บ้านคุณหญิง องค์หลวงตาเมตตาอบรมธรรมะแก่คุณหญิงเสมอมาจวบจนวาระสุดท้าย ก่อนจะประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินเสียชีวิตคราวเดียวกับพระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม พระอาจารย์วัน อุตฺตโม พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม


เหตุการณ์ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต คุณหญิงได้เดินทางไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ซึ่งปกติระยะนั้นองค์หลวงตาท่านจะไม่ลงอบรมธรรมะแก่ฆราวาสเพราะธาตุขันธ์ไม่สู้จะสมบูรณ์นัก แต่ตลอดช่วง ๗ วันที่คุณหญิงมาพักอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ท่านได้เรียกคุณหญิงมาสนทนาธรรมะปฏิบัติที่กุฏิหลายครั้งและแต่ละครั้งเป็นเวลานาน และเป็นการสนทนาโดยเฉพาะไม่มีผู้อื่นนอกจากมีเด็กชาวบ้านตาดมานั่งเป็นเพื่อนตามพระวินัย ยังความสงสัยและแปลกใจเป็นอันมากแก่บรรดาผู้มาพักปฏิบัติธรรมในช่วงนั้น เพราะมิใช่วิสัยปกติขององค์หลวงตาที่จะปฏิบัติเช่นนี้กับผู้ใด

และโดยเฉพาะในวันกลับคือเช้าวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ องค์หลวงตาก็ยังมีเมตตาพูดคุยสนทนาธรรมกันจนกระทั่งจวนจะถึงเวลาเครื่องบินออก การสนทนาจึงยุติ ซึ่งก็ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อนเช่นกัน คือในระยะที่ผ่านมาองค์หลวงตามักให้ออกจากวัดมารอที่สนามบินก่อนเป็นเวลานาน แต่คราวนี้จวนเจียนเวลามาก ในเช้าวันนั้นคุณหญิงได้กราบเรียนถามองค์หลวงตาว่า “ถ้าคุณหญิงตายไปแล้วจะมีโอกาสได้พบอาจารย์ดีๆ อีกไหม?”

ท่านได้ตอบเป็นทำนองว่า “ในชาติปัจจุบันนี้เราได้ภาวนามุ่งทำแต่ความดี ฉะนั้นความดีนี่แหละจะเป็นครูบาอาจารย์ของเราในวันหน้า”

และคำกล่าวนี้เป็นธรรมครั้งสุดท้ายขององค์หลวงตาที่มอบให้แก่คุณหญิง เนื่องจากการเดินทางในวันนั้นมีทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวย เกิดพายุฝนจนเป็นเหตุให้เครื่องบินตกที่บริเวณทุ่งนา จังหวัดปทุมธานี อุบัติเหตุร้ายแรงนี้ทราบถึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณและพระกตัญญูกตเวทิตาคุณเสด็จมาดูศพพระอาจารย์ของพระองค์ให้แน่พระทัยด้วยพระองค์เอง ในครั้งนั้นทูลกระหม่อมทรงยกมือของคุณหญิงขึ้นมาทอดพระเนตรอย่างใกล้ชิด แล้วรับสั่งว่า “ใช่อาจารย์แน่” จากนั้นทรงจัดการศพด้วยพระองค์เองซึ่งเป็นพระอิริยาบถที่อ่อนโยนมิได้ทรงแสดงความรังเกียจเลย ทรงปฏิบัติเยี่ยงศิษย์พึงกระทำต่อครูบาอาจารย์ เป็นที่น่าซาบซึ้งและประทับใจแก่บรรดาผู้อยู่ในที่นั้นเป็นยิ่งนัก ทุกคนอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ


อุบัติเหตุครั้งนั้นนับเป็นการสูญเสียศิษย์คนสำคัญขององค์หลวงตา ที่เป็นกำลังสำคัญของพระศาสนา ทั้งฝ่ายพระและฆราวาสไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว องค์หลวงตากล่าวถึงพระอาจารย์สิงห์ทอง และพระอาจารย์สุพัฒน์ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดของท่านไว้ ดังนี้

“...ท่านจวนก็เหมือนกัน มีอยู่สององค์ ท่านจวนตกเครื่องบิน ท่านสิงห์ทองตกเครื่องบิน อัฐิกลายเป็นพระธาตุสององค์ ตกเครื่องบินไปงานอะไรไม่รู้ อุปคุต (พระอาจารย์สุพัฒน์) ท่านฝันแม่นยำมากนะ ที่ท่านจะไปตายคราวนี้ คือท่านฝันกลางคืนนี้จนตื่นเต้นตกใจเสียใจ

‘แล้วกัน ทำไมถึงฝันร้ายขนาดนี้ ไปเกาะไหนก็พัง ไม่เคยฝันอย่างนี้เลย ฝันร้ายกาจไม่มีชิ้นดีเลย ไม่ใช่จะเอาเราไปตกเครื่องบินตายเหรอ’

ท่านพูดอย่างนั้นเลย แล้วเขามานิมนต์ให้ไปในงานนี้กับความฝันมันเข้ากันได้แล้ว ท่านเลยหาที่เกาะ ไปนิมนต์อาจารย์สิงห์ทอง ถ้าท่านสิงห์ทองไปเราถึงจะไป เกาะตรงนั้นนะ ถ้าท่านไม่ไปเราก็ไม่ไป เขาไปนิมนต์ท่านสิงห์ทอง ท่านสิงห์ทองรับเขาแล้วก็พังไปเลย

‘ถ้าหากว่าท่านสิงห์ทองไม่ไปท่านจะไม่ไป ชีวิตท่านก็จะยังอยู่’


เลยตายในระยะนั้น ท่านฝันแปลกประหลาดมาก พอตื่นขึ้นมานี้ดูอาการโศกเศร้าเหงาหงอย มันฝันร้ายเหลือเกิน ท่านว่าอย่างนั้นนะ แต่ท่านไม่พูดเรื่องฝันร้ายว่าเป็นอย่างไรๆ แต่มันฝันร้ายไม่มีชิ้นดีเลย ท่านบอกอย่างนั้น มีแต่ล้มพังทั้งนั้น พอดีเขาก็มานิมนต์ท่านก็ไปเกาะท่านสิงห์ทอง ท่านสิงห์ทองไปเราก็จะไป พอดีไปนิมนต์ท่านสิงห์ทองท่านก็รับเขา เรียกว่าเกาะแล้วพังเลย ตายด้วยกันทั้งสอง

ท่านอุปคุตนี่สำคัญ ท่านฝันไม่ดีเลยท่านว่า เขามานิมนต์โดยลำพังท่าน ท่านจะไม่รับท่านบอก ทีนี้เพราะความเคารพกันเกี่ยวกับท่านสิงห์ทองท่านรับ แล้วท่านเลยต้องรับไปด้วย แล้วก็ไปตายด้วยกัน...”


เกี่ยวกับลักษณะการนิพพานของพระอรหันต์นั้น องค์หลวงตากล่าวไว้ ดังนี้

“...จิตที่ทำลายสมมุติหมดโดยสิ้นเชิงแล้ว อะไรเวทนาไหนจะไปแทรก นี่เราถึงได้กล้าพูดว่า พระอรหันต์ตาย ตายเมื่อไร ตายที่ไหน ตายเรื่องอะไร ด้วยเหตุผลกลไกอะไรก็ตาม ก็จิตพระอรหันต์ล้วนๆ ว่างั้นเลย ท่านไม่มีปัญหาอะไรกับสมมุติคือการตาย กิริยาแห่งการตายต่างๆ นั้นเป็นเรื่องสมมุติทั้งหมด ความบริสุทธิ์เต็มภูมิ จึงไม่วิตกวิจารเรื่องการเป็นการตาย..

แล้วคำว่าบริสุทธิ์แล้วนั้น จะมีกาลสถานที่เวล่ำเวลาที่ไหนเป็นกำหนดกฎเกณฑ์ เป็นที่ให้เกิดสัญญาอารมณ์กับท่าน นิพพานท่าไหนจะดี หรือนิพพานท่าไหนจะเสียที หรือตายท่าไหนดีท่าไหนไม่ดีท่านไม่มี ตายท่าไหนก็คือพระอรหันต์ตาย เอ้า เราพูดเรื่องตาย จะตายด้วยอุบัติเหตุอะไรก็ตาม ตายด้วยการเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็ตาม จะเข้าสมาธิสมาบัติหรือไม่เข้าก็ตาม ไม่มีสิ่งใดสำคัญทั้งนั้น ไม่มีอันใดที่จะลบล้างความบริสุทธิ์นั้นได้เลย ท่านเป็นพระอรหันต์อยู่เต็มตัวทุกกาลสถานที่อิริยาบถ..

เพราะการตายนี้เป็นไปตามวิบากขันธ์ บางองค์ก็จะตายด้วยความสงบของธาตุขันธ์ บางองค์ก็จะไม่สงบจะดีดจะดิ้นเป็นประเภทต่างๆ ตามวิบากกรรมที่เป็นมาต่างๆ กัน แต่จิตนั้นบริสุทธิ์แล้วจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง ขันธ์จะตายแบบไหนก็ตาม จะตายดิ้นเหมือนหมาบ้าก็ตาม เรื่องขันธ์มันดิ้นของมันต่างหาก จิตที่บริสุทธิ์แล้วไปดิ้นหาอะไร นั่นมันเป็นคนละฝั่งละฝาอยู่นั่น เห็นกันชัดๆ อย่างนั้น

อำนาจแห่งวิบากกรรมมีมาอย่างไรที่เคยสร้างเคยเป็นมาแล้ว บางท่านบางองค์ก็สงบไปธรรมดาๆ บางท่านบางองค์ก็มีดีดมีดิ้นเป็นไปธรรมดา เพราะวิบากกรรมอันนี้แก้ไม่ตกในเรื่องกรรม เกี่ยวกับเรื่องวิบากขันธ์สมมุติอันนี้ แล้วสิ่งเหล่านี้มันก็ตามได้แค่ขันธ์เท่านั้น ไม่ตามไปในหัวใจที่บริสุทธิ์ได้นี่นะ เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่มีได้มีเสียกับสิ่งเหล่านี้...”


รูปภาพ
คุณหญิงไขศรี ณ ศีลวันต์
ภรรยาของ ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี
กำลังถวายเครื่องไทยทานแด่พระอาจารย์วัน อุตฺตโม,
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร,
พระอาจารย์หนู สุจิตฺโต และพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม

บันทึกภาพที่บ้าน ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี
เมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๑๕

ต่อมา พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ,
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร, พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม
และคุณหญิงไขศรี ณ ศีลวันต์ ก็ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก
ที่ท้องนาทุ่งรังสิต เขตหมู่ที่ ๔ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๓

:b49: :b49: หมายเหตุ : นอกจากนี้ยังมี พระอาจารย์บุญ ชินวํโส,
พระอาจารย์บุญเพ็ง เขมาภิรโต, พระอาจารย์จันดี เขมปญฺโญ
และพระอาจารย์ไพบูลย์ สุมงฺคโล ที่รับนิมนต์
มาที่บ้าน ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี ในคราวเดียวกันนี้ด้วย


รูปภาพ
พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
และพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
บันทึกภาพที่บ้าน ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี
เมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๑๕


พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร ท่านเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ
จากองค์หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน มาก
มักได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่บางอย่างแทน เช่น
ให้เป็นประธานด้านบรรพชิตในการดำเนินงานศพของหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ
ณ วัดป่าหนองแซง (วัดราษฎรสงเคราะห์) อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
ซึ่งท่านก็สามารถทำหน้าที่ได้เรียบร้อยทุกประการ องค์หลวงตาเคยกล่าวกับ
พระอาจารย์สิงห์ทองว่า “นี่เวลาผมตายนะให้ท่านเผาศพผม ใครอย่ามายุ่ง
ผมจะมอบศพให้ท่านทำ เวลาท่านตาย ผมจะเผาศพท่าน”
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อพระอาจารย์สิงห์ทองได้ถึงแก่มรณภาพไปก่อน
องค์หลวงตาจึงต้องมาเป็นประธานจัดงานศพให้


:b8: คัดลอกเนื้อหามาจาก...หนังสือญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์
เรียบเรียงจากเทศนาธรรมของท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เป็นหนังสืออนุสรณ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงถวายแด่พระสรีระสังขาร
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)


⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2016, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

บุพกรรมในกาลก่อนที่ทำให้
พระอริยเจ้าทั้ง ๕ องค์ต้องเครื่องบินตก

เล่าเรื่องโดย หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง

:b47: :b44: :b47:

หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร เมตตาเล่าให้ฟังถึงบุพกรรมในกาลก่อน ที่ทำให้พระอริยเจ้าพระป่ากัมมัฏฐานศิษย์สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ทั้ง ๕ องค์ (คือ หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และ พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร) ต้องประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก กระทั่งเป็นเหตุทำให้ถึงแก่มรณภาพลงพร้อมกัน

ในอดีตชาติที่นานเนมาแล้ว ท่านทั้ง ๕ เกิดในสกุลชาวนาที่ยากจน ต้องขวนขวายหาเลี้ยงชีพไปวันๆ ทั้งห้าคนเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันมา เมื่อยังเด็กได้จูงควายออกไปเลี้ยงพร้อมกัน ผูกควายกันแล้วก็พากันเล่นและออกหากบเขียดไปเป็นอาหารประสาจน

ทีนี้ ๑ ใน ๕ เกิดไปเห็นรังนกเข้า ก็ช่วยกันหาไม้เขี่ยรังนกให้ตกลงมาเพื่อหวังเอาไข่นกไปกิน แต่เมื่อรังนกตกลงมากลับกลายเป็นลูกนก ๓ ตัวแล้วตายสิ้น ไม่ใช่ไข่นกดังที่เข้าใจ


ด้วยวิบากกรรมอันนี้ส่งผลให้ท่านทั้ง ๕ ต้องตกจากที่สูงมามรณภาพ

ในเครื่องบินลำนั้นมีคุณหญิงท่านหนึ่งกลับจากไปปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ มาด้วย ท่านเลยมาสิ้นชีวิตพร้อมกัน


ในอดีต ขณะที่เด็กชายทั้ง ๕ กำลังเขี่ยรังนกอยู่นั้น เด็กหญิงลูกชาวนาผู้เป็นน้องสาวของ ๑ ใน ๕ คนก็มายืนเชียร์อยู่ข้างๆ “จะหล่นแล้ว...จะหล่นแล้ว”

โดยเธอไม่ได้ลงมือทำ

เด็กหญิงในภพนั้นคือคุณหญิงในภพนี้ (น่าจะหมายถึง คุณหญิงไขศรี ณ ศีลวันต์ ภรรยาของ ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมนตรี ซึ่งได้เสียชีวิตเพราะประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ด้วย - สาวิกาน้อย)

ก็เพียงมีจิตคิดยินดีในการประกอบอกุศลกรรมของผู้อื่น วิบากนั้นยังส่งผลมาให้เกิดในภพชาติเดียวกัน บันดาลให้ไปตกเครื่องบินพร้อมกัน

แล้วถ้าทำเองเล่า

ถึงตรงนี้ หลวงปู่หลุยก็สั่งว่า อย่าไปยินดีในการทำชั่วของคนอื่น เพราะเราจะมีส่วนในบาปนั้นด้วย แต่ให้ยินดีในการประกอบคุณงามความดีของตนและของคนอื่น เพราะจะได้แต่บุญโดยฝ่ายเดียว


รูปภาพ
ซากเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องตก
ณ ท้องนาทุ่งรังสิต เขตหมู่ที่ ๔ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
อุบัติเหตุเครื่องบินตกในคราครั้งนี้เป็นเหตุทำให้
พระอริยเจ้าทั้ง ๕ องค์ได้ถึงแก่มรณภาพลงพร้อมกัน


ภาพจาก...หนังสือสู้ไม่ถอย ประวัติและคติธรรม
องค์หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2016, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ครูบาอาจารย์พูดคุยกันทางจิต

หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม
กับเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ท้องนาทุ่งรังสิต จ.ปทุมธานี
กระทั่งเป็นเหตุทำให้พระป่ากัมมัฏฐานรวม ๕ รูปถึงแก่มรณภาพ
ลางบอกเหตุก่อนฟ้าสาง เครื่องบินตกครั้งประวัติศาสตร์ !!

:b47: :b44: :b47:

กาลสมัยที่หลวงปู่ (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) ได้มาพักที่วัดเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๒๓ เนื่องจากเป็นช่วงที่ทางราชการได้ทำการขยายเส้นทางถนนสุขุมวิท และเส้นทางแกลง-บ้านบึงอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ทำให้การเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่ละครั้งไม่สะดวก จึงเปลี่ยนเส้นทางมาใช้เส้นทางสายจันทบุรี-สระแก้ว-นครนายก หากในช่วงที่มีกิจนิมนต์ติดต่อกันหลายวัน ก็ต้องพักแรมวัดใดวัดหนึ่งที่อยู่ชานเมือง หลวงปู่ได้เลือกมาพักที่วัดเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี เพราะเห็นว่าจะได้มีเวลาภาวนามากหน่อย เพราะเป็นสถานที่สงบ สงัด วิเวกดีมาก และในระหว่างนี้ก็มีเหตุการณ์ที่ลืมไม่ได้เกิดขึ้นที่วัดเขาอีโต้ เท่าที่จำได้มีอยู่ด้วยกันสามเรื่อง จึงขอนำมาลงไว้เป็นเครื่องเตือนความจำของเหล่าศิษยานุศิษย์ต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลวงปู่เกิดขึ้นที่วัดเขาอีโต้ (เรื่องไหนเกิดก่อน-หลังจำไม่ได้ ขออภัยด้วย)

ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้รับกิจนิมนต์ให้เข้าไปในพระราชพิธี พร้อมกับครูบาอาจารย์ทางภาคอีสานหลายรูป ในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๒๓ แต่ในคืนวันที่ ๒๖ ขณะที่หลวงปู่พักภาวนาอยู่ภายในกลดข้างหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ค่อนรุ่งของวันที่ ๒๗ หลวงปู่ออกมาจากกลดซึ่งผิดจากเวลาปกติ พระเณรที่ติดตามไปด้วยกันทั้งหมด ๘ รูป เมื่อได้ยินเสียงหลวงปู่กระแอม ทุกรูปแปลกใจคิดว่า หลวงปู่อาพาธท้องเดินหรือมีเหตุอะไร จึงรีบมาที่กลดหลวงปู่ทั้งหมดทุกรูป หลวงปู่นั่งลงบนตั่งเล็กๆ ตัวหนึ่งที่หลวงปู่ใช้นั่งเป็นประจำ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบของเขาอีโต้...แล้วก็เงียบ !...พระทุกรูปต่างก็เงียบเพื่อรอรับฟังว่า ครูบาอาจารย์จะปรารภอะไร แต่หลวงปู่ก็นั่งเงียบ !...ไม่ปรารภใดๆ พระอุปัฏฐากจึงกราบเรียนว่า ขอโอกาส ท่านอาจารย์ไม่สบายหรือครับผม จึงลุกออกมากลางดึกเช่นนี้...เงียบ !...หลวงปู่นั่งสงบไม่ตอบใดๆ ทั้งสิ้น เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง...หลวงปู่จึงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้นว่า...“ครูบาอาจารย์ของเราจะสิ้นอีก ๕ รูปในวันนี้ !...” พระเณรที่ห้อมล้อมหลวงปู่ไม่มีใครปริปากใดๆ ต่างองค์ต่างตกตลึง ท่ามกลางอากาศที่เย็นยะเยือกของเขาอีโต้ สงบเงียบ !...หลวงปู่ปรารภต่อไปอีกว่า...“วงการพระกรรมฐานเราต้องสูญเสียครูบาอาจารย์พร้อมๆ กันถึง ๕ รูป เพิ่งจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันนี้..ล้วนแต่เป็นที่เคารพนับถือของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอีกด้วย แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมหนีกรรมไม่พ้น มันเป็นเรื่องวิบากกรรมที่ท่านจะต้องมาตายพร้อมกันเช่นนี้ ตายอย่างแหลกเหลวแทบหาร่างไม่พบเลยทีเดียว...”

ทุกรูปที่นั่งฟังหลวงปู่ปรารภก็เงียบ ! อีกเช่นเคย เพียงแต่รอฟังว่า หลวงปู่จะปรารภถึงชื่อใครบ้าง ? และเป็นอะไร ? ที่ไหน ? แล้วจะให้ทำอย่างไรบ้างเท่านั้น !...หลวงปู่นิ่งอยู่ครู่ใหญ่จึงปรารภต่ออีกว่า..ท่านเคยทำกรรมร่วมกันมาก็หนีไม่พ้น สมัยพุทธกาลขนาดพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระโมคคัลลาน์เป็นถึงพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธาศักดานุภาพมากกว่าใครในสมัยนั้น ไปนรกได้ ไปสวรรค์ได้ แต่ผลสุดท้ายที่จะนิพพานกับมาถูกโจรทุบจนกระดูกแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ตายไม่สมเกียรติของพระอัครสาวกเลย พระโมคคัลลาน์ท่านหนีทุกอย่างได้ แต่ท่านจะหนีกรรมไม่พ้น สมัยนั้นพระพุทธเจ้าก็ยังถูกโจมตีจากคณาจารย์เจ้าลัทธิต่างๆ เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ของเราท่านก็หนีกรรมไม่พ้นเช่นกัน... หลวงปู่เทศน์แล้วก็หยุด สงบเงียบ...เหมือนกับหยุดพิจารณา หรือหยุดปลงนั่นเอง..พวกเราซึ่งเป็นศิษย์นั่งฟังจนแสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้าแล้ว จึงนำน้ำล้างหน้า ยาสีฟัน เข้ามาถวายหลวงปู่ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวัน...จนบัดนี้หลวงปู่ก็ยังไม่พูดว่าใครเป็นอะไร ? ที่ไหน ?...ปกติทุกวันหลวงปู่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในเวลาแปดโมงเช้าทุกครั้ง แต่วันนี้หลังจากหลวงปู่ล้างหน้าเสร็จหลวงปู่ก็เข้าที่เดินจงกรมภาวนาต่อ เหมือนหลวงปู่รอเวลาอะไรสักอย่าง ครู่ใหญ่ๆ ผ่านไป หลวงปู่ก็เรียกพระอุปัฏฐากเอาจีวรห่มคลุมเตรียมเดินทาง พระอุปัฏฐากสังเกตว่าหลวงปู่มีความวิตกกังวลเรื่องบางอย่าง จึงกราบเรียนว่า..ขอโอกาสครับ ท่านอาจารย์จะเดินทางตอนนี้หรือครับ ?...หลวงปู่ตอบ...อืม !...ไปกันเถอะ ไปดูแลครูบาอาจารย์ก่อน เดี๋ยวจะไม่ทัน ท่านมาบอกลาผมเมื่อคืน หลวงปู่บุญมา ท่านอาจารย์วัน ท่านอาจารย์จวน ท่านอาจารย์สิงห์ทอง ท่านอาจารย์สุพัฒน์ ท่านจะนิพพานในอีกไม่ช้านี้ ไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน...พระเณรทั้งแปดรูปจึงเพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่าครูบาอาจารย์ท่านพูดคุยล่ำลากันทางจิตเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อค่อนรุ่งแล้ว...แต่ยังเป็นปริศนาว่าท่านจะสิ้นด้วยเหตุอันใดหรือ จึงจะพร้อมกันทีเดียวถึง ๕ รูป และจะฉีกร่างให้แหลกอย่างที่หลวงปู่ปรารภอย่างนี้ !...พระเณรทั้งแปดรูปชักเริ่มเป็นห่วงครูบาอาจารย์ที่จะสิ้นวันนี้เสียแล้ว ต่างรูปต่างก็คอยที่จะไปถึงยังสถานที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด

วันนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓ ขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถที่ติดเครื่องรออยู่ พระเณรเดินตามหลวงปู่ยังไม่ทันถึงรถ หลวงปู่หยุดกะทันหัน บอกว่า ไม่ทันแล้ว !...แล้วก็ก้าวเท้าขึ้นรถ หลวงปู่สั่งคนรถว่าวันนี้ไปทางคลองหก ทุกวันจะใช้เส้นทางนครนายก-กรุงเทพฯ ขณะที่รถยนต์วิ่งมาถึงตัวจังหวัดปราจีนบุรี เสียงวิทยุที่คนขับเปิดไว้เป็นปกติอยู่แล้วนั้น ก็ประกาศข่าวด่วนว่า เครื่องบินโดยสารแอฟโร ๔ ของบริษัทการบินไทย ประสบอุบัติเหตุตกก่อนถึงกรุงเทพฯ ๒๐ กิโลเมตร ณ กลางทุ่งนารังสิต บริเวณคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มีผู้เสียชีวิตเกือบหมด...ในจำนวนนี้มีพระสงฆ์มรณภาพ ๗ รูป เป็นพระสายป่า ๕ รูป คือ ๑. พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) ๒. หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม ๓. พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ ๔. พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร ๕. พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม...รถวิ่งมาถึงคลองหก มองเห็นชาวบ้านสับสนอลหม่าน วิ่งบ้าง เดินบ้าง ตำรวจทหารแน่นทั้งสองข้างทาง ควันขาวๆ โพยพรุ่งอยู่กลางท้องนาด้านหน้า หลวงปู่ให้คนขับจอดรถแล้วหลวงปู่เดินตรงไปที่ซากเครื่องบินที่ตกกระจัดกระจายอยู่นั้น ท่ามกลางไทยมุงที่แน่นขนัด

หลวงปู่และพระเณรทั้งหมดได้ช่วยกันเก็บอัฐบริขารของครูบาอาจารย์ออกมาวางไว้ในสถานที่อันเหมาะสมให้เรียบร้อย หลวงปู่ปรารภขณะที่หยิบชิ้นส่วนของครูบาอาจารย์ว่า ท่านอาจารย์วัน ท่านอาจารย์จวนมาบอกเมื่อคืนว่าให้ช่วยมาเก็บธาตุขันธ์ให้ท่านด้วย รับปากท่านไว้เมื่อคืน...” หลวงปู่หยิบชิ้นส่วนของครูบาอาจารย์มารวมไว้เป็นส่วนๆ เก็บชิ้นส่วนและอัฐบริขารของครูบาอาจารย์เสร็จ เจ้าหน้าที่ก็มาถึง...จึงให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินงานต่อไป ตกกลางคืนหลวงปู่ก็พาไปกราบนมัสการศพครูบาอาจารย์ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน...ขณะที่นั่งรอเวลาอยู่นั้น หลวงปู่ต้องตอบคำถามทั้งพระทั้งโยมที่นำปัญหาอย่างที่หลวงปู่ปรารภไว้ที่วัดเขาอีโต้ตั้งแต่แรกนั้น มาตอบให้ทุกคนเข้าใจว่า...ไม่มีใครในโลกนี้หนีกรรมได้ วิบากกรรมของท่านหมดแล้ว ไม่ต้องห่วง ให้ห่วงตัวเราเองนี้ให้มาก ทำตัวเราเองให้ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง...หลวงปู่ปรารภกับพระอุปัฏฐากว่า “สมเด็จฯ ท่านเสียพระทัยมาก ผมเพิ่งเห็นน้ำตาท่านหลั่งไหลมากก็คราวนี้แหละ...” ข้าพเจ้าก็สังเกตตาม จึงได้เห็นพระเนตรของพระองค์ปูดบวม พระพักตร์ร่วงโรย เศร้าโศกอย่างที่หลวงปู่ปรารภ เรื่องนี้จึงนับได้ว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นครูบาอาจารย์ท่านอยู่ห่างไกลกันคนละภาค แต่เมื่อถึงคราวที่ท่านจะต้องแตกกายทำลายขันธ์ ท่านยังส่งกระแสจิตสั่งความบอกลาซึ่งกันและกันได้ ซึ่งในคราวครั้งนั้นบรรดาพระภิกษุผู้เป็นสักขีพยานรับทราบเหตุการณ์ค่อนรุ่งของคืนดังกล่าวรวม ๘ รูปด้วยกัน...


:b8: คัดลอกเนื้อหามาจาก...ตอน อภิญญาที่เขาอีโต้ ปราจีนบุรี
หนังสือชีวประวัติพระวิสุทธิญาณเถร (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) ฉบับสมบูรณ์
วัดเขาสุกิม ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=52105

⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2016, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม

รูปภาพ
พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร)

รูปภาพ
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

รูปภาพ
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร

รูปภาพ
พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม
:b49: :b50: :b49:

๏ ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=25700

๏ ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์วัน อุตฺตโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=25699

๏ ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=23167

๏ ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=22237

๏ ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20859

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2016, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1013


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบสาธุๆๆ
:b2: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2016, 23:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
Anu mo tana satu naka
ขออนุโมทนาค่ะคุณสาวิกาน้อย
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2017, 16:43 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2020, 10:59 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2885


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20:
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2021, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2775


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร