วันเวลาปัจจุบัน 07 ต.ค. 2024, 22:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2015, 13:48 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

เมนานเดอร์ (พระยามิลินท์)
กษัตริย์กรีกผู้นับถือพระพุทธศาสนา

:: ศ.(พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก
====================

เมื่อพูดถึงพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ก็น่าจะพูดถึงลูกหลานอเล็กซานเดอร์บ้าง โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะพูดถึงนี้เป็นปราชญ์เมธีซึ่งต่อมากลายเป็นพุทธมามกะด้วย ก็ยิ่งน่าสนใจ

ชาวพุทธอาจนึกไม่ออกว่า เมนานเดอร์ คือใคร

ท่านผู้นี้ก็คือ มิลินทะ หรือพระยามิลินท์ ที่คุ้นหูนั่นเอง พระนามของพระองค์ท่านคือ เมนานเดอร์ บาลีถอดออกมาเป็นภาษาแขกน่ารังเกียจว่า “มิลินฺโทราชา” ดุจเดียวกับอเล็กซานเดอร์มหาราช ถอดว่า “อลิกสุนฺ ทโร มหาราชา” ฉะนั้นแล

เอ๊ะ ว่าแต่ว่า อลิก มันแปลว่า “เหลาะแหละ, ไม่แน่นอน, เหลวไหล” มิใช่หรือ อลิกสุนฺทโร ก็ต้องแปลว่า คนดีที่เหลวไหล เสียหายหมด…ช่างเถอะครับ มาพูดถึงพระยามิลินท์ดีกว่า


ท่านผู้นี้มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๕ พ.ศ. ๔๐๐ กว่าๆ ประมาณนั้น แต่นักปราชญ์ฝรั่งนับระยะเวลาก่อนหน้านั้น คือ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๔ พ.ศ. ๓๐๐ กว่าๆ หลังสมัยพระเจ้าอโศก

หลังจากอเล็กซานเดอร์มหาราชยกทัพกลับจากอินเดีย และสิ้นพระชนม์ระหว่างทาง อาณาจักรต่างๆ ที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชตีได้ คือ อาณาจักร “สิเรีย” และอาณาจักร “บากเตรีย” แยกกันปกครอง อาณาจักรสิเรียอยู่ตอนเหนือของประเทศอาหรับในปัจจุบัน อาณาจักรบากเตรียอยู่เหนือประเทศอินเดีย แต่ในที่สุดอาณาจักรบากเตรียตกอยู่ในปกครองของอาณาจักรสิเรียมาเป็นเวลานาน

จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. ๒๘๗ ข้าหลวงผู้ปกครองบากเตรีย นามว่า ดิโอโดตัส ประกาศปลดแอกสิเรีย สถาปนาเป็นรัฐอิสระขึ้น จากนั้นก็มีกษัตริย์ครองราชย์สืบต่อมา มีดิโอโดตัสที่สอง ยุไธเดมัส ดิมิตริอุส ยูเครติเดส เฮลีโอเครส ตามลำดับ


ใครเป็นใคร ถ้าอยากทราบรายละเอียดก็หาประวัติศาสตร์มาอ่านเอาครับ ผมไม่แม่นประวัติศาสตร์ จึงไม่กล้าพูดมาก กลัวผิด


ว่ากันว่าในราว พ.ศ. ๓๘๒ พระราชากรีกพระองค์หนึ่งก็ปรากฏพระเกียรติคุณก้องฟ้าก้องแผ่นดินขึ้น พระนามของพระองค์คือ เมนานเดอร์ นัยว่า เมนานเดอร์มิใช่เชื้อสายของพระเจ้ายูเครติเดส หากเป็นกรีกที่มาล้างราชวงศ์ยูเครติเดส สถาปนาตนเป็นกษัตริย์ปกครอง พระองค์ได้ขยายอาณาจักรมาถึงตอนบนของลุ่มแม่น้ำคงคา เดิมมิได้นับถือพระพุทธศาสนา ตรงข้ามกลับเป็นปฏิปักษ์ คอยรุกรานพระสงฆ์องค์เจ้าเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากพระองค์เป็นนักปรัชญามีความรู้มากมาย จึงท้าโต้วาทะกับนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลาย ตลอดถึงพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งปวง

ปรากฏว่า ไม่มีใครหาญสู้พระองค์ได้ ทำให้ทรงหยิ่งผยองในความรู้ความสามารถของตนมากยิ่งขึ้น

จะไม่ให้คิดว่าตัวเองแน่อย่างไรไหว ก็ไม่มีใครกล้าต่อกรเลยนี่ครับ สมณพราหมณ์ที่ไหนว่าแน่ๆ พอโต้กับพระยามิลินท์แล้ว เป็น “ตกม้าตาย” ทุกราย

วงการพระพุทธศาสนาเดือดร้อนมาก เพราะไม่สามารถหาผู้ที่จะมาโต้ตอบกับพระยามิลินท์ได้ จนกระทั่งพระสงฆ์ต้องประชุมกันคัดสรรบุคคลมากอบกู้เกียรติคุณพระพุทธศาสนา

พระสงฆ์ได้ส่งพระเถระรูปหนึ่งให้ไปหาทางนำเด็กหนุ่ม นามว่า
นาคเสน มาบวชให้การศึกษาพระพุทธศาสนา ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จนเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกและวิปัสสนากรรมฐาน ระยะเวลาที่นาคเสนศึกษาและปฏิบัติอยู่คงไม่นานนัก เพราะพื้นเพเดิมเป็นผู้จบไตรเพท เฉลียวฉลาดอยู่ก่อนแล้ว

พระนาคเสนได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ให้ทำหน้าที่กอบกู้เกียรติคุณพระพุทธศาสนาจากการดูถูกดูหมิ่นของพระราชาเดียรถีย์ ผู้ประกาศชัดเจนว่า คำสอนของพระพุทธศาสนาไม่มีอะไร บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานที่สอนๆ กันนั้นมิได้มีจริง พระสงฆ์เองก็ล้วนแต่คนโง่ๆ เถียงสู้ตนก็ไม่ได้

และแล้วการโต้วาทะครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาก็เกิดขึ้น


พระยามิลินท์ทรงดีพระทัยมากที่มี “เหยื่อ” มาให้มีดโกนอาบน้ำผึ้งเฉือนอีกราย หลังจากว่างเว้นมาเป็นเวลาถึง ๑๒ ปี ว่ากันอย่างนั้น แต่เมื่อประจันหน้ากันจริงๆ พระยามิลินท์ที่ว่าแน่ๆ ก็ชักจะหวั่นๆ เพราะบุคลิกท่าทางของพระหนุ่มนามว่านาคเสนมิบันเบาเสียแล้ว

พระยามิลินท์เอ่ยขึ้นก่อนว่า “วันนี้โยมอยากถามปัญหากับพระคุณเจ้า”

“ถามเถิด อาตมาภาพยินดีตอบ” พระหนุ่มตอบ

“โยมถามแล้วล่ะ ขอรับ” พระราชาตรัสยิ้มๆ

“อาตมาภาพก็ถวายวิสัชนาแล้ว” คำตอบจากพระหนุ่มทันกันจริงๆ ครับ

“วิสัชนาว่าอย่างไร” พระราชาตรัสต่อ

“มหาบพิตรตรัสถามว่าอะไรล่ะ” พระหนุ่มถาม

บ๊ะ ชักมันเสียแล้ว พระยามิลินท์ถามต่อไปว่า “พระคุณเจ้ามีนามว่ากระไร”

“เพื่อนพรหมจรรย์ (คือเพื่อนพระด้วยกัน) เรียกอาตมาภาพว่า “นาคเสน บิดา มารดา เรียกอาตมาภาพว่า สีหเสนบ้าง วีรเสนบ้าง สุรเสนบ้าง” ภิกษุหนุ่มตอบ

“ที่ว่านาคเสน อะไรคือนาคเสน ผมหรือคือนาคเสน” พระราชารุก
“หามิได้ มหาบพิตร” ภิกษุหนุ่มตอบ

“ขนหรือคือนาคเสน”
“หามิได้ มหาบพิตร

“เล็บ ขน หนัง ตา หู จมูก ลิ้น ตับ ไต ไส้ พุง ฯลฯ หรือ”
“หามิได้ มหาบพิตร”

“ร่างกายทั้งหมดอันประชุมด้วยธาตุสี่ขันธ์ห้านี้หรือ”
“หามิได้ มหาบพิตร”

“ถ้าอย่างนั้น นาคเสนก็มีนอกเหนือจากร่างกายอันประกอบด้วยธาตุสี่ ขันธ์ห้านี้หรือ”
“หามิได้ มหาบพิตร”

เมื่อมาถึงตรงนี้
พระยามิลินท์ก็หันไปพูดกับประชาชนที่มาประชุมว่า “ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ท่านได้ยินไหม เมื่อกี้ภิกษุหนุ่มรูปนี้บอกว่าตนเองชื่อนาคเสน ครั้นถามว่า ผม ขน เป็นต้น คือนาคเสนหรือ ก็ตอบว่า มิใช่ ครั้นถามว่า นาคเสนมีนอกเหนือจากร่างกายอันประชุมด้วยธาตุสี่ขันธ์ห้านี้หรือ ก็บอกว่าไม่ใช่อีก ท่านทั้งหลายเห็นหรือยังว่า พระหนุ่มรูปนี้โกหกต่อที่ประชุมนี้ ทีแรกบอกว่ามีนาคเสน ต่อมาบอกว่าไม่มี”

พระหนุ่มจึงถามพระราชาว่า “มหาบพิตรเสด็จมาสู่ที่ประชุมนี้อย่างไร”

“นั่งรถมา ขอรับ” พระราชาตอบงงๆ ว่า พระถามทำไม ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังสนทนา

“ที่ว่ารถนั้น อะไรคือรถ ล้อมันหรือ ดุมมันหรือ แอกมันหรือ โครงรถหรือ หลังคาหรือ ฯลฯ”
“หามิได้ พระคุณเจ้า”

“รถมีอยู่นอกเหนือจากส่วนประกอบเหล่านี้หรือ” พระหนุ่มซัก
“หามิได้ พระคุณเจ้า” พระราชาตอบ

“ถ้าเช่นนั้นรถอยู่ที่ไหน” พระหนุ่มซักต่อ

พระยามิลินท์อธิบายว่า เพราะอาศัยส่วนประกอบต่างๆ อาทิ ล้อดุม กงกำ ตัวรถ หลังคารถ ฯลฯ ประกอบกันเข้า คำว่า “รถ” จึงมี ถ้าไม่มีส่วนประกอบเหล่านั้นประชุมกัน ก็ไม่มี “รถ” ขอรับ


พระนาคเสนจึงอธิบายว่า ฉันใดก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร อวัยวะต่างๆ มีตาหู เป็นต้น มิใช่นาคเสน แต่นาคเสนก็มิได้มีนอกเหนือจากอวัยวะ มีตาหูเป็นต้น เพราะอวัยวะเหล่านั้นประกอบกันเข้า บัญญัติว่า “นาคเสน” จึงมี

พระหนุ่มจึงกล่าวเป็นโศลกว่า
ยะถา ห อังคะสัมภารา โหติ สัทโท ระ โถ อิติ
เอวัง ขันเธสุ สันเตสุ โหติ สัตโตติ สัมมะติ


เพราะมีองค์ประกอบทั้งหลาย เสียงเรียกว่า “รถ” จึงมี เพราะมีขันธ์ทั้งหลายรวมกันอยู่ จึงมีบัญญัติเรียกว่า “สัตว์”

คาถานี้ไม่ต้อง “แปลไทยเป็นไทย” อีก ก็คงพอจะเข้าใจใช่ไหมครับ ที่เราเรียกว่า “รถ” นั้น รถมันไม่มีดอก เพราะมีล้อ มีพวงมาลัย มีคลัตช์ มีเบรก มีโครงรถ มีเครื่องยนต์ เป็นต้น เราจึงเรียกมันว่ารถ


ลองแยกชิ้นส่วนเหล่านั้นออกสิครับ คำว่ารถก็ยังพอมีอยู่บ้าง เช่น ล้อรถ พวงมาลัยรถ เครื่อง
ยนต์รถ แต่ถ้าแยกชิ้นส่วนเหล่านั้นให้ละเอียด คำว่ารถก็จะหายไป คงเหลือแต่เหล็ก ยาง อะไรอย่างนี้เป็นต้น


ในกรณีของคนก็เช่นเดียวกัน เพราะร่างกายมีอวัยวะต่างๆ รวมกันอยู่จึงเรียกว่าคน คนนี้ชื่อ เสฐียรพงษ์ วรรษปก แต่ถ้าลองหั่น (สมมติ) โดยมีดของคุณเสริม หรืออดีตรองอธิการฯ ออกเป็นชิ้นๆ คำว่า เสฐียรพงษ์ หายไปแล้ว พอเหลือแต่ “คน” เช่น ขาคน หัวคน แขนคน แต่ถ้าสับให้ละเอียด คำว่า “คน” ก็คงหายไป เหลือแต่กระดูก (กระดูกหมา หรือกระดูกคนวะ) “เนื้อ” (เนื้อหมู หรือเนื้ออะไรวะ) อย่างนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้น “นาคเสน” จึงเป็นสมมติ ไม่ใช่ของมีอยู่จริง ดุจ “รถ” ไม่มีจริงฉันนั้น

การโต้วาทะครั้งนั้นดำเนินไปด้วยความเคร่งครัด เนื้อหาที่นำมาโต้กันนั้นเป็นความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญาทั้งนั้น ทั้งสองท่านใช้วาทะเชือดเฉือนกันมันหยดเลยทีเดียว ปรากฏว่าพระยามิลินท์ยอมแพ้ เพราะว่าพระองค์จะถามเรื่องอะไร พระเถระก็ตอบได้หมด อธิบายได้อย่างแจ่มแจ้ง แถมยังย้อนกลับจนพระยามิลินท์ตั้งตัวไม่ติด

สังเกตพระนาคเสนท่านใช้กลยุทธ์อันชาวยุทธจักรเรียกว่า “ยืมดาบศัตรูฟันศัตรู” เอาชนะพระยามิลินท์ได้อย่างราบคาบ จนท้าวเธอยกธงขาว และประกาศนับถือพระพุทธศาสนา และถวายความอุปถัมภ์แก่พระพุทธศาสนาและพระสงฆ์ในที่สุด


การโต้ตอบกันระหว่างบุคคลผู้ยิ่งใหญ่สองท่าน ได้รับบันทึกในเวลาต่อมาในหนังสืออันเรียกว่า “มิลินทปัญหา” ว่ากันว่า แต่เดิมเป็นฉบับสันสกฤต และต่อมาได้แปลเป็นบาลี ต้นฉบับบาลีมีพิสดารกว่าต้นฉบับสันสกฤต สันนิษฐานกันว่าคงแต่งเติมภายหลัง แต่ทั้งสองฉบับข้อความก็ลงรอยกัน

รูปภาพ

:b8: :b8: :b8: คัดเนื้อหามาจาก...หนังสือ พุทธสาวก พุทธสาวิกา
ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล
เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต


====================

:b45: อุบาสก ในสมัยพุทธกาล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46457

:b44: สามเณรนิรนาม สมัยกัสสปะพุทธเจ้า
(ต่อมาคือ พระยามิลินท์ ในสมัยพุทธกาล)

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=50332

:b44: สามเณรนาคเสน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=58999

:b50: การทำบาปของผู้ที่รู้และไม่รู้ (มิลินทปัญหา)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14385

:b50: กำลังแห่งบุญและบาป (มิลินทปัญหา)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14401

:b50: เรื่องสภาวะแห่งนิพพาน (มิลินทปัญหา)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14582

:b50: เหตุไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นพร้อมกัน ๒ องค์ (มิลินทปัญหา)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=28346

:b50: พระเทวทัตเสมอกันกับพระโพธิสัตว์ ?? (มิลินทปัญหา)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=27616


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2018, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2022, 14:25 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2885


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร