วันเวลาปัจจุบัน 06 ธ.ค. 2024, 20:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2024, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.พ. 2007, 20:39
โพสต์: 189


 ข้อมูลส่วนตัว


"ธาตุรู้" เป็นคำในพุทธศาสนาที่มีความหมายลึกซึ้งและสำคัญมาก โดยเฉพาะในแง่ของการปฏิบัติธรรมและการเข้าใจธรรมชาติของจิตใจมนุษย์

ความหมายพื้นฐาน:
"ธาตุรู้" หมายถึง ธรรมชาติแห่งการรับรู้ หรือความสามารถในการรู้อารมณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน เป็นสภาวะของจิตที่ทำหน้าที่รับรู้สิ่งต่างๆ โดยไม่มีการปรุงแต่งหรือตีความใดๆ เพิ่มเติม

องค์ประกอบของธาตุรู้:
1. ความบริสุทธิ์: ธาตุรู้เป็นสภาวะที่บริสุทธิ์ ไม่มีการปนเปื้อนด้วยกิเลสหรือความคิดปรุงแต่ง
2. ความเป็นกลาง: ไม่มีการตัดสินว่าสิ่งที่รับรู้นั้นดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ
3. ความต่อเนื่อง: ธาตุรู้ทำหน้าที่รับรู้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แม้ในขณะหลับ
4. ความไม่มีตัวตน: ธาตุรู้ไม่ใช่ตัวตนหรือบุคคล แต่เป็นเพียงธรรมชาติของจิต

การทำความเข้าใจธาตุรู้ในการปฏิบัติธรรม:
ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน การเข้าใจและสัมผัสกับธาตุรู้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถแยกแยะระหว่างสภาวะที่เป็นเพียงการรับรู้ล้วนๆ กับความคิดปรุงแต่งที่เกิดขึ้นภายหลัง การฝึกสังเกตธาตุรู้จะช่วยให้เห็นความจริงของสรรพสิ่งได้ชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างของธาตุรู้ในชีวิตประจำวัน:
1. เมื่อเราได้ยินเสียง ในขณะแรกที่เสียงกระทบหู จะมีเพียงการรับรู้เสียงนั้นเท่านั้น นี่คือธาตุรู้ทำงาน
2. เมื่อเราเห็นภาพ ในวินาทีแรกที่ภาพปรากฏต่อตา ก่อนที่จะมีการตีความหรือปรุงแต่งใดๆ นั่นคือธาตุรู้กำลังทำงาน

ความแตกต่างระหว่างธาตุรู้กับความคิด:
ธาตุรู้เป็นเพียงการรับรู้โดยไม่มีการปรุงแต่ง ในขณะที่ความคิดเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรับรู้ เช่น เมื่อเห็นดอกไม้ ธาตุรู้จะรับรู้เพียงรูปร่าง สี ขนาด แต่ความคิดจะเป็นส่วนที่ตีความว่า "นี่คือดอกกุหลาบ" "ดอกนี้สวย" เป็นต้น

ประโยชน์ของการเข้าใจธาตุรู้:
1. ลดความยึดมั่นถือมั่น: เมื่อเข้าใจว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากการรับรู้ที่เป็นกลาง จะช่วยลดการยึดติดกับความคิดและอารมณ์
2. เพิ่มสติและสมาธิ: การฝึกสังเกตธาตุรู้จะช่วยให้จิตใจจดจ่อกับปัจจุบันมากขึ้น
3. เข้าใจธรรมชาติของจิต: ช่วยให้เห็นว่าจิตเป็นเพียงกระแสของการรับรู้และความคิดที่เกิดดับตลอดเวลา
4. พัฒนาปัญญา: นำไปสู่การเห็นความจริงของชีวิตและโลกตามความเป็นจริง

การฝึกสังเกตธาตุรู้:
1. ฝึกสติในชีวิตประจำวัน: สังเกตการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยไม่ด่วนตีความ
2. ฝึกสมาธิ: ทำให้จิตสงบและละเอียดพอที่จะสังเกตเห็นธาตุรู้ได้ชัดเจน
3. เจริญวิปัสสนา: ฝึกดูจิต ดูความคิด แยกแยะระหว่างการรับรู้กับการปรุงแต่ง

ข้อควรระวังในการทำความเข้าใจธาตุรู้:
1. ไม่ควรพยายาม "สร้าง" ธาตุรู้ขึ้นมา เพราะธาตุรู้มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
2. ไม่ควรยึดติดกับแนวคิดเรื่องธาตุรู้จนกลายเป็นทิฏฐิหรือความเห็นผิด
3. ควรศึกษาและปฏิบัติภายใต้การแนะนำของครูบาอาจารย์ที่มีประสบการณ์

สรุป:
"ธาตุรู้" เป็นแนวคิดที่สำคัญในพุทธศาสนา โดยเฉพาะในการปฏิบัติธรรม การเข้าใจธาตุรู้อย่างถ่องแท้จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของจิตและนำไปสู่การพัฒนาปัญญาเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ในที่สุด อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงธาตุรู้อย่างแท้จริงนั้นต้องอาศัยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่การทำความเข้าใจในเชิงทฤษฎีเท่านั้น


by Claude ai

.....................................................
เมื่อเจ้าจักเห็น จงเห็นฉับพลัน พอตั้งต้นคิด หนทางปิดตัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร