วันเวลาปัจจุบัน 05 ต.ค. 2024, 23:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2015, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2775


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม - วัดป่าสัมมานุสรณ์

รูปภาพ
หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ - วัดป่าเวฬุวนาราม

:b45:

สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต
: หลวงปู่ชอบ ฐานสโม-หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ


เย็นวันที่ ๒๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖
นั่งฉันน้ำกับหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ด้วยกันสององค์ที่โรงน้ำร้อน
หลวงพ่อสมศรีท่านชวนเรา (ครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท)
คุยเรื่องขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และเรื่องการปฏิบัติระหว่างท่านกับเรา
ระหว่างที่คุยกันเรื่องขององค์ท่านหลวงปู่ชอบด้วยความสนุกสนานกันนั้น

หลวงพ่อสมศรีท่านถามเราว่า กล้วย...ตอนหลวงปู่เป็นพระหนุ่ม
ท่านเคยมีใจชอบพอผู้หญิงบ้างไหม ท่านเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังไหม
ผมไม่กล้าถามท่านในเรื่องนี้กลัวหลวงปู่ท่านจะดุเอา
รุ่นสุดท้ายผมก็เห็นท่านนี่แหละที่หลวงปู่ท่านเปิดออกมาทุกเรื่อง...


เราก็เลยเล่าเรื่ององค์ท่านหลวงปู่ชอบหัวใจท่านตกหล่ม
ที่อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ท่านหลวงพ่อสมศรีฟัง

องค์ท่านหลวงปู่ชอบไปเจอกับคู่วาสนาบารมีเก่า
ที่เคยเกิดเป็นคู่กันในภพชาติที่ผ่านมา
ท่านบอกพอมาเจอกันในชาติปัจจุบัน ใจท่านเกิดเอนเอียงไปกับผู้หญิงคนนี้
สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีตมันตีขึ้นมาในจิตใจของท่าน
ท่านว่าพุทโธที่เคยสั่งสมอบรมมากลายเป็น “พุดทอง” ขึ้นมาแทนที่
หลวงปู่ท่านมีใจปฏิพัทธ์ให้กับสาวทองบ้านหินฮาว อำเภอหล่มเก่า
จนท่านเจริญจิตเจริญธรรมในใจไม่ขึ้น...


ขนาดตอนนั้นภูมิจิตขององค์ท่านได้ฌานสมาบัติแปดแล้ว
ยังเกิดตื้อตันพลันสะดุดเพราะกามคุณมาปกปิดปัญญาของจิตเอาไว้
องค์ท่านหลวงปู่ชอบทบทวนพิจารณาหาเหตุที่มาของกามคุณ
ที่มากวนจิตใจของตนเอง ท่านพิจารณาเห็นเหตุ


“เหตุเพราะความคิดนี้เองที่เป็นสะพานทอดผ่าน
ให้กิเลสมันมาย่ำยีจิตใจของเราในตอนนี้”

พอท่านพิจารณาเห็นสะพานของเหตุแล้ว
องค์ท่านหลวงปู่ชอบจึงพลิกปัญญาทำลายสะพานความคิด
ปิดเส้นทางสัญจรของกิเลสบุพเพอาละวาดของท่านลงไปได้
แต่ตอนนั้นท่านเป็นเพียงละลาอาลัยในบุคคลเท่านั้น
ท่านยังไม่ได้ถึงขึ้นถอดถอนในชั้นกามคุณ...

องค์ท่านหลวงปู่ชอบหนีออกไปจำพรรษา
ที่ถ้ำนายม จังหวัดเพชรบูรณ์ กับตาผ้าขาวสง่า อนาคามี
องค์ท่านเร่งความเพียรแบบเอาเป็นเอาตายเข้าแลก
จนก้นกับเท้าของท่านแตก ท่านถือเนสัชชิกธุดงค์ไม่หลับไม่นอน
จนตาท่านเกือบบอดเพราะความเพียร
การแลกเอาธรรมอย่างอุกฤษฎ์ของท่านนี้หลวงปู่ท่านก็ได้ธรรมอย่างสมใจ
จิตท่านยกภูมิขึ้นเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น เป็นพระโสดาบัน “เอกพีชี”
เพราะผลจากกำลังวิปัสสนาภูมิขององค์ท่าน...

ท่านบอกถ้าเราตายในตอนนั้นเราก็จะได้เกิดอีกเพียงชาติเดียว
แต่เราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป เราจึงเร่งเอาให้มันจบทุกข์กันทีเดียวในชาตินี้
สุดท้ายท่านก็มาจบทุกข์โศกที่เมืองพม่า...


:b45:

เราก็คิดคะนองอยากจะรู้เรื่องของหลวงพ่อสมศรี
ในชีวิตบวชของท่านเคยมีเหตุแบบนี้หรือไม่...?
เพราะท่านไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน


ถามท่านว่า ชีวิตบวชของอาจารย์เคยสะดุดในเรื่องแบบนี้หรือเปล่า

หลวงพ่อสมศรีท่านก็ยิ้มตามบุคลิกลักษณะนิสัยของท่าน
ท่านบอกก็มีเหมือนกัน เคยเป็นครั้งเดียวตอนพรรษายังไม่ถึงสิบ
หัวใจหลงทางอยู่สี่วันจึงแก้กลับคืนมาได้
ตอนนั้นตัวท่านเองป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ


พอว่าจบหลวงพ่อสมศรีท่านก็หัวเราะกับเรื่องราวของตนเองที่ผ่านมา

เราก็เลยนิมนต์ขอให้ท่านเล่าถึงเหตุที่มาที่ไป
และกลอุบายวิธีที่ท่านใช้แก้ไขจิตใจตนเองให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้
หลวงพ่อสมศรีท่านก็พูด ผมไม่อยากเล่าให้ท่านฟังในเรื่องนี้
เดี๋ยวท่านจะเอาไปเล่าต่อ ถ้าเล่าให้ฟังแล้วท่านอย่าเอาไปเล่าต่อได้ไหม

เราก็บอกท่านว่า เรื่องนี้ผมไม่กล้ารับปากเพราะผมเป็นคนปากบอน
ถ้าเรื่องไหนได้ยินได้ฟังมาแล้วเป็นเรื่องที่สะดุดใจได้คติ
ถ้าไม่ได้พูดไม่ได้เล่าออกมาแล้วมันจะจุกในใจ กินข้าวบ่แซบ
นอนกะบ่หลับ หลวงพ่อสมศรีท่านก็หัวเราะอย่างใหญ่

ท่านบอกท่านจะเล่าเพียงจบเดียวแล้วจะไม่เล่าอีก
จากนั้นท่านก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องท่านจิตสะดุด ท่านว่า
ตอนนั้นท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร
พาท่านไปเที่ยววิเวกแถวภูเรือ หลังจากออกจากบ้านกลาง ตำบลสานตม
อาจารย์จันทร์เรียนชวนท่านกลับมาหาองค์ท่านหลวงปู่ชอบ
ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน จังหวัดเลย
อาจารย์จันทร์เรียนพากันเดินทางออกจากบ้านกลาง
โดยท่านอาจารย์จันทร์เรียนเดินนำหน้าไปกับเณรอีกรูปหนึ่ง
หลวงพ่อสมศรีท่านเดินตามหลังมาพร้อมกับเณรนารี
(ทิดนารี หลานท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร)

เนื่องจากตอนนั้นท่านป่วยเป็นไข้จึงเดินตามอาจารย์จันทร์เรียนไม่ทัน

ท่านเดินทางผ่าทางบ้านถ้ำมูลตัดเข้าถนนเส้นภูเรือ-วังสะพุง
โดยที่ท่านไม่รู้ว่าท่านอาจารย์จันทร์เรียนแวะเข้าพักรอท่านอยู่ที่ถ้ำมูลน้อย
ท่านเข้าใจว่าอาจารย์จันทร์เรียนคงแวะพักที่บ้านกกกอก
พอเดินทางมาถึงทางปากทางแยกเข้าบ้านหมากแข้ง
หลวงพ่อสมศรีกับเณรนารีจึงพากันแวะเข้าไปบ้านกกกอก
เพราะท่านเข้าใจว่าท่านอาจารย์จันทร์เรียนท่านรออยู่ที่นั่น…

ตอนเย็นท่านกับเณรนารีพากันเดินทางมาถึงวัดป่าบ้านกกกอก
(วัดป่าปริตบรรพต อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย)

ปรากฏไม่พบท่านอาจารย์จันทร์เรียนอยู่ที่นี่
และไม่มีพระเณรซักองค์อยู่ที่วัดป่าบ้านกกกอกเลยในตอนนั้น
ไหนๆ ก็เดินทางมาถึงตอนค่ำมืดแล้ว
ร่างกายตนเองก็ไม่ไหวเจ็บระบมเพราะพิษไข้
ท่านกับเณรนารีจึงพากันพักอยู่ที่นี่ก่อน
ท่านอยากจะพักฟื้นร่างกายของตนเองให้หายจากพิษไข้
ก่อนที่จะเดินทางมาหาองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่บ้านโคกมน

วันที่สองที่หลวงพ่อสมศรีท่านพักอยู่บ้านกกกอก
ชาวบ้านเมื่อทราบว่ามีพระเณรมาพักที่วัด
เป็นธรรมเนียมของชาวบ้านกกกอกสมัยนั้น
เมื่อมีครูบาอาจารย์พระเณรเข้ามาพักอยู่ในวัด
คนหนุ่มสาวเขาจะพากันมาตักน้ำใส่ตุ่มใส่ไห
เอาไว้ให้ครูบาอาจารย์พระเณรใช้บริโภคอาบสรง
วันนั้นหลวงพ่อสมศรีท่านยืนอยู่ที่ศาลา
มองดูวัยรุ่นหนุ่มสาวพากันมาตักน้ำในวัดใส่ตุ่มใส่ไห
สายตาของท่านก็ไปสะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มาตักน้ำกับเพื่อนๆ

พอท่านได้สบหน้าสบตากับหญิงสาวนางนี้แค่เพียงชั่วขณะจิต
ใจของท่านก็เกิดวูบวาบ มีใจปฏิพัทธ์ให้กับหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาในทันทีทันใด
แต่ก่อนแต่ใดมาจิตใจของท่านก็ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
แต่พอมาเจอกันกับหญิงสาวคนนี้ ใจของท่านถึงกับรวนเรเซซวนไป
ตั้งแต่พบกับหญิงสาวคนนี้จิตใจของท่านก็ว้าวุ่น
ข่มจิตข่มใจภาวนาไม่ลงปลงไม่ตก สามวันผ่านที่ใจเป็นแบบนี้
ท่านก็ยังหาอุบายวิธีปลงจิตปลงใจให้กับตนเองยังไม่ได้...


เข้าวันที่สี่ หลังจากหลวงพ่อสมศรีท่านเดินจงกรม
ดับความว้าวุ่นให้หัวใจของตนเองไม่ลง
ท่านเข้ามานั่งพักในศาลาวัดป่าบ้านกกกอก
ท่านนั่งพิจารณาหาอุบายวิธีดับทุกข์ปัญหาคาใจให้กับตนเอง
จู่ๆ เหมือนมีสิ่งดลใจหรือเป็นเพราะบุญบารมีธรรมของท่าน
มาดลบันดาลให้ก็ไม่รู้ได้ ท่านเดินไปเปิดตู้พระไตรปิฎก
เพื่อจะเอาหนังสือพระไตรปิฎกออกมาอ่าน
ท่านบอกตอนนั้นเรากะจะเอาหนังสือพระไตรปิฎกออกมาอ่าน
เพื่อแก้กลุ้มให้กับหัวใจของตนเองเท่านั้น...

เหมือนมีสิ่งดลใจให้ท่านหยิบหนังสือไตรปิฎกเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
หนังสือเล่มที่ท่านหยิบขึ้นมาอ่าน
ท่านบอกมีเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพระภิกษุบวชใหม่
สมัยพุทธกาล แอบมีใจหลงใหลใฝ่รักหญิงสาวคณิกานางหนึ่ง
ท่านเล่าแบบรวบรัดพระภิกษุรูปนี้พิจารณาซากศพของหญิงคณิกานางนี้
จนปัญญาของท่านแตกฉานในอสุภกรรมฐาน
ถอดถอนกามคุณออกไปจากจิตใจของท่านได้
จนท่านพิจารณาในอวิชชาแตกฉาน สามารถบรรลุมรรคผลได้ในปัจจุบัน


หลวงพ่อสมศรีท่านอ่านธรรมบทเรื่องนี้จบ
ท่านหันเข้ามาพิจารณาตัวเอง
กายเราก็ป่วย จิตเราก็ยังมาป่วยตามอีกหรือนี่
ขณะนั้นกามคุณในจิตของท่านอ่อนตัวลงให้เห็น
ท่านวางหนังสือไตรปิฎกเล่มนี้ไว้ที่ตัก
ท่านพลิกหมุนจิตของตนเองเข้ามาพิจารณาในกายธาตุ
ตามกำลังของวิปัสสนาที่กำลังฮึกเหิมห้าวหาญในตอนนั้น
ท่านเกิดปัญญาพิจารณาในกายธาตุอย่างรวดเร็ว
ท่านว่าเราพิจารณาเข้าไปในเนื้อหนังมังสาเอ็นเสาเถ้ากระดูกตรงไหน
ปัญญาก็ทำหน้าที่อย่างแหลมคมตัดขาดปัญหานั้นๆ
จนแหลกกระจุยขาดกันไปหมด
ไม่ต่างอะไรกับเอามือฉีกกระดาษให้ขาดสะบั้นโดยทันที

ท่านว่าใช้เวลาไม่นานเพียงแค่ชั่วเคี้ยวหมากแหลก
จิตท่านก็ถอนจากความหลงใหลในผู้หญิงคนนี้
และถอดถอนอุปาทานคนอื่นใดในโลกนี้
ออกไปจากจิตของตนเองได้ทั้งหมด
จิตพ้นสภาวะเป็นทาสของกามคุณ จิตเป็นธรรมไท
เป็นอิสระสิ้นสุดในสัญญาของกามารมณ์
มองหญิงมองชายคนไหนก็เป็นไปด้วยเมตตาธรรม
จิตไม่ยึดติดกับบุคคลหญิงชายเหมือนกับคฤหัสถ์ผู้สร้างโลก
ท่านมาสิ้นสุดในการอาศัยท้องผู้อื่นเพื่อถือกำเนิดที่บ้านกกกอกนี้เอง


ฟังหลวงพ่อสมศรีท่านเล่าแล้วเราก็ทึ่งในบุญบารมี
ที่ท่านถอดถอนกิเลสธรรมราชาหยาบหนาออกไปจากจิตใจได้
เมื่อท่านยังเป็นพระหนุ่มพรรษาไม่พ้นสิบ
ไม่แปลกใจเลยที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบ
กล่าวยกย่องคุณธรรมของท่านให้พระเณรรุ่นน้องฟังว่า


“ท่านศรีเห็นเงียบๆ อย่างนี้ ข้างในท่านแหลมคมแล้วนะ
อย่าประมาทในคุณธรรมของท่านศรีเป็นอันขาด
จะทำให้ตนเองเป็นกรรมภาวนาไม่ขึ้น”


:b45:

นึกถึงคำพูดที่เราเคยคุยกันกับ “หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร”
ที่วัดป่าหมู่ใหม่ ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อคราวจำพรรษากับท่านปีพุทธศักราช ๒๕๔๔

หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านบอก...
อาจารย์จันทร์เรียนท่านเป็น “ลูกแพง” ของหลวงปู่ชอบ
หลวงปู่ชอบฝึกฝนท่านอาจารย์จันทร์เรียนเพื่อเป็น “แก้วตา”
อาจารย์สมศรีท่านเป็น “ลูกรัก”
ที่หลวงปู่ชอบท่านฝึกฝนขึ้นมาเพื่อให้เป็น “ดวงใจ”
คำพูดของหลวงพ่อประสิทธิ์ช่างเหมาะสม
กับพี่ชายทางธรรมของเราทั้งสองเหลือเกิน


รูปภาพ
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร - วัดป่าหมู่ใหม่

:b40: :b40:

บันทึกโดย ครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท
ในระหว่างจำพรรษากับหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ที่วัดป่าเวฬุวนาราม
บ้านโนนกกจาน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย ปี พ.ศ.๒๕๔๖


:b47: รวมคำสอน “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38683

:b47: รวมคำสอน “หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=49039

:b49: :b50: รวมคำสอนของครูบาอาจารย์เรื่อง “กามกิเลส”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=48213


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2015, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2017, 09:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 718

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:
น้อมกราบสาธุพระอริยสงฆ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2021, 13:07 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2022, 12:29 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2884


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร