วันเวลาปัจจุบัน 08 พ.ย. 2024, 10:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2013, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน พระพี่ชายของพระอาจารย์กว่า

รูปภาพ
พระอาจารย์กว่า สุมโน พระน้องชายของพระอาจารย์กู่

รูปภาพ
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา

ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙
เทศน์อบรม ณ วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี


เราเคยเห็นคนตาย เกิดความสลดสังเวช บางรายตายด้วยความมีสติสตัง รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาจนถึงวาระสุดท้าย แต่บางรายตายไม่มีสติสตัง บ่นละเมอเพ้อไปต่างๆ แล้วหมดไปเลย อย่างนั้นน่าทุเรศ นี่เราเคยเขียนไว้ในปฏิปทาของพระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น คิดว่าจำไม่ลืม เป็นพระกรรมฐาน ท่านอาจารย์องค์นี้เราจะระบุชื่อก็ได้เพราะท่านผ่านไปแล้ว คือ ท่านอาจารย์กู่ เป็นพี่ชายของท่านอาจารย์กว่าที่วัดบ้านภู่ ซึ่งพึ่งเสียไปเมื่อเร็วๆ นี้ ชื่อท่านอาจารย์กว่า ท่านอาจารย์กู่นี้ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์มั่น ตอนที่ท่านพระอาจารย์มั่นพักอยู่ที่บ้านหนองผือนาใน ท่านอาจารย์กู่นี้ก็ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านภู่ อันเป็นสถานที่ที่อาราธนาท่านพระอาจารย์มั่นออกมาพักอยู่วัดบ้านภู่ด้วย ก็มาพักอยู่กับท่านอาจารย์กู่นี้แล ก่อนหน้าที่ท่านจะไปมรณภาพที่วัดสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร

เวลาถึงคราวท่านอาจารย์กู่จะล่วงลับไป ท่านเป็นโรคอะไรไม่ทราบ อยู่ที่ไหปลาร้า ภาษาของเราเรียกว่า ฝีหัวปลาไหล ก็คงจะเป็นมะเร็งนั่นแหละ มันไม่หาย เป็นมานาน เป็นๆ หายๆ พอสงบลงไปเดี๋ยวก็เป็นขึ้นมาๆ จนกระทั่งวาระสุดท้ายท่านก็ไปเสียชีวิตอยู่ที่ถ้ำเจ้าผู้ข้า บ้านโคกกะโหล่งกะเหล่งอะไรนั่นแหละ ทางเข้าไปหนองผือ ท่านเสียอยู่ที่ถ้ำนั้น

ตอนที่ท่านจะเสียก็มีพระอยู่กับท่านสามสี่องค์ ตอนนี้เป็นตอนสำคัญ ถึงวาระสุดท้ายพระพยุงท่านลุกขึ้นนั่งภาวนา เวลานั้นท่านบอก คือท่านเตือนพระให้พากันชำระจิตให้ดี ท่านว่า จิตเป็นเอก จิตเป็นตัวสำคัญที่จะก้าวไปสู่ภพหน้า สูงต่ำสำคัญอยู่ที่จิตได้รับการอบรม มีความเฉลียวฉลาดมากน้อยที่สามารถจะทรงตัวได้ หรือยิ่งขึ้นไปโดยลำดับก็เพราะการอบรม นี่ผมจวนตัวแล้วเวลานี้ การจากไปของผมเวลานี้อย่าเข้าใจว่าผมจะไปล่มจมนะ ผมเป็นแต่เพียงเปลี่ยนสภาพแห่งความเป็นอยู่นี้เข้าสู่สภาพอื่น หากจะมีสิ่งที่ติดต่อสืบเนื่องให้เป็นภพเป็นชาติกันอยู่ก็เข้าสู่สภาพอื่น ถ้าจิตบริสุทธิ์แล้วก็หมดปัญหา ท่านทั้งหลายวิตกวิจารณ์กับผม

ท่านสอนย่อๆ ผมไม่ได้ไปล่มจม เมื่อจิตไม่มีความล่มจมแล้วอะไรจะล่มจมไม่มี คนๆ หนึ่ง สัตว์ตัวหนึ่ง สำคัญอยู่กับจิต ถ้าจิตมีหลักยึด มีหลักฐานมั่นคง จิตนี้จะอยู่ในร่างก็ตาม ออกจากร่างไปแล้วก็ตาม จะเป็นจิตที่มีความมั่นคงต่อตัวเองอยู่เสมอ ฉะนั้นขอให้พากันตั้งใจอบรมจิตให้ดี อย่าได้มีความประมาทในการบำเพ็ญจิตใจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก พอเสร็จเท่านั้นทีนี้ผมจะได้ลาท่านทั้งหลายไปบัดนี้ นั่นพอว่างั้นก็ไม่ถึงสามนาที ท่านพูดเป็นคำสุดท้ายจะไปแล้วนะ จากนั้นภาษาของเราเรียกว่าหายใจปลา แล้วหายเงียบไปเลย ก่อนจากไปเล็กน้อยท่านบอกว่าผมไม่ได้ไปล่มจมตามโลกที่กลัวกันว่า การตายนี่เหมือนกับไปล่มไปจม แต่ผมไปตามธรรมชาติของผมเอง

นี่คือผลหรืออานิสงส์แห่งการอบรมจิตใจ เมื่อเป็นที่แน่ใจแล้ว แม้ขณะจะตายก็พูดได้อย่างสะดวกสบาย เพราะจิตใจไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะฉิบหายไป ไม่ใช่สิ่งที่จะสลายตัวไปเหมือนร่างกาย ร่างกายเป็นธรรมชาติที่จะต้องสลายตัวเป็นธรรมดา เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นสลาย แต่จิตใจนี้แม้จะเปลี่ยนแปลง ก็เปลี่ยนแปลงไปในทางต่ำและสูง แต่ความสลายของจิตไม่มี


จิตใจที่ได้รับการอบรมแล้ว ย่อมเปลี่ยนแปลงตนเองเข้าสู่ระดับสูงเรื่อยไปจนสามารถทรงตัวได้ ไม่วิตกวิจารณ์กับการเป็นการตาย เพราะจิตเป็นตัวของตัวโดยลำดับ หรือเป็นตัวของตัวอย่างเต็มที่แล้ว ผ่านไปจากร่างกายแล้วก็เป็นจิตดวงนั้น หากจะมีภพมีชาติสืบต่อ ก็เป็นภพชาติที่เหมาะสมกับจิตดวงนั้น ถ้าสิ้นเชื้อที่จะพาให้เกิดต่อไปอีกแล้วก็หมดปัญหา เป็นตัวของตัวอย่างสมบูรณ์ ดังพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย

นี่การอบรมจิตใจจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องใหญ่โตมากทีเดียว จะยากลำบากเพียงไรก็ขอให้เห็นแก่คุณค่าของตัวเอง เพราะเราหวังพึ่งเราทั้งเป็นทั้งตาย การหวังพึ่งตนเองนั้นจะเอาอะไรเป็นที่พึ่ง จะสร้างอะไรให้เป็นที่พึ่งของตนได้นอกจากความดี พูดทางจิตโดยเฉพาะก็คือความดี เมื่อสร้างให้เป็นที่อบอุ่นให้เป็นที่พอใจแล้ว เจ้าของก็แน่ใจ การปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่ประจักษ์อยู่กับผู้ปฏิบัติ ไม่ขึ้นอยู่กับกาลสถานที่ เวล่ำเวลาอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่การปฏิบัติตัวให้ดี ผลจะเป็นที่พึงใจ ตายที่ไหนก็ได้เมื่อเราแน่ใจแล้ว ไม่มีสำคัญอะไรกับเรื่องความตาย ไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว เพราะจิตเป็นจิต กายก็เป็นกาย เมื่อสลายก็เป็นเรื่องสลายของธาตุของขันธ์ จิตไม่ได้สลายไปด้วย จะวิตกวิจารณ์กลัวว่าจะไปล่มจมที่ไหน

เพราะจิตก็ทราบชัดแล้วว่าไม่ใช่ตัวล่มจม ไม่ใช่ผู้ล่มจม เป็นผู้รู้อยู่ชัดๆ และความรู้นั้นที่พร้อมแล้วด้วยการอบรม พร้อมแล้วด้วยสติปัญญา ก็ยิ่งมีความอาจหาญรื่นเริงต่อการไปหรือต่อหน้าที่ของตนไม่สะทกสะท้าน ผลแห่งการปฏิบัติเป็นอย่างนี้ จงฟังให้ถึงใจ ปฏิบัติให้ถึงธรรม จะรู้ธรรมเห็นธรรมประจักษ์ใจดวงรู้ๆ อยู่นี่แล แต่ระวังกิเลสจะแอบมาจับหัวฟัดใส่หมอนเสียงดังครอกๆ จะว่าไม่บอก นี่เคยโดนมาแล้วจึงรีบบอกท่านทั้งหลายให้ระวังตัว ไม่งั้นจมลงหมอนไม่อาจสงสัย

เพราะฉะนั้นพระขีณาสพท่านผู้ที่ผ่านพ้นไปแล้วทางด้านจิตใจ คือพ้นจากสมมุติโดยประการทั้งปวงแล้ว ท่านจึงไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายดังที่เราเห็นในตำรับตำรา องค์ไหนประสงค์จะนิพพานที่ไหน ท่านก็นิพพานของท่าน บางองค์ก็เดินจงกรมแล้วนิพพานก็มี ดังที่ท่านอาจารย์มั่นท่านปรากฏในสมาธิภาวนา ซึ่งได้เขียนไว้แล้วในประวัติของท่านอาจารย์มั่น บางองค์ก็นั่งนิพพาน บางองค์นอนนิพพาน บางองค์ยืนนิพพาน เพราะเป็นธรรมด๊าธรรมดาของเรื่องปล่อยธาตุขันธ์ ไปตามหลักธรรมชาติของเขาเท่านั้น ท่านไม่มีอะไรผิดแปลกต่างกัน ในระหว่างความเป็นอยู่กับการตายไปของผู้สิ้นกิเลสแล้ว มีความหนักเบาเสมอกัน ถ้าจะถือตามหลักธรรมชาติของจิตแล้ว ความเป็นอยู่กับความตายไป ไม่มีเงื่อนใดหนักเบาต่างกัน มีน้ำหนักเสมอกัน หากจะคิดประโยชน์ทางโลกเข้าเกี่ยวข้อง เมื่อมีชีวิตอยู่จะได้ทำประโยชน์ให้โลกอย่างนั้นๆ การเป็นอยู่ก็ดี เพราะจะได้ทำประโยชน์ให้โลกผู้หวังพึ่งธรรม ผู้หวังประโยชน์กับท่านยังมีอยู่มาก ถ้าไม่คิดถึงประโยชน์ทางโลกแล้ว ไปเสียดี ไม่ต้องมายุ่งกับธาตุกับขันธ์ที่แสนรบกวนตลอดเวลา ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา ขันธ์ทั้งห้าเป็นภาระอันหนักนี้ ขันธ์นี้ต้องแบกหามต้องรับผิดชอบ ทั้งขันธ์ของปุถุชนและขันธ์ของพระอรหันต์ ต่างแต่ขันธ์ของพระอรหันต์ท่านไม่มีอุปาทานเท่านั้น

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2013, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน

ท่านอาจารย์กู่ ท่านสอนจนกระทั่งหมดวาระ

ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อเช้าวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
เทศน์อบรม ณ สวนแสงธรรม เขตบางแค กรุงเทพมหานคร


ใจนี้ตายไม่เป็น ให้จำให้ดีนะ ให้บำรุงอรรถธรรมคุณงามความดีไว้ ใส่ใจให้ดี ใจนี้ไม่ตาย สิ่งทั้งหลายมีมากมีน้อยเราอาศัยชั่วเวลามีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง แต่ใจนี้อาศัยบุญอาศัยธรรมเท่านั้น ไม่อาศัยอะไร สิ่งของอะไรจะมีมากมีน้อยชั่วระยะกาล เราอาศัยเขาไปชั่วระยะกาล พอลมหายใจขาดเท่านั้นสิ่งเหล่านั้นขาดสะบั้นไปตามๆ กันหมดเลย แต่บุญกุศลกับใจนี้ไม่ขาด ติดแนบเลย นี่เป็นของเรา เป็นอัตสมบัติ สมบัติของตนโดยแท้ อันนี้ไปเลย

อย่างที่พูด ท่านอาจารย์กู่ ท่านสอนพระเณร ท่านจวนจะตายท่านสอนจนกระทั่งหมดวาระ “ผมจะไปแล้วนะ ปั๊บๆ ไปเลย ท่านสอนว่า อย่าประมาท เอาจิตให้ดี เมื่อจิตดีแล้วอะไรๆ จะเป็นอะไรเป็นเรื่องเครื่องมือของจิต สังขารร่างกายเป็นเครื่องมือของจิตทั้งนั้น เอาจิตให้ดี ถ้าจิตดีแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย นี่ผมจวนจะไปแล้วนะ” นั่นบอก “ให้ตั้งใจภาวนา” สอนพระ “อบรมจิตให้ดี” พอเสร็จแล้วผมไปแล้วนะ ปั๊บไปเลย นั่น ท่านเผลออะไรที่ไหน นั่นละจิตดีเป็นอย่างนั้น


:b8: :b8: :b8: http://www.luangta.com

:b44: ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=18308

:b44: ประมวลภาพ “หลวงปู่กู่ ธัมมทินโน” วัดป่ากลางโนนภู่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=44433

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร