วันเวลาปัจจุบัน 29 ก.ค. 2025, 12:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2012, 17:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2012, 14:29
โพสต์: 102


 ข้อมูลส่วนตัว


สวรรค์ ๓ ระดับ ปรับความเชื่อ เพื่อเพิ่มฉันทะทำดี
เพื่อลดข้อโต้แย้งระหว่างผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ว่ามีจริงหรือไม่ และเพื่อบรรเทาความสงสัยในเรื่องนี้ ได้มีผู้ตีความเรื่องนรก-สวรรค์ออกเป็น ๓ ลักษณะ คือ
๑. นรก-สวรรค์ในโลกหน้า
๒. นรก-สวรรค์ในโลกนี้
๓. นรก-สวรรค์ในทุกขณะจิต
และท่านได้อธิบายเพิ่มเติมไว้อย่างนี้ว่า

๑. นรก-สวรรค์ในโลกหน้า หมายถึง ภพภูมิในอีกมิติหนึ่งที่วิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้วจะต้อง
ไปเกิด เพื่อชดใช้หรือเสวยผลกรรมที่ตนได้ทำเอาไว้
หากทำดีก็ไปเกิดในสวรรค์เสวยสุขในวิมานสวยงาม แต่ถ้าทำกรรมชั่วก็จะไปเกิดในอบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่งตามความหนักเบาของกรรมที่ทำไว้ ซึ่งนรกสวรรค์ดังกล่าวนี้มีปรากฏในพระไตรปิฎกหลายแห่ง

๒. นรก-สวรรค์ในโลกนี้ หมายถึง ความสุขสบายหรือความทุกข์เดือดร้อนที่เกิดจากการทำ
กรรมในชาตินี้ ซึ่งตรงกับคำว่า กรรมให้ผลทันตาเห็น เช่นเรื่องกรรมของพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ที่เล่าไว้ในหนังสือวิปัสสนาสื่อวิญญาณ ว่าเมื่อสมัยเป็นเด็กนักเรียน ท่านเคยแอบหยิบปืนไปยิงนก นกตัวไหนที่ถูกยิงแต่ยังไม่ตายและพยายามหนี ท่านก็จะไล่จับ มีบางตัวที่ไล่จับยาก จับได้แล้วยังจิกข่วน ท่านก็จะจับบิดคอจนตาย หลายปีต่อมา เมื่อท่านออกบวชและมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดอัมพวัน
ท่านได้ประสบอุบัติเหตุ รถพลิกคว่ำจนคอหักหมุนได้รอบ แต่ไม่ตาย ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนับแรมปี ท่านได้กล่าวว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นผลกรรมที่ท่านหักคอนกสมัยเป็นเด็ก นี่เป็นตัวอย่างของนรกที่ให้ผลในชาตินี้

อีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องของเด็กหญิงมาลัย มั่นสัมฤทธิ์ อายุ ๑๒ ปี พ่อตาย แม่เป็นอัมพาต อาศัยอยู่ที่ยุ้งข้าวของเพื่อนบ้าน เด็กน้อยต้องคอยดูแลแม่ทุกวันโดยไม่ย่อท้อ วันหนึ่งมีคนแนะนำให้เธอเขียนฎีกาขอความช่วยเหลือไปถึงในหลวง ไม่นานเธอก็ได้รับจดหมายตอบจากสำนักพระราชวัง และได้รับการช่วยเหลือจากในหลวง ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ก็มีผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอมากมาย เพราะชื่นชมในความกตัญญูกตเวทีของเธอ นี่ก็เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า ความดีที่ทำนั้นให้ผลตอบแทนให้ได้รับความสุข ขึ้นสวรรค์ได้ในชาตินี้

กล่าวโดยสรุปก็คือ คนที่ทำกรรมชั่วอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ต้องเป็นทุกข์เดือดร้อนเพราะกรรมชั่วที่ตัวทำ เช่น ค้ายาบ้า ฆ่าพ่อฆ่าแม่ คดโกง ข่มขืนผู้อื่น ถูกจองจำให้ติดคุก หรือไม่ก็หนีหัวซุกหัวซุน ไม่อาจใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้ อย่างนี้เรียกว่า นรกในโลกนี้

ส่วนคนที่ทำกรรมดี มีความกตัญญูต่อบิดามารดา ประกอบการงานด้วยความขยัน อดทน ซื่อสัตย์สุจริตจนมีฐานะร่ำรวยและสุขสบายดังที่หวังตั้งใจ อย่างนี้เรียกว่า สวรรค์ในโลกนี้

๓. นรก-สวรรค์ในทุกขณะจิต หรืออย่างที่มักพูดกันอยู่เสมอว่า สวรรค์ในอก นรกในใจ นรก-
สวรรค์ในระดับนี้ท่านให้ดูที่ใจของตัวเองเป็นสำคัญ ขณะใดที่ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายสัมผัส ใจนึกคิด แล้วเกิดความรู้สึกเร่าร้อน กระวนกระวาย เศร้าโศกเสียใจ อยากได้ หดหู่ ห่อเหี่ยว กลัดกลุ้ม ไม่พอใจ อาฆาตแค้น ชิงชัง เป็นทุกข์ ขณะนั้นท่านกล่าวว่า เรากำลังตกนรก

แต่ขณะใดที่ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายสัมผัส ใจนึกคิด แล้วเกิดความรู้สึกเป็นสุข อิ่มอกอิ่มใจ มีปีติ เบิกบาน หรือเกิดอารมณ์เป็นสุขในใจ ขณะนั้นจัดว่า เรากำลังได้ขึ้นสวรรค์ ด้วยเหตุที่อธิบายนรกสวรรค์ตามแนวนี้ หลวงปู่พุทธทาสท่านจึงกล่าวว่า ในวันวันหนึ่ง คนเราได้เทียวขึ้นสวรรค์และลงนรกนับครั้งไม่ถ้วน

การที่ท่านตีความนรกสวรรค์ออกเป็น ๓ ลักษณะนี้ ก็เพื่อเป็นฐานรองรับความเชื่อของคนเกี่ยวกับนรก-สวรรค์ในทุกรูปแบบให้ยอมรับและมีฉันทะในการละชั่ว ประกอบกรรมดี กล่าวคือ คนที่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ในโลกหน้าว่ามีจริง เมื่อมารู้ว่านรก-สวรรค์ในโลกนี้ก็มี นรก-สวรรค์ในทุกขณะจิตก็มี ก็จะหันมาตระหนักถึงการทำดี ดูแลรักษาใจตนให้เป็นสุขอยู่ทุกขณะจิต โดยไม่ต้องรอเสวยสุขบนสวรรค์ในโลกหน้าแต่เพียงอย่างเดียว

ส่วนคนที่ไม่เชื่อนรก-สวรรค์ในโลกหน้าว่ามีจริง หรือผู้ที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เมื่อมาพิจารณาเห็นว่า แม้นรก-สวรรค์ในโลกหน้าไม่มี แต่ผลแห่งการทำดีทำชั่วสามารถเห็นได้ในชาตินี้ หรือเห็นผลได้ในทุกขณะจิต
เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่ยอมรับนรก-สวรรค์ทั้ง ๓ ลักษณะก็ดี

ผู้ที่ปฏิเสธนรก-สวรรค์ในโลกหน้า แต่ยอมรับนรก-สวรรค์ในโลกนี้หรือนรก-สวรรค์ในทุกขณะจิตก็ดี
ก็จะเกิดฉันทะในการทำดี ละเว้นความชั่ว อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้ใจของตัวเองเป็นสุข หรือให้ชีวิตของตน
มีความเจริญก้าวหน้าในปัจจุบัน

นรก-สวรรค์ทั้ง ๓ ระดับ ท่านแบ่งตามลักษณะของการเสวยผลแห่งการกระทำ โดยมองผลที่เกิดกับใจเป็นอันดับแรกว่าการคิด พูด ทำนั้นส่งผลให้ใจเป็นสุขหรือเป็นทุกข์อย่างไรในขณะนั้น อันดับต่อมาก็ดูผลที่เกิดกับการดำเนินชีวิตว่าการทำ พูด คิดเช่นนั้นส่งผลให้ชีวิตเป็นอย่างไร ทั้งในระยะใกล้และไกล และอันดับสุดท้ายเป็นการมองผลในระยะที่ห่างออกไปข้ามภพข้ามชาติว่าการทำ พูด คิดอย่างนั้นจะส่งผลกับชีวิตในชาติหน้าอย่างไร

การที่เราทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา ผลที่จะได้รับจึงมองได้เป็น ๓ มิติ คือ
๑. ขณะนั้นใจเราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ สะอาดหรือสกปรก สว่างหรือเศร้าหมอง ตกนรกหรือขึ้นสวรรค์
๒. การกระทำนั้นจะส่งผลให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร ตกอับหรือเจริญรุ่งเรือง ถูกตำหนิหรือสรรเสริญ เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ สุขภาพดีหรือเจ็บป่วย
๓. หลังจากที่ตายไปแล้วจะได้รับผลจากกรรมนั้นอย่างไร จะไปเกิดในสุคติภูมิหรือทุคติภูมิ
เช่น เราทำบุญตักบาตรในวันเกิด ผลทางใจที่เกิดขึ้นขณะนั้นก็คือความรู้สึกเป็นสุข เอิบอิ่มที่ได้ทำบุญ ผลต่อการดำเนินชีวิตคือ ความสุขใจที่ได้รับจะเป็นแรงกระตุ้นให้ทำความดีอย่างอื่นเพิ่มเติม ได้รับคำชื่นชมจากคนรอบข้าง เป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม และมีชีวิตเป็นปกติสุข ไม่เดือดร้อน ส่วนพระที่ฉันภัตตาหารแล้วก็มีพละกำลังในการประกอบกิจของสงฆ์ซึ่งเป็นการช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาโดยอ้อม สิ่งที่ทำนี้ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง แก่สังคม จิตใจก็ผ่องใส จึงควรเชื่อได้ว่าผลบุญจะส่งผลให้เขามีชีวิตที่เป็นสุขในโลกหน้าด้วย

จะเห็นว่า นรก-สวรรค์ในโลกหน้าก็ดี นรก-สวรรค์ในโลกนี้ก็ดี ล้วนเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปลูกนรก-สวรรค์ให้เกิดในใจ ณ ปัจจุบันขณะนี่เอง คิดดีเมื่อใด ใจก็ขึ้นสวรรค์เมื่อนั้น ใจที่ขึ้นสวรรค์บ่อยๆ คิดดีบ่อยๆ ย่อมส่งผลให้ทำดี พูดดี เมื่อคิดดี ทำดี พูดดี ชีวิตก็มีความเจริญรุ่งเรือง สงบสุข ซึ่งจัดเป็นสวรรค์ในระดับที่ ๒ และเมื่อตายไปแล้วก็จะเข้าถึงสวรรค์ในโลกหน้าต่อไป

ดังนั้น การจะไปสวรรค์ ๒ ระดับแรก
จึงควรทำสวรรค์ให้เกิดขึ้นในทุกขณะจิต
ด้วยการคิดดี ทำดี พูดดี เอาไว้เถิด
เพราะการสร้างสวรรค์ให้เกิดขึ้นในใจ
เป็นทางที่จะทำให้ได้สัมผัสกับสวรรค์
ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าได้เอง

เครดิต : หนังสือ "ตีตั๋วไปสรรค์ หน้า ๑๖-๒๒"
ส่งเสริมคุณธรรม พัฒนาชีวิต นึกถึงธรรมะ คิดถึงหนังสือธรรมะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร