วันเวลาปัจจุบัน 17 มิ.ย. 2025, 14:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"ปัญญาญาณมีส่วนคล้ายสัญชาตญาณ เพียงแต่ว่ามันเป็นขั้วที่อยู่กันคนละฝั่ง
ปัญญาญาณไม่ใช่การคิด
การคิดเป็นเรื่องของสมอง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปรีชาญาณ
ปัญญาญาณเป็นปรากฎการณ์ผุดบังเกิดผ่านช่องทาง หรือสภาวะที่เรียกกันว่า "สมาธิ"
จิตที่มีสมาธิเปรียบได้กับการเคาะประตูเพื่อเข้าสู่ปัญญาญาณ
ปัญญาญาณเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว เราไม่ได้พัฒนามันขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด
ขอเพียงแต่ให้เรารู้ตัวทั่วพร้อมเท่านั้น
มันคือการดำรงอยู่ที่แท้จริง
หากสัญชาตญาณสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
ปัญญาญาณก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน
ผ่านจิตใจที่ใสสะอาด ว่าง และ ปล่อยวาง...."

บางส่วนจากหนังสือ "Intuition - Osho"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาญาณหรือ Intuition เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันให้ดี
พวกเราอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า "tuition" ซึ่งหมายถึงการสอน
การสอนเป็นเรื่องที่อยู่นอกตัว จำเป็นต้องพึ่งพิงอิงผู้สอน
ส่วนปัญญาญาณเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเรา
เป็นการสอนที่มาจากข้างใน
ไม่ใช่สิ่งที่หยิบยืมมาจากข้างนอก
อะไรก็ตามที่มาจากภายนอกไม่ใช่ปัญญา
ปัญญาเป็นการเห็นด้วยตัวเอง
เป็นความสามารถในการมอง
เป็นช่องทางของวิสัยทัศน์
เป็นความชัดที่เกิดจากตัวเรา

ที่ทำให้เราเข้าใจความลึกลับของการดำรงอยู่"


บางส่วนจากหนังสือ "Intuition - Osho"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"การรู้" คือ การนิ่งเงียบ เงียบสนิท
จนท่านได้ยินเสียงความเงียบ เป็นเสียงเบา ๆ จากภายใน
"การรู้" คือ การสลัดทิ้งความคิดทั้งหลาย
เมื่อท่านสงบนิ่งไม่ไหวติง
ไม่มีสิ่งกวัดแกว่งอยู่ภายใน
ทันใดนั้นประตูก็จะเปิด
ท่านจะเป็นส่วนหนึ่งของความลึกลับที่บังเกิด
ท่านจะรู้ได้โดยการกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน
ท่านได้มีส่วนร่วมอยู่ในนั้น
และนั่นคือ "การรู้"


บางส่วนจากหนังสือ "Intuition - Osho"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"ความรู้สร้างระยะห่าง
ความรู้แบ่งแยกระหว่าง...
'ความเป็นเรา'กับ'ความเป็นเขา'
ความรู้แบ่งแยก ประธาน
ออกจาก กรรม
แยก ผู้รู้
ออกจาก สิ่งที่ถูกรู้
แยก ผู้สังเกต
ออกจาก สิ่งที่ถูกสังเกต
ความรู้ได้แบ่งแยกสิ่งต่าง ๆ
อย่างที่ไม่สามารถจะนำมาเชื่อมประสานกันได้อีก"

บางส่วนจากหนังสือ "Intuition - Osho"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"อะไรคือความแตกต่างระหว่างความรู้ (konrledge)กับการรู้(knowing)
ถึงแม้ว่าความหมายในพจนานุกรมอาจจะดูไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก
หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ความรู้เป็นเรื่องของทฤษฎี แต่การรู้เป็นเรื่องของประสบการณ์
การรู้จึงหมายถึงการที่เราต้องเปิดตาของเราให้กว้าง ๆ เพื่อที่เราจะได้เห็นมัน
ในขณะที่ความรู้นั้นหมายถึงการที่ใครบางคนได้เห็นบางสิ่งบางอย่าง
แล้วก็นำมาเล่าให้เราฟัง เราเป็นเพียงผู้ที่เก็บข้อมูลเข้าไป
ความรู้จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้แม้สายตาของเราจะมืดบอดก็ตาม
ถึงตาเราจะบอดเราก็สามารถมีความรู้เรื่องแสงได้
แต่การรู้นั้นจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าเราตาบอด
การรู้จะเป็นได้ก็ต่อเมื่อเราได้รักษาดวงตาของเราให้หายสนิท
จนสามารถมองเห็นได้อีกครั้ง

การรู้จึงเป็นประสบการณ์โดยตรงของเรา
ในขณะที่ความรู้เป็นของที่ไม่แท้ เป็นของที่แปลกปลอม
ความรู้ทำให้เราถูกตัดขาดออกจากองค์รวม"

บางส่วนจากหนังสือ "Intuition - Osho"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 22:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"การใช้ปรีชาญาณเป็นสิ่งจำเป็น หัวสมองต้องทำหน้าที่ของมัน
มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ถ้ามันอยู่ในที่ของมัน
แต่อย่าลือว่ามีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่เหนือการเข้าถึงของหัวสมอง
และเมื่อท่านเคลื่อนเข้าไปในอาณาบริเวณนั้น
ท่านต้องรู้จักที่จะวางการใช้หัวสมองของท่านไว้บ้าง
เราเรียกความสามารถและวิจารณญาณที่ยืดหยุ่นนี้ว่า “ปฏิภาณไหวพริบ”
เราต้องไม่สับสนระหว่างปรีชาญาณ และ ปฏิภาณไหวพริบ
ปรีชาญาณเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปฏิภาณไหวพริบ
ปฎิภาณไหวพริบเป็นปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก
มันครอบคลุมไปกว้างขวางกว่าปรีชาญาณ
ปรากฏการณ์ชีวิตไม่ใช่เรื่องที่อาศัยแต่ปรีชาญาณเท่านั้น
ชีวิตต้องอาศัยปัญญาญาณด้วย ปฏิภาณไหวพริบก็ต้องอาศัยปัญญาญาณ
การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายมักจะมาจากการใช้ปัญญาญาณ ไม่ใช่จากปรีชาญาณ
เราต้องไม่ลืมว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไปในตัวเรา
ปรีชาญาณเป็นแค่เพียงสิ่งที่อยู่บริเวณผิว ๆ รอบนอกเท่านั้น
มันคือส่วนที่เป็นเส้นรอบวง มันไม่ใช่จุดศูนย์กลางของการดำรงอยู่ของท่าน
จุดศูนย์กลางของชีวิตท่านคือ ปัญญาญาณ

เมื่อท่านผลักเอาปรีชาญาณไปวางหลบไว้ข้างหนึ่ง
ในที่สุดแล้วสิ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในตัวท่านก็จะเริ่มทำงาน
ฟังดูแล้วอาจจะเข้าใจยากสักหน่อยหนึ่งเพราะเรามักจะคุ้นเคยกับบริเวณผิว ๆ รอบนอก
แต่เมื่อสิ่งที่อยู่ ณ จุดศูนย์กลางของท่านเริ่มทำงาน
มันจะเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
สิ่งที่อยู่รอบนอกนั้นหากจะเปรียบก็คงเปรียบได้กับ อัตตา ตัวตนของเรา
ในขณะที่ส่วนที่เป็นจุดศูนย์กลางอาจเปรียบได้กับหลักของเต๋า
มันไม่ใช่ตัวเรา มันไม่ได้เป็นของข้าพเจ้า แต่มันคือส่วนหนึ่งของเอกภาพ
สิ่งที่อยู่รอบ ๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของท่าน เป็นเรื่องของข้าพเจ้า
แต่สิ่งที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นของข้าพเจ้าหรือเป็นของท่าน มันคือสิ่งเดียวกัน
และนั่นคือ ความเป็นหนึ่งเดียว

....

การเข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ของการเข้าสู่จุดศูนย์กลาง
การที่ท่านจะเข้าสู่จุดศูนย์กลางนี้ได้
ท่านจำเป็นต้องใช้พลังในการเคลื่อนย้ายตัวท่านออกจากริมขอบ
มันเป็นการเคลื่อนย้ายในระดับที่เรียกว่า “ก้าวกระโดด” เลยทีเดียว"

บางส่วนจากหนังสือ "Intuition - Osho"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: ปัญญาญาณ คือ ความรู้ที่ผุดขึ้นมาในขณะที่จิตสงบในระดับฌาน เพราะตอนนั้นจิตแทบปรุงแต่งอะไรไม่ได้เลย แต่กลับมีความรู้ทางธรรมที่ผุดขึ้นมาสอนจิต ที่เรียกว่า จิตสอนจิต ใช่หรือไม่ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 15:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กษมมาตา เขียน:
:b39: ปัญญาญาณ คือ ความรู้ที่ผุดขึ้นมาในขณะที่จิตสงบในระดับฌาน เพราะตอนนั้นจิตแทบปรุงแต่งอะไรไม่ได้เลย แต่กลับมีความรู้ทางธรรมที่ผุดขึ้นมาสอนจิต ที่เรียกว่า จิตสอนจิต ใช่หรือไม่ค่ะ


เอกอนมีความเห็นในเรื่องนี้ว่า จิต ไม่ได้สอนอะไร
จิต รู้

:b1:

จิตรู้อะไร เราก็รู้ในสิ่งที่เขารู้ น่ะ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: ดิฉันเคยได้ฟังวิทยุธรรมมะนะคะ ไม่ทราบว่าพระรูปใด แต่ ท่านบรรยายว่าเมื่อจิตสงบเป็นสมาธิ จะมีความรู้เกิดขึ้นมากมาย เรียกว่า จิตสอนจิต ซึ่งเป็นความรู้ที่มิได้เกิดจากการคิดปรุงแต่ง จะเกิดกับผู้ฝึกฝนตนเองจนชำนาญ ประมาณนี้แหละค่ะ เลยสงสัยว่า มันคือปัญญาญาณ หรือเปล่า เพราะคล้ายๆ กับที่ข้อความที่คุณนำมาโพสต์ตอนต้นๆ นะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 23:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพ่อพุธ..หรือเปล่า?

หากเป็นหลวงพ่อพุธ..ท่านจะบอกต่อไปอีกว่า..

ให้มีสติรู้ทันความรู้นั้น...

ท่านว่า...บางคนทำสมาธิก็เห็นแต่ความคิดไม่สงบเลย...ก็เลยคิดว่าตัวเองฟุ้งซ่าน

ปล. ความคิดฟุ้งที่เกิดตอนมีสมาธินะ...ไม่ใช่ตั้งท่าคิดตั้งแต่ตอนแรก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร