วันเวลาปัจจุบัน 20 มิ.ย. 2025, 20:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2011, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว




g..jpg
g..jpg [ 41.32 KiB | เปิดดู 1850 ครั้ง ]
คำอธิบาย: wat
g.jpg
g.jpg [ 49.57 KiB | เปิดดู 1850 ครั้ง ]
คำอธิบาย: ven srivichai
gg.jpg
gg.jpg [ 40.69 KiB | เปิดดู 1850 ครั้ง ]
เรื่องเล่าของครูบาฯ ศรัทธามีชีวิต
โดย : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร บทความโดยอัครวิทย์ ชูเกียรติศิริชัย

วิหารวัดจามเทวี สร้างขึ้นจากศรัทธาของครูบาศรีวิชัย
สถูปบรรจุอัฐิครูบาศรีวิชัย วัดจามเทวี

ภาพถ่ายครูบาศรีวิชัย ในพิพิธภัณฑ์วัดจามเทวี

นับเป็นความโชคดีที่ได้เกิดและเติบโตในสังคมพราหมณ์-พุทธ-ผี ซึ่ง ‘ความดี’ ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ ทำให้คนธรรมดามีโอกาสได้เลือกที่จะจดจำ ‘เรื่องเล่า’ ของ ‘ใครบางคน’ ในหลากหลายมิติ นั่นคือช่องทางที่ทำให้ สงฆ์ โจร ชี เศรษฐี ยาจก ฯลฯ มีโอกาสที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็น ‘เรื่องเล่า’ ประจำท้องถิ่นได้มากพอๆ กัน โดยขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่าง ‘สถานที่’ ‘เวลา’ และ ‘อุดมการณ์ส่วนบุคคล’


ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่เกิดในปีมะแม ซึ่งมีพระธาตุดอยสุเทพเป็นพระธาตุประจำปีเกิดตามเรื่องเล่าฉบับตำนานของทางล้านนา ทำให้ผู้เขียนมีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัยในฐานะผู้นำทางความเชื่อซึ่งสามารถรวบรวมกลุ่มคนหลายชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงใหม่ให้ร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพจนสำเร็จ หลังจากนั้นเรื่องเล่าเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัยที่กระจัดกระจายอยู่ในความทรงจำของคนเมืองหลวงก็กลายเป็นเรื่องของพุทธพาณิชย์ ซึ่งก้าวไม่พ้นอิทธิปาฏิหาริย์ที่มาพร้อมกับธุรกิจพระเครื่อง


จนเมื่อประสบการณ์ชีวิตได้นำพาคนไกลถิ่นให้มีโอกาสตั้งรกรากชั่วคราวในจังหวัดเชียงใหม่ ครูบาศรีวิชัยจึงกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจตามแบบฉบับชาวพุทธแบบไทยๆ ซึ่งเมื่อดิ้นรนจนสุดแรงแล้วยังไปไม่ถึงฝั่งผันก็จำต้องหันไปพึ่งพา ‘ความศักดิ์สิทธิ์’ สิ่งที่วิทยาศาสตร์มองว่าเป็นเรื่องของความงมงาย และนั่นก็คือเรื่องเล่าของ ‘ครูบาศรีวิชัย’ ในสายตาคนนอกวัฒนธรรมล้านนาอย่างผู้เขียน


แต่สำหรับผู้คนในจังหวัดลำพูน ‘ถิ่นกำเนิด’ ของ ‘นักบุญแห่งล้านนา’ เรื่องเล่าเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัยไม่ได้เป็นเพียงความทรงจำในอดีต แต่ยังเป็น ‘พลัง’ ที่หมุนเวียนในความคิดและวิถีชีวิตคนทำงานทางสังคมในปัจจุบัน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อทิศทางการ ‘ขับเคลื่อน’ อนาคตของลำพูน

ครูบา’ ความทรงจำร่วมที่หลากหลาย
“ถ้าถามในท้องถิ่นเรื่องเล่าเกี่ยวกับครูบามันเป็นความทรงจำที่ดี คือมันไม่ได้ห่างเหมือนกรณี พระนเรศวร หรือจามเทวี หรืออย่างกรณีของเจ้ากาวิละ ความทรงจำเหล่านั้นมันไม่ได้ทำให้ชาวบ้านมีแนวคิดหรือศรัทธามากนัก ส่วนเรื่องของครูบาศรีวิชัยมันเพิ่งเกิดไม่ถึงร้อยปี มันเป็นเรื่องของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ มันเป็นเรื่องที่ร่วมสมัย บางคนเคยเห็นวัตรปฏิบัติของท่านในการต่อสู้ เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณในเรื่องของการช่วยเหลือ ในเรื่องการค้ำจุนพระพุทธศาสนา ครูบาศรีวิชัย ในมุมมองของชาวบ้านคือคนที่ถูกรังแกจากภาครัฐ ส่วนนี้มันทำให้พลังศรัทธามันต่อเนื่องตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตจนกระทั่งท่านไม่มีชีวิตแล้ว มันก็ยังมีศรัทธาที่ส่งต่อถึงลูกหลาน วัยรุ่นทุกวันนี้ก็ยังศรัทธาในเรื่องของครูบาที่ต่างกันไป” นเรนทร์ ปัญญาภู หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน หนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมขับเคลื่อนพิพิธภัณฑ์วัดจามเทวี กล่าวถึงความสำคัญของครูบาศรีวิชัยในความทรงจำของคนลำพูน ก่อนที่จะเล่าถึงความทรงจำที่หลากหลายเกี่ยวกับครูบาในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
ต่อไปว่า


“ถ้าเราไปถามในกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เขาเชื่อว่าครูบาศรีวิชัยเป็นองค์หนึ่งในภาคของพระโพธิสัตว์ ซึ่งหากเขาได้ช่วยก็เหมือนเขาได้ช่วยพระศรีอาริย์ที่จะไปบรรลุ แล้วตัวครูบาศรีวิชัยเองก็กระทำตนเหมือนกับว่าปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป จะมีการจารึกอยู่ในคัมภีร์ มันทำให้ความเชื่อนี้มันฝังอยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง


“แต่สำหรับคนเมืองเห็นวัตรปฏิบัติของท่าน ว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์ ถือสัจจะ มีศีลธรรม ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เป็นพระภิกษุที่พูดน้อย ไม่สะสมทรัพย์ ทำแต่งาน ทำให้มันเกิดความศรัทธาขึ้นมาในกลุ่มคนทางภาคเหนือ บางคนก็ไม่ได้เห็นครูบา แต่ฟังเขาพูดต่อกันมาก็อยากจะฝากเงินไปทำบุญกับครูบา เพราะถือว่าถ้าได้ทำบุญร่วมกับครูบาศรีวิชัยก็จะเกิดบุญกุศลยิ่งใหญ่”
ข้อมูลจากหัวหน้าพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูนสะท้อนให้เห็นถึง ‘ความหลากหลาย’ ของ ‘ความทรงจำ’ เกี่ยวกับครูบาศรีวิชัยที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ แต่ที่สำคัญก็คือ ‘เรื่องเล่าเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัย’ ไม่ได้มีความหมายเป็นเพียงเครื่องมือที่เอาไว้ใช้รำลึกนึกถึงอดีตเท่านั้น หากเต่ในปัจจุบันเรื่องเล่าของท่านยังเป็น ‘พลังสำคัญ’ ในการขับเคลื่อนกิจกรรมภายในท้องถิ่น อีกด้วย

‘หริภุญชัย’ กลุ่มคนรุ่นใหม่หัวใจครูบาฯ
“ในเรื่องศรัทธาที่มีต่อครูบาเป็นความทรงจำร่วมที่มันบอกต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ศรัทธาโดยที่ยังไม่เคยเห็นตัวตนด้วยซ้ำ แต่เห็นจากวัตรปฏิบัติ ในความเชื่อนั้นอาจจะดูจากพ่อแม่ที่เราเชื่อฟังสั่งสอนมา มันก็ส่งผลต่อเด็กเยาวชนรุ่นหลังที่ทำงานโดยตั้งเอาไว้ว่าการทำงานจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบ เสียสละอย่างจริงจัง แล้วก็การไม่สะสมทรัพย์ คือจะทำอะไรก็ทำให้จบไปเป็นงวดๆ หาเงินเองไม่ร้องขอต่อภาครัฐ เงื่อนไขตรงนี้มันก็เกิดขึ้นจาก ครูบาศรีวิชัย


“เพราะว่ามันมีการถ่ายทอดมาเป็นช่วงๆ อย่างภาคอื่นอาจจะไม่มีเรื่องวิถีกลุ่มหนุ่มสาว ซึ่งกลุ่มหนุ่มสาวก็คือเรื่องวัยรุ่นที่อยู่ในหมู่บ้านคิดจะทำอะไรขึ้นมาก็ต้องลงขันกันเองมาสมัครเป็นสมาชิก สมมติว่าจะสร้างศาลาซักศาลาหนึ่งก็อาจจะต้องจัดงานขึ้นมาซักงานหนึ่ง ซึ่งมันต่างจากที่อื่นที่เด็กซึ่งเป็นเครือข่ายจะได้รับเงินจากองค์กรแล้วก็ต้องทำตามเขา แต่อันนี้คิดจะทำเองมันเลยเกิดกลุ่มลักษณะอย่างนี้ โดยใช้สัญลักษณ์ของ ครูบาศรีวิชัยเป็นตัวเคลื่อน เป็นกลุ่มที่ขับรถเวสป้า ทำกิจกรรมในเมือง แล้วเขาก็ยึดถือแนวทางของครูบาคือแนวทางการเสียสละไว้”


นเรนทร์ ปัญญาภู กล่าวถึง ‘พลัง’ จากเรื่องเล่าของครูบาศรีวิชัยที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในความรู้สึกของเยาวชนในจังหวัดลำพูน จนส่งผลให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาท้องถิ่นจากพลังของคนรุ่นใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่ม ‘หริภุญชัย’ กลุ่มหนุ่มสาวที่มีมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะในการขนส่ง ‘ความหวัง’ มาแบ่งปันให้ท้องถิ่น โดยไม่ต้องรอพึ่งพิงการเมืองกระแสหลัก




“ถ้ามองแบบครูบาก็คือ ไม่หวังพึ่งรัฐบาล ไม่สนใจรัฐบาลเลย เพราะว่าช่วงนั้นมันจะมีเรื่องของหัววัดต่างๆ ซึ่งจะมีการปกครองเป็นเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ อะไรต่างๆ แต่ครูบาไม่ได้สนใจ ครูบายังถือกิจวัตรของพระสงฆ์ล้านนาที่ยังปฏิบัติกันอยู่..."



“ครูบาท่านสอนหลายๆ อย่าง ครูบาสอนให้อย่ายึดติดกับวัตถุ ครูบามีแต่ศีลแต่พรให้ ครูบาจะทำอะไรแต่ละอย่างครูบาลงมือทำเอง ซึ่งเหมือนกัน พวกผมก็ลงมือทำของพวกผมไป...ผมอยากจะเป็นกลุ่มหนุ่มสาวไปตลอดถึงจะแต่งงานผมก็ยังอยากจะทำกิจกรรมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็จะมีน้องๆ ที่จะสืบทอดต่อไปอีกที” แกนนำกลุ่มหริภุญชัย กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มภายใต้ทรงผมแอฟโฟร


นั่นคือเรื่องเล่าเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัยซึ่งยังเคลื่อนไหวอยู่ในความทรงจำของ นเรนทร์ ปัญญาภู และ ชยุตรา หน่อจีน่า ซึ่งทำให้คนนอกวัฒนธรรมรับรู้ว่า ‘ครูบาศรีวิชัย’ ไม่ได้มีชีวิตผ่านคำบอกเล่ากันแบบปากต่อปาก หากแต่ ‘วัตรปฏิบัติ’ ที่ถูกส่งทอดให้กับกลุ่มคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างหากที่ทำให้เรื่องราวของท่านไม่เคยถูกลืมเลือน


ในอนาคตอันใกล้เรื่องเล่าเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัยทั้งจากปากคำของผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งเคยอยู่ร่วมสมัยกับครูบาฯ ตลอดจนเอกสารต่างๆ ทั้งในส่วนที่ชื่นชม และในส่วนที่ไม่นิยมชมชอบก็จะถูกนำมาเก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน เพื่อรอให้กลุ่มผู้สนใจได้เข้ามาศึกษาหาความหมายของ ‘ครูบาฯ’ ที่เป็นมากกว่า ‘ความทรงจำ’

Tags : ครูบาศรีวิชัย
.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2011, 07:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.พ. 2011, 07:40
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับสำหรับเรื่องดีๆ ไม่ทราบว่าถ้าอยากศึกษาเรื่องของครูบาเพิ่มเติมจะไปหาข้อมูลได้จากที่ไหนบ้างครับ ถ้ามีโอกาสผมอยากรู้จักกับท่านผู้เขียนและทีมงานครับ เผื่อมีโอกาสจะได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องของครูบาเจ้า......ไม่รุ้ว่าท่านมีบทความเกี่ยวกับเรื่องของครูบาอีกบ้างไหม ผมอยากจจะอ่านและศึกษาเพิ่มเติมครับ...chiawchan_en@hotmail.com....ขอบคุณครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร