วันเวลาปัจจุบัน 08 ต.ค. 2024, 03:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2010, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์


หลวงพ่อเดิม กับ ตาแป๊ะไล่ห่าน

สวัสดีครับท่านที่เคารพ วันนี้ขอนำเรื่องของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ มาเรียนเสนอ (เป็นข้อเขียนของคุณสุรเวทย์ เสนภูษา จากคำบอกเล่าของคุณประดิษฐ์ ลิ้มประยูร) หลวงพ่อเดิมนี่ท่านมีอภินิหารมาก จนชาวบ้านขนานนามท่านว่า “เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำสี่แคว” เรื่องของท่านที่น่าสนใจมีมากมาย ถ้ามีโอกาสจะนำเรื่องของท่านมาเรียนเสนออีกหลายๆ ตอนครับ และแถมท้ายด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พอเป็นอุทาหรณ์ในทางธรรม...เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรียนเชิญติดตามได้ดังต่อไปนี้ครับ...

เรื่องนี้ข้าพเจ้าได้ยินมาจากนายเฟื้อ คนบ้านเก้าเลี้ยว เรื่องมีอยู่ว่า ตาแป๊ะไล่ห่าน แกจะชื่อจริงอะไรก็ไม่ทราบได้ แต่ชาวบ้านเรียกแกว่าอย่างนั้นจนติดปาก ตาแป๊ะไล่ห่านเป็นเถ้าแก่รับซื้อข้าวจากชาวนาในสมัยโน้น

ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ราคาข้าวเกวียนละถึง ๓๐ บาท เพราะเป็นระยะสงครามข้าวยากหมากแพง ตาแป๊ะไล่ห่านแกจึงหากำไรจากการซื้อข้าวจากชาวนาในราคาถูก แล้วเอามาขายส่งโรงสีในราคาแพง ลำพังซื้อถูกกดราคาก็พอทำเนาอยู่ แต่ตาแป๊ะไล่ห่านแกเล่นโกงตาชั่งเข้าไปด้วย ชาวนาสมัยก่อนไม่ใช่ชาวนาสมัยนี้ เรื่องจะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของตาแป๊ะไม่ต้องหวัง ตาแป๊ะไล่ห่านก็โกงตาชั่งชาวนา ได้กำไรทบซ้ำเข้าไป แถมเวลาตวงหากชาวนาเผลอก็จะถูกโกงเข้าไปอีก เพราะตวงเกินแต่ไม่ได้นับ

แกประพฤติตนเช่นนี้จนมีฐานะดีขึ้นทันตาเห็น ความลับไม่มีในโลก ลูกจ้างที่แกจ้างไปแบกข้าว ขนข้าวกับแกนั้นเกิดขัดใจกับแกขึ้นมา ด้วยเรื่องส่วนแบ่งที่ไม่ค่อยจะเป็นธรรม จึงลาออกและเที่ยวได้ไปโพนทะนากับชาวบ้านให้รู้ทั่วกัน ว่าตาแป๊ะไล่ห่านโกง แต่ก็นั่นแหละเสียงนกเสียงกาจะมีคนฟังบ้างก็เป็นส่วนน้อย เพราะชาวนาส่วนใหญ่เชื่อว่าตาแป๊ะแกไม่โกง

นายสนเป็นชาวนาที่รวมอยู่ในพวกที่เชื่อว่าตาแป๊ะโกงตาชั่ง จึงได้แอบตวงข้าวของตนแล้วจดนับเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบกับของตาแป๊ะไล่ห่าน


ครั้นเมื่อตาแป๊ะมารับซื้อข้าวก็ตวงมาและคิดเงินให้ ปรากฏว่าน้อยกว่าจำนวนที่นายสนแกสำรวจเอาไว้ นายสนจึงโวยวายขึ้นและขอสอบตาชั่ง แต่มีหรือที่ตาแป๊ะไล่ห่านแกจะยอมจำนน แกแสยะยิ้มแล้วเอามือกดหัวตาชั่งของแกมาข้างหน้า (ตาชั่งเป็นแบบคานใช้ลูกน้ำหนักถ่วง) เจ้าตุ้มถ่วงน้ำหนักที่แกเตรียมโกงเอาไว้ก็เลื่อนออกจากที่ ตาชั่งก็ตรงดังเดิม นายสนทดสอบก็เท่ากับน้ำหนักจริง จึงจำใจขายข้าวให้ไปเพราะหมดปัญญาเถียง ด้วยว่าที่นายสนได้รับฟังมานั้นลูกจ้างเถ้าแก่ไล่ห่านไม่ได้ล่วงรู้ถึงสายสนกลใน ในการโกงตาชั่งของตาแป๊ะอย่างละเอียด

และแล้วในที่สุด ตาแป๊ะไล่ห่านก็เจอดีเข้าจนได้ โดยกำนันปลิวได้รับทราบพฤติกรรมของตาแป๊ะไล่ห่านในการโกงตาชั่ง เมื่อตาแป๊ะไปซื้อข้าวที่บ้านของญาติ กำนันก็ไปคุมดูโดยตรวจสอบจำนวนไว้เช่นเดียวกับนายสน ครั้นขอชั่งทดสอบ ตาแป๊ะไล่ห่านก็ใช้วิธีเดิมในการโกง กำนันปลิวหมดปัญญาจึงลากมือตาแป๊ะไล่ห่านไปยังวัดที่อยู่ใกล้ๆ นั้น เพราะได้ข่าวว่าหลวงพ่อเดิมท่านได้รับนิมนต์มานั่งอุปัชฌาย์อุปสมบทนาคหมู่

ตาแป๊ะไล่ห่านมากราบหลวงพ่อเดิมพร้อมกับกำนันปลิว กำนันปลิวเล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟัง พร้อมทั้งเสริมท้ายว่า อ้ายผู้ร้ายปากแข็ง โกงหาตัวจับยาก หลวงพ่อท่านก็ไม่ว่าอะไร ท่านถามตาแป๊ะไล่ห่านว่า

“เถ้าแก่โกงตาชั่งเขาจริงๆ หรือเปล่า”

ตาแป๊ะไล่ห่านยิ้มเห็นฟันเหลืองตอบว่า “อาหลงพ่อ อั๊วบอริสุก ค้าขายกงไปกงมา ตาชั่งอีก็ทดสอบลูแล้ว ไม่ได้ผิดน้ำหนัก แล้วจามาหาว่าอั๊วโกงล่ายอย่างไล อาหลงพ่อลองคิดดูซิครับ”

หลวงพ่อนั่งนิ่งคล้ายใช้ความคิด และเอ่ยขึ้นว่า “แน่นะเถ้าแก่ ถ้าไม่เป็นดังปากพูด มอดมวนลงกินข้าวเปลือกหมดนาเถ้าแก่”

ตาแป๊ะไล่ห่านคิดในใจว่า ฮี่ธ่อ มอดที่ไหนจะมากินข้าวเปลือก เห็นมีแต่มอดกินไม้กินข้าวสาร ซี้ซั้วต่า รับปากส่งเดชไปก็แล้วกัน ว่าแล้วก็ตอบสวนไปว่า “คักหลวงพ่อ อั๊วบริสุก”

หลวงพ่อโบกมือให้กลับออกไปโดยมีกำนันเดินนำหน้า ตาแป๊ะไล่ห่านเอาข้าวเปลือกที่ซื้อได้มาเข้าฉาง เก็บรวมเอาไว้เพื่อขายให้โรงสีอีกทอดหนึ่ง ฝันหวานว่าไม่นานนี้แล้วกำไรจากการขายข้าวเปลือก ที่โกงหยาดเหงื่อแรงงานเขามาได้คงจะมากมายจนนับไม่ไหว

แต่แล้วตาแป๊ะไล่ห่านก็ตกใจร้อง ไอ้หยา เมื่อวันหนึ่งลูกน้องมาบอกว่า ข้าวเปลือกในฉางที่เก็บมีแมลงอะไรก็ไม่รู้ ตัวเล็กๆ ดำๆ คล้ายกับมอดกินข้าวสาร มารุมกินข้าวเปลือกในฉางจนดำมืดไปหมด ตาแป๊ะไล่ห่านเสียวสันหลังวูบ หรือว่าคำสาบานของตนจะเป็นจริง

รีบตาลีตาเหลือกไปดูก็แทบสิ้นสติ เพราะมอดลงกัดกินข้าวเปลือกเป็นการใหญ่ ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ คงวอดวายหมดแน่ จึงรีบไปเอายาฆ่าแมลงที่ใช้สำหรับทำลายมอดที่มีอยู่ มาให้ลูกน้องทำการฆ่ามอด แต่ดูเหมือนว่ามันจะเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ


ข่าวเรื่องมอดลงกินข้าวเปลือกของตาแป๊ะไล่ห่านลือกันให้แซดไปหมด กำนันปลิวได้ยินเข้าก็ถ่มน้ำลายบอกว่า สมน้ำหน้า นี่แหละไปล้อเล่นกับหลวงพ่อ ดีแล้วให้มันหมดตัวเพราะมันโกงเขามา

ไม่กี่วันตาแป๊ะไล่ห่านก็โผล่มาที่บ้านกำนันปลิว ขอร้องให้พาไปวัดหนองโพ กำนันปลิวหมั่นไส้ก็หมั่นไส้ สงสารก็สงสาร เพราะกำนันปลิวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตาแป๊ะไล่ห่านต้องไปสาบานกับหลวงพ่อเดิม ก็เลยพาไปหาหลวงพ่อที่วัด แต่ไม่พบจึงต้องไปที่วัดหนองหลวง เมื่อเข้าไปกราบหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อก็พูดขึ้นว่า

“ไงล่ะ เอาเข้าแล้วใช่ไหม กรรมมันให้ผลเร็วนะ อ้าวก็ว่าบริสุทธิ์ไม่ใช่หรือเถ้าแก่”

ตาแป๊ะไล่ห่านหน้าซีดนึกในใจว่า ไอ้หยายังไม่ทันจะบอก อาหลงพ่อก็ลู้เลี้ยว ซี้แน่คราวนี้ เลยปากคอสั่นทำอะไรไม่ถูก หลวงพ่อจึงให้ไปขอขวดจากกรรมการวัด มาให้ท่านบรรจุน้ำมนต์ปลุกเสกให้เรียบร้อย แล้วก็สั่งว่า

“เอาไปพรมฉางให้ทั่วนะ ตัวแมลงที่เกิดจากกรรมของเถ้าแก่จะหมดไป ข้าวที่ได้มาโดยบริสุทธิ์จะคงเหลืออยู่ ส่วนที่เถ้าแก่โกงเขามาก็จะถูกทำลายไป นี่เพราะกรรมของเถ้าแก่เองไม่มีใครทำให้”

ตาแป๊ะไล่ห่านควักเงินจากกระเป๋า มามอบให้กรรมการวัดหนองหลวง เพื่อช่วยในการก่อสร้างถาวรวัตถุ หลวงพ่อมอบเหรียญให้ตาแป๊ะไล่ห่านเหรียญหนึ่ง พร้อมทั้งตะกรุดโทนให้อีกดอก สั่งกำชับว่าตะกรุดให้ติดตัวไว้ เพราะกรรมที่เถ้าแก่โกงชาวบ้านเขายังไม่หมด ตะกรุดจะช่วยให้หนักเป็นเบา

ตาแป๊ะไล่ห่านกลับมาที่ฉาง เอาน้ำมนต์พรมไปจนทั่ว สองวันต่อมามอดตัวดำๆ ก็อันตรธานหายไป หลังจากทำลายข้าวเปลือกไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นจำนวนที่โกงเขามานั่นเอง และตาแป๊ะไล่ห่านก็ไปถูกปล้นที่ส้มเสี้ยว ในระหว่างไปซื้อข้าว พวกโจรยิงไม่ออก จึงช่วยกันทุบตาแป๊ะไล่ห่านจนน่วม แต่ไม่ถึงตาย คนร้ายเข้าใจว่าตาย ตาแป๊ะไล่ห่านไม่ตาย แต่หูตึงไปข้างหนึ่งเพราะถูกตีทัดดอกไม้อย่างหนัก ตั้งแต่นั้นมาเถ้าแก่ไล่ห่านก็หันเข้าหาความสุจริต รับซื้อข้าวเปลือกด้วยความซื่อตรงจนสิ้นชีวิตไป ลูกหลานของแกก็ดำเนินอาชีพสืบมา”

อานิสงส์แห่งธรรมทานที่กระผมได้นำมาเรียนเสนอนี้ หากจะพึงมี ขอกราบอุทิศถวายครูบาอาจารย์และท่านผู้มีพระคุณ รวมทั้ง คุณประดิษฐ์ ลิ้มประยูร ผู้เล่าเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ ณ ภพ ณ ภูมิไหน โปรดอนุโมทนาด้วย...เทอญ


:b8: ที่มา :: http://www.dharma-gateway.com/

:b44: ประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27108

:b44: ประมวลภาพ “หลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร” วัดหนองโพ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=19652

:b44: หลวงพ่อจรัญ เล่าเรื่องหลวงพ่อเดิม
: เมื่ออาตมาไปเล่าเรียนวิชากับ “หลวงพ่อเดิม”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35214

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2010, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2006, 14:49
โพสต์: 1342


 ข้อมูลส่วนตัว www


มุสา มักมีโทษเสมอ ยิ่งสาบานยิ่งไปกันใหญ่ สาธุครับ

:b4: :b8:

.....................................................
.. ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2011, 06:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบ กราบ กราบ _/i\_ _/i\_ _/i\_ หลวงพ่อเดิมเจ้าค่ะ
อนุโมทนาสาธุๆค่ะ ขอบพระคุณค่ะสําหรับธรรมทาน :b8: :b8: :b8:

กรรมอย่างเดียวเป็นที่มาและที่ไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2011, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ค่ะ ลูกจะตั้งมั่นอยู่ในความดี :b8:
:b44: :b44: :b44: :b42: :b42: :b42: :b45: :b45: :b45:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร