วันเวลาปัจจุบัน 22 พ.ค. 2025, 14:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 11:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 13:16
โพสต์: 279

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




aaa.jpg
aaa.jpg [ 7.56 KiB | เปิดดู 2128 ครั้ง ]
ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เที่ยง

ชีวิต คือ อนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่เที่ยง

เกิดมาแล้วก็ตายจากโลกนี้ไป ชีวิตแล้วชีวิตเล่า

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดียรัจฉาน คน หรือภพภูมิอื่น ๆ ก็ตาม

วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์อันยาวนานนี้ไม่รู้อีกเท่าไร?


ดังนั้น หากเราไม่เริ่มศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ

เราก็จะไม่มีวันรู้ความจริงของชีวิต ก็ตายไปด้วยความไม่รู้

สะสมความไม่รู้อีก ชาติแล้วชาติเล่า

ไม่รู้ว่า จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้ฟังธรรมอีกหรือไม่ ?
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2010, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus58.jpg
Lotus58.jpg [ 3.51 KiB | เปิดดู 2028 ครั้ง ]
:b48: ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง

เมื่อได้ฟังคำพูดคนที่ได้ทะเลาะเบาะแว้ง ด่าทอกัน แย่งผลประโยชน์
กันแล้ว มีคำถามขึ้นในจิตใจว่า เป็นเพราะอะไรหนอ และเมื่อคิดไป
แล้วคงไม่พ้นต้นเหตุมาจากจิต

เพราะคนเหล่านั้นรู้แต่ว่า ความรู้สึกนึกคิดเป็นกู เป็นตัวตนของกู
เจ็บก็กู ปวดก็กู ดีใจก็กู เสียใจก็กู ยึดอยู่แต่ในรูป รู้แบบยึดมั่นถือมั่น

ถ้าเรามีสติ รู้เท่าทันความคิดของเราที่จิตมันปรุงแต่งขึ้น เหตุการณ์
ดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น หรือความไม่พอใจนั้นอาจน้อยลงไป

เนื่องจากรู้เพิ่มขึ้นว่า รูปคือร่างกายนี้ มันเป็นเพียงรูปธรรม
ร่างกายคือของเน่าเหม็น ร่างกายเป็นของปฏิกูลโสโครก

ดังนั้นผู้ใฝ่ในโลกุตระขั้นต้น คือ พระโสดาบัน จำเป็นต้องละกิเลส
คือ สักกายทิฏฐิ ตัวนี้ให้ได้ก่อน เพราะตราบใดที่อารมณ์ความรู้สึก
เรื่องของตัวกู ยังไม่สิ้นจากจิตจากใจแล้ว พึงหวังได้ว่าชีวิตนี้ไม่มี
โอกาสได้บรรลุธรรม พระโสดาบัน แน่นอน

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ บอกอุปสรรคที่ขวางกั้นไว้ว่าอัธยาศัย
ของคนโดยมากยังกำหนัดอยู่ในกาม เห็นว่ากามารมณ์ที่ดีเป็นสุข
ส่วนที่ไม่ดีเห็นว่าเป็นทุกข์ จึงได้ปฏิบัติในบุญกิริยาวัตถุ มีการฟัง
ธรรม ให้ทานรักษาศีล หรือภาวนาบ้างเล็กน้อย

เพราะความมุ่งเพื่อจะได้สวรรคสมบัติ มนุษยสมบัติ เป็นต้น เบื้อง
หน้าเมื่อกายแตกตายไป ย่อมถึงสุคติบ้าง ไม่ถึงบ้าง แล้วแต่วิบากจะ
ซัดไป เพราะยังไม่ปิดอบายเพราะยังไม่บรรลุโสดาปัตติผล

ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้กล่าวเรื่องสักกายทิฏฐิ ไว้ให้พิจารณาดังนี้

สักกายทิฏฐิ คือความเห็นว่ากายนี้เที่ยงแท้เป็นของตน ก่อให้เกิด
ความไม่สงบอย่างที่เห็นได้ไม่ยาก การร้องไห้ ความรัก ความเกลียด
ความหึงหวง ความโกรธ ฯลฯ

เหล่านี้ล้วนมีมูลมาจากความเห็นว่ากายนี้เป็นของตน ซึ่งทำให้
พลอยรวมเอาของที่เนื่องกับกายของตนมาเป็นของ ๆ ตนไปด้วยอีก
ต่อหนึ่ง

ร่างกายนี้ประกอบด้วยวัตถุธาตุต่าง ๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ไม่ใช่ตัวตนอันเป็นแก่นสารสำคัญอะไรนัก แต่ความรู้สึกของคน
ผู้เป็นเจ้าของไม่อย่างนั้น กลายเป็นรู้สึกว่า กายนี้แหละเป็นตนเอา
เสียทีเดียว

ในบรรดาความหลง เที่ยวเอานั่นเอานี่มาเป็นตน หลายต่อหลาย
อย่างด้วยกันนั้น ท่านยกเอาความที่เข้าไปเห็นว่า "กาย" เป็น
"ตน" นี้ขึ้นเป็นข้อแรก

เพราะ "กาย" เป็นสิ่งที่ความหลงของคนเราจะต้องคว้าหยิบขึ้นมา
เป็น "ตน" ก่อนสิ่งอื่น คือก่อนที่จะคว้าเอาจิตใจ หรือธรรมขึ้นมา
เป็นตัวตน ท่านจัดไว้เป็นกิเลสชั้นละเอียดข้อแรกที่สุด

มีผู้รู้ได้กล่าวเรื่องสักกายทิฏฐิไว้ว่า เป็นความเห็นเป็นเหตุถือตัว
ถือตน โดยทั่วๆ ไปก็คือความรู้สึกเป็นเรา เป็นเขา เป็นพวกเราพวก
เขาหรือสำนักนี้ นิกายนั้น

กล่าวโดยสรุปแล้ว ความเห็นเป็นเหตุว่า เราเป็นรูป รูปเป็นเรา และ
ยังเห็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณในทำนองเดียวกันด้วย

พระสุธรรมยานเถระ หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้กล่าวเกี่ยวกับ
สักกายทิฏฐิไว้ในด้านปฏิบัติว่า คืออารมณ์ขั้นต้นของพระโสดาบัน
กับสกิทาคามี หมั่นพิจารณากายว่า ชีวิตนี้ต้องตายสักวันหนึ่ง

ก่อนจะหลับตานอนเราก็คิดว่า หลับคราวนี้จะได้ตื่นเห็นพระ
อาทิตย์วันใหม่หรือไม่ก็ไม่ทราบ เราอาจจะต้องตายระหว่างที่เรา
กำลังหลับหรือก่อนสว่างก็ได้ พอสว่างแล้วตื่นขึ้นมาก็มีความรู้สึกว่า
จะได้เห็นกลางคืนของคืนวันนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบ

ชีวิตเป็๋นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง

พระโสดาบันก็มีอารมณ์คล้ายคลึงกับคนธรรมดา ยังต้องการความ
ร่ำรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง แต่ว่าทุกสิ่งอย่างอยู่ในขอบเขต
ของศีล

ฉะนั้นความสะเทือนใจย่อมมี แต่ว่าพระโสดาบันไม่ละเมิดศีล ไม่
ผิดกาเม ความต้องการรวยยังมี แต่ว่าไม่โกงใคร ไม่ละเมิดศีล
โกรธได้แต่ไม่ฆ่าใคร หลงในชีวิตแต่ไม่คิดว่าร่างกายจะไม่ตาย
ขอบเขตเขามีแค่นั้นนะ จะไปนึกว่าพระโสดาบันเขาไม่มีความรู้สึก
ไม่ได้ ถือว่าเป็นชาวบ้านชั้นดี

สังคมใดก็ตามถ้ายังมีความคิดยึดติดในตัวบุคคล ไม่ถือธรรมเป็น
หลักการนำหน้า และไม่เป็นไปเพื่อไถ่ถอนความยึดมั่นถือมั่นแล้ว
ตราบนั้นความศานติย่อมไม่เกิดขึ้น


ที่มา :: Oknation

กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญและกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ tongue tongue tongue

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร