วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2010, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: เมื่อเรากลายเป็น “ของมัน” :b8: :b8:

:b53: เคยสังเกตไหมว่าเวลาเพื่อนทำกระเป๋าเงินหาย
เราสามารถสรรหาเหตุผลมาได้มากมายเพื่อช่วยให้เธอทำใจ
(ยังดีที่ไม่เสียมากกว่านี้, ถือว่าใช้กรรมก็แล้วกัน,เงินทองเป็นของนอกกาย ฯลฯ)
ในทำนองเดียวกันเวลา เพื่อนอกหัก ถูกแฟนทิ้ง
เราก็รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรเพื่อให้เธอปล่อยวาง
แต่เวลาเราประสบเหตุอย่างเดียวกัน กลับทำใจไม่ได้
เอาแต่เศร้าซึมจ่อมจมอยู่กับความสูญเสีย
คำแนะนำดี ๆ ที่ให้กับเพื่อนกลับเอามาใช้กับตัวเองไม่ได้
บ่อยครั้งก็นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะทำใจอย่างไร
ใช่หรือไม่ว่าสาเหตุที่เราสามารถแนะนำเพื่อนได้อย่างฉาดฉาน
ก็เพราะเงินของเพื่อน ไม่ใช่เงินของฉัน แฟนของเพื่อน ไม่ใช่แฟนของฉัน
เราจึงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเท่าใดนัก ปัญญาจึงทำงานได้เต็มที่
แต่เมื่อใดที่เหตุร้ายเกิดกับเงินของฉัน หรือกับแฟนของฉัน
อารมณ์จะท่วมท้นใจจนนึกอะไรไม่ออก


:b53: ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังเท่ากับคำว่า “ของฉัน”
ไม่ว่าความวิบัติจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม หากมันไม่เกี่ยวข้องกับ
“ของฉัน”
เราก็ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาด้วย แต่ทันทีที่มีอะไรมากระทบกับ
“ของฉัน”
แม้เล็กน้อยเพียงใด มันกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที


:b53: หลายคนดูข่าวแผ่นดินไหวในอิหร่านที่มีคนตายนับแสนคนด้วยความรู้สึกเฉย ๆ
แต่จะขุ่นเคืองไปทั้งวันเมื่อพบว่ารถของตนมีรอยขีดข่วนที่ตัวถัง
สาเหตุที่ผู้คนยอมเหนื่อยยากทำงานตัวเป็นเกลียวก็เพื่อรักษาและเพิ่มพูน
“ของฉัน”ให้มากที่สุด
ความยึดอยากให้ทุกอย่างเป็น
“ของฉัน”ทำงานอยู่ในส่วนลึกของจิตใจตลอดเวลา
แม้เก้าอี้ในโรงหนังที่เพิ่งมานั่งได้ไม่กี่นาที เราก็เรียกว่า
“เก้าอี้ของฉัน”ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

:b53: แต่เราเคยสังเกตไหมว่า ทันทีที่ยึดอะไรก็ตามว่าเป็น “ของฉัน”
เรากลายเป็น
“ของมัน”ไปทันที เราจะยอมทุกข์เพื่อมัน
ถ้าใครวิจารณ์เสื้อของฉัน ตำหนิรถของฉัน เราจะโกรธและจะแก้ต่างให้มัน
บางครั้งถึงกับแก้แค้นแทนมันด้วยซ้ำ ถ้าเงินของฉันถูกขโมย
เราจะทุกข์ข้ามวันข้ามคืนทีเดียว

คนจำนวนไม่น้อยยอมตายเพื่อรักษาสร้อยเพชรไว้ไม่ให้ใครกระชากเอาไป
บางคนยอมเสี่ยงชีวิตฝ่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้บ้านเพราะกลัวอัญมณีจะถูกทำลายวายวอด
ฉะนี้แล้วควรจะเรียกว่ามันเป็น
“ของฉัน” หรือฉันต่างหากที่เป็น “ของมัน”

:b53: เป็นเพราะหลงคิดว่ามันเป็น “ของฉัน”
ผู้คนทั้งโลกจึงกลายเป็น
“ของมัน”ไปโดยไม่รู้ตัว มีชีวิตอยู่ก็เพื่อมัน
ยอมทุกข์ก็เพื่อมัน ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่ามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด
แต่ก็ใช้เวลาไปอย่างไม่เสียดายก็เพื่อมัน
ซ้ำร้ายกว่านั้นหลายคนยอมทำชั่ว อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณก็เพื่อมัน


:b53: ยิ่งยึดมั่นว่าทรัพย์สมบัติเป็นของฉัน เรากลับกลายเป็นทาสของมัน
จิตใจนี้อุทิศให้มันสถานเดียว
เศรษฐินีเงินกู้คนหนึ่ง เป็นโรคอัลไซเมอร์ในวัยชรา จำลูกหลานไม่ได้แล้ว
แต่สิ่งเดียวที่จำได้แม่นก็คือสมุดจดบันทึกทรัพย์สิน ทุกวันจะหยิบสมุดเล่มนี้มาพลิกดูไม่รู้เบื่อ
แม้ลูกหลานจะชวนสวดมนต์หรือฟังเทปธรรมะ ผู้เฒ่าก็ไม่สนใจ
จิตใจนั้นรับรู้ปักตรึงอยู่กับเงินทองเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อสิ้นลมผู้เฒ่าจะนึกถึงอะไรและจะไปสุคติได้หรือไม่


:b53: ไม่ว่าจะมีเงินทองมากมายเพียงใด เมื่อตายไปก็ไม่มีใครเอาไปได้แม้แต่อย่างเดียว
นั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อทรัพย์สมบัติ
แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ หากหวงแหนติดยึดมันแม้กระทั่งในยามสิ้นลม
มันก็สามารถฉุดลงอบายได้


:b53: ถ้าไม่อยากเป็น “ของมัน” ก็ควรถอนความสำคัญมั่นหมายว่ามันเป็น “ของฉัน”
การให้ทานเป็นวิธีการเบื้องต้นในการฝึกจิตให้ถอนความสำคัญมั่นหมายดังกล่าว
ถ้าให้ทานอย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับเท่านั้น
หากยังเป็นประโยชน์แก่ผู้ให้ ประโยชน์ประการหลังมิได้หมายถึง
ความมั่งมีศรีสุขในอนาคตเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือช่วยลดความยึดติดในทรัพย์“ของฉัน”
แต่อานิสงส์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเราให้โดยไม่ได้หวังอะไรกลับคืนมา
หากให้เพื่อมุ่งประโยชน์แก่ผู้รับเป็นสำคัญ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพระหรือไม่ก็ตาม
และเมื่อให้ไปแล้วก็ให้ไปเลย โดยไม่คิดว่าของนั้นยังเป็นของฉันอยู่


:b53: การให้ทานและเอื้อเฟื้อเจือจานเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้แก่จิตใจ
ทำให้ไม่ทุกข์เมื่อประสบความสูญเสีย ในทางตรงข้ามคนที่ตระหนี่
แม้จะมีความสุขจากเงินทองที่พอกพูน
แต่หารู้ไม่ว่าจิตใจนั้นพร้อมที่จะถูกกระทบกระแทกในยามเสียทรัพย์ แม้จะเป็นเรื่องที่จำเป็นก็ตาม


:b53: ชาวอินเดียผู้หนึ่งเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก
วันหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่าเธอปวดท้องและปวดศีรษะมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล
หมอจึงสั่งตรวจเลือดและทำอุลตร้าซาวด์ เพราะเกรงว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ
พอรู้เช่นนี้เขาจึงสั่งให้ภรรยารีบหนีออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น
แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปด่าหมอว่าเห็นแก่เงิน
สั่งตรวจเลือดและทำอุลตร้าซาวด์โดยไม่จำเป็น
หมอพยายามอธิบายอย่างไรเขาไม่ยอมเข้าใจ.......
ต่อมาเขามีเหตุต้องเข้าโรงพยาบาลเดียวกันนั้นเพื่อผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
เขาต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวันเนื่องจากมีการติดเชื้อ
ค่าใช้จ่ายจึงเป็นจำนวนมาก วันสุดท้ายที่เขาอยู่โรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินได้มาเก็บเงินจากคนไข้ถึงในห้อง
ทันที่เขาเห็นตัวเลขค่าใช้จ่าย ก็เกิดอาการช็อคและสิ้นลมคาเตียง


:b42: เงินนั้นมีไว้ใช้ แต่เมื่อใดที่เผลอใจกลายเป็นของมันไป
มันก็สามารถทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตได้ :b42:


นิตยสารซีเครท : Vol.2 No.50 26 July 2010
Joyful Life & Peaceful Death เมื่อเรากลายเป็น “ของมัน”

พระไพศาล วิสาโล

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 22 ก.ย. 2010, 17:58, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2010, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธู นะครับคุณ o.wan


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร