วันเวลาปัจจุบัน 30 พ.ค. 2025, 05:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2010, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

เ ข้ า วั ด ทำ ไ ม
พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ
สถานพำนักสงฆ์บ้านบุญ บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา


จงมีสติเป็นที่พึ่ง
เรามีสติที่ไหนก็อยู่กับธรรมะที่นั้น ไม่ผิดพลาดในที่นั้น
สถานที่เราอยู่ถึงจะกลางกรุงก็ตาม
มีสติอยู่ในใจก็สงบเหมือนวัดป่าได้


ส่วนผู้อุตส่าห์มาอยู่ในวัดแล้วปล่อยสติให้ขาดบ่อยๆ
ในขณะที่ไม่รู้ตัว วัด ก็ไม่ใช่ วัด สำหรับผู้นั้น ในขณะนั้น
ซ้ำร้าย เผลอแล้วอาจทำลายบรรยากาศที่อบอุ่น
และสามัคคีของชาววัดคนอื่นไปเสียด้วย

เพราะผู้ไม่มีสติ ทำอะไรมักไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อคนอื่น
เชื่อฟังแต่อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
จึงพร้อมที่จะทำให้คนอื่นที่ตั้งใจมาอยู่วัด
ไม่ค่อยได้อยู่วัดเหมือนกัน
บาปกรรมก็ทวีขึ้น ความสงบได้แต่ชื่อ

ฉะนั้น ผู้ต้องการอยู่ที่วัด อย่าให้แม่เหล็กแห่งโลกดึงดูดไป
สำรวมกาย วาจา ใจ เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์คนอื่น
เอาใจเขาใส่ใจเรา


มาตรฐานของวัดมันสูงกว่ามาตรฐานของสังคมโลก
บางสิ่งที่ชาวโลกเขาทำกัน โดยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
คนวัดรังเกียจถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับผู้ละอายและเกรงกลัวบาป

ถ้าธรรมดาก็ธรรมดาของกิเลส
ไม่ใช่ธรรมดาของทางสายกลาง


คนที่อยู่ในที่รกรุงรัง เขาเห็นของสกปรกก็ไม่ค่อยได้คิดอะไร
เพราะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของที่รก
แต่คนที่อยู่ในที่สะอาด ก็รู้สึกว่าของสกปรก
แม้แต่เล็กน้อยเป็นมลทิน รู้สึกว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2010, 23:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


บาง คนเข้าวัดใหม่ๆ มักจะสงสัย
ดูเหมือนกับว่าจิตใจมีกิเลสมากกว่าอยู่ที่บ้าน
ที่จริงไม่ใช่เพียงแต่ว่าฉากขาว ของเปื้อนเห็นได้ชัดขึ้น

ดังนั้น ผู้ที่มาวัด
ต้องปรับการประพฤติของตนให้เข้ากับมาตรฐานของวัด


อย่าพึ่งดึงมาตรฐานของวัดลงไปสู่มาตรฐานส่วนตัว
อย่านำนิสัยเสียดั้งเดิมเข้ามาแพร่เชื้อโรคในหมู่อุบาสกอุบาสิกาเลย
เอาของโลกมาทับถมวัดจะน่าเกลียด
เอาความดีของเรามาเสริมความดีของเขาดีกว่า
ให้เราทุกคนสังวรสำรวม โดยเฉพาะในการพูด


อยู่ในวัดเราจะคุยเหมือนที่บ้านไม่ได้
ต้องพูดแต่เรื่องที่น่าฟังผู้ชอบพูดหยาบ ต้องงดโดยเด็ดขาด
ใครชอบถากถางเสียดสี ชอบกระแนะกระแหน
อยู่นอกกำแพงดีกว่า มาวัดจะพูดอย่างนั้นไม่ได้

แต่พูดอะไรก็ตาม พยายามให้เป็นสุภาษิต
คือพูดเรื่องจริงที่เป็นประโยชน์ ถูกกาละเทศะ ด้วยความหวังดี
และด้วยสำนวนอ่อนโยน


แล้วพิจารณาคำพูดของตัวเองบ่อยๆ ว่า

พูดอย่างนี้เหมาะไหมกับการเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์
ถามบ่อยๆ ว่า ถ้าเกิดครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือที่สุด
เช่น หลวงพ่อชา ได้ทราบว่า เรากำลังจะพูดอะไร
ท่านจะพอใจไหม ? ท่านจะสาธุไหม?

วาจาของเราอยู่ในระดับที่เรียกว่า อริยะขันธศีล
เป็นที่พอใจของพระอริยเจ้าหรือยัง


การเข้าวัดก็เพื่อยกฐานะของตัวเองให้สูงขึ้น
ในเบื้องต้นต้องกระเสือกกระสนให้จิตออกจากที่มืด
ขึ้นไปอยู่บนทางไปสู่แดนสว่าง

พระพุทธองค์ให้เราไม่สันโดษกับสิ่งดีที่เราได้เจริญแล้ว
แต่ให้เราหมั่นทำให้ความดีนั้นดียิ่งๆ ขึ้นไป
เห็นแสงอยู่ปลายอุโมงค์ ต้องเดินให้ถึง
ทางก็พอเดินได้ ขาเราก็มี เราจะมัวโอ้เอ้ทำไม...


:b8: :b8: :b8:

(คัดลอกบางตอนมาจาก : เข้าวัดทำไม ใน "ร่อนทอง" โดย ชยสาโรภิกขุ,
พิมพ์ครั้งที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๓ โดยคณะศิษย์และญาติมิตรเพื่อพิมพ์แจกเป็นธรรมทาน, หน้า ๓๒-๓๓)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2010, 02:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2010, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b20: สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณโรส

:b48: ธรรมรักษาค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2010, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 02:06
โพสต์: 811

อายุ: 0
ที่อยู่: มหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มาตรฐานของวัดมันสุงกว่ามาตรฐานของสังคมโลก
บางสิ่งที่ชาวโลกเขาทำกัน โดยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
คนวัดรังเกียจถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับผู้ละอายและเกรงกลัวบาป

ถ้าธรรมดาก็ธรรมดาของกิเลส
ไม่ใช่ธรรมดาของทางสายกลาง


สาธุครับ :b8:

.....................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2010, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus255.jpg
Lotus255.jpg [ 89.59 KiB | เปิดดู 3682 ครั้ง ]
:b39: เข้าวัดทำไม

ตอน "เข้าวัดแล้วได้อะไร

เรื่องการเข้าวัดนี่มีทัศนคติที่ไม่ค่อยเหมือนกัน
บางคนถามว่า "เข้าวัดแล้วได้อะไร"
บางคนก็ว่า "ไม่ต้องไปเข้าหรอก เข้าแล้วไม่ได้อะไร วัดกับบ้านก็เหมือนกัน ถ้าเราเป็นคนดีเสียอย่าง"

ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลย และถ้าท่านทั้งหลายจะเข้าวัด ก็ต้องรู้ว่าเราจะเข้าเพื่ออะไร จะได้ตอบเขาได้ อาตมาประมวลอย่างนี้ การเข้าวัดนั้น
๑ เปลี่ยนสังคม
๒ใช้สังขาร
๓ ฝึกสันดาน
๔ ประหารกิเลส
๕ พบความวิเศษ คือ สติปัญญา

เปลี่ยนสังคม คนเรานี่ ถ้าจะทำความดี ก็ต้องเข้าสังคมคนดี จะมาบอกว่าอยู่บ้านได้เท่ากับวัด ไม่จริง แต่ถึงแม้ว่าเข้าวัด ก็เลือกวัดเข้า ตรงนี้จะให้ผลที่แตกต่างกัน ถ้าอยากสนุกก็ต้องเข้าเธค คลับ ผับ บาร์สิ ถ้าสถานที่นั้นไม่สนุก ด้วยบรรยากาศไม่สนุก มันก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร

ดังนั้น สังคมแต่ละอย่าง ให้อารมณ์ ให้ประโยชน์แต่ละอย่างไป และสังคมแต่ละอย่าง ก็ให้ความดี ความเลว
แตกต่างกันไป การเข้าวัดเป็นการเปลี่ยนสังคม

ใช้สังขาร สังขารเรานี่ มันจะเปลี่ยนอยู่แล้ว เปรียบเสมือน บ้านเก่า เรือนเก่า จิตมันก็จะออกไปจากตัวเราแล้ว ก็ต้องใช้สังขารให้เป็นประโยชน์ต่อการทำความดี

งาน "กรรมกร" ทำกันมาตลอดชีวิตแล้ว เข้าวัด ลองทำงาน "กัมมัฏฐาน" ดู
"กรรมกร" ก็งาน "กัมมัฏฐาน" ก็งาน
แต่ "กรรมกร" งานทางกาย "กัมมัฏฐาน" งานทางจิต
ดังนั้น เราจึงใช้สังขาร และเมื่อเข้าวัดนี่ สังขารใช้มาก
ใช้อะไร ใช้พิจารณาเป็น "วิปัสสนากัมมัฏฐาน"
นี่เขาเรียกว่า "ใช้สังขารให้เป็นประโยชน์"

ฝึกสันดาน สันดานที่ไม่ดีนี่มีอยู่แล้ว แล้วก็อารมณ์ที่ไม่ดี กิเลสที่ไม่ดี มีอยู่แล้ว"
แขกดีมาปีละหนสองหน แขกฉิบหายขายตนมาทุกวันๆ"
คือความคิดดีๆและบุญกุศลมาไม่มาก มาปีละหนสองหน แต่ที่ว่า "แขกฉิบหายขายตนมาทุกวันๆ" คือ
ความเกียจคร้าน ความเอาแต่ใจ ความอยากได้ใคร่ดี
ความอิจฉาริษยานี่ มันมาทุกวัน ถ้ามาแล้ว มันจะเป็น "สันดาน" เหมือน "สันดอนกลางแม่น้ำ"เป็นอันตรายมาก ดังนั้น ก็เป็นการที่เรียกว่า "ฝึกสันดานเสีย กำจัดสันดอน" อันเป็นกิเลสนอนเนื่อง ที่เขาเรียก "สันดาน"

ประหารกิเลส กิเลสอะไรก็แล้วแต่ เมื่อเข้าวัดแล้วก็รับฟังคำแนะนำ ประหารเสีย

พบความวิเศษคือ สติปัญญา แต่ว่าความวิเศษนี้ ไม่ใช่เหาะเหินเดินเวหาได้
- อย่าไปอยากเหาะได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นนก
ไปบินทับหัวชาวบ้าน ไปขี้รดหัวชาวบ้านเขา
- อย่าไปอยากดำน้ำได้ ปลามีอยู่แล้ว ดำน้ำได้
- อย่าไปอยากดำดินได้ ไส้เดือนมีอยู่แล้ว
อย่างนั้นไม่ใช่วิเศษ ถ้ามีจิตคิดอย่างนั้น
ตายไปก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ว่า

ความวิเศษนั้น เกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีความ "วิสุทธิ" คือ "ความหมดจดจากกิเลส"

ดังนั้น ปัญญานั่นแหล่ะเป็นเหตุให้พบสิ่งที่วิเศษที่สุด ก็คือ "ความวิสุทธิ" ได้แก่ "ความหมดจดของพวกเรา" นี่คือประโยชน์ของการเข้าวัด

เพราะฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลาย ยังไม่อยากเข้าวัด "วัดเลือกคน คนเลือกวัด" วัดก็เลือกคนเข้า คนก็เลือกวัดเข้า และเมื่อจะเข้าแล้วได้อะไรก็เรียงลำดับ

เปลี่ยนสังคม
ใช้สังขาร
ฝึกสันดาน
ประหารกิเลส
พบความวิเศษ คือ สติปัญญา

ตรงนี้คือ ประโยชน์ของการเข้าวัด

จากหนังสือ "คติธรรมนำชีวิต" เล่ม ๑ โดย "พระพิพิธธรรมสุนทร" วัดสุทัศน์เทพวราราม

กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ tongue tongue tongue

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2010, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ


ซึ้งจับใจมากๆค่ะ :b20: :b20: :b20: :b20: :b20: :b20: :b20:


เราเองก็น้อมคำสอนเหล่านี้มาใส่ใจตลอดเลย เพราะเราคิดว่า ตอนนี้เรายังไม่ตาย คือ ยังมีโอกาส แต่เราไม่ได้บวช ยังคงทำงานอยู่ทางโลกซึ่งก็จะรอเวลาไม่ได้ อนาคตไม่แน่นอน นอนๆหยุดหายใจไปหรือก้าวขาลงจากเตียงเกิดลื่นหัวฟาดก็ตายแล้ว ดังนั้นต้องยกระดับจิตใจตัวเองไว้ตลอดเวลา เอาใจไปใกล้วัด น้อมความประพฤติของการอยู่วัดมาไว้ในตัวเรา แม้ตัวไกลวัดไกลครูบาอาจารย์แต่ต้องใกล้ชิดคำสอนของท่านให้มาก คำสอนของพระพุทธเจ้าสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้วเรายังมีโอกาสได้เรียนรู้ อย่าเพิกเฉย หายใจทิ้งไปวันๆไม่เอาเด็ดขาด

อนุโมทนาคุณเจ้าของกระทู้ที่มาโพสค่ะ ได้บุญมากเลยนะคะเนี่ย เราคนหนึ่งซาบซึ้งมากๆ :b20:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร