วันเวลาปัจจุบัน 06 มิ.ย. 2025, 08:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 23.27 KiB | เปิดดู 4796 ครั้ง ]
"จิต"
คำสอนของฮวงโป
พุทธทาสภิกขุ แปลไทย


ท่านครูบาได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า :
พระพุทธเจ้าทั้งปวงและสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย
นอกจากเป็นเพียง จิตหนึ่ง เท่านั้น
นอกจาก จิตหนึ่งนี้แล้ว มิได้มีอะไรตั้งอยู่เลย
จิตหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่อาจถูกทำลายได้เลย,
มันไม่ใช่ของมีสีเขียว หรือสีเหลือง และไม่มีทั้งรูปทั้งการปรากฏ,
มันไม่ถูกนับรวมอยู่ในบรรดาสิ่งทั้งที่มีการตั้งอยู่, และไม่มีการตั้งอยู่,
มันไม่อาจถูกลงความเห็นว่าเป็นของใหม่หรือเก่า, มันไม่ใช่ของยาว ของสั้น ของเล็ก ของใหญ่
ทั้งนี้เพราะมันอยู่เหนือขอบเขต เหนือการวัด เหนือการตั้งชื่อ เหนือการทิ้งร่องรอยไว้
และเหนือการเปรียบเทียบทั้งหมดทั้งสิ้น
จิตหนึ่งนี้เท่านั้น ที่เป็น พุทธะ


ธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ ดั้งเดิมของเรานั้น
เป็นสิ่งที่ไม่มีความหมายแห่งตัวตนแม้แต่สักปรมาณูเดียว
สิ่งนี้เป็นความว่าง
เป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกที่ทุกแห่ง .... สงบเงียบและไม่มีอะไรเจือปน
มันเป็นศานติสุขที่รุ่งเรืองและเร้นลับ และก็หมดกันเพียงเท่านั้นเอง
จงเข้าไปสู่สิ่งนี้ให้ลึกซึ้ง โดยการลืมตาต่อมัน ด้วยตัวของเธอเองเถิด


จิตหนึ่งนั่นแหละคือ พุทธะ ไม่มีพุทธะอื่นใดที่ไหนอีก,
มันแจ่มจ้าและไร้ตำหนิ เช่นเดียวกับ ความว่าง
คือมันไม่มีรูปร่างหรือปรากฏการณ์ใดๆ เลย
เขาไม่รู้หรอกว่า ... ถ้าเขาเอาเพียงแต่หยุดความคิดปรุงแต่ง
และหมดความกระวนกระวายเพื่อการแสวงหาเพียงเท่านั้น
พุทธะ ก็จะปรากฏตรงหน้าเขา


การใช้จิตของเธอให้ปรุงความคิดฝันไปต่างๆนั้น
เท่ากับเธอละทิ้งเนื้อหาอันเป็นสาระเสีย
แล้วไปผูกพันตัวเองกับรูปธรรม ซึ่งเป็นเหมือนกับเปลือก


จิต เป็นเหมือนความว่าง
ซึ่งภายในย่อมไม่มีความสับสนและความไม่ดีต่างๆ
ดังจะเห็นได้ในเมื่อดวงอาทิตย์ ผ่านไปในที่ว่างนั้น ย่อมส่องแสงไปได้ทั้งสี่มุมโลก
....เพราะว่าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และให้ความสว่างทั่วทั้งพื้นโลก....
ความว่างที่แท้จริงก็ไม่ได้สว่างขึ้น
.....และเมื่อพระอาทิตย์ตก....
ความว่างก็ไม่ได้มืดลง
ปรากฏการณ์ของความสว่างและความมืดย่อมสับเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
แต่ธรรมชาติของความว่าง ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง
จิตของพุทธะและของสัตว์ทั้งหลาย... ก็เป็นเช่นนั้น
ถ้าเธอมองดู พุทธะ
ว่าเป็นผู้แสดงออกซึ่งความปรากฏของสิ่งที่บริสุทธิ์ผ่องใสและรู้แจ้ง ก็ดี
หรือมองดูโลกทั้งหลาย
ว่าเป็นผู้แสดงออกซึ่งความปรากฏของสิ่งโง่เง่า มืดมน และมีอาการสลบไสลก็ดี
ความรู้สึกนึกคิดเหล่านั้น อันเป็นผลเกิดจากความยึดมั่นต่อรูปธรรมนั้น
จะกันเธอไว้เสีย จากความรู้อันสูงสุด
ถึงแม้ว่าเธอจะได้ปฏิบัติมาตลอดกี่กัปป์นับไม่ถ้วน
ประดุจเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาแล้วก็ตาม


เรื่องมันเพียงแต่ตื่น และลืมตาต่อ จิตหนึ่งเท่านั้น
ไม่มีอะไรที่จะต้องบรรลุถึงอะไร นี่แหละคือ พุทธะที่แท้จริง
พุทธะ และสัตว์โลกทั้งหลาย คือ จิตหนึ่งนี้เท่านั้น
ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากนี้อีกเลย


มีแต่จิตหนึ่งนี้เท่านั้น
และไม่มีสิ่งอื่นใด แม้แต่อนุภาคเดียว ที่จะอิงอาศัยได้
เพราะว่า จิตนั่นเองคือพุทธะ


จิตนี้ มิใช่จิตที่เป็นความคิดปรุงแต่ง
มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก และปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง
ฉะนั้นพระพุทธเจ้าและสัตว์โลกทั้งหลาย จึงไม่แตกต่างกันเลย
ถ้าพวกเธอเพียงแต่สามารถปลดเปลื้องตนเอง ออกมาเสียจากความคิดปรุงแต่งเท่านั้น
พวกเธอจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง


การขจัดความคิดปรุงแต่งโดยอาศัยความรู้อันเด็ดขาดว่า
ไม่มีอะไรเลยที่จะตั้งอยู่อย่างไม่ต้องแปรผัน
ไม่มีอะไรเลยที่จะอิงอาศัยได้ ไม่มีอะไรเลยที่จะมอบความไว้วางใจได้
ไม่มีอะไรเลยที่ควรเข้าไปอยู่อาศัย
ไม่มีอะไรเลยที่ตั้งอยู่ในฐานะผู้กระทำ หรือผู้ถูกกระทำ


พวกเธอจงอย่าพูกพันตัวเองกับสิ่งใด
นอกจากธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสิ่งทั้งปวง


คนธรรมดาทั่วไปทุกคนพากันปล่อยตัวไปตามความคิดปรุงแต่ง
ซึ่งอาศัยปรากฏการณ์ทั้งหลายที่แวดล้อมอยู่
เพราะฉะนั้นเขาจึงเกิดความรู้สึกที่เป็นความรักและความชัง
ถ้าขจัดปรากฏการณ์ซึ่งเป็นเครื่องแวดล้อมเหล่านั้นเสีย
เธอก็เพียงแต่หยุดความคิดปรุงแต่งของเธอเสีย
เมื่อความคิดปรุงแต่งหยุดไป ปรากฏการณ์ต่างๆที่เป็นเครื่องแวดล้อม
ก็จะกลายเป็นของว่างเปล่า
เมื่อปรากฏการณ์กลายเป็นของว่างเปล่า ความคิดก็สิ้นสุดลง


จิตของพระโพธิสัตว์ เหมือนกับความว่าง
เพราะท่านได้เพิกถอนสิ่งต่างๆออกเสียแล้ว
การเพิกถอนนั้นมีวิธีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน

1. เมื่อทุกๆสิ่งทั้งภายในและภายนอก ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ถูกเพิกถอนแล้ว
เมื่อความยึดมั่นต่างๆไม่มีเหลืออยู่ เช่นเดียวกับใน ความว่าง
เมื่อการกระทำทั้งหมด เป็นไปตามควรแก่สถานที่ และสิ่งแวดล้อมนั้นๆ
(ไม่มีกิเลสเจือปน)
และเมื่อความรู้สึกในฐานะเป็นผู้กระทำ
และความรู้สึกว่ามีตัวตน ในฐานะเป็นผู้ถูกกระทำ
นั้นถูกเลิกล้างไปหมดแล้ว นั่นคือวิธีแห่งการเพิกถอนชนิดสูงสุด

2. เมื่อในขณะหนึ่ง หนทางนี้ มีการดำเนินโดยการประกอบกุศลกรรมมีประการต่างๆ
และอีกในขณะหนึ่ง การเพิกถอนกุศลเหล่านั้นก็มีอยู่ และไม่ดำรงความหวังที่จะรับผลแห่งกุศลนั้นไว้
นั่นคือวิธีแห่งการเพิกถอนชนิดกลาง ๆ

3. เมื่อการประกอบบุญกุศลทุกชนิด ได้ทำไปเพื่อหวังที่จะได้รับผลตอบแทนของบุคคล
ซึ่งแม้จะมีความรู้เรื่องความว่าง โดยได้ยินได้ฟังธรรมะข้อนี้
แล้วทำตนประหนึ่งว่าเป็นผู้ที่ไม่ยึดถือ
นั่นคือวิธีแห่งการเพิกถอนชนิดต่ำที่สุด

วิธีชนิดแรก เหมือนกับไต้ลุกโพลง ที่ส่องยื่นไปข้างหน้า อันที่ไม่สามารถจะทำให้หลงทางไปได้
วิธีชนิดที่สอง เหมือนกับไต้ลุกโพลง ที่ส่องยื่นไปข้าง ๆ ซึ่งบางทีก็เห็นทาง บางทีก็มืด
วิธีชนิดที่สาม เหมือนกับไต้ลุกโพลง ที่ถือไขว้ไปไว้ข้างหลัง จนกระทั่งมีหลุมอยู่ข้างหน้า
ก็มองไม่เห็นทาง


ถ้าแม้เธอเข้าใจความข้อนี้
เธอก็ต้องทำความเพียรเข้มแข็งถึงที่สุด ตลอดทั้งชีวิตนี้
พวกเธอไม่อาจจะมีอะไรเป็นที่แน่นอนอยู่ทุกเวลา
ว่าจะได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวจนกระทั่งได้หายใจอีกครั้ง
หรือไม่



คำสอนของท่านฮวงโป
พุทธทาสภิกขุ แปลไทย

http://truthoflife.fix.gs/index.php?board=43.0

http://truthoflife.fix.gs/index.php?topic=197.0

http://truthoflife.fix.gs/index.php?board=38.0

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"


แก้ไขล่าสุดโดย sirisuk เมื่อ 07 ส.ค. 2010, 13:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอ อนุโมทนา สาธุ :b8: :b8: :b8:
ขอเจริญในธรรม :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร