วันเวลาปัจจุบัน 29 พ.ค. 2025, 12:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 13:20
โพสต์: 820


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


การเกิดเป็นมนุษย์นี้ ท่านว่ายากเย็นเหลือเกิน เหมือนกับ เต่าตนุตาบอดซึ่งจมอยู่ในท้องมหาสมุทร กว่าจะโผล่ขึ้นมาจากท้องมหาสมุทรนั้นมันแสนยากทั้งตาบอดเสียด้วย ไม่ทราบว่ากิ่งไม้หรือต้นขอนต่างๆ มันอยู่ที่ไหน เมื่อโผล่ขึ้นมาได้ ทั้งได้เกาะได้อาศัยไม้นับเป็นโชคลาภ

การ เกิดเป็นมนุษย์นี้ยากแสนยากลำบากเหลือเกินเพราะกว่าจะเกิดได้ ภพชาติอื่นๆ มันมีมาก สัตว์น้ำก็นับอย่างไม่ได้ สัตว์ก็นับอย่างไม่ได้และเกิดง่ายสะดวกสบาย ไม่เหมือนมนุษย์เรา

มนุษย์จึงเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ
ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา เหตุใดจึงว่าประเสริฐ
พระพุทธเจ้าหรือเหล่าพระอรหันต์
ปัจเจกพุทธเจ้าก็เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งนั้น
ไม่ใช่เกิดเป็นอันอื่น

ฉะนั้นจึงเรียกว่าเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ
ควรชำระจิตใจของตัวให้ประเสริฐ
ตามเยี่ยงอย่างที่พระพุทธเจ้าของเรา
เคยกระทำบำเพ็ญมา ไมอย่างนั้นการเกิดของเรา
ก็จะเป็นหมัน เป็นโมฆะ หาสาระอะไรไม่ได้

สัตว์เขาเกิดเขาตายเหมือนกับเรา
แต่เขาไม่ประเสริฐก็เพราะเขาไม่ได้คิดในทางดีของเขา
ตื่นมาก็หากิน อิ่มแล้วก็หลับนอน นี่เรื่องของสัตว์

ไม่ว่าสัตว์บ้านสัตว์ป่าเป็นอย่างนั้น จะจำศีลอย่างไร
จะภาวนาอย่างไร จิตใจของสัตว์ไม่เคยนึกคิดเรื่องเหล่านี้

แต่มนุษย์เราคนที่ประมาทเมินเฉย ก็ทำนองเดียวกับสัตว์ เพียงแต่กินแต่อยู่เท่านั้น
ไม่ได้คิดกำจัดกิเลสตัณหา มานะ ทิฐิละชั่ว บำเพ็ญดี มีแต่แสวงหามาใส่ปากใส่ท้องของตัว
แล้วก็หลับนอน ก็เพลิดเพลินกันไปตามเรื่องของกิเลสตัณหา

ไม่ได้คิดว่าการเกิดของตัวมันยากมันลำบาก กว่าจะได้เกิดแต่ละครั้งแต่ละหน
เมื่อไม่คิดอย่างนี้ การสะสมคุณงามความดีอะไรมันก็ไม่อยากกระทำบำเพ็ญ
เพราะเห็นว่าการเกิดไม่ยุ่งยากลำบากอะไร เพราะไม่ได้คิดถึงเหตุผลต้นปลายอะไร
เพียงเกิดได้ก็ว่าตัวเกิด ตัวดีเท่านั้น ผลที่สุดตายไป

เมื่อไมได้ทำบุญสุนทาน เมื่อไมได้สร้างคุณงามความดีอะไรไว้ จิตใจเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
เต็มไปด้วยมานะทิฐิต่างๆ ไม่มีบุญกุศลส่วนใดที่จะสนับสนุนให้ไปเกิดเป็นมนุษย์
เป็นเทพบุตร เทพธิดาหรืออินทร์พรหมได้

มันก็ไปสู่อบาย คือทางชั่วทางเสีย อบายนั้นพวกเราท่านก็ได้ยินแต่ในตำรับตำราว่า
มันทุกข์ มันยาก มันลำบาก มันรำคาญขนาดไหน อบายนั้นไม่ได้หมายถึงนรกถ่ายเดียว
เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานก็หมายถึงอบายด้วย

ที่มา http://www.buddhakhun.org/main//index.php?topic=6978.0


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร