วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 20:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2010, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




QA.jpeg
QA.jpeg [ 21.92 KiB | เปิดดู 1965 ครั้ง ]
:b42: :b42: :b42:

บุคคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน
โดย..หลวงปู่ลุน ณ อุบล

นางอวิชา ผู้งามเลิศให้นางเลือกเอาคู่รักผู้ประเสริฐชายไหนซื่อสัตย์รักใคร่จริง ๆ
ไม่ทอดทิ้งในยามวิบัติ นางพึงพอใจในชายนั้น

ชายงามมีอยู่สามคนดังนี้คือ
คนที่ ๑ ชื่อ มโนทุจริต
คนที่ ๒ ชื่อ มโนสุจริต
คนที่ ๓ ชื่อ มโนกิริยา

คนทั้งสามคนนี้ขอแจ้งไว้ให้นางทราบล่วงหน้าว่าท้าวมโนกิริยา
เป็นชายอันประเสริฐเลิศกว่าชายทั้ง ๒ ชายคนนี้เป็นชายที่อยู่นอกโลก

ถ้านางอวิชามีโชคชะตาดีทั้งนางอวิชาเทวีก็จะต้องเรียนวิชาสำเร็จชั้นมหาวิทยาลัย
เปลี่ยนนามกรใหม่ เรียกว่า นางวิชา
ในกาลนั้น จึงจะได้เป็นอัครมเหสีของท้าวมโนกิริยา

ท้าวมโนกิริยานี้เป็นลูกกษัตริย์เสวยสมบัติอยู่ในโลกอุดร
แต่ในเวลานี้ท้าวเธอยังเรียนวิชาอยู่ นามกรเดิมเวลานี้เขายังให้ชื่อเรียกว่า ท้าวมโนสุจริต
เมื่อเรียนจบชั้นมหาวิทยาลัยแล้วเมื่อใด ก็เปลี่ยนชื่อเรียกว่า ท้าวมโนกิริยา
ท้าวมโนสุจริตกับท้าวมโนกิริยาจึงนับว่า เป็นคน ๆ เดียวกัน

ส่วนนางอวิชาในเวลานี้ จึงนับว่ามีคนรักอยู่สองคน คือ ท้าวมโนสุจริต กับท้าวมโนทุจริต
คนทั้ง ๒ นี้ ต่างมีทุนคนละ ๑๐ ชั่ง (กรรมบถ ๑๐) เป็นเครื่องเลี้ยงชีพของตน
แล้วรักใคร่ชอบใจกับนางอวิชา ใครมีกำลังมากทั้งฝีปากดีก็แย่งเอานางงามไปสมสู่อยู่ด้วย

ท้าวมโนทุจริตนี้ เมื่อได้นางอวิชาไปอยู่ด้วยย่อมเอาอกเอาใจ นางอวิชาชอบรูปเสียงกลิ่นรสอย่างไร
ก็หามาให้ในทางทุจริต เป็นมิตรประจบสอพลอ ถึงเวลาตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากเหลียวแล


ส่วนท้าวมโนสุจริต ถ้ามีกำลังมากฝีปากดี ก็แย่งเอานางอวิชาไปสมสู่ด้วย หาเลี้ยงนางอวิชาในทางสุจริต
แต่ไม่ชอบปล่อยตามใจนางอวิชา ไม่ชักพาให้ยินดีในรูปเสียงกลิ่นรส มุ่งจะให้นางอวิชาได้ประโยชน์
ทั้งบอกวิชาความรู้ให้นางอวิชามีความรู้เสมอไป ทั้งเป็นมิตรที่รักใคร่ ไม่ทอดทิ้งในยามวิบัติ


แต่ถึงอย่างไรก็ตามนางอวิชาในเวลาที่ถูกชายทั้ง ๒ นี้ แย่งสิทธิ์กัน นางอวิชาย่อมผันแปลไปตามอารมณ์
อันเป็นบ่อเกิดแห่งความกำหนัดขัดเคือง ถึงกับน้ำตาไหลอาบหน้า
อันเกิดแต่บาปกรรมที่ท้าวมโนทุจริตทำไว้

ในที่สุดนางอวิชาสังเกตรู้ในชายชู้อันมีนามว่า ท้าวมโนทุจริต จะคิดอะไรก็ไม่เป็นประโยชน์
นำแต่โทษเข้ามาใส่ จึงสิ้นอาลัยไม่คบหาสมาคม ช่วยให้กำลังแก่ชายชู้อันชื่อว่า ท้าวมโนสุจริต

มโนสุจริตมีกำลังมาก จึงคิดฆ่าชายชู้อันเป็นคู่ปรปักษ์ให้ถึงแก่ความตาย ด้วยอุบายปัญญา
และวิชาความรู้ สอบไล่ได้ชั้นมหาวิทยาลัย อาจารย์เปลี่ยนชื่อใหม่เรียกว่า มโนกิริยา

ทั้งนางอวิชาก็สอบไล่ได้พร้อมกัน อาจารย์จึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ มีนามว่า นางวิชา
คนทั้ง ๒ นับว่าเป็นคู่รักกันอย่างสนิทสนม ทั้งวิชาก็สำเร็จชั้นอุดม ต่างพากันชื่นชมยินดี
สามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ในที่สุดนางวิชาก็ได้เป็นอัครมเหสีของท้าวมโนกิริยา
ท้าวมโนกิริยาก็ได้เป็นพระมหากษัตริย์ เสวยราชสมบัติแทนพระบิดา
อยู่ในกรุงศรีนครโลกอุดรนิยม ก็มีด้วยประการดังนี้


สรุปความในบุคคลาธิษฐานให้เข้ากับธรรมาธิษฐานโดยใจความย่อ ๆ ในหัวข้อที่ควรจำ
นางอวิชาคือ ความไม่รู้เท่าทันสังขาร (ไม่รู้เท่าบุญเท่าบาป) เป็นรากเหง้าเค้ามูลของกิเลสวัฏฏ
กิเลสวัฏฏจึงเป็นปัจจัยแห่งกรรมวัฏฏ


เมื่อกุศลกรรมเป็นฝ่ายมรรค ฆ่าอกุศลกรรมให้ตาย ตัวมโนสุจริตจึงกลายเป็นมโนกิริยา
เมื่อบาปตายหมดมีแต่บุญล้วน ๆ บุญนั้นท่านจึงเรียกว่า มหากิริยา ไม่เป็นกรรม
ถ้ามโนทุจริตยังมีอยู่ก็กลับเป็นคู่กันกับมโนสุจริต

มโนทุจริตกับมโนสุจริตยัง กำหนัดขัดเคือง อยู่ในโลกในอารมณ์ติดอยู่ในเบ็ญจขันธ์ ๕ ด้วยกันทั้ง ๒ ส่วน
มโนกิริยาเป็นผู้เพิกโลกออกจากธรรม เพิกอารมณ์ออกจากจิต ไม่ติดอยู่ในเบ็ญจขันธ์
เป็นผู้พ้นจากโลก พ้นจากอารมณ์ พ้นจากเบ็ญจขันธ์


ฝ่ายมโนสุจริตกับมโนทุจริตเป็นผู้ติดโลกติดอารมณ์ ก็ต้องท่องเที่ยวอยู่ในโลกในอารมณ์
ตามชั้นภูมิของตนตามกำลังของบุญและบาป

มโนกิริยาจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยโลกุตตรมโนชั้นเยี่ยม คือชั้นที่ฆ่ากิเลสโดยสิ้นเชิง

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"


แก้ไขล่าสุดโดย sirisuk เมื่อ 19 เม.ย. 2010, 11:15, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร