วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 06:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2006, 14:49
โพสต์: 1342


 ข้อมูลส่วนตัว www


นักภาวนาทั้งหลาย จิต ยังไม่สงบ และ ฌาน ก็ยังไม่ถึง อยากจะให้ปัญญามันเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถึงเกิดขึ้นก็เรียกว่า ปัญญาโลกีย์ ความอยากให้ปัญญาเกิด มันก็เป็นโลกิยะอยู่แล้ว

ปัญญาที่เป็นโลกีย์ เกิดจากการตรึก การตรอง การดูตำรา
จากการสนทนากันก็ตื่นเต้นแล้วก็เข้าใจว่าอันนั้นวิเศษพอแล้ว


พอหันมาดูตัวของตนเองมีแต่กิเลสหุ้มห่อทั้งตัว เรามาภาวนาต้องการละกิเลสในใจของตัวเอง พอภาวนาเข้าๆ เลยเป็นการสะสมกิเลสไปในตัว การอยากรู้ อยากเห็น อยากเป็นนั้น อยากเป็นนี้ ล้วนแต่เป็นกิเลสทั้งหมด

พระพุทธเจ้าให้สละสิ่งทั้งหมด แล้วทำใจให้เป็นกลางในสิ่งทั้งปวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง แล้วพิจารณาให้รู้เท่า เข้าใจ ตามความเป็นจริงในสิ่งนั้นๆ ตัวอย่าง เช่น พระอานนท์ พระอนุชาของพระพุทธเจ้าที่เป็นพหูสูตรเรียนรู้รอบในธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนจบสิ้น ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่ทอดทิ้งสิ่งทั้งปวง จะให้ถึงซึ่งความเป็นกลาง

เมื่อวันที่จะทำปฐมสังคายนา ท่านพิจารณาธรรมทั้งหลายจนอ่อนเพลียแล้วเอนพระเศียรลงจะบรรทม พระเศียรยังไม่ทันถึงพระเขนย ในขณะนั้น จิตของท่านพระอานนท์ทอดธุระหมด ไม่มีอะไรเหลือหลอ จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์

: หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
http://www.thewayofdhamma.org/page2/moradok211_3.html

.....................................................
.. ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก ..


แก้ไขล่าสุดโดย I am เมื่อ 07 มิ.ย. 2010, 11:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 09:41
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนถามคะว่า แล้วปัญญาแบบโลกุตระ มีลักษณะอย่างไรค่ะ
สาธุคะ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย แก้วกัลยา เมื่อ 07 มิ.ย. 2010, 14:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2006, 14:49
โพสต์: 1342


 ข้อมูลส่วนตัว www


โลกุตระปัญญา คือ ปัญญาที่รู้เหตุรู้ผล รู้แจ้งแทงตลอด ละได้ เว้นได้ ปล่อยวางได้ เป็นปัญญาที่รู้เห็นสัจจะธรรมความจริง คือ ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเรียกอีกอย่างว่า วิปัสสนาปัญญา หรือภาวนามยปัญญา ปัญญาที่ได้มรรคได้ผลปัญญาที่ทำให้ปุถุชนคนธรรมดา กลายเป็นพระอริยะบุคคลอันเยี่ยมในพระพุทธศาสนา

ถามว่า ปัญญาแบบนี้เกิดขึ้นตามที่ต้องการหรือเปล่า ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ ต้องปฏิบัติถึงขั้นถึงตอน หรืออบรมถึงขั้นถึงตอน ถ้าไม่ถึงขั้นถึงตอนก็ไม่ได้ อันที่จริงก็เกิดจากการอบรมมาเรื่อยๆ นั้นแหละ ทำมาเรื่อยๆ จะทำในอดีตนานเท่าใดก็ตาม หรือในปัจจุบันก็ตาม ถ้าถึงขั้นถึงตอนแล้วถ้าได้คำแนะนำ คำชี้แนะก็จะได้ปัญญา ได้บรรลุมรรคผลทันที(พุทธสาวก) เช่น :--

เรื่องพระพาหิยะ “พาหิยะเธอจงอย่าสนใจในรูป” เพียงเท่านี้ท่านก็เกิดปัญญา ที่ละได้ ตัดได้ ปล่อยได้ จนเป็นเอกทัคคะด้านตรัสรู้เร็วพลัน

เรื่องของท่านองคุลีมาล “เราหยุดแล้วแต่เธอยังไม่หยุด” เท่านั้นแหละท่านก็เกิดปัญญา ทิ้งดาบ กราบพระบาทองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอบวชจนบรรลุอรหันต์ผล

เรื่องที่พ่อพาลูกไปยิงนก ลูกถามว่า “นกตัวนี้มันทำอะไรให้พ่อ พ่อจึงยิงมัน” เท่านั้นผู้เป็นพ่อก็เกิดปัญญาคือ หยุดได้ เว้นได้ หยุดยิงนกตั้งแต่นั้นมาจนตลอดชีวิต

ปัญญานี้เมื่อจะเกิดก็เกิดในขณะจิตเดียวเท่านั้น ในแต่ละมรรคๆ เช่น โสดามรรค สกิทาคามรรค อนาคามรรค อรหัตมรรค เกิดในขณะจิตเดียวเท่านั้นแล้วก็ไม่เกิดอีก จะไม่เกิดบ่อยๆ ไม่เกิดแบบพร่ำเพรื่อ เพราะเมื่อปัญญาชนิดนี้เกิดจะสิ้นสงสัยในธรรมทั้งหลาย จะเห็น ความเกิด-ดับ ของสรรพสิ่งเสมอกัน

เจริญธรรม

:b12:

.....................................................
.. ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 09:41
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบอนุโมทนานะค่ะ ที่ให้ความรู้ให้ปัญญา สาธุคะ

tongue :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 12:41
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


I am เขียน:

ปัญญานี้เมื่อจะเกิดก็เกิดในขณะจิตเดียวเท่านั้น ในแต่ละมรรคๆ เช่น โสดามรรค สกิทาคามรรค อนาคามรรค อรหัตมรรค เกิดในขณะจิตเดียวเท่านั้นแล้วก็ไม่เกิดอีก จะไม่เกิดบ่อยๆ ไม่เกิดแบบพร่ำเพรื่อ เพราะเมื่อปัญญาชนิดนี้เกิดจะสิ้นสงสัยในธรรมทั้งหลาย จะเห็น ความเกิด-ดับ ของสรรพสิ่งเสมอกัน

เจริญธรรม

:b12:


สาธุ ๆ ๆ ขอโมทนา :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2010, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b4: :b8: :b8: :b8: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร