วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 11:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ทาน จาคะ
หากท่านละเลือกคู่ชีวิตสักคนหนึ่ง ขอให้ท่านดูว่าบุคคลคนนั้นรักตัวเองหรือไม่ เพราะคนที่ไม่รักคนเอง ทำร้ายตนเอง จะมีจิตใจไปรักผู้อื่นั้นเป็นไปไม่ได้ ผิดหลักธรรมชาติ

การให้ (ทาน) การเสียสละ (จาคะ) แบบพุทธนั้น ก็เหมือนกัน คือ ผู้ที่จะให้ หรือ เสียสละให้กับผู้อื่นได้ จะต้องรู้ที่จะให้และเสียสละให้กับตนเองก่อน ผู้ที่ไม่รู้จักให้หรือเสียสละให้กับตนเอง จะไปคิดให้หรือเสียสละให้กับผู้อื่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ โดยมาก ก็จะให้เพราะโลภ กับให้เพราะหลง ซึ่งไม่มีผลมาก ไม่มีอาณิสงค์มาก

อย่างไรที่เรียกว่าให้ตัวเอง อย่างไรที่เรียกว่าเสียสละให้กับตนเอง คือ รู้จักให้ปัญญาที่ดับทุกข์ได้ให้กับตัวเอง รู้จักเสียสละในการเรียนรู้และฝึกฝนตนเอง การทานที่มีผลมาก มีอาณิสงค์มาก คือ ทานความโลภ โกรธ หลง เช่น การไม่โกรธตอบบุคคลที่โกรธ ถือเป็นการให้ความโกรธเป็นทาน หรืออฐิฐานหลังใส่บาตรรขอให้ความโลภโกรธหลงลดลง เป็นต้น การเสียสละเวลามาศึกษาธรรม ฟังธรรมที่ถูกต้องครบถ้วน เสียสละเวลาอันมีค่าในแต่ละวันมาปฏิบัติธรรม เป็นการเสียสละที่ประเสริฐที่สุด

การเสียสละแบบนี้ ให้แบบนี้ มีผลมาก มีอาณิสงค์มาก ส่งผลถึงบรรลุมรรคผลนิพพาน การทานหรือเสียสละในรูปแบบอื่นๆ นั้นยังเป็นการทานเพราะเหตุของอุปธิ คือ ส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ ดีหน่อยที่จะไม่ลงอบายภูมิ ผู้รู้ในทุกข์ รู้การเกิดของทุกข์ รู้การดับของทุกข์ รู้วิธีการดับทุกข์ ให้ทานและเสียสละเพื่อเหตุของการสิ้นอุปธิ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2010, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อนึ่ง บุคคลนั้นแล ยังไม่ทราบในกาลก่อน จึงเป็นอันพรั่งพร้อม สมาทานอุปธิเข้าไว้ อุปธิเหล่านั้นเป็นอันเขาละได้แล้วถอนรากขึ้นแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วนแล้ว ถึงความเป็นอีกไม่ได้ มีความไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ผู้ถึงพร้อมด้วยการสละอย่างนี้ ชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจอย่างยิ่งประการนี้ ก็จาคะนี้ คือความสละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นจาคะอันประเสริฐยิ่ง

อนึ่ง บุคคลนั้นแล ยังไม่ทราบในกาลก่อน จึงมีอภิชฌา ฉันทะ ราคะกล้าอาฆาต พยาบาทความคิดประทุษร้าย อวิชชา ความหลงพร้อม และความหลงงมงาย อกุศลธรรมนั้นๆ เป็นอันเขาละได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วนแล้ว ถึงความเป็นอีกไม่ได้ มีความไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ผู้ถึงพร้อมด้วย ความสงบอย่างนี้ชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอุปสมะอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจอย่างยิ่งประการนี้ ก็อุปสมะนี้ คือความเข้าไปสงบราคะ โทสะ โมหะ เป็นอุปสมะอันประเสริฐอย่างยิ่ง ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่าไม่พึงประมาทปัญญา พึงตามรักษาสัจจะ พึงเพิ่มพูนจาคะ พึงศึกษาสันติเท่านั้น นั่น เราอาศัยเนื้อความนี้กล่าวแล้ว ฯ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 09 มี.ค. 2010, 23:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร