วันเวลาปัจจุบัน 15 ก.ค. 2025, 22:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2011, 03:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ๒๑. มิได้กล่าวในสิ่งที่กล่าว

" สุภูติ เธออย่ากล่าวว่า ตถาคตได้มนสิการว่า เราได้มีการแสดงธรรม อย่าได้มนสิการเช่นนั้น เพราะเหตุใด หากมีคนกล่าวว่าตถาคตได้มีการแสดงธรรม ก็จะเป็นการกล่าวหาพระพุทธเจ้า เพราะเขาผู้นั้นคือผู้ที่ไม่เข้าใจในวจนะของเรา สุภูติ อันว่าแสดงธรรมนั้น ไม่มีธรรมที่จะแสดง เป็นเพียงนามว่าแสดงธรรมเท่านั้น "

ก็โดยสมัยนั้นแล สุภูติผู้มีปัญญาชีพได้ทูลถามพระสุคตว่า " ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ยังจักจะมีเวไนยสัตว์ในอนาคตกาลที่ได้สดับพระธรรมนี้แล้ว บังเกิดศรัทธาจิตขึ้นหรือไม่"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า " สุภูติ ที่กล่าวนั้นไม่ใช่เวไนยสัตว์ มิไม่ใช่เวไนยสัตว์ เพราะเหตุใด สุภูติ อันว่าเวไนย-สัตว์นั้นตถาคตกล่าวว่ามิใช่เวไนยสัตว์ เป็นเพียงนามว่าเวไนยสัตว์ " :b8:

:b42: ๒๒. ไร้ธรรมที่จะได้รับ

สุภูติได้ทูลถามพระพุทธโลกนาถว่า"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธเจ้าได้อนุตตรสัมมาสัมโพธิ เป็นการได้อย่างนั้นฤา"

พระพุทธองค์ตรัสว่า " สาธุ สาธุ สุภูติ สำหรับเราในอนุตตรสัมมาสัมโพธิ แม้ธรรมเพียงน้อยนิดก็ไม่มีได้ เป็นเพียงนามว่าอนุตตรสัมมาสัมโพธิ " :b8:

:b42: ๒๓. ชำระใจปฏิบัติความดี

" อนึ่ง สุภูติ ธรรมนั้นเสมอภาค ไม่มีสูงต่ำ จึงจะนามว่าอนุตตรสัมมาสัมโพธิ เนื่องด้วยไร้อาตมะ ไร้บุคคละ ไร้สัตวะ ไร้ชีวะ มาบำเพ็ญกุศลธรรมทั้งปวง จึงจะได้อนุตตรสัมมาสัมโพธิ สุภูติ กุศลธรรมที่ได้กล่าว ตถาคตกล่าวว่า มิใช่กุศลธรรม เป็นเพียงนามว่ากุศลธรรม "
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2011, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ๒๔. บุญมิอาจเปรียบ

" สุภูติ ถ้ามีบุคคลนำเอากองแห่งสัปตรัตนะสูงเท่าเหล่าขุนเขาพระสุเมรุในมหาตรีสหัสโลกธาตุมาบริจาคทาน แต่หากมีบุคคลอาศัยวัชรปรัชญาปารมิตาสูตรนี้ แม้จะเป็นเพียงคำโศลก ๔ บาท มาสมาทานสวดท่อง และกล่าวสาธยายแก่ผู้อื่น บุญวาสนาแรกเมื่อเทียบกับบุญหลังจะไม่ถึงแม้นหนึ่งส่วนในร้อย ไม่ถึงแม้นหนึ่งในร้อยพันแสนโกฏิส่วน กระทั่งมิอาจใช้ตัวเลขอุปมาเปรียบเทียบได้ "

:b42: ๒๕. โปรดไร้การโปรด

" สุภูติ ในความหมายนี้เป็นเช่นไร เธอทั้งหลายอย่างได้กล่าวว่าตถาคตมนสิการว่า เราเป็นผู้โปรดเวไนยสัตว์ สุภูติ อย่าได้คิดเช่นนั้น เพราะเหตุใด ความจริงไม่มีเวไนยสัตว์ที่ตถาคตได้โปรดเลย หากมีเวไนยสัตว์ที่ตถาคตได้โปรด ตถาคตก็จะมี
อาตะมลักษณะ บุคคละลักษณะ สัตวะลักษณะ ชีวะลักษณะ"
:b41:

" สุภูติ ตถาคตกล่าวว่า มีเรา แท้จริงมิใช่มีเรา แต่ปุถุชนกลับคิดว่ามีเรา สุภูติ อันปุถุชนนั้น ตถาคตกล่าวว่ามิใช่ปุถุชน เป็นเพียงนามว่าปุถุชน "

:b42: ๒๖. ธรรมกายไม่ใช่ลักษณะ

" สุภูติ ในความหมายนี้เป็นเช่นไร สามารถอาศัยมหาสัปุริสลักษณะ ๓๒ เห็นตถาคตหรือไม่ "

สุภูติทูลตอบว่า " สาธุ สาธุ สามารถอาศัยมหาสัปุริสลักษณะ ๓๒ เห็นตถาคตได้ "

พระพุทธเจ้าตรัสว่า " สุภูติ หากสามารถเห็นตถาคตด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ แล้ว พระเจ้าจักรพรรดิก็คือพระตถาคตสิ "

สุภูติทูลตอบว่า " ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตามที่ข้าพระองค์ได้เข้าใจในความหมายที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไปนั้น ไม่ควรที่จะเห็นตถาคตได้ด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ได้เลย "

โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเป็นโศลกว่า

" หากอาศัยรูปเห็นเรา อาศัยเสียงวอนเรา บุคคลนี้เจริญมิจฉาธรรม ไม่อาจเห็นตถาคตได้ "

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2011, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ๒๗. ไม่ขาด ไม่สูญ

" สุภูติ เธอหากได้มีความคิดเช่นนี้ว่า ตถาคตไม่อาศัยลักษณะพร้อมมูลเป็นเหตุ ให้ได้รับอนุตตรสัมมาสัมโพธิ อย่าได้คิดเช่นนี้ว่า ตถาคตไม่ได้อาศัยลักษณะพร้อมมูลเป็นเหตุ ให้ได้รับอนุตตรสัมมาสัมโพธิ "

" สุภูติ หากเธอได้มีความคิดเช่นนี้ ผู้ที่บังเกิดอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ก็จักกล่าวว่า ธรรมทั้งปวงขาดสูญ อย่าคิดเช่นนั้นเพราะเหตุใด "

" ผู้บังเกิดอนุตตรสัมมาสัมโพธิจิตนั้น ในธรรมจักไม่กล่าวลักษณะแห่งการขาดสูญ "

:b42: ๒๘.ไม่เวทนา(ไม่รับ) ไม่โลภ

" สุภูติ หากพระโพธิสัตว์ได้นำสัปตรัตนะปูทั่วจำนวนโลกธาตุที่มีปริมาณเท่าจำนวนเม็ดทรายในคงคานที เพื่อบริจาคทาน แต่หากได้มีบุคคล แจ่มแจ้งในธรรมทั้งปวงว่าไร้อัตตา จนได้สำเร็จในขันติ พระโพธิสัตว์องค์นี้จะได้รับบุญกุศลมากยิ่งกว่าพระโพธิสัตว์องค์แรก เพราะเหตุใด สุภูติ นั่นเป็นเพราะปวงโพธิสัตว์ไม่เวทนาในบุญวาสนานั่นเอง "

สุภูติทูลถามพระพุทธองค์ว่า " ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เหตุไฉน พระโพธิสัตว์จึงไม่เวทนาในบุญวาสนา "

" สุภูติ พระโพธิสัตว์ ไม่ควรมีความโลภต่อบุญวาสนาที่ได้สร้าง ดังนั้นจึงกล่าวว่าไม่เวทนาในบุญวาสนา "

:b42: ๒๙. อริยาสง่า ศานติ

" สุภูติ หากมีบุคคลกล่าวว่า ตถาคตบ้างมาบ้างไป บ้างนั่งบ้างนอน บุคคลนี้คือผู้ที่ไม่เข้าใจเราในความหมายที่เรากล่าว เพราะเหตุใด อันตถาคตนั้นคือ ไร้การมา ทั้งไร้การไป จึงนามว่าตถาคต "

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2011, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ๓๐. หลักการเอกฆนลักษณะ

" สุภูติ หากกุลบุตร กุลธิดา นำมหาตรีสหัสโลกธาตุมาป่นเป็นธุลี ในความหมายนี้เป็นเช่นไร เหล่าธุลีนี้นับว่ามากมายหรือไม่ "

สุภูติกราบทูลว่า " มากมายยิ่งนัก ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะเหตุใด หากเหล่าธุลีนี้มีอยู่จริง พระสุคตจักไม่ตรัสว่า คือ เหล่าธุลี เพราะเหตุใด พระสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เหล่าธุลี มิใช่เหล่าธุลี เป็นเพียงนามว่าเหล่าธุลี "

" ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า มหาตรีสหัสโลกธาตุที่ตถาคตตรัสถึงมิใช่โลกธาตุ เพราะเหตุใด หากโลกธาตุมีอยู่จริง ก็คือเอกฆนลักษณะ ตถาคตตรัสว่าเอกฆนลักษณะมิใช่เอกฆนลักษณะ เป็นเพียงนามว่าเอกฆนลักษณะ "

" สุภูติ เอกฆนลักษณะนั้น คือสิ่งที่มิอาจกล่าว แต่ผู้ที่เป็นปุถุชนมักโลภยึดในเรื่องราวดังกล่าว " :b41:

:b42: ๓๑. ญาณทัศนะ ไม่เกิด

" สุภูติ หากมีบุคคลกล่าวว่า พระสัมพุทธเจ้า กล่าวอาตมะทัศนะ บุคคละทัศนะ สัตวะทัศนะ ชีวะทัศนะ สุภูติ ในความหมายนี้เป็นเช่นไร บุคคลนี้ถือว่าเข้าใจในความหมายที่เรากล่าวหรือไม่ "

" ไม่แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า บุคคลนี้ถือว่าไม่เข้าใจ ในความหมายที่พระตถาคตตรัส เพราะเหตุใด พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอาตมะทัศนะ บุคคละทัศนะ สัตวะทัศนะ ชีวะทัศนะ มิใช่อาตมะทัศนะ บุคคละทัศนะ สัตวะทัศนะ ชีวะทัศนะ "

" สุภูติ ผู้บังเกิดอนุตตรสัมมาสัมโพธิจิตนั้น ในธรรมทั้งปวง ควรที่จะรู้เช่นนี้ ควรที่จะเห็นเช่นนี้ ด้วยการเชื่อมั่นเข้าใจเช่นนี้ก็จะไม่บังเกิดธรรมลักษณะ "

" สุภูติ ธรรมลักษณะที่กล่าว ตถาคตกล่าวว่า มิใช่ธรรมลักษณะ เป็นเพียงนามว่าธรรมลักษณะ "

:b42: ๓๒. นิรมาณ มิใช่จริง

" สุภูติ หากมีบุคคลได้นำสัปตรัตนะมาเติมเต็มอสงไขยโลกธาตุอันไร้จำกัด ใช้ในการบริจาคทาน แต่หากมีกุลบุตร กุลธิดาได้บังเกิดในโพธิจิต ปฏิบัติในพระสูตรนี้ แม้ที่สุดเพียงแค่โศลก ๔ บาท มาทำการสมาทานสวดท่อง กล่าวสาธยายแก่ผู้อื่น บุญนี้ยังจะมากยิ่งกว่าอย่างแรก แต่ควรกล่าวสาธยายแก่บุคคลอื่นอย่างไรล่ะ ? ไม่ยึดในลักษณะ ตั้งมั่นอยู่ในตถาตาภาพโดยไม่หวั่นไหว เพราะเหตุใด "

" สังขตธรรมทั้งปวง ดุจฝันมายาฟองน้ำรูปเงา
ดุจนิศาชลและอสนี ควรพินิจด้วยอาการเช่นนี้แล "


ครั้นพระสัมพุทธเจ้าตรัสพระสูตรนี้จบ ผู้อาวุโสสุภูติ รวมทั้งเหล่าภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนปวงเทพ มนุษย์ อสูรทั้งหลายในโลก ที่ได้สดับซึ่งพระพุทธพจน์นี้แล้ว ต่างพากันอนุโมทนายินดี ทั้งมีความศรัทธาน้อมรับไปปฏิบัติด้วยประการฉะนี้แล "


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


"...พระสูตรนี้แม้ที่สุดคาถาเพียง ๔ บาท
เขารับปฏิบัติฤาเล่าเรียนสาธยายก็ดี ฤาประกาศแก่ผู้อื่นก็ดี
ย่อมมีบุญกุศลวิเศษยิ่งกว่าผู้บริจาคทานนั้นเสียอีก

ก็การประกาศแก่ผู้อื่นนั้นเป็นไฉน
คือความไม่ยึดถือผูกพันในลักษณะ
ตั้งมั่นอยู่ในตถาตาภาพธรรมดาโดยไม่หวั่นไหว

ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา

เพราะว่าสังขตธรรมทั้งปวง มีอุปมาดั่งความฝัน
ดั่งภาพมายา ดั่งฟองน้ำ ดั่งเงา ดั่งน้ำค้าง และดั่งสายฟ้าแลบ
พึงเพ่งพิจารณาโดยอาการอย่างนี้ “


http://www.mahayana.in.th/tmayana/%E0%B ... B8%A3.html

:b8: :b8: :b8:

ปั ญ ญ า นำ พ า ข้ า ม ฟ า ก ฝั่ ง

:b8: ขออนุโมทนากับท่าน Flame อย่างยิ่งนะคะ.
:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร