วันเวลาปัจจุบัน 22 มิ.ย. 2025, 18:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2011, 02:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


舍利弗白文殊師利:「汝何所依,作如是說?」文殊師利答舍利弗:「我無所依作如是說。何以故?般若波羅蜜與諸法等故。諸法無所依,以平等故。」舍利弗白文殊師利:「汝不以智慧除斷煩惱耶?」文殊師利答舍利弗:「汝是漏盡阿羅漢不?」舍利弗言:「不也。」文殊師利言:「我亦不以智慧除斷煩惱。」舍利弗言:「汝何所依,作如是說,不怖不畏?」文殊師利言:「我尚不可得,當有何我而生怖畏?」舍利弗言:「善哉,文殊師利!快說如是甚深般若波羅蜜。」

พระสารีบุตรได้กล่าวกะพระมัญชุศรีว่า “ท่านอาศัยสิ่งใด ในการกล่าวอย่างนี้?” พระมัญชุศรีตอบว่า “ข้าพเจ้ามิได้อาศัยสิ่งใดในการกล่าวอย่างนี้ เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะปัญญาปารมีกับสรรพธรรมนั้นเสมอกัน จะหาที่อาศัยตั้งอยู่ของธรรมมิได้ เหตุนี้จึงมีความเสมอกัน”

ส. “ท่านมิได้ใช้ปัญญาญาณกำจัดกิเลสให้ขาดสิ้นฤาหนอ?” ม. “แล้วอย่างนั้น ท่านคืออรหันต์ผู้สิ้นอาสวะแล้วหรือไม่เล่า?” ส. “หามิได้” ม. “ข้าพเจ้าก็มิได้ใช้ปัญญาญาณกำจัดกิเลสให้ขาดสิ้นเช่นกัน”ส. “ท่านอาศัยสิ่งใดในการกล่าวเช่นนี้หนอ ถึงมิได้มีความตระหนกหวาดกลัว?” ม. “ความเป็นตัวข้าพเจ้ายังไม่อาจเข้าถึง แล้วจะมีตัวข้าพเจ้าให้เกิดความหวาดกลัวได้อย่างไรเล่า?” ส. “สาธุ ท่านมัญชุศรีโปรดกล่าวปัญญาปารมีอันคัมภีรภาพอย่างนี้โดยเร็วเถิด”

爾時佛告文殊師利言:「善男子!有菩薩摩訶薩,住菩提心求無上菩提不?」文殊師利白佛言:「世尊!無菩薩住菩提心求無上菩提。何以故?菩提心不可得,無上菩提亦不可得。五無間罪是菩提性,無有菩薩起無間心求無間罪果,云何有菩薩住菩提心求無上菩提?菩提者,是一切諸法。何以故?色、非色不可得故,乃至識、非識亦不可得。眼不可得乃至意不可得,色不可得乃至法不可得,眼界乃至法界亦不可得,生不可得乃至老死亦不可得,檀波羅蜜不可得乃至般若波羅蜜亦不可得,佛十力不可得乃至十八不共法亦不可得。菩提心、無上菩提皆不可得,不可得中無可得、不可得。是故,世尊!無菩薩住菩提心求無上菩提者。」

สมัยนั้นพระพุทธองค์รับสั่งกับพระมัญชุศรีว่า “ดูก่อนกุลบุตร มีโพธิสัตว์มหาสัตว์ ที่ตั้งอยู่ในโพธิจิตที่ปรารถนาอนุตรสัมโพธิหรือไม่?” พระมัญชุศรีทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! มิได้มีโพธิสัตว์ผู้ดำรงอยู่ในโพธิจิตแล้วปรารถนาอนุตรสัมโพธิเลยพระเจ้าข้า เหตุไฉนนั้นฤๅ? โพธิจิตนั้นไม่อาจเข้าถึง อนุตรสัมโพธิก็ไม่อาจเข้าถึง อนันตริยบาปทั้งห้าก็คือโพธิภาวะ ทั้งไร้ซึ่งโพธิสัตว์ที่เกิดจิตแห่งอนันตริยะแล้วปรารถนาผลบาปแห่งอนันตริยะด้วย แล้วจะมีโพธิสัตว์ที่ตั้งอยู่ในโพธิจิตที่ปรารถนาอนุตรสัมโพธิได้อย่างไร? อันว่าโพธินั้นก็คือสรรพธรรม เหตุไฉนนั้นฤๅ? เพราะว่ารูป ความไม่ใช่รูปก็ไม่อาจเข้าถึงได้จนถึงวิญญาณ ความไม่ใช่วิญญาณก็ไม่อาจเข้าถึง จักษุไม่อาจเข้าถึงจนถึงมโนก็ไม่อาจเข้าถึง รูปก็ไม่อาจเข้าถึงจนถึงธรรมก็ไม่อาจเข้าถึง จักษุธาตุจนถึงธรรมธาตุก็ไม่อาจเข้าถึง ชาติคือความเกิดไม่อาจเข้าถึง จนถึงชรา มรณะก็ไม่อาจเข้าถึงได้ ทานปารมีไม่อาจเข้าถึง จนถึงปัญญาปารมีก็ไม่อาจเข้าถึง พุทธทศพละไม่อาจเข้าถึง จนถึงอาเวณิกพุทธธรรมทั้งสิบแปดก็ไม่อาจเข้าถึงได้ โพธิจิต อนุตรสัมโพธิล้วนไม่อาจเข้าถึงได้ ก็ความไม่อาจเข้าถึงสิ่งที่เข้าถึงไม่ได้ ก็ยังเข้าถึงไม่ได้ เหตุนี้แล ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! พระโพธิสัตว์ที่ตั้งอยู่ในโพธิจิต ที่ปรารถนาอนุตรสัมโพธิจึงไม่มี”

佛告文殊師利:「汝意謂如來是汝師不?」文殊師利白佛言:「我無有意謂佛是我師。何以故?世尊!我尚不可得,何況當有意謂佛是我師?」佛告文殊師利:「汝於我有疑不?」文殊白佛言:「世尊!我尚無決定,何況當有疑?何以故?先定後疑故。」佛告文殊:「汝不定言如來生耶?」文殊白佛:「如來若生,法界亦應生。何以故?法界、如來,一相無二相,二相不可得故。」

มีพระพุทธดำรัสกับพระมัญชุศรีว่า “มติของเธอว่าพระตถาคตเป็นครูของเธอหรือไม่” พระมัญชุศรีตอบทูลถวายว่า “ข้าพระองค์ ไร้ซึ่งมติว่าพระพุทธะเป็นครูของข้าพระองค์ เหตุไฉนนั้นฤๅ? ตัวข้าพระองค์เองนั้นยังหาเข้าถึงมิได้ แล้วจะมีมติว่าพระพุทธะเป็นครูได้อย่างไร?”

พ. “เธอสงสัยในเราหรือไม่?” ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์เองยังหาความแน่นอนมิได้แล้วจะประสาใดกับการมีความสงสัยเล่า? เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะมีความแน่นอนอยู่ก่อน ภายหลังจึงเคลือบแคลง”

พ. “เธอกล่าวโดยไม่แน่ใจ ว่าพระตถาคตได้อุบัติขึ้นหรือกระไร?” ม. “หากพระตถาคตทรงอุบัติขึ้นธรรมธาตุก็พึงอุบัติขึ้นเช่นกัน เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะธรรมธาตุก็ดี พระตถาคตก็ดี เป็นเอกลักษณะ มิเป็นทวิลักษณะ เหตุเพราะไม่อาจเข้าถึงซึ่งความเป็นสอง”

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก http://www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2011, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


「文殊師利!汝信諸佛如來入涅槃不?」文殊言:「一切諸佛即涅槃相,涅槃相者無入無不入。」

佛告文殊師利:「汝言諸佛有流轉不?」文殊白佛言:「世尊!不流轉尚不可得,何況流轉當可得?」

พ. “ดูก่อนมัญชุศรี เธอเชื่อว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเข้านิพพานหรือไม่?” ม. “พระพุทธเจ้าก็คือนิพพานลักษณะ (ลักษณะแห่งความดับสนิทกิเลสไม่กำเริบอีก เย็นเพราะไม่ร้อนเพราะกิเลสทั้งปวง) อันนิพพานลักษณะนั้นก็มิได้มีการเข้า แลมิได้มีการไม่เข้า”

พ. “เธอว่าพระพุทธเจ้าทั้งปวงมีการย้อนกลับหรือไม่” ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! การไม่ย้อนกลับนั้นก็ยังไม่อาจเข้าถึง แล้วจักประสาใดกับการจะเข้าถึงการย้อนกลับได้เล่า?”

佛告文殊師利:「如來無心,唯如來前可說此言,或漏盡阿羅漢及不退菩薩前可說此言。若餘人聞此語,則不生信,當驚疑。何以故?此甚深般若波羅蜜難信難解故。」

文殊白佛言:「世尊!復何等人能信此甚深法?」佛告文殊師利:「一切凡夫能信此法。何以故?如來無心,一切凡夫亦無心故。」

文殊師利白佛言:「世尊!何故作如是說法?新發意菩薩及阿羅漢咸皆有疑,願聞解說。」

พ. “พระตถาคตไร้จิต” จะกล่าวคำนี้ก็แต่เฉพาะเบื้องหน้าพระตถาคต หรือพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะกับพระโพธิสัตว์ผู้ไม่ย้อนกลับเท่านั้น หากบุคคลอื่นๆได้ยินคำนี้แล้วย่อมไม่เชื่อถือ จะตระหนกหวั่นใจและสงสัย เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะปัญญาปารมีอันลึกซึ้งคัมภีรภาพนี้ ศรัทธาได้โดยยาก เข้าใจได้โดยยาก”

ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! แล้วยังจะมีผู้ใดที่สามารถน้อมใจเชื่อธรรมที่แยบคายนี้เล่า พระเจ้าข้า?”
พ. “บุถุชนทั้งปวงก็สามารถศรัทธาต่อธรรมนี้ เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะตถาคตไร้จิต บุถุชนทั้งหลายก็ไร้จิตเช่นกัน”

ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! เหตุใดฤๅหนอจึงทรงแสดงธรรมเช่นนี้? โพธิสัตว์ผู้เกิดโพธิจิตยังไม่นานและอรหันตสาวกล้วนจะมีความสงสัย ขอพระองค์โปรดประทานอธิบายด้วยเถิด พระเจ้าข้า”

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 01:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


佛告文殊:「如、實相、法性、法住、法位、實際中,有佛有凡夫差別不?」文殊白佛言:「不也,世尊!」佛告文殊:「若無差別,何故生疑?」

文殊白佛言:「世尊!無差別中,有佛有凡夫不?」佛言:「有!何以故?佛與凡夫,無二無差別,一相無相故。」

佛告文殊:「汝信如來於一切眾生中最勝不?」文殊白佛言:「世尊!我信如來於一切眾生中最勝。世尊!若我信如來於一切眾生中最勝,則如來成不最勝。」

佛告文殊:「汝信如來成就一切不可思議法不?」文殊師利白佛言:「世尊!我信如來成就一切不可思議法。世尊!我若信如來成就一切不可思議法,如來則成可思議。」

มีพระพุทธดำรัสกับพระมัญชุศรีว่า “ความเป็นอย่างนั้น(ตถตา) ลักษณะที่จริงแท้ สภาวะแห่งธรรมที่ตั้งแห่งธรรม ฐานะแห่งธรรม ในความจริงแล้ว มีความแตกต่างของพุทธะและบุถุชนหรือไม่?” พระมัญชุศรีทูลตอบว่า “หามิได้ พระเจ้าข้า” ตรัสว่า “หากไม่มีความแตกต่าง แล้วเหตุใดจึงเกิดความสงสัย?”

ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ในความไม่แตกต่าง มีพุทธะ มีบุถุชนหรือไม่เล่า พระเจ้าข้า?” พ. “มีอยู่ เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะพุทธะแลบุถุชน มิเป็นสอง มิแตกต่าง เป็นลักษณะเดียว แลไร้ซึ่งลักษณะ”

พ. “เธอเชื่อว่าตถาคตประเสริฐสุดในหมู่สรรพสัตว์ทั้งปวงหรือไม่?” ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์เชื่อว่าพระตถาคตประเสริฐสุดในหมู่สรรพสัตว์ทั้งปวง ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! หากข้าพระองค์เชื่อว่าพระตถาคตประเสริฐสุดในหมู่สรรพสัตว์ทั้งปวงแล้วไซร้ พระตถาคตย่อมไม่ได้ประเสริฐสุด”

พ. “เธอเชื่อว่าตถาคตสำเร็จอจินไตยธรรมทั้งปวงหรือไม่” ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์เชื่อว่าพระตถาคตสำเร็จอจินไตยธรรมทั้งปวง ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! หากข้าพระองค์เชื่อว่าพระตถาคตสำเร็จอจินไตยธรรมทั้งปวงแล้วไซร้ พระตถาคตย่อมเป็นผู้ที่สามารถคาดเดาได้ (ไม่เป็นอจินไตย)”

佛告文殊師利:「汝信一切聲聞是如來所教化不?」「世尊!我信一切聲聞是如來所教化。世尊!我若信一切聲聞是如來所教化,則法界成可教化。」

佛告文殊師利:「汝信如來是無上福田不?」「世尊!我信如來是無上福田。世尊!我若信如來是無上福田!如來則非福田。」

佛告文殊師利:「汝何所依作如是答我?」文殊白佛言:「世尊!我無所依作如是答。世尊!無所依中,無勝無不勝,無可思議無不可思議,無教化無不教化,無福田無非福田。」

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก http://www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2011, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มีพระพุทธดำรัสกับพระมัญชุศรีว่า “เธอเชื่อว่าพระสาวกทั้งหลายได้รับการสั่งสอนจากตถาคตหรือไม่?” พระมัญชุศรีทูลตอบว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์เชื่อว่าพระสาวกทั้งหลายได้รับการสั่งสอนจากตถาคต พระผู้มีพระภาค! หากข้าพระองค์เชื่อว่าพระสาวกทั้งหลายได้รับการสั่งสอนจากตถาคตแล้วไซร้ ธรรมธาตุก็ย่อมได้รับการสั่งสอนด้วย”

พ. “เธอเชื่อว่าตถาคตเป็นบุญเกษตรที่ไม่มีสิ่งใดสูงไปกว่าหรือไม่?” ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์เชื่อว่าพระตถาคตเป็นบุญเกษตรที่ไม่มีสิ่งใดสูงไปกว่า พระผู้มีพระภาค! หากข้าพระองค์เชื่อว่าพระตถาคตเป็นบุญเกษตรที่ไม่มีสิ่งใดสูงไปกว่าแล้วไซร้ พระตถาคตเจ้าย่อมมิใช่บุญเกษตร”

พ. “เธออาศัยสิ่งใดจึงตอบเราอย่างนี้?” ม. “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์มิได้อาศัยสิ่งใดในการตอบพระองค์อย่างนี้ พระผู้มีพระภาค! ก็ในความที่ไม่ได้อาศัยสิ่งใด จึงไม่ใช่ความประเสริฐ หรือไม่ใช่ความไม่ประเสริฐ ไม่ใช่การคาดคิดได้ หรือไม่ใช่คาดคิดไม่ได้ ไร้ซึ่งการสั่งสอน ไร้ซึ่งการไม่สั่งสอน มิได้เป็นบุญเกษตร มิได้เป็นทั้งความไม่ใช่บุญเกษตรด้วย”

是時以佛神力,地六種震動。一萬六千比丘眾,以無可取心得解脫;七百比丘尼眾、三千優婆塞、四萬優婆夷眾,遠塵離垢得法眼淨;六萬億那由他諸天,遠塵離垢得法眼淨。

是時長老阿難即從座起,偏袒右肩,右膝著地,合掌恭敬白佛言:「世尊!何因何緣此地大動?」爾時佛告阿難:「此說般若波羅蜜。往古諸佛皆於此處說此法,以是因緣故此地震動。」

爾時長老舍利弗白佛言:「世尊!此文殊師利所說不可思議。」

爾時世尊告文殊師利:「如舍利弗所說,此文殊師利所說不可思議。」

爾時文殊師利白佛言:「世尊!若不可思議則不可說,若可說則可思議。不可思議者無所有。彼一切聲亦不可思議,不可思議者無聲。」

เวลานั้น ด้วยพระพุทธานุภาพบันดาลให้พื้นปฐพีสั่นไหวหกลักษณะ บรรดาภิกษุจำนวนหนึ่งหมื่นหกพันรูป ด้วยความที่ไม่ยึดถือซึ่งสิ่งใดๆ จิตจึงบรรลุถึงความหลุดพ้น บรรดาภิกษุณีจำนวนเจ็ดร้อยรูป อุบาสกจำนวนสามพัน อุบาสิกาจำนวนสี่หมื่น ก็ได้ไกลจากธุลีคือกิเลส ได้ห่างจากมลทินแล้วบรรลุถึงธรรมจักษุที่บริสุทธิ์ หมู่เทวนิกรจำนวนนับได้หกหมื่นโกฏินยุตะ ก็ได้ไกลจากธุลีคือกิเลส ได้ห่างจากมลทินแล้วบรรลุถึงธรรมจักษุที่บริสุทธิ์

บัดนั้น ท่านอาวุโสอานนท์ ได้ลุกขึ้นจากอาสนะ ลดผ้าอุตราสงค์ที่บ่าขวาลงแล้วคุกเข่าด้านขวาจรดแผ่นดิน พนมกรด้วยความเคารพแล้วกราบทูลพระพุทธบรมศาสดาว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ด้วยเหตุใดด้วยปัจจัยใดปฐพีนี้ จึงสั่นสะเทือนมากยิ่งขนาดนี้ พระเจ้าข้า?” เมื่อนั้นมีพระพุทธดำรัสตอบว่า “ก็การกล่าวปัญญาปารมีนี้ พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตบรรพกาลที่เนิ่นนานมาแล้ว ก็ล้วนได้แสดงธรรมนี้ยังสถานที่แห่งนี้ เพราะเหตุปัจจัยอย่างนี้แลแผ่นดินจึงสั่นสะเทือน”

สมัยนั้น ท่านอาวุโสสารีบุตร ได้ทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! พระมัญชุศรีนี้ ได้กล่าวสิ่งที่เป็นอจินไตย(สิ่งที่ไม่อาจคาดคิดเอาได้)”

แล้วทรงมีพุทธดำรัสกับพระมัญชุศรีว่า “เป็นดั่งที่สารีบุตรกล่าวแล้ว พระมัญชุศรีนี้ ได้กล่าวสิ่งที่เป็นอจินไตย”

พระมัญชุศรีทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! หากเป็นอจินไตยก็ย่อมจักกล่าวแสดงมิได้หากยังกล่าวแสดงได้ก็เป็นสิ่งที่สามารถคาดคิดเอาได้ (ไม่เป็นอจินไตย) ความเป็นอจินไตยนั้นก็ไม่ได้มีอยู่ บรรดาสำเนียงเสียงทั้งปวงนั้นก็เป็นอจินไตย แลความเป็นอจินไตยก็ไร้ซึ่งสำเนียงเสียงใดๆ”

佛言:「汝入不思議三昧耶?」文殊師利言:「不也,世尊!我即不思議,不見有心能思議者,云何而言入不思議三昧?我初發心欲入是定,而今思惟,實無心相而入三昧。如人學射,久習則巧。後雖無心,以久習故,箭發皆中。我亦如是。初學不思議三昧,繫心一緣。若久習成就,更無心想,恒與定合。」

舍利弗語文殊師利言:「更有勝妙寂滅定不?」文殊師利言:「若有不思議定者,汝可問言:『更有寂滅定不?』如我意解,不可思議定尚不可得,云何問我寂滅定乎?」

舍利弗言:「不思議定不可得耶?」文殊師利言:「思議定者是可得相,不可思議定者不可得相。一切眾生實成就不可思議定。何以故?一切心相即非心故,是名不思議定。是故一切眾生相及不思議三昧相,等無分別。」

มีพุทธดำรัสว่า “เธอได้เข้าสู่อจินไตยสมาธิหรือ?” พระมัญชุศรีทูลว่า “หามิได้พระเจ้าข้า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์ก็เป็นอจินไตย มิได้เห็นว่ามีจิตที่จะคาดคิดเอาได้อยู่ แล้วจะกล่าวว่าได้เข้าถึงอจินไตยสมาธิได้อย่างไร? นับแต่ข้าพระองค์เริ่มเกิดโพธิจิตมาก็ปรารถนาเข้าสู่สมาธิอย่างนี้ ทำให้บัดนี้คิดได้ว่า ที่แท้แล้วนั้นไร้ซึ่งลักษณะของจิตแล้วจึงได้เข้าสู่สมาธิ อุปมาบุคคลที่ศึกษาการยิงศร เมื่อฝึกฝนมานานจึงย่อมสามารถฉันใด เพราะอาศัยเหตุที่ได้ฝึกฝนมานาน จึงแผงศรได้ตามหมายฉันนั้น ข้าพระองค์ก็อย่างนี้ ที่นับแต่เริ่มศึกษาอจินไตยสมาธิมาก็มีจิตพันผูกกับปัจจัยหนึ่งนี้ หากได้ศึกษามานานแลสำเร็จแล้ว ก็จะไร้ซึ่งสัญญาแห่งจิต ตั้งมั่นพร้อมอยู่เป็นนิตย์”

พระสารีบุตรกล่าวกะพระมัญชุศรีว่า “แล้วยังมีสิ่งใดที่วิเศษอัศจรรย์ไปกว่านิโรธสมาธิ (สมาธิที่ดับสนิทโดยรอบ)อีกหรือไม่หนอ?” พระมัญชุศรีตอบว่า “ถ้าหากมีอจินไตยสมาธิอยู่แล้ว ท่านพึงถามว่า “แล้วยังมีนิโรธสมาธิอีกหรือไม่?” ตามความเข้าใจของข้าพเจ้านั้น ความเป็นอจินไตยสมาธิมิอาจเข้าถึงได้ แล้วจะมาถามข้าพเจ้าถึงนิโรธสมาธิได้อย่างไรเล่า?”

พระสารีบุตรกล่าวว่า “อจินไตยสมาธิมิอาจเข้าถึงได้ฤๅหนอ?” พระมัญชุศรีตอบว่า “จินตสมาธิ(คือสมาธิที่คาดคิดเอาได้ ตรงข้ามกับ อจินไตยสมาธิ) มีลักษณะให้เข้าถึงได้ แต่อจินไตยสมาธินั้นไร้ซึ่งลักษณะให้เข้าถึง สรรพสัตว์ทั้งหลายที่แท้ก็ได้สำเร็จอจินไตยสมาธิมาแล้ว เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะจิตลักษณะทั้งปวงนั้นหาใช่จิตไม่ จึงได้ชื่อว่าอจินไตยสมาธิ เหตุนี้แลสรรพสัตวลักษณะ กับ อจินไตยสมาธิลักษณะ จึงเสมือนกันมิแตกต่าง”

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2011, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


佛讚文殊師利言:「善哉,善哉!汝於諸佛,久殖善根淨修梵行,乃能演說甚深三昧。汝今安住如是般若波羅蜜中。」

文殊師利言:「若我住般若波羅蜜中能作是說,即是有想,便住我想。若住有想、我想中者,般若波羅蜜便有處所。般若波羅蜜若住於無,亦是我想亦名處所。離此二處,住無所住,如諸佛住,安處寂滅非思議境界。如是不思議,名般若波羅蜜住處。般若波羅蜜處,一切法無相,一切法無作。般若波羅蜜即不思議,不思議即法界,法界即無相,無相即不思議,不思議即般若波羅蜜。般若波羅蜜、法界,無二無別。無二無別即法界,法界即無相,無相即般若波羅蜜界。般若波羅蜜界即不思議界,不思議界即無生無滅界,無生無滅界即不思議界。」

พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญพระมัญชุศรีว่า “สาธุๆ เธอได้ปลูกฝังกุศลมูลและประพฤติพรหมจรรย์ที่บริสุทธิ์ต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลายมานานแล้ว จึงสามารถกล่าวแสดงสมาธิที่คัมภีรภาพได้ บัดนี้เธอยังตั้งอยู่ในปัญญาปารมีอย่างนี้”

พระมัญชุศรีทูลว่า “หากข้าพระองค์ได้ตั้งอยู่ในปัญญาปารมีก็จะกล่าวได้อย่างนี้ว่า เป็นภวสัญญา(ความจำได้หมายรู้ในการเกิด,การมี,ภพ) ทำให้ยิ่งตั้งอยู่ในอัตตสัญญา (ความจำได้หมายรู้ในตัวตน) หากตั้งอยู่ในภวสัญญาและอัตตสัญญาแล้วไซร้ ปัญญาปารมีก็ยิ่งมีสถานที่ให้ตั้งอยู่ ก็ปัญญาปารมีหากได้ตั้งอยู่ในความไม่มีด้วยแล้ว ก็คือการได้ตั้งอยู่ในอัตตสัญญาด้วย จะได้ชื่อว่า อายตนะ8 แต่เมื่อไกลจากสองสิ่งนี้ (คือภวสัญญาและอัตตสัญญา) จึงจะดำรงอยู่ในการไม่ได้ตั้งอยู่ ดุจที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ตั้งอยู่ในความดับสนิท อันหาใช่วิสัยของความนึกคิด (จินตะ) ไม่ ความอจินไตยอย่างนี้จึงชื่อว่า ที่ตั้งแห่งปัญญาปารมี อันปัญญาปารมีก็คือธรรมทั้งปวงที่ไร้ลักษณะ ธรรมทั้งปวงที่ไร้ซึ่งผู้กระทำ ปัญญาปารมีก็คืออจินไตย อจินไตยก็คือธรรมธาตุ ธรรมธาตุก็คืออนิมิต9 อนิมิตก็คืออจินไตย อจินไตยก็คือปัญญาปารมีธาตุ ปัญญาปารมีธาตุก็คืออจินไตยธาตุ อจินไตยธาตุก็คือธาตุแห่งการไม่เกิดไม่ดับ ก็ธาตุแห่งการไม่เกิดไม่ดับก็คืออจินไตยธาตุนั่นแล”

文殊師利言:「如來界及我界即不二相。如是修般若波羅蜜者,則不求菩提。何以故?菩提相離即般若波羅蜜故。世尊!若知我相而不可著,無知無著是佛所知。不可思議無知無著,即佛所知。何以故?知體本性無所有相,云何能轉法界?若知本性無體無著者,即名無物。若無有物,是無處所、無依無住,無依無住即無生無滅,無生無滅即是有為功德。若如是知則無心想,無心想者,云何當知有為、無為功德?無知即不思議,不思議者是佛所知,亦無取無不取,不見三世去來等相,不取生滅及諸起作,亦不斷不常,如是知者,是名正智不思議智。如虛空無此無彼,不可比類。無好惡,無等等,無相無貌。」

พระมัญชุศรีทูลว่า “ตถาคตธาตุและอัตตธาตุ (คือธาตุของตนเอง หมายถึงพระมัญชุศรี) ก็ไร้ทวิลักษณ์10อันผู้ประพฤติปัญญาปารมีอย่างนี้ย่อมมิได้ปรารถนาโพธิ เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะได้ไกลจากโพธิจึงเป็นปัญญาปารมี ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! หากรู้ว่าอัตตลักษณ์นั้นก็ไม่อาจยึดมั่น การไม่ได้รู้และการไม่ยึดมั่นพันผูกอย่างนั่นแลคือการรู้ของพระพุทธะ ก็อจินไตยนั้นแลมิอาจล่วงรู้ได้ มิอาจยึดมั่นพันผูกจึงจะเป็นการรู้ของพระพุทธะ เหตุไฉนนั้นฤๅ? การรู้ว่าสังขารภาวะแต่เดิมมิได้มีลักษณะ แล้วจะเปลี่ยนแปรเป็นธรรมธาตุได้อย่างไรเล่า?” หากรู้ว่าภาวะแต่เดิมไร้ซึ่งสังขาร ไร้ซึ่งการยึดมั่นพันผูกก็จะได้ชื่อว่าปราศจากซึ่งสิ่งใดๆหากไม่มีสิ่งใดๆ ก็คือการไร้สถานที่ตั้งอยู่ ไร้ที่อาศัย ไร้ที่ตั้ง ก็การปราศจากที่อาศัยและที่ตั้งอยู่ก็คือการไม่เกิดไม่ดับ การไม่เกิดไม่ดับก็คือกุศลของสังขตะ(คือกุศลที่ยังมีการปรุงแต่งอยู่) หากรู้อย่างนี้ย่อมปราศจากสัญญาแห่งจิต (คือจิตไม่ทำหน้าที่จำได้หมายรู้เพื่อปรุงแต่งอีกต่อไป) เมื่อปราศจากสัญญาแห่งจิตแล้วจะรู้จักกุศลแห่งสังขตะและอสังขตะได้อย่างไรเล่า? การไม่อาจรู้ได้นั่นแลคืออจินไตย อจินไตยคือสิ่งที่พระพุทธะรู้ทั้งไม่อาจยึดมั่นและไม่อาจไม่ยึดมั่น มิเห็นว่ากาลทั้งสาม(อดีต ปัจจุบัน อนาคต)มีลักษณะแห่งการไปและการมา ไม่ยึดมั่นในการเกิดดับและการก่อเกิดใดๆทั้งปวง อีกไม่ขาดสิ้นไม่เป็นนิรันดร์ อันผู้ที่รู้อย่างนี้ จะชื่อว่าสัมมาปัญญา อจินไตยปัญญา อุปมาอากาศที่มิใช่นี้แลมิใช่นั้น มิอาจนำมาเปรียบกับสิ่งใด ปราศจากความดีเลว ไร้ซึ่งสิ่งใดมาเสมอ แลไร้ซึ่งลักษณะไร้ซึ่งรูปร่าง”

_____________________________________________________________________________________

8 อายตนะ (อ่านว่า อายะตะนะ) แปลว่า ที่เชื่อมต่อ, เครื่องติดต่อ หมายถึงสิ่งที่เป็นสื่อสำหรับติดต่อกัน ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้น แบ่งเป็น 2 อย่างคือ

อายตนะภายใน หมายถึงสื่อเชื่อมต่อที่อยู่ในตัวคน บ้างเรียกว่า อินทรีย์ 6 มี 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้งหมดนี้เป็นที่เชื่อมต่อกับอายตนะภายนอก

อายตนะภายนอก หมายถึงสื่อเชื่อมต่อที่อยู่นอกตัวคน บ้างเรียกว่า อารมณ์ 6 มี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นคู่กับอายตนภายใน เช่น รูปคู่กับตา หูคู่กับเสียง เป็นต้น อายตนะภายนอกนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อารมณ์ เมื่อตาเห็นรูป เรียกว่า สัมผัส รู้ว่ามีการเห็นเรียกว่าวิญญาณ เกิดความรู้สึกขึ้นเมื่อตาเห็นรูป เรียกว่า เวทนา

9 อนิมิต คือ การไม่มีเครื่องหมายหรือลักษณะของนามรูปให้จดจำ หรือกำหนดให้ยึดถืออีกต่อไป เพราะพิจารณาเห็นแจ้งทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้,
คือ หลุดพ้นด้วยเห็นอนิจจตา แล้วถอนนิมิตเสียได้

10ทวิลักษณะ, ทวิภาวะ คือ คือความเป็นสองลักษณะ, สิ่งที่เป็นคู่เปรียบ, สังขตะ

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2011, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


佛告文殊師利:「若如是知,名不退智。」

文殊師利言:「無作智名不退智。猶如金鋌,先加搥打方知好惡,若不治打無能知者。不退智相亦復如是,要行境界,不念不著,無起無作,具足不動,不生不滅,爾乃顯現。」

爾時佛告文殊師利言:「諸如來自說己智,誰當能信?」文殊言:「如是智者,非涅槃法,非生死法,是寂滅行。不斷貪欲、瞋恚、愚癡,亦非不斷。何以故?無盡無滅,不離生死亦非不離,不離修道非不修道。作是解者名為正信。」

佛告文殊師利言:「善哉,善哉!如汝所說,深解斯義。」

มีพุทธบรรหารกับพระมัญชุศรีว่า “หากรู้อย่างนี้ จึงได้ชื่อว่า ปัญญาที่ไม่เสื่อมถอย

พระมัญชุศรีทูลว่า “ปัญญาที่ไร้ซึ่งผู้กระทำจึงจะได้ชื่อว่า ปัญญาที่ไม่เสื่อมถอย อุปมาแท่งทองคำที่ต้องทุบก่อนจึงจะรู้ว่าดีเลวอย่างไร หากไม่ทุบก็มิอาจทราบได้ฉันใด ลักษณะของปัญญาที่ไม่เสื่อมถอยก็ฉันนั้น เมื่อจักประพฤติในวิสัยนี้ มิต้องระลึก มิต้องยึดมั่นพันผูก มิต้องให้เกิดขึ้น มิต้องกระทำ มิเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์ มิเกิด มิดับ แล้วจึงจักปรากฏขึ้นมาได้”

ครั้งนั้นพระพุทธองค์รับสั่งกับพระมัญชุศรีว่า “พระตถาคตทั้งหลายเมื่อกล่าวปัญญาของตนด้วยตนเอง แล้วผู้ใดเล่าจะสามารถน้อมใจเชื่อได้?”

ม. “ก็ปัญญาอย่างนี้แลที่มิใช่นิพพานธรรม มิใช่สังสารวัฏธรรม เป็นนิโรธจริยา มิได้ตัดสิ้นจากความโลภ โกรธ หลง แลทั้งมิใช่การไม่ตัดสิ้นด้วย เหตุไฉนนั้นฤๅ? เพราะไม่สิ้นสุด ไม่ดับ ไม่ไกลจากสังสารวัฏ แลทั้งมิใช่ไม่ไกล(จากสังสารวัฏ) ไม่ไกลจากการประพฤติธรรม แลทั้งมิใช่การไม่ประพฤติธรรม ผู้ที่เข้าใจอย่างนี้จึงชื่อว่า สัมมาศรัทธา”

พ. “สาธุๆ เป็นตามที่เธอกล่าวเป็นอรรถะที่คัมภีรภาพยิ่งนัก”

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2011, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


爾時長老摩訶迦葉白佛言:「世尊!未來世誰能信此深法?誰樂聽此法?」

佛告迦葉:「即今日四眾,比丘、比丘尼、優婆塞、優婆夷,於未來世能信此法,聞說此深般若波羅蜜,當知此法,當求此法。迦葉!譬如長者或長者子,已失一大寶珠,價直億萬兩金,大生憂惱。今更還得,生大歡喜,憂惱悉滅。如是,迦葉!比丘、比丘尼、優婆塞、優婆夷,於未來世,聞此最深般若波羅蜜經,與般若相應,聞已生喜,心得安樂,無復憂惱,亦復如是。當作是言:『我等今日得見如來,供養如來。所以者何?以得聞此甚深微妙六波羅蜜故。』

สมัยนั้นท่านอาวุโสมหากัสสปะ ทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ในอนาคตจะมีผู้สามารถน้อมใจเชื่อในธรรมที่ลึกซึ้งนี้หรือไม่ ผู้ใดจะยินดีในการได้สดับธรรมนี้พระเจ้าข้า?”

พ. “ก็ในวันนี้มีบริษัททั้งสี่ คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในอนาคตผู้ที่สามารถน้อมใจเชื่อต่อธรรมนี้ ได้ยินการกล่าวแสดงปัญญาปารมีอันลึกซึ้งนี้ แล้วรู้ว่าอันธรรมนี้แหละ แล้วปรารถนาในธรรมนี้ ดูก่อนกัสสปะ! อุปมาคหบดีหรือบุตรของคหบดี ที่ได้สูญเสียแก้วมหารัตนะไปดวงหนึ่ง อันมีค่าเสมอด้วยทองคำหมื่นโกฏิชั่ง เกิดความทุกข์โศกอย่างใหญ่หลวง มาบัดนี้ได้กลับคืนมาอีกก็เกิดปีติโสมนัสอย่างใหญ่หลวง ความทุกข์โศกล้วนสิ้นไป เป็นอย่างนี้แล กัสสปะ! ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาในอนาคต ที่ได้ยินปัญญาปารมิตาสูตรที่คัมภีรภาพลึกซึ้งเป็นที่สุดนี้ พร้อมกับเกิดปัญญา เมื่อได้ยินแล้วก็เกิด โสมนัส จิตบรรลุถึงความผาสุก มิเกิดความทุกข์โศกขึ้นอีก แล้วยังจะมีมนสิการอย่างนี้อีกว่า “บัดนี้พวกเราได้พบพระตถาคตแล้ว ได้สักการะพระตถาคตแล้ว เพราะเหตุใดนั้นฤๅ? ก็เพราะว่าได้สดับปารมีทั้งหกที่สุขุมคัมภีรภาพประเสริฐยิ่งอย่างนี้”

「迦葉!譬如三十三天見波利質多羅樹初生皰時,作如是念:『此皰不久必當開敷。』如是,迦葉!比丘、比丘尼、優婆塞、優婆夷,聞此般若波羅蜜經,心生歡喜,亦復如是。我於來世必得此法。迦葉!此深般若波羅蜜,如來滅後,當住不滅,處處流行。迦葉!以佛力故,未來世中,若善男子、善女人,當得此深般若波羅蜜。

「迦葉!如摩尼珠師見摩尼寶心生歡喜,不假思量即知真偽。何以故?以串見故。如是,迦葉!若人聞此般若波羅蜜相應法,聞已歡喜,生信樂心,當知此人先世已聞此般若波羅蜜,從久遠劫來已曾供養諸佛。」

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2011, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


迦葉白佛言:「世尊!此善男子、善女人,今聞此法,於未來世轉復信解。」佛告摩訶迦葉:「如是,如是!如汝所說。」

พ. “ดูก่อนกัสสปะ! อุปมาตรัยตรึงส์เทพที่ได้เห็นต้นปาริฉัตรเริ่มผุดขึ้น จักมีมนสิการว่า “หน่อนี้ไม่นานจักผลิดอกแน่นอน” ฉันใด กัสสปะ! ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ที่ได้ฟังปัญญาปารมีธรรมนี้ จิตจึงโสมนัสได้ฉันนั้น ตถาคตจะยังให้(สรรพสัตว์)ในอนาคตได้ฟังธรรมนี้อย่างแน่นอน ดูก่อนกัสสปะ! ปัญญาปารมีที่คัมภีรภาพนี้ เมื่อตถาคตนิพพานแล้ว พึงยังให้คงอยู่มิสิ้นไป ให้แพร่หลายไปในสถานที่ทั้งปวง กัสสปะ! เหตุเพราะพุทธานุภาพจะยังให้ กุลบุตร กุลธิดาในอนาคตได้รับฟังปัญญาปารมีอันลึกซึ้งนี้”

“ดูก่อนกัสสปะ! อุปมาผู้เป็นมณียาจารย์ เมื่อได้พบรัตนมณีแล้วดวงจิตก็โสมนัสยินดี แม้ยังมิได้พิจารณาก็รู้ได้ว่าเป็นของแท้หรือปลอม เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะได้ชั่งวัดเอาแล้ว เป็นเช่นนั้นแหละ กัสสปะ! หากบุคคลผู้ได้สดับปรัชญาปารมิตาธรรมนี้ เมื่อได้สดับแล้วก็โสมนัสยินดี เกิดจิตเลื่อมใสเป็นสุขเกษมพึงทราบเถิดว่าบุคคลนี้เมื่ออดีตได้เคยสดับปรัชญาปารมิตาธรรมนี้มาแล้ว เป็นเวลายาวนานหลายกัลป์ที่ล่วงมาแล้วเคยได้บูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย”

พระกัสสปะทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! กุลบุตร กุลธิดาเหล่านี้ ผู้ที่ได้สดับอยู่ในบัดนี้ ในกาลเบื้องหน้าก็จะยิ่งทวีความเลื่อมใส”

มีพุทธดำรัสว่า “เป็นอย่างนั้นๆ ดั่งที่เธอกล่าว”

爾時文殊師利白佛言:「世尊!此法無行無相,說此法者亦無行無相。云何世尊說有行相?」

佛告文殊師利:「我本行菩薩道時,修諸善根,欲住阿惟越致地,當學般若波羅蜜。欲成阿耨多羅三藐三菩提,當學般若波羅蜜。若善男子、善女人,欲解一切法相,欲知一切眾生心界皆悉同等,當學般若波羅蜜。

สมัยนั้น พระมัญชุศรีได้ทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! อันธรรมนี้ปราศจากการเป็นไป ทั้งไร้ซึ่งลักษณะ แล้วพระองค์ตรัสว่ามีลักษณะแห่งการเป็นไปได้อย่างไรเล่าพระเจ้าข้า?”

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก http://www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2011, 17:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2011, 00:27
โพสต์: 5

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านธรรมมะ ทำสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ธรรมะ
ชื่อเล่น: วิจกฺขโณ
อายุ: 25

 ข้อมูลส่วนตัว


แปลที ครับไม่ค่อยเข้าใจ

.....................................................
ทุกสิ่ง เกิดขึ้นในขั้นต้น ตั้งอยู่ในขั้นกลาง ดับไปในที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2011, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


" ท่านสารีบุตรเหตุเพราะปัญญาปารมีเป็นศูนยตาอย่างที่สุด ก็ความเป็นศูนยตาอย่างที่สุด ก็ไร้ซึ่งความเป็นหนึ่ง สอง สาม สี่ ไร้ซึ่งการไปมา ไม่อาจนึกคิดเอาได้ "

พระสูตรนี้ว่าด้วยปัญญาปารมี สุญญตา และอจินไตย

แนะนำคุณ sabsonic ศึกษา วัชรปรัชญาปารมิตาสูตรก่อนครับ viewtopic.php?f=7&t=37809


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 12 ก.ค. 2011, 00:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2011, 00:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มีพระพุทธดำรัสกะพระมัญชุศรีว่า “เมื่อกาลก่อนที่ตถาคตประพฤติโพธิสัตวจริยา ได้บำเพ็ญกุศลมูลทั้งปวง เพื่อหมายตั้งอยู่ในภูมิแห่งเอกชาติปฏิพันธ์11 จึงศึกษาปัญญาปารมี เพื่อปรารถนาสำเร็จพระอนุตรสัมมาสัมโพธิจึงศึกษาปัญญาปารมี หากกุลบุตร กุลธิดาปรารถนาเข้าใจธรรมลักษณะทั้งปวง ปรารถนาล่วงรู้จิตธาตุของสรรพสัตว์ทั้งหลายว่าล้วนเสมือนกัน ต้องศึกษาปัญญาปารมี”

文殊師利!欲學一切佛法具足無礙,當學般若波羅蜜。欲學一切佛成阿耨多羅三藐三菩提時相好威儀無量法式,當學般若波羅蜜。欲知一切佛不成阿耨多羅三藐三菩提一切法式及諸威儀,當學般若波羅蜜。何以故?是空法中不見諸佛菩提等故。若善男子、善女人,欲知如是等相無疑惑者,當學般若波羅蜜。何以故?般若波羅蜜不見諸法若生若滅、若垢若淨。是故善男子、善女人,應作如是學般若波羅蜜。欲知一切法無過去、未來、現在等相,當學般若波羅蜜。何以故?法界性相無去、來、現在故。欲知一切法同入法界心無罣礙,當學般若波羅蜜。欲得三轉十二行法輪,亦自證知而不取著,當學般若波羅蜜。欲得慈心遍覆一切眾生而無限齊,亦不作念有眾生相,當學般若波羅蜜。欲得於一切眾生不起諍論,亦復不取無諍論相,當學般若波羅蜜。欲知是處非處、十力、無畏,住佛智慧,得無礙辯,當學般若波羅蜜。」

“ดูก่อนมัญชุศรี!เมื่อปรารถนาศึกษาพุทธธรรมทั้งปวงด้วยความสมบูรณ์ไม่ติดขัด พึงต้องศึกษาปัญญาปารมี เมื่อปรารถนาศึกษามงคลลักษณะ อิริยาบถและวิธีต่างๆไม่มีประมาณที่ยังให้พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิพึงศึกษาปัญญาปารมี เมื่อปรารถนาล่วงรู้วิธีและอิริยาบถทั้งปวงที่ยังให้พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิพึงศึกษาปัญญาปารมี เพราะเหตุใดนั้นฤๅ? ก็เพราะว่าในศูนยตาธรรมนี้มิได้พบว่ามีพุทธโพธิทั้งปวง หากกุลบุตร กุลธิดาปรารถนารู้เสมอด้วยลักษณะอย่างนี้ด้วยความไม่เคลือบแคลงพึงศึกษาปัญญาปารมี เหตุใดนั้นฤๅ? เพราะปัญญาปารมีไม่เห็นว่าธรรมทั้งปวงมีเกิด ดับ มลทิน บริสุทธิ์ เหตุนี้กุลบุตร กุลธิดาพึงศึกษาปัญญาปารมีอยู่อย่างนี้ เมื่อปรารถนาล่วงรู้สรรพธรรมอันไร้ซึ่งลักษณะแห่งอดีต อนาคตแลปัจจุบันแล้วไซร้พึงศึกษาปัญญาปารมี เหตุใดนั้นฤๅ? เพราะสภาวะลักษณะของธรรมธาตุไร้ซึ่งอดีต อนาคตแลปัจจุบัน เมื่อปรารถนาล่วงรู้สรรพธรรมแล้วเข้าสู่ความเสมอกับธรรมธาตุ มีจิตไม่ข้องขัดแล้วไซร้พึงศึกษาปัญญาปารมี เมื่อปรารถนาบรรลุถึงการหมุนธรรมจักรทั้งสามครั้งสิบสองคราว12 อีกตนเองก็ได้ตรัสรู้แลไม่ยึดมั่นพันผูกด้วยก็พึงศึกษาปัญญาปารมี เมื่อปรารถนาให้เมตตาจิตปกแผ่ไปในหมู่สัตว์ทั้งปวงโดยไม่มีขอบเขตประมาณ ทั้งจะไม่ทำความระลึกว่ามีสรรพสัตวลักษณะพึงศึกษาปัญญาปารมี เมื่อปรารถนาบรรลุถึงความไม่โต้แย้งอรรถะในหมู่สัตว์ทั้งปวง ทั้งจะไม่ยึดมั่นในลักษณะที่ไม่โต้แย้งนั่นด้วยพึงศึกษาปัญญาปารมี เมื่อปรารถนาล่วงรู้ฐานะและมิใช่ฐานะ13 ทศพละ เวสารัชชะ แล้วตั้งอยู่ในพุทธปัญญาญาณบรรลุถึงปฏิภาณที่ไม่ติดขัดพึงศึกษาปัญญาปารมี”

爾時文殊師利白佛言:「世尊!我觀正法,無為無相,無得無利,無生無滅,無去無來,無知者無見者無作者,不見般若波羅蜜,亦不見般若波羅蜜境界,非證非不證,不作戲論,無有分別。一切法無盡離盡,無凡夫法,無聲聞法,無辟支佛法、佛法,非得非不得,不捨生死,不證涅槃,非思議非不思議,非作非不作。法相如是。不知云何當學般若波羅蜜?」

爾時佛告文殊師利:「若能如是知諸法相,是名學般若波羅蜜。菩薩摩訶薩若欲學菩提自在三昧,得是三昧已,照明一切甚深佛法,及知一切諸佛名字,亦悉了達諸佛世界,無有障礙,當如文殊所說般若波羅蜜中學。」

เวลานั้น พระมัญชุศรีทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ข้าพระองค์พิจารณาพระสัทธรรมว่าไร้ซึ่งการปรุงแต่ง ไร้ซึ่งลักษณะ ไม่มีการเข้าถึง ไม่มีประโยชน์ ไม่เกิดไม่ดับ ไม่ไปไม่มา ไร้ซึ่งผู้รู้ ไร้ซึ่งผู้เห็นไร้ซึ่งผู้กระทำ มิได้พบเห็นแม้ปัญญาปารมี แลมิได้พบเห็นแม้วิสัยแห่งปัญญาปารมี จะบรรลุก็มิใช่ จะไม่บรรลุก็มิใช่ ไม่ใช่การกล่าววาจาหยอกเย้ามากสำนวน ไร้ซึ่งการแบ่งแยก สรรพธรรมไม่มีสิ้นสุดทั้งไกลจากความสิ้นสุด ไร้ซึ่งบุถุชนธรรม ไร้ซึ่งสาวกธรรม ไร้ซึ่งปัจเจกพุทธธรรม ไร้ซึ่งพุทธธรรม จะเข้าถึงก็มิใช่ จะไม่เข้าถึงก็มิใช่ มิได้วางเฉยในสังสารวัฏ มิได้บรรลุพระนิพพาน จะคาดคิดได้ก็มิใช่ จะเป็นอจินไตยคาดคิดไม่ได้ก็มิใช่เช่นกัน มิใช่การกระทำ มิใช่การไม่กระทำ ลักษณะแห่งธรรมเป็นอย่างนี้ จึงไม่ทราบว่าจะศึกษาปัญญาปารมีอย่างไรหนอ?”

พระพุทธองค์รับสั่งกะพระมัญชุศรีว่า “หากสามารถรู้ว่าธรรมลักษณะทั้งปวงเป็นอย่างนี้ จึงชื่อว่าศึกษาปัญญาปารมี พระโพธิสัตว์มหาสัตว์หากปรารถนาศึกษาโพธิศวรสมาธิ 14 ที่เมื่อบรรลุสมาธินี้แล้ว จะสามารถส่องเห็นพุทธธรรมที่ลึกซึ้งทั้งปวง และรู้จักนามของพระพุทธเจ้าทั้งปวง อีกทั้งได้แทงตลอดซึ่งพุทธเกษตรทั้งปวงโดยไร้อุปสรรค ก็โดยการศึกษาปัญญาปารมีตามที่มัญชุศรีกล่าวนี้แล”

_________________________________________________________________________________
11 คือ พระโพธิสัตว์ที่มีพันธะกับการเกิดอีกเพียงชาติเดียว ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า, หมายถึงพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเกือบเต็ม เช่นพระเมตไตรยบรมโพธิสัตว์เป็นต้น

12 ความหมายคือ เมื่อสมัยที่พระผู้มีพระภาคประทับที่ป่าอิสิปตนมฤคทานวัน ทรงแสดงทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค หรือการหมุนธรรมจักรแก่พระสาวก ถึง 3 ครั้ง ดังนี้... ครั้งที่ 1 คือทรงแสดง คือทรงกล่าวว่านี้คือทุกข์ นี้คือสมุทัย นี้คือนิโรธ นี้คือมรรค อันเป็นการกล่าวถึงลักษณะของอริยสัจสี่อย่าง ครั้งที่ 2 ทรงแนะ คือทรงกล่าวว่าทุกข์ควรรู้ สมุทัยควรละ นิโรธควรบรรลุ มรรคควรเจริญ อันเป็นการกล่าวถึงการประพฤติอริยสัจ ครั้งที่ 3 ทรงบรรลุถึง คือทรง กล่าวว่าทุกข์เราได้รู้แล้ว สมุทัยเราได้ละแล้ว นิโรธเราได้บรรลุแล้ว มรรคเราได้เจริญแล้ว ข้อนี้เป็นการยืนยันพระองค์เอง รวมแล้วคือการหมุนธรรมจักร(อริยสัจ 4) 3 ครั้ง จึงรวมเป็น 12 คราว (3 คูณ 4)

13 คือ ธรรมหมวดหนึ่งใน ทศพละ

14 หมายถึง สมาธิที่ทำให้รู้แจ้ง ถึงความเป็นอิสระเสรี

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก http://www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2011, 00:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


文殊白佛言:「世尊!何故名般若波羅蜜?」

佛言:「般若波羅蜜,無邊無際,無名無相,非思量。無歸依,無洲渚,無犯無福,無晦無明,如法界無有分齊亦無限數,是名般若波羅蜜,亦名菩薩摩訶薩行處。非行非不行處,悉入一乘,名非行處。何以故?無念無作故。即是一切諸佛之母,一切諸佛所從生故。何以故?以無生故。

พระมัญชุศรีทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! เหตุใดหนอจึงได้ชื่อว่าปัญญาปารมี?”

ตรัสว่า “ปัญญาปารมี ไร้ขอบเขตไม่มีประมาณ ไร้นาม ไร้ลักษณะ ไม่ใช่การคิดหยั่งเอาได้ ปราศจากที่พึ่งพิงอาศัย ปราศจากแกะแก่ง ไร้ความผิด ไร้บุญ ปราศจากความมืด ปราศจากความสว่าง ดุจธรรมธาตุที่ไม่ได้แบ่งแยกทั้งจะนับหาขอบเขตมิได้ จึงมีชื่อว่าปัญญาปารมี ทั้งมีชื่อว่าวัตรแห่งโพธิสัตว์มหาสัตว์ อันจะเป็นจริยาวัตรก็มิใช่ มิได้เป็นจริยาวัตรก็มิใช่ ซึ่งล้วนเข้าสู่ยานเดียว จึงได้ชื่อว่า การไม่ใช่จริยาวัตร เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะไม่มีการระลึก ไม่มีการกระทำ จึงเป็นมารดาแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง เหตุเพราะเป็นที่กำเนิดของพระพุทธเจ้าทั้งปวง เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะไร้ซึ่งการเกิด”

「是故,文殊師利!若善男子、善女人,欲行菩薩行具足諸波羅蜜,當修此般若波羅蜜。若欲得坐道場,成無上菩提,當修此般若波羅蜜。若欲以大慈大悲遍覆一切眾生,當修此般若波羅蜜。若欲起一切定方便,當修此般若波羅蜜。若欲得一切三摩跋提,當修此般若波羅蜜。何以故?諸三摩提無所為故。一切諸法,無出離無出離處,若人欲隨逐此語,當修般若波羅蜜。一切諸法如實不可得,若欲樂如是知,當修般若波羅蜜。一切眾生,為菩提故修菩提道,而實無眾生亦無菩提,若人欲信樂此法,當修般若波羅蜜。何以故?一切諸法如實與菩提等如。非眾生行,不捨自性,彼眾生行是非行,彼非行是菩提,彼菩提是法界。若欲不著此法,當修般若波羅蜜。

พ. “เหตุนี้แล มัญชุศรี หากกุลบุตร กุลธิดา ที่ปรารถนาประพฤติโพธิสัตวจริยาให้สมบูรณ์ด้วยปารมีทั้งปวงพึงศึกษาปัญญาปารมีนี้ หากปรารถนานั่งบนธรรมบัลลังก์สำเร็จพระอนุตรสัมโพธิพึงศึกษาปัญญาปารมีนี้ หากปรารถนาใช้มหาเมตตามหากรุณาปกแผ่ไปทั่วในหมู่สัตว์ทั้งปวงพึงศึกษาปัญญาปารมีนี้ หากปรารถนาบังเกิดสมาธิและอุปายะทั้งปวงพึงศึกษาปัญญาปารมีนี้ หากปรารถนาบรรลุสมาบัติทั้งปวงพึงศึกษาปัญญาปารมีนี้ ด้วยเหตุไฉนนั้นฤๅ? ก็เพราะบรรดาสมาธิมิได้ปรุงแต่ง สรรพธรรมทั้งปวงมิได้ไกลจากการไม่ห่างไกล หากบุคคลปรารถนาอนุโลมตามคำกล่าวนี้พึงศึกษาปัญญาปารมี สรรพธรรมที่แท้แล้วไม่อาจเข้าถึงได้ หากปรารถนาแลยินดีล่วงรู้อย่างนี้พึงศึกษาปัญญาปารมีนี้ สรรพสัตว์ทั้งปวงเหตุเพื่อโพธิญาณจึงบำเพ็ญโพธิมรรค แต่ที่แท้แล้วก็ไร้ซึ่งสรรพสัตว์ทั้งไร้ซึ่งโพธิ หากบุคคลปรารถนาศรัทธายินดีในธรรมนี้พึง ศึกษาปัญญาปารมีนี้ เหตุไฉนนั้นฤๅ? เพราะสรรพธรรมก็เป็นตถตาคือเป็นจริงอยู่อย่างนั้นเสมือนโพธินั้นแล มิใช่ความเป็นไปของสรรพสัตว์ มิใช่วางเฉยสวภาวะ15 ก็ความเป็นไปของสรรพสัตว์นั้นคือความไม่ได้เป็นไปความไม่ได้เป็นไปนั้นก็คือโพธิ โพธินั้นคือธรรมธาตุ หากปรารถนาไม่ถูกเคลือบย้อมพันผูกด้วยธรรมนี้พึงศึกษาปัญญาปารมี”

「文殊師利!若比丘、比丘尼、優婆塞、優婆夷,若受持般若波羅蜜,一四句偈為他人說,我說此人得不墮法,何況如實修行。當知彼善男子、善女人,住佛境界。

「文殊師利!若善男子、善女人,聞此甚深般若波羅蜜,不生怖畏。當知此人,受佛法印。此法印者,是佛所造,是佛所貴。何以故?以此法印,印無著法故。若善男子、善女人,為此印所印,當知是人,隨菩薩乘決定不退,不墮聲聞、辟支佛地。」

พ. “ดูก่อนมัญชุศรี! หากภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หากจดจำปัญญาปารมี หนึ่งประโยคหรือสี่บาทแล้วกล่าวแสดงต่อผู้อื่น ตถาคตกล่าวว่าผู้นี้จักไม่เสื่อมตกจากธรรม แล้วจะประสาใดกับการประพฤติจริยาด้วยความเป็นตถตาคือเป็นจริงอย่างนั้น พึงทราบว่ากุลบุตร กุลธิดานั้นได้ตั้งอยู่ในพุทธวิสัย”

พ. “ดูก่อนมัญชุศรี! หากกุลบุตร กุลธิดา ได้ยินได้ฟังปัญญาปารมีที่ลึกซึ้งนี้แล้วไม่เกิดความตระหนกหวั่นเกรง พึงทราบว่าผู้นี้ ได้รับพุทธธรรมมุทรา อันธรรมมุทรานี้คือพระพุทธะสร้างขึ้น คือสิ่งล้ำค่าของพระพุทธะ เหตุไฉนนั่นฤๅ? ด้วยธรรมมุทรานี้ เป็นลัญจกรแห่งอสังคธรรม คือธรรมที่ไม่ผูกมัดกับสิ่งใด หากกุลบุตร กุลธิดาได้ประทับด้วยลัญจกรนี้แล้ว พึงทราบว่าผู้นี้จะไปตามโพธิสัตวยานไม่เสื่อมถอยอย่างแน่นอนไม่ตกสู่ภูมิแห่งพระสาวก และพระปัจเจกพุทธ”

爾時釋提桓因及諸天子,從三十三天,雨細末栴檀及細末金屑,又散欝波羅華、鉢頭摩華、拘物陀華、分陀利華及曼陀羅華,以供養般若波羅蜜。供養已,作如是言:「我

________________________________________________________________________________

15 สวภาวะ แปลว่า ความเห็นที่ว่าสรรพสิ่งล้วนมีคุณลักษณ์เฉพาะของตัวเอง เช่น รถยนต์มีสวภาวะของความเป็นรถยนต์ จึงทำให้เป็นรถยนต์ แต่นัยยะของพระสูตรนี้ มุ่งแสดงให้เห็นว่าทุกสรรพสิ่งล้วนว่างเปล่าจากสวภาวะ กล่าวคือ ทุกสิ่งไม่ได้มีคุณลักษณ์เฉพาะที่แท้จริงเลย สรรพสิ่งเกิดขึ้นมาได้ ล้วนเป็นเพราะมีเหตุปัจจัยจากสิ่งอื่น หรือเพราะการอิงอาศัยกับสิ่งอื่นๆ ในรูปแบบของปฏิจจสมุปปบาทหรืออิทัปปัจจัยตา เช่น เพราะมีประตู ล้อ พวงมาลัยเครื่องยนต์ ฯลฯ มาประกอบกันจึงเกิดเป็นรูปร่างของรถยนต์ขึ้นมา ซึ่งรถยนต์ที่แท้นั้นไม่ได้มีอยู่จริง หรือแม้แต่ประตู ล้อ พวงมาลัย เครื่องยนต์ ฯลฯ ก็ไม่ได้มีความเป็น ประตู ล้อ พวงมาลัย เครื่องยนต์ ฯลฯ อยู่ด้วยเช่นกัน เพราะแต่ละสิ่งล้วนเกิดจากการประกอบกันขึ้นของแร่เหล็ก และสารทางเคมีอื่นๆสรุปคือ สรรพสิ่งเกิดขึ้นได้เพราะต้องอาศัยอีกสิ่งหนึ่ง หรือหลายสิ่งประกอบกันเข้า เมื่อหลายๆสิ่งรวมเป็นสิ่งเดียวแล้ว เราจึงสมมุติชื่อเรียกสิ่งๆนั้นต่อไป

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก http://www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2011, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


已供養無上無著最第一法,願我來世更聞此深般若波羅蜜。若人已為此深般若波羅蜜印之所印,願其未來復得聽受,究竟成就薩婆若智。」

爾時釋提桓因白佛言:「世尊!若善男子、善女人,聞此般若波羅蜜一經於耳,我為增長佛法故,守護彼人,面百由旬不令非人得其便也。是善男子、善女人,究竟當得阿耨多羅三藐三菩提。我當日日往到其所而設供養。」

爾時佛告釋提桓因:「如是,如是!憍尸迦!當知彼善男子、善女人,具足佛法,必定得至阿耨多羅三藐三菩提。」

ครั้งนั้น ท้าวศักรอินทรเทวราชกับหมู่เทวบุตร ได้เสด็จมาแต่ตรัยตรึงส์เทวโลก แล้วโปรยปรายผงจุณจันทน์และผงทอง อีกทั้งโปรยปรายดอกอุบล ปัทมา โกมุท ปุณฑริก 16 และดอกมณฑารพ มาสักการะปัญญาปารมี เมื่อสักการะแล้ว ก็มีมนสิการอย่างนี้ว่า “เราได้บูชาธรรมอันเป็นเอกยอดเยี่ยมไร้ซึ่งสิ่งผูกมัดแลเป็นอนุตระแล้ว ในชาติอนาคตขอให้เราได้ฟังปัญญาปารมีอันสุขุมลึกซึ้งนี้อีก หากผู้ใดได้ประทับลัญจกรแห่งปัญญาปารมิตาอันสุขุมลึกซึ้งนี้แล้ว ขอให้ผู้นั้นจงได้สดับฟังธรรมนี้อีกในอนาคต แล้วได้สำเร็จสัพพัญญุตญาณในที่สุดเถิด”

ท้าวศักรอินทรเทวราชกราบทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! หากกุลบุตร กุลธิดา ทีได้ฟังปัญญาปารมีธรรมผ่านโสตเพียงครั้ง ข้าพระองค์เพื่อจะยังให้พุทธธรรมยืดยาวออกไป จะปกป้องบุคคลนั้น บันดาลให้เบื้องหน้าผู้นั้นห่างออกไปหนึ่งร้อยโยชน์อมนุษย์ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ก็กุลบุตร กุลธิดานี้เบื้องอันเป็นที่สุดจะได้บรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ ทุกวันข้าพระองค์จะมายังผู้นั้นเพื่อสักการะ”

สมัยนั้นพระพุทธองค์ตรัสกับท้าวศักรอินทรเทวราชว่า “เป็นอย่างนั้นๆ ท่านโกสีย์! พึงทราบว่ากุลบุตร กุลธิดานั้นสมบูรณ์ซึ่งพุทธธรรม จะได้บรรลุถึงพระอนุตรสัมมาสัมโพธิเป็นแน่แท้”

爾時文殊師利白佛言:「唯願世尊!以威神力持此般若波羅蜜,久住於世,為欲饒益諸眾生故。」

文殊師利說此語時,以佛神力,大地六種震動。爾時世尊!即便微笑,放大光明,遍照三千大千世界,以威神力,持此般若波羅蜜,令久住世。

เมื่อนั้นพระมัญชุศรีทูลพระพุทธองค์ว่า “ขอพระองค์ โปรดใช้พุทธานุภาพปกป้องปัญญาปารมีนี้ ให้
ตั้งอยู่เนิ่นนานในโลก เพื่อยังประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งปวงด้วยเถิดพระเจ้าข้า”

________________________________________________________________________________

16 อุบลคือบัวขาบ ปัทมาคือบัวแดง โกมุทคือบัวเหลือง ปุณฑริกคือบัวขาว

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก http://www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2011, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพระมัญชุศรีทูลแล้ว ด้วยพระพุทธานุภาพ มหาปฐพีดลจึงสั่นสะเทือนกัมปนาทหกลักษณะ ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคจึงแย้มพระสรวล แล้วเนิ่นนานในโลก

爾時文殊師利復白佛言:「世尊!放此光明,是持般若波羅蜜相?」佛告文殊師利:「如是,如是!文殊師利!我放此光明,是持般若波羅蜜相。文殊師利!汝今當知,我已持此般若波羅蜜久住於世。若有人不輕毀此法,不說其過,當知是人已為此深般若波羅蜜印之所印。是故,文殊師利!我於久遠安住此印,若人已為此印所印,當知是人不為魔王之所得便。」

佛告帝釋:「汝當受持讀誦此經,廣宣流布,使未來世諸善男子、善女人,得此法印。」復告阿難:「汝亦受持讀誦,廣為人說。」

บัดนั้นพระมัญชุศรีทูลพระพุทธองค์อีกว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! อันการประภาสรัศมีนี้ คือการธำรงไว้ซึ่งปัญญาปารมีหรือไม่พระเจ้าข้า?” ตรัสว่า “เป็นเช่นนั้นๆ มัญชุศรี! ตถาคตเปล่งรัศมีนี้ก็คือการธำรงไว้ซึ่งปัญญาปารมี มัญชุศรี! เธอพึงทราบเถิดว่าตถาคตได้ธำรงรักษาปัญญาปารมีนี้ให้ตั้งอยู่นานในโลกหากมีผู้ใดไม่ดูแคลนทำลายธรรมนี้ มิกล่าวโทษแก่ธรรมนี้ พึงทราบได้ว่าผู้นี้ได้ประทับปัญญาปารมีมุทราอันคัมภีรภาพแล้ว เหตุนี้แหละ มัญชุศรี! ตถาคตก็ตั้งอยู่ในมุทรานี้นานมาแล้ว หากผู้ใดได้ประทับซึ่งมุทรานี้พึงทราบว่าผู้นี้ เป็นผู้ที่พญามารจะใช้กลอุบายด้วยไม่ได้”

มีพุทธฎีกากะท้าวศักระว่า “เธอพึงจดจำ สาธยายธรรมนี้ แล้วป่าวประกาศให้แพร่หลายออกไปเถิดยังให้กุลบุตร กุลธิดาทั้งหลายในอนาคตได้บรรลุถึงมุทราแห่งธรรมนี้โดยทั่วกัน” และมีรับสั่งกับพระอานนท์ว่า “เธอก็จงจดจำ สาธยาย แล้วป่าวประกาศแก่ชนทั้งปวงด้วย”

時天帝釋及長老阿難白佛言:「世尊!當何名此經?我等云何奉持?」佛言:「此經名“文殊師利所說”,亦名“般若波羅蜜”,如是受持。善男子、善女人,於恒沙劫,以無價寶珠布施恒河沙等眾生,眾生受已悉發道心,是時施主隨其所宜示教利喜,令得須陀洹果至阿羅漢果。是人所得功德寧為多不?」阿難白佛言:「甚多,世尊!」

เวลานั้นท้าวศักรเทวราชกับท่านอาวุโสอานนท์ได้ทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! ธรรมนี้จะมีชื่อว่ากระไรหนอ หมู่ข้าพระองค์จะน้อมรับอย่างไรพระเจ้าข้า?” มีรับสั่งว่า “ธรรมนี้มีชื่อว่า “การกล่าวแสดงของพระมัญชุศรี” อีกชื่อคือ “ปัญญาปารมี” พึงจดจำอย่างนี้ กุลบุตร กุลธิดาทั้งหลายที่ในกัลป์นับจำนวนได้เท่าเม็ดทรายแห่งคงคานที ได้นำแก้วรัตนะที่มีค่าไม่อาจประมาณมาบริจาคเป็นทานแก่สรรพสัตว์จำนวนเท่าเม็ดทรายในคงคานที สรรพสัตว์เหล่านั้นเมื่อรับแล้วก็ล้วนเกิดมรรคจิต เวลานั้นผู้เป็นทานบดียังได้แสดงธรรมเพื่อยังประโยชน์และยังความยินดีตามอัธยาศัยของสรรพสัตว์เหล่านั้น ยังให้สรรพสัตว์เหล่านั้นบรรลุโสดาปัตติผลจนถึงอรหันตผล บุคคลนี้จะได้รับกุศลมากหรือไม่หนอ?” พระอานนท์ทูลว่า“มากมายยิ่งนัก พระเจ้าข้า”

佛言:「善男子!若人起一念心,信此般若波羅蜜經,不誹謗者,比前功德,出過百倍千倍百千萬億倍,乃至算數譬喻所不能知,何況具足受持讀誦為人解說。是人所得功德無量無邊,諸佛如來說不能盡。何以故?能生一切諸佛薩婆若故。若虛空有盡,則此經功德盡,若法性有盡,則此經功德盡。是故,文殊師利!善男子、善女人,應懃行精進守護此經。此經能滅生死一切怖畏,能摧天魔所立勝幢,能將菩薩到涅槃果,示教訓導離於二乘。」

มีพุทธบรรหารว่า “ดูก่อนกุลบุตร หากบุคคลผู้เกิดจิตศรัทธาต่อปัญญาปารมีธรรมสูตรนี้เพียงระลึกเดียว ไม่ให้ร้ายทำลาย กุศลที่ได้ยังมากกว่าบุคคลข้างต้น มากกว่าร้อยเท่า พันเท่า ร้อยพันหมื่นโกฏิเท่าจนถึงด้วยการนับคำนวณ และการอุปมาทั้งปวงก็ยังไม่อาจทราบถึงปริมาณของกุศลนั้นได้ แล้วจักประสาใดที่ได้จดจำ สาธยายแลอธิบายแก่ผู้อื่นอย่างสมบูรณ์ บุคคลนี้ย่อมได้รับกุศลที่ไม่มีประมาณไม่มีขอบเขตพระพุทธตถาคตทั้งหลายก็จะกล่าวแสดงไปไม่สิ้นสุด เหตุไฉนนั้นฤๅ? เหตุเพราะ(ธรรมนี้)เป็นที่กำเนิดสัพพัญญุตญาณของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย หากจักรวาลมีสิ้นสุดกุศลแห่งธรรมนี้ย่อมสิ้นสุด หากธรรมภาวะมีสิ้นสุดกุศลแห่งธรรมนี้ย่อมสิ้นสุด เหตุนี้แล มัญชุศรี! กุลบุตร กุลธิดาพึงพากเพียรวิริยะในการปกป้องธรรมนี้ อันธรรมนี้สามารถดับความหวั่นเกรงทั้งปวงของสังสารวัฏ สามารถหักโค่นธงธวัชแห่งชัยชนะของเทวมาร สามารถยังให้โพธิสัตว์เข้าถึงผลแห่งนิพพาน อันสั่งสอนชี้นำให้ไกลจากทวิยาน (คือไกลจากสาวกยาน และปัจเจกพุทธยาน)”

爾時帝釋、長老阿難俱白佛言:「世尊!如是,如是!誠如佛言,我等當頂戴受持,廣宣流布。唯願如來不以為慮。」如是三白言:「願不為慮,我等當頂戴受持。」

佛說此經竟,文殊師利等諸菩薩摩訶薩,舍利弗等比丘、比丘尼、優婆塞、優婆夷,天、龍、夜叉、乾闥婆、阿修羅、迦樓羅、緊那羅、摩睺羅伽、人非人等,一切大眾,聞佛所說,皆大歡喜,信受奉持。

*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก http://www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2011, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยบัดนั้นแล ท้าวศักระ ท่านอาวุโสอานนท์ต่างทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค!เป็นอย่างนั้นๆ เป็นดั่งที่พระองค์ตรัสแล้ว ข้าพระองค์ทั้งหลายจะจดจำใส่เกล้าไว้ แล้วป่าวประกาศไปให้แพร่หลาย ขอพระตถาคตมิต้องทรงเป็นกังวลพระเจ้าข้า” ได้ทูลเช่นนี้สามครั้งว่า “ขอพระองค์อย่าทรงกังวล ข้าพระองค์ทั้งหลายจะจดจำใส่เกล้าไว้”

เมื่อพระพุทธองค์แสดงพระธรรมสูตรนี้จบแล้ว พระมัญชุศรีพร้อมกับโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งปวง พระสารีบุตรกับทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทพ นาค ยักษ์ ครุฑ อสุร กินนร คนธรรพ์ มโหราค มนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวง อันมหาชนทั้งปวงที่ได้สดับพระพุทธภาษิต ล้วนเกิดมหาโสมนัส มีศรัทธาน้อมรับสืบไป.

文殊師利所說般若波羅蜜經

จบ...มัญชุศรีปรัชญาปารมิตาสูตร


*** พระสูตรมหายานแปลไทย จาก www..mahaparamita.com สงวนลิขสิทธิ์ในการแก้ไข ดัดแปลง จำหน่าย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร