วันเวลาปัจจุบัน 08 มิ.ย. 2025, 10:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 15:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 13:35
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นบทความจากคนขายกาแฟคนหนึ่งซึ่งอยากเผยแพร่และดิฉันก็เลยรับอาสานำมาให้ท่านที่สนใจอ่านค่ะ เป็นบทกลอนที่เขาแต่งขึ้นมาเอง ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร ถ้ามีใครอยาเอาไปเผยแพร่ต่อก็ไม่หวงนะคะ คนแต่งอยากให้คนได้อ่านเยอะๆค่ะ

ยากจริง ยิ่งใจ ยุ่งจัด
อยากสลัด ยิ่งสลัก ยากสลาย
ยิ่งติ ยกตน ยิ่งตาย
อยากหาย ยกให้ อย่างหวง

ทาน
เป็นการฝึกจิตสลัดออกเริ่มตั้งแต่วัตถุที่จับต้องได้โดยเริ่มจากของที่ไม่ใช้แล้วคือ ไม่ชอบ ไปจนถึงของที่ชอบที่สวยและที่หลงเมื่อฝึกให้ทานวัตถุบ่อยเข้าจิตจะเริ่มรู้วิธีสลัดออกซึ่งความคิดที่ไม่ชอบ เช่น การโกรธ เกลียด อาฆาตพยาบาท ขุ่นเคืองใจ เป็นต้น และอารมณ์ที่ชอบจนเกิดความอยากได้ เช่น บ้าน รถ ที่ดิน ลาภยศ ชื่อเสียง เงินทอง เมื่ออารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นที่จิต จะถูกจิตที่ฝึกการให้แล้วสลัดออก โดยจิตจะทำให้เป็นคนทุกข์ไม่นาน แต่มีความสุขง่าย ซึ่งเป็นสุขอันเกิดจาก การสลัดออกจากอารมณ์ความคิดที่สุดโต่งทั้งสองอย่าง คือ ชอบและไม่ชอบ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าจิตว่างแม้ว่าภายหลังอารมณ์ชอบไม่ชอบจะโคจรเข้ามาภายในจิตซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ของทุกคนอยู่แล้วแต่จิตที่ถูกฝึกให้ทานจนชำนาญแล้วจะไม่เข้ายึดในอารมณ์เหล่านั้น หรือถ้าเข้ายึดจิตก็จะถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็วกว่าคนธรรมดาหลายเท่า
ห่วง
ห่วง คือการเข้ายึดเอาไว้ตลอดกาล หรือให้นานที่สุดเท่าที่จะหาวิธีได้ เริ่มตั้งแต่วัตถุที่ไม่ชอบ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ที่หักพังแล้วก็ไม่ยอมทิ้งไป ใครขอก็ไม่ให้จะใช้ก็ไม่ได้ เก็บเอาไว้รกบ้านอย่างนั้น ยิ่งถ้าวัตถุที่ชอบแล้วยิ่งให้ทานใครไม่ได้เลย และพอฝึกอย่างนี้นานๆเข้าจิตจะเริ่มอยากได้ของผู้อื่นโดยธรรมชาติ
ทางด้านจิตใจ คือ สิ่งที่จับต้องไม่ได้นั้น เมื่อมีความคิดไม่ชอบจนถึงขัดเคือง โกรธ พยาบาทความคิดเหล่านั้นจะถูกยึดหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ในจิตให้นานที่สุดซึ่งเป็นผลต่อยอดมาจากการสะสมวัตถุเอาไว้ไม่ปล่อยออกไปในขณะนั้นจิตจะเรียนรู้แต่วิธีกอบโกยรักษาเอาไว้ไปด้วย และโดยธรรมชาติจิตจะไม่รู้วิธีสลัดออก
และถ้าพูดถึงของที่ชอบก็จะหวงแหนหลงใหลอยากได้ โดยไม่รู้วิธีหยุดคิดหรือสลัดความคิดอยากได้ นั้นออกจากจิตจากสมองได้ และจะกลายเป็นคนทุกข์ง่าย สุขน้อย จิตจะวุ่นวายไปด้วยอารมณ์ ชอบ – ไม่ชอบ ตลอดเวลาแม้เวลาหลับฝันก็ยังตามไปหลอกหลอนทำให้เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อมานั่งคิดคำนึงปรุงแต่งเรื่องราวเกี่ยวกับความ ชอบ – ไม่ชอบ อยู่อย่างนั้นจนสว่าง และไม่มีวันจบหาทางออกจากความคิดของตนไม่ได้ กลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และเต็มไปด้วยความคิดความเห็นตลอดเวลาไม่รู้จะสลัดความเห็นเก่าความเห็นใหม่ออกจากจิตจากสมองได้อย่างไรเพราะจิตของผู้นั้นคอยแต่ตระหนี่หวงเอาไว้ความคิดเหล่านั้นล้วนแต่ก่อให้จิตใจของตัวเอง การหวงหรือตระหนี่บ่อยๆเข้าจะเป็นการฝึกฝนไปโดยไม่รู้ตัวจิตจะชำนาญแตกฉานวิธีการตระหนี่ต่างๆอย่างมหัศจรรย์จนตัวจิตเองไม่สามารถสลัดออกไปได้ง่าย จะกลายเป็นคนทุกข์ง่ายกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายเท่าและถ้าเทียบกับคนที่ให้ทานเป็นประจำจะเห็นได้ว่าเหมือยอยู่กันคนละโลก
คำจำกัดความคำว่า
ทาน คือ อาการที่จิตรเพ่งการสลัดออกสละคืนให้ไปและยินดีอยู่กับอาการนั้น ส่วนผลของการให้ที่ย้อนเข้ามาในรูปแบบการตอบแทนด้วยวัตถุ คำชม มิตรภาพ จิตจะรับรู้ไว้เฉยๆไม่ยินดียินร้าย แต่จะแสดงออกทางภายนอกตามมารยาท
ตระหนี่ คือ อาการที่จิตเพ่งอยู่กับการนำเข้ามาเก็บเอาไว้ หวงแหนเอาไว้ และยินดีอยู่กับอาการนั้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร