วันเวลาปัจจุบัน 23 พ.ค. 2025, 03:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต

ภพภูมินั้นเกิดจากจิต


เรียกว่ามีจิตขึ้นมาแม้ขณะเดียว ก็จะมีตัวมีตนปรากฏขึ้นใน 31 ภพภูมิแล้ว มีตัวมีตนขึ้นมาแล้ว หรือที่เรียกกันว่าจิตญาณนั่นแหละ

จิตมีขึ้นได้เพราะความหลง หลงว่าสรรพสิ่งต่างๆมันมี มันเป็น

ความต่อเนื่องของจิตมีขึ้นได้ก็เพราะตัณหาที่พาให้พุ่งไปหาที่ยึดหาที่เกาะหรืออุปาทานในสิ่งต่างๆนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ ภพภูมิจึงเกิดขึ้น มีขึ้น

คุณภาพของขณะจิตที่เกิดขึ้นก็บ่งบอกภพภูมิที่ดำรงอยู่และภพภูมิที่จะไปต่อ

หากผู้นั้นมีอนุสัยโกรธเกรี้ยว โมโห อาฆาตพยาบาท ภาคทิพย์ของผู้นั้นก็จะเป็นสัตว์นรก ถึงแม้มีกายเป็นมนุษย์ก็ตาม
หากผู้ใดมีจิตเป็นกุศลอยู่เนืองๆ ภาคทิพย์ของผู้นั้นก็เป็นเทวดา
หากผู้ใดมีจิตที่จมแช่ จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ หลงใหลไปกับสิ่งนั้นอยู่เนืองๆ จิตนั้นก็เป็นจิตของอสูรกาย
หากผู้ใดมีจิตที่หิวกระหาย โลภโมโทสัน จิตของผู้นั้นก็จะเป็นจิตของภูมิเปรต
หากผู้ใดที่ทรงรู้ ทรงสติ ฝึกบังคับสติ บังคับจิตไม่ให้ไหลไปอยู่เนืองๆ จิตของผู้นั้นก็จะเป็นพรหม

ในหนึ่งวัน สรรพสัตว์เกิดขณะจิตต่อเนื่องขึ้นจำนวนมากนับไม่ถ้วน ขณะจิตที่เกิดนั้นคือการสร้างกรรม เสวยกรรม และต่อภพชาติไปข้างหน้าแบบไม่รู้ตัว

ภพภูมิทั้งหมดนั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากการหลงเข้าไปสร้างกรรม ชดใช้กรรม และต่อภพชาติเท่านั้น ขณะจิตที่เกิดขึ้นเป็นภพเป็นชาตินั้นก็เกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ว่าหลง ความวิตกกังวลในสิ่งต่างๆ ในสถานการณ์ต่างๆว่ามันจะดี จะเลว จะส่งผลกระทบต่อตนเองยังไง จึงหลงดิ้นรนเข้าไปแก้กรรมด้วยการสร้างกรรมใหม่อยู่ตลอดเวลา

เราไม่สามารถเลือกได้ด้วยว่าจะไปเกิดที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะเงื่อนปมการเรียงตัวของภพชาติต่อๆไปนั้น ขึ้นอยู่กับความลึกลับซับซ้อนของกรรมที่เราจะไม่มีวันรู้ได้เลย พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงบอกว่าเรื่องกรรมเป็นเรื่องอจินไตยซึ่งไม่สามารถคิดคำนวณเอาได้นั่นเอง มีทางเดียวเท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏได้ก็คือการตื่นออกจากความหลง แจ้งในนิพพานเท่านั้น

ดังนั้นการที่จะออกจากความเป็นสัตว์ ออกจากความหลงได้ก็ต้องหมดจิตหมดใจกับทุกอย่าง วางใจว่าทุกอย่างมันถูกกรรมจัดสรรมาหมดแล้ว วางใจว่าทุกอย่างมันนิพพานอยู่แล้ว เพียงแค่วางใจได้กรรมจะหมดลงเอง แจ้งในเนื้อหานิพพานไปเอง ไม่ใช่ไปดิ้นรนออกจากกรรม เพราะการดิ้นรนเองนั่นแหละที่ก่อให้การขณะจิตจนเกิดภพชาติอยู่ภายใน

ความผูกพัน ความเป็นเหตุเป็นผล ความเชื่อมโยง ความเป็นเหตุเป็นปัจจัยทั้งหลายทั้งปวง มีขึ้นเพราะความหลงทั้งนั้น แล้วจะเอาอะไรไปแก้อะไรได้เล่าในเมื่อมันเป็นของปลอมทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้สังสารวัฏจึงได้ชื่อว่าเป็นภัยพิบัติใหญ่ของเหล่าสรรพสัตว์ ภัยพิบัติที่หมู่สรรพสัตว์ได้หลงติดอยู่ในนั้นยาวนานหลายภพหลายชาติ เป็นกัลป์เป็นกัปนานจนหาจุดเริ่มและจุดจบไม่ได้ เรียกว่าถ้ายังหลงอยู่ ยังยึดอยู่ จะอยู่ตรงไหนแห่งหนใดก็เป็นภัยทั้งนั้นแม้ว่าจะอยู่ในวัด นุ่งขาวห่มขาวหรือห่มผ้าเหลืองก็ตามที

ก็ให้วางใจ วางใจได้เมื่อไหร่กรรมใหม่ก็ไม่เกิด เลิกยึดติดกับสรรพสิ่งต่างๆ เลิกให้ความเห็นความหมายต่อสิ่งต่างๆ เชื้อกรรมเก่าก็จะหมดไปเอง นั่นแหละคือการพ้นจากภัยพิบัติที่แท้จริง

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แก้ไขล่าสุดโดย Bwitch เมื่อ 25 มี.ค. 2011, 10:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: :b8: :b8: :b8: :b44:

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7820

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b46: :b46: :b8: :b8: :b8: :b46: :b46:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 16:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ :b8:

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร