วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 21:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




gfagp9043504-02.bmp
gfagp9043504-02.bmp [ 107.79 KiB | เปิดดู 2667 ครั้ง ]
กิจในอริยสัจ

สิ่งสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งเกี่ยวกับอริยสัจ คือการรู้ และ ทำหน้าที่ต่ออริยสัจแต่ละข้อให้ถูกต้อง ในการแสดงอริยสัจ

ก็ดี ในการปฏิบัติธรรมตามหลักอริยสัจก็ดี จะต้องให้อริยสัจแต่ละข้อสัมพันธ์ตรงกันกับหน้าที่หรือกิจ

ต่ออริยสัจข้อนั้น จึงจะชื่อว่าเป็นการแสดงอริยสัจและเป็นการปฏิบัติธรรมโดยชอบ

มิฉะนั้นจะทำให้เกิดความผิดพลาด ทั้งในความเข้าใจและการประพฤติปฏิบัติ

แม้แต่ความเข้าใจผิดบางอย่างเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น เห็นว่า พระพุทธศาสนาสอนให้มองโลกในแง่ร้าย

เป็นต้น ก็เกิดจากการไม่เข้าใจเรื่องกิจในอริยสัจนี้ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กิจในอริยสัจ คือ หน้าที่อันจะพึงทำต่ออริยสัจ ๔ แต่ละอย่าง หรือ หน้าที่ต่ออริยสัจข้อนั้นๆ มี ๔ อย่าง

ตามบาลีว่า
(ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร )

๑. ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริญฺเญยฺยํ ทุกขอริยสัจ ควรกำหนดรู้

๒. ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ ปหาตพฺพํ ทุกขสมุทัยอริยสัจ ควรละ

๓. ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ สจฺฉิกาตพฺพํ ทุกขนิโรธอริยสัจ ควรทำให้แจ้ง

๔. ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสจฺจํ ภาเวตพฺพํ ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ควรเจริญ


จับมาเรียงให้ดูง่าย ดังนี้

๑. ปริญญา การกำหนดรู้ เป็นกิจในทุกข์ หมายถึงการศึกษาให้รู้จักให้เข้าใจสภาวะที่เป็นทุกข์ ตามที่มันเป็น

ของมันจริงๆ

พูดง่ายๆว่า การทำความเข้าใจปัญหาและกำหนดขอบเขตของปัญหาให้ชัดเจน จัดเป็นขั้นเริ่มต้นที่จะช่วยให้

การดำเนินการขั้นต่อๆไปเป็นไปได้และตรงปัญหา

๒. ปหานะ เป็นกิจในสมุทัย หมายถึงการกำจัดเหตุแห่งทุกข์ ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ให้หมดสิ้นไป

พูดง่ายๆว่า การแก้ไขกำจัดต้นตอของปัญหา

๓. สัจฉิกิริยา การทำให้แจ้ง เป็นกิจในนิโรธ หมายถึงการประจักษ์แจ้ง หรือ บรรลุถึงภาวะดับทุกข์

พูดง่ายๆว่า การเข้าถึงภาวะที่แก้ไขปัญหาได้เสร็จสิ้น ภาวะหมดปัญหา หรือภาวะปราศจากปัญหาบรรลุจุดหมาย

ที่ต้องการ

๔.ภาวนา การเจริญ เป็นกิจในมรรค แปลตามตัวอักษรว่า การทำให้มีให้เป็นขึ้น คือ ทำให้เกิดขึ้น

และเจริญเพิ่มพูนขึ้น หมายถึง การฝึกอบรมตามข้อปฏิบัติของมรรค การลงมือปฏิบัติตามมรรควิธีที่จะกำจัด

เหตุแห่งทุกข์

พูดง่ายๆว่า การกระทำตามวิธีการที่จะนำไปสู่จุดหมาย หรือ การกำหนดวางรายละเอียดวิธีปฏิบัติแล้วลงมือแก้ไข

ปัญหา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กิจทั้ง ๔ นั้น เป็นข้อที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องและเสร็จสิ้นในอริยสัจ ๔ แต่ละอย่างให้ตรงข้อกัน

ในการปฏิบัติจริงนั้น การจะทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ต้องอาศัยความรู้ หรือ ญาณ

การรู้กิจในอริยสัจ เรียกว่ากิจญาณ (บาลี-กิจฺจญาณ) เมื่อเอาญาณมาเชื่อมโยงอริยสัจแต่ละข้อเข้ากับกิจ

ของมัน ก็จะเห็นเป็นลำดับขั้นตอนของการปฏิบัติ ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นวิธีการสำหรับแก้ปัญหาได้ทุกระดับ

ดังนี้


๑. ทุกข์ * หมายถึง รู้สภาวะที่เป็นทุกข์ ซึ่งจะต้องกำหนดรู้ตามสภาพที่แท้จริงของมัน

(คือ ไม่ใช่รู้ตามที่เราอยากให้มันเป็น หรือ ตามที่เราเกลียดชังมัน เป็นต้น) ถ้าจัดเป็นขั้น ได้แก่ ขั้นแถลง

หรือ สำรวจปัญหาที่จะต้องทำความเข้าใจและรู้ขอบเขต

๒. สมุทัย หมายถึง รู้สิ่งที่เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งจะต้องกำจัดเสีย

ถ้าจัดเป็นขั้น ได้แก่ ขั้นสืบค้น วิเคราะห์ และวินิจฉัยมูลเหตุของปัญหา ซึ่งจะต้องแก้ไขกำจัดให้หมดสิ้นไป

๓. นิโรธ หมายถึง รู้ภาวะดับทุกข์ ซึ่งจะต้องกระทำให้ประจักษ์แจ้ง

ถ้าจัดเป็นขั้น ได้แก่ ขั้นเล็งรู้ภาวะหมดปัญหาที่เอาเป็นจุดหมาย ให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งเป็นไปได้

และจุดหมายนั้นควรเข้าถึง ซึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ พร้อมทั้งรู้ว่า การเข้าถึงจุดหมายนั้น จะสำเร็จหรือเป็นไปได้

อย่างไร

๔. มรรค หมายถึง รู้มรรคา หรือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ซึ่งจะต้องฝึกฝนปฏิบัติ

ถ้าจัดเป็นขั้น ได้แก่ ขั้นกำหนดวางหรือรับทราบวิธีการ ขั้นตอน และรายละเอียดทั้งหลายในการแก้ไข

กำจัดสาเหตุของปัญหานั้น ซึ่งจะต้องลงมือปฏิบัติหรือดำเนินการต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



พูดให้ง่าย คือ รู้ว่า ทุกข์หรือปัญหาของเราคืออะไร ทุกข์นั้นเกิดจากอะไร เราต้องการหรือพึงต้องการอะไร

และจะเป็นไปได้อย่างไร เราจะต้องทำอะไรบ้าง

กิจญาณนี้เป็นอย่างหนึ่งในบรรดาญาณ ๓ ที่เกี่ยวกับอริยสัจ ๔ ซึ่งท่านใช้เป็นหลักเกณฑ์สำหรับวัดความตรัสรู้

กล่าวคือ เมื่อใดรู้อริยสัจ ๔ แต่ละอย่างด้วยญาณครบทั้งสาม (รวมทั้งหมดเป็น ๑๒ รายการ) แล้ว

เมื่อนั้น จึงจะชื่อว่ารู้อริยสัจหรือเป็นผู้ตรัสรู้แล้ว

ญาณ ๓ นั้นเรียกเต็มว่า ญาณทัสสนะ อันมีปริวัฏฏ์ ๓ หรือปริวัฏ ๓ แห่งญาณทัศนะ หมายถึงการหยั่งรู้

หยั่งเห็นครบ ๓ รอบ กล่าวคือ


๑. สัจญาณ หยั่งรู้สัจจะ คือ ความหยั่งรู้อริยสัจ ๔ แต่ละอย่างตามที่เป็นๆว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ

นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา

หรือว่าทุกข์คืออย่างนี้ๆ

เหตุแห่งทุกข์คืออย่างนี้ๆ

ภาวะดับทุกข์อย่างนี้ๆ

ทางแก้ไขดับทุกข์คืออย่างนี้ๆ

๒. กิจญาณ หยั่งรู้กิจ คือความหยั่งรู้หน้าที่ ที่จะต้องทำต่อริยสัจ ๔ แต่ละอย่างว่าทุกข์ควรกำหนดรู้

สมุทัยควรละเสีย เป็นต้น

๓. กตญาณ หยั่งรู้การอันทำแล้ว คือ ความหยั่งรู้ว่า กิจอันจะต้องทำในอริยสัจ ๔ แต่ละอย่างนั้น

ได้ทำเสร็จแล้ว คือรู้ว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้ ก็ได้กำหนดรู้แล้ว

สมุทัยควรละ ก็ได้ละแล้ว

นิโรธควรทำให้แจ้ง ก็ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว

มรรคควรปฏิบัติ ก็ได้ปฏิบัติแล้ว


ปริวัฏ หรือวนรอบ ๓ นี้ เป็นไปในอริยสัจ ๔ ครบทุกข้อ จึงรวมเป็น ๑๒ ญาณทัศนะ เรียกเป็นคำศัพท์ว่า

มีอาการ ๑๒ คือ ๑๒ รายการนั่นเอง

พระพุทธเจ้า ทรงมีญาณทัศนะตามเป็นจริงในอริยสัจ ๔ ครบปริวัฏ ๓ มีอาการ ๑๒ คือ ได้ความรู้แจ้งครบ ๑๒

รายการแล้ว จึงปฏิญาณพระองค์ได้ว่า ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 09:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักญาณทัศนะมีอาการ ๑๒ หรือ ความรู้ครบ ๑๒ รายการนี้ ใช้เป็นเกณฑ์ตรวจสอบความสำเร็จในการปฏิบัติ

การแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง


เขียนออกมาเป็นความรู้ดังต่อไปนี้


๑. ทุกข์ คือ ดังนี้ ทุกข์นี้ควรกำหนดรู้ ทุกข์นี้ได้กำหนดรู้แล้ว

๒. สมุทัย คือ ดังนี้ สมุทัยนี้ควรละเสีย สมุทัยนี้ได้ละแล้ว

๓. นิโรธ คือ ดังนี้ นิโรธนี้ควรทำให้แจ้ง นิโรธนี้ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว

๔. มรรค คือ ดังนี้ มรรคนี้ควรปฏิบัติ มรรคนี้ได้ปฏิบัติแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 09:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีข้อที่ควรรู้เพิ่มเติมให้เห็นภาพกว้างออกไปดังนี้

๑. ทุกข์ คู่กับกิจ คือ ปริญญา หมายความว่า เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้

ดังนั้น ทุกข์และธรรมทั้งหลาย ที่อยู่ในจำพวกปัญหาหรือที่ตั้งแห่งปัญหา จึงรวมเรียกว่า ปริญเญยยธรรม

(ธรรมที่ควรกำหนดรู้)

๒. สมุทัย คู่กับกิจ คือ ปหานะ หมายความว่า เป็นสิ่งที่ควรละหรือกำจัด

ดังนั้น ตัณหาและธรรมจำพวกทำให้เกิดปัญหาเป็นสาเหตุของทุกข์ เช่น อวิชชา โลภะ โทสะ อุปาทาน เป็นต้น

จึงรวมเรียกว่า ปหาตัพพธรรม (ธรรมที่ควรละ)

๓. นิโรธ คู่กับกิจ คือ สัจฉิกิริยา หมายความว่า เป็นสิ่งที่ควรทำให้แจ้งหรือควรบรรลุ

ดังนั้น นิพพานและธรรมจำพวกที่เป็นจุดหมายหรือเป็นที่แก้แห่งปัญหา

จึงรวมเรียกว่า สัจฉิกาตัพพธรรม (ธรรมที่ควรทำให้แจ้ง)

๔. มรรค คู่กับกิจ คือ ภาวนา หมายความว่า เป็นสิ่งที่ควรเจริญคือดำเนินการ

ดังนั้น มรรคามีองค์ ๘ และธรรมทั้งหลาย ที่เป็นพวกข้อปฏิบัติเป็นวิธีการเพื่อเข้าถึงจุดหมาย

จึงรวมเรียกว่า ภาเวตัพพธรรม (ธรรมที่ควรเจริญ)


ธรรมทั้งหมด หรือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงบรรดามี ย่อมจัดรวมเข้าในประเภทใดประเภทหนึ่งแห่งธรรม ๔ จำพวกนี้

ไม่มีเหลือ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในมรรคา (ทาง) แห่งความดับทุกข์ หรือ ปฏิบัติการแก้ปัญหาทั้งหลาย ตั้งแต่หยาบจนถึงละเอียด ตั้งแต่ภายนอก

จนถึงลึกซึ้งในภายใน ผู้ศึกษาที่สนใจ อาจคอยกำหนดจับธรรมที่ตนเกี่ยวข้องจัดเข้าในธรรม ๔ ประเภทนี้

ได้เสมอ เช่น ในการปฏิบัติขั้นถึงแก่น เอาแต่สาระ

พระพุทธจ้าเคยทรงแสดงธรรม ๔ ประเภทไว้ดังนี้


๑. (ทุกข์) ปริญเญยยธรรม ได้แก่ อุปาทานขันธ์ ๕

๒. (สมุทัย) ปหาตัพพธรรม ได้แก่ อวิชชาและภวตัณหา

๓. (นิโรธ) สัจฉิกาตัพพธรรม ได้แก่ วิชชาและวิมุตติ

๔. (มรรค) ภาเวตัพพธรรม ได้แก่ สมถะและวิปัสสนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 มิ.ย. 2010, 09:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2010, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




DSC01694.jpg
DSC01694.jpg [ 44.92 KiB | เปิดดู 2644 ครั้ง ]
ศึกษาต่อที่

viewtopic.php?f=7&t=32352&p=209042#p209042

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร