วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุบาสิกาจัดที่อยู่ถวายภิกษุ ๖๐ รูป


ได้ยินว่า ได้มีบ้านตำบลหนึ่ง ชื่อมาติกคาม
ใกล้เชิงเขา ในแว่นแคว้นของพระเจ้าโกศล.

ภายหลังวันหนึ่ง ภิกษุประมาณ ๖๐ รูป ทูลอาราธนาให้ตรัสบอกพระกัมมัฏฐานจนถึงพระอรหัต ในสำนักของพระศาสดาแล้ว ไปสู่บ้านนั้น เข้าไปเพื่อบิณฑบาต.

ลำดับนั้นเจ้าของบ้านนั้นชื่อมาติกะใด
มารดาของเจ้าของบ้านนั้น เห็นภิกษุเหล่านั้นแล้วนิมนต์ให้นั่งในเรือน
จึงอังคาสด้วยข้าวยาคูและภัตอันมีรสเลิศต่าง ๆ

ถามว่า "พวกท่านประสงค์จะไป ณ ที่ไหน ? เจ้าข้า."

ภิกษุเหล่านั้นบอกว่า " พวกฉันมีความประสงค์จะไปสู่ที่ตามความผาสุก มหาอุบาสิกา."

นางทราบว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย ชะรอยจะแสวงหาสถานที่สำหรับจำพรรษา จึงหมอบลงที่ใกล้เท้าแล้วกล่าวว่า " ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายจักอยู่ในที่นี้ตลอด ๓ เดือนนี้ไซร้, ดิฉันจักรับสรณะ ๓ ศีล ๕ (และ) ทำอุโบสถกรรม."



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุทั้งหลายปรึกษากันว่า

" เราทั้งหลายเมื่ออาศัยอุบาสิกานี้ ไม่มีความลำบากด้วยภิกษา จักสามารถทำการ สลัดออกจากภพได้" ดังนี้

แล้วจึงรับคำ.

นางได้ชำระวิหารอันเป็นที่อยู่ถวายแก่ภิกษุเหล่านั้น.



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ๖๐ รูปทำกติกากัน

ภิกษุเหล่านั้นเมื่ออยู่ในที่นั้น วันหนึ่ง ได้ประชุมกันแล้วตักเตือนกันและกันว่า

" ผู้มีอายุ พวกเราไม่ควรประพฤติโดยความประมาท เพราะว่ามหานรก๑ ๘ ขุม มีประตูเปิด (คอยท่า) พวกเราเหมือนอย่างเรือนของตนทีเดียว. "

" ก็แลพวกเราได้เรียนพระกัมมัฏฐานในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้ยังทรงพระชนม์อยู่แล้วจึงมา.
ก็ธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันใคร ๆ ผู้โอ้อวด
แม้เที่ยวไปตามรอยพระบาทก็ไม่สามารถให้ทรงโปรดปรานได้.
แต่บุคคลผู้มีอัธยาศัยเป็นปกติเท่านั้น สามารถให้ทรงโปรดปรานได้
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด.
พวกเราไม่ควรยืน ไม่ควรนั่งในที่แห่งเดียวกัน ๒ รูป
แต่ว่าในกาลเป็นที่บำรุงพระเถระในเวลาเย็นแล
และในกาลเป็นที่ภิกษาจารในเวลาเช้าเท่านั้นพวกเราจักรวมกัน,
แต่ในกาลที่เหลือจักไม่อยู่รวมกัน ๒ รูป.
ก็อีกอย่างหนึ่งแล เมื่อภิกษุผู้ไม่มีความผาสุกมาตีระฆังในท่ามกลางวิหารขึ้นแล้ว
พวกเราจึงจักมาตามสัญญาแห่งระฆังแล้ว ทำยาให้แก่ภิกษุนั้น."......



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุมาประชุมกันด้วยเสียงระฆัง


เมื่อภิกษุเหล่านั้นทำกติกากันอย่างนี้อยู่,
วันหนึ่งอุบาสิกานั้นให้บุคคลถือเภสัชทั้งหลาย มีเนยใสและน้ำอ้อยเป็นต้น
อันชนทั้งหลายมีทาสและกรรมกรเป็นต้น แวดล้อมเดินไปสู่วิหารนั้นในเวลาเย็น
ไม่เห็นภิกษุทั้งหลายในท่ามกลางวิหารแล้ว จึงถามพวกบุรุษว่า

" พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย ไปเสีย ณ ที่ไหนหนอแล ?"

เมื่อพวกเขาบอกว่า "แม่คุณ พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายจักเป็นผู้นั่งอยู่ในที่พักกลางคืน และที่พักกลางวัน
ของตน ๆ (เท่านั้น)"

จึงกล่าว (ต่อไป) ว่า

"ฉันทำอย่างไรเล่าหนอ จึงจักสามารถพบ (พวกพระผู้เป็นเจ้า) ได้."


ลำดับนั้น มนุษย์ทั้งหลายที่รู้กติกวัตรของภิกษุสงฆ์ จึงบอกกะอุบาสิกานั้นว่า
"คุณแม่ พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายจักประชุมกัน ในเมื่อบุคคลมาตีระฆัง."

นางจึงให้ตีระฆัง ภิกษุทั้งหลายได้ยินเสียงระฆังแล้วออกจากที่ของตน ๆ ด้วยสำคัญว่า
" ภิกษุบางรูปจักไม่มีความผาสุก,"

จึงประชุมกันในท่ามกลางวิหาร.
ภิกษุชื่อว่า เดินมาโดยทางเดียวกันแม้ ๒ รูป ย่อมไม่มี.......


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุบาสิกาเจริญสมณธรรมตามที่ภิกษุบอก


อุบาสิกาเห็นภิกษุรูปหนึ่ง ๆ เท่านั้นเดินมาจากที่แห่งหนึ่ง ๆ จึงคิดว่า
"(ชะรอย) พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นบุตรของเราจักทำความทะเลาะวิวาทแก่กันและกัน" ดังนี้แล้ว

ไหว้ภิกษุสงฆ์กล่าวว่า
"ท่านผู้เจริญท่านทั้งหลายได้ทำความทะเลาะกันหรือ ?"

ภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า
" พวกฉันหาได้ทำความทะเลาะวิวาทกันไม่มหาอุบาสิกา."

อุบาสิกา.
" ท่านผู้เจริญ ถ้าพวกท่านไม่มีความทะเลาะวิวาทกันไซร้, เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไรพวกท่านจึงไม่มา เหมือนเมื่อมาสู่เรือนของดิฉันมาโดยรวมกันทั้งหมด, (นี่กลับ) มาทีละองค์ ๆ จากที่แห่งหนึ่ง ๆ."

ภิกษุ. " มหาอุบาสิกา พวกฉันนั่งทำสมณธรรมในที่แห่งหนึ่ง ๆ."

อุบาสิกา. " พ่อคุณทั้งหลาย ชื่อว่าสมณธรรมนั้นคืออะไร ? "

ภิกษุ. " มหาอุบาสิกา พวกฉันทำการสาธยายอาการ ๓๒ เริ่มตั้งซึ่งความสิ้นและความเสื่อมในอัตภาพอยู่."

อุบาสิกา. " ท่านเจ้าขา การทำการสาธยายอาการ ๓๒ และการเริ่มตั้งความสิ้นความเสื่อมในอัตภาพ ย่อมสมควรแก่พวกท่านเท่านั้น หรือย่อมสมควรแก่พวกดิฉันด้วยเล่า ? "

ภิกษุ. " มหาอุบาสิกา ธรรมนี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงห้ามแก่ใคร ๆ."

อุบาสิกา. " ถ้าอย่างนั้น ขอพวกท่านจงให้อาการ ๓๒ และขอจงบอกการเริ่มตั้งซึ่งความสิ้นและความเสื่อมในอัตภาพ แก่ดิฉันบ้าง."

ภิกษุ. " มหาอุบาสิกา ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเรียนเอา. "

แล้วให้เรียนเอาทั้งหมด.



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุบาสิกาบรรลุมรรค ๓ ผล ๓ ก่อนภิกษุ


จำเดิมแต่นั้น อุบาสิกานั้นก็ได้ทำการสาธยายซึ่งอาการ ๓๒ (และ)เริ่มตั้งไว้ซึ่งความสิ้นไปและความเสื่อมไปในตน ได้บรรลุมรรค ๓ ผล ๓ ก่อนกว่าภิกษุเหล่านั้นทีเดียว.
ปฏิสัมภิทา ๔ และโลกิยอภิญญา ได้มาถึงแก่อุบาสิกานั้นโดยมรรคนั่นแล.

นางออกจากสุขอันเกิดแต่มรรคและผลแล้ว ตรวจดูด้วยทิพยจักษุใคร่ครวญอยู่ว่า " เมื่อไรหนอแล ? พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นบุตรของเราจึงจักบรรลุธรรมนี้ "

แล้วรำพึงต่อไปว่า
" พระผู้เป็นเจ้าเหล่านี้ทั้งหมด ยังมีราคะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ, พระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นมิได้มีคุณธรรมแม้สักว่าฌานและวิปัสสนาเลย อุปนิสัยแห่งพระอรหัตของพระผู้เป็นเจ้าผู้บุตรของเรา มีอยู่หรือไม่หนอ ?"

เห็นว่า"มี" ดังนี้แล้ว จึงรำพึงต่อไปว่า " เสนาสนะเป็นที่สบาย จะมีหรือไม่มีหนอ ?"

เห็นแม้เสนาสนะเป็นที่สบายแล้ว จึงรำพึงต่อไปอีกว่า "พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายของเรายังไม่ได้บุคคลเป็นที่สบายหรือหนอ ? "

เห็นแม้บุคคลเป็นที่สบายแล้ว จึงใคร่ครวญอยู่ว่า " พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายยังไม่ได้อาหารเป็นที่สบายหรือหนอ ?"

ก็ได้เห็นว่าอาหารเป็นที่สบายยังไม่มีแก่พวกเธอ."

จำเดิมแต่นั้นมา ก็จัดแจงข้าวยาคูอันมีอย่างต่าง ๆ และของขบเคี้ยวเป็นอเนกประการ และโภชนะมีรสต่าง ๆ อันเลิศแล้ว นิมนต์ภิกษุทั้งหลายให้นั่งแล้ว จึงถวายน่าทักษิโณทกแล้ว มอบถวายด้วยคำว่า " ท่านผู้เจริญ พวกท่านชอบใจสิ่งใด ๆ ขอจงถือเอาสิ่งนั้น ๆ ฉันเถิด."


ภิกษุเหล่านั้น รับเอาวัตถุทั้งหลายมีข้าวยาคูเป็นต้นแล้ว บริโภคตามความชอบใจ.


หมายเหตุ...
อาการ ๓๒ คือ คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืดไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น
น้ำตา น้ำมันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร ถ้าเติมมัตถลุงคัง มันสมองเข้าด้วย เป็น ๓๒



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุ ๖๐ รูปบรรลุพระอรหัต


เมื่อภิกษุเหล่านั้นได้อาหารอันเป็นที่สบาย จิตก็เป็นธรรมชาติ มีอารมณ์เดียวแน่วแน่ พวกเธอมีจิตแน่วแน่เจริญวิปัสสนา ต่อกาลไม่นานนัก ก็ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย แล้วคิดว่า " น่าขอบคุณ ! มหาอุบาสิกาเป็นที่พึ่งของพวกเรา; ถ้าพวกเราไม่ได้อาหารอันเป็นที่สบายแล้วไซร้, การแทงตลอดมรรคและผล คงจักไม่ได้มีแก่พวกเราเป็นแน่ ; บัดนี้ พวกเราอยู่จำพรรษาปวารณาแล้ว จักไปสู่สำนักของพระศาสดา."

พวกเธออำลามหาอุบาสิกาว่า " พวกฉันใคร่จะเฝ้าพระศาสดา."

มหาอุบาสิกากล่าวว่า " ดีแล้วพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย "

แล้วตามไปส่งภิกษุเหล่านั้น, กล่าวคำอันเป็นที่รักเป็นอันมากว่า " ขอท่านทั้งหลาย พึงมาเยี่ยมดิฉันแม้อีก" ดังนี้เป็นต้น แล้วจึงกลับ....


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระศาสดาตรัสถามสุขทุกข์กะภิกษุเหล่านั้น


ฝ่ายภิกษุเหล่านั้นแล ถึงเมืองสาวัตถีแล้ว ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง อันพระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลายสรีรยนต์มีจักร ๔ มีทวาร ๙ พวกเธอพออดทนได้ดอกหรือ ? พวกเธอพอยังอัตภาพให้เป็นไปได้ดอกหรือ ? อนึ่ง พวกเธอไม่ลำบากด้วยบิณฑบาตหรือ ?"

จึงกราบทูลว่า " พออดทนได้พระเจ้าข้า พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้ พระเจ้าข้า, อนึ่ง ข้าพระองค์ทั้งหลาย มิได้ลำบากด้วยบิณฑบาตเลย, เพราะว่าอุบาสิกาคนหนึ่ง ชื่อมาติกมาตา
ทราบวาระจิตของพวกข้าพระองค์. เมื่อพวกข้าพระองค์คิดว่า ' ไฉนหนอมหาอุบาสิกาจะพึงจัดแจงอาหารชื่อเห็นปานนี้เพื่อพวกเรา." นางก็ได้จัดแจงอาหารถวายตามที่พวกข้าพระองค์คิดแล้ว" ดังนี้แล้ว ก็กล่าวสรรเสริญคุณของมหาอุบาสิกานั้น.....




เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร