วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 01:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2025, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8575


 ข้อมูลส่วนตัว




29421317_IMG_captureImage.png
29421317_IMG_captureImage.png [ 753.48 KiB | เปิดดู 1082 ครั้ง ]
อธิบาย อโมหะ
อโมหะ มีการแทงตลอดสภาวะ หรือการมีการแทงตลอดไม่ผิดพลาดเป็นลักษณะ
เหมือนการแทงตลอดของลูกธนูที่นายขมังธนูผู้ฉลาดยิงไป ฉะนั้น
มีการส่องอารมณ์เป็นรส เหมือนประทีปมีความไม่หลงเป็นปัจจุปัฏฐาน เหมือนคนแสดง
ที่ชำนาญแก่คนที่ไปป่า ก็ธรรมทั้ง ๓ นี้พึงเห็นว่าเป็นมูลแห่งกุศลธรรมทั้งปวง
[๔๖๙] สภาวะใด ๆ แห่งธรรมทั้งหลาย ชื่อว่า สภาวะอย่างไร คือตามสภาวะ.
การแทงตลอดตามสภาวะนั้น ๆ ชื่อว่า ยถาสภาวปฏิเวโธ การแทงตลอดตามสภาวะ. การ
แทงตลอดไม่พลาด คือไม่ผิด ชื่อว่า อกุยลิตปฏิเวโธ แปลว่า การแทงตลอดไม่ผิดพลาด
การส่องอารมณ์ คือการกำจัดความมืดคือสัมโมหะอันปกปิดความมืดนั้น ชื่อว่า การส่อง
อารมณ์. อโมหะย่อมปรากฏโดยอาการคือความไม่หลงในอารมณ์แม้ไหน ๆ หรือเข้าไป
ตั้งไว้ซึ่งความไม่มีความหลงนั้น เพราะความเป็นปฏิปักษ์ต่อความหลง เหตุนั้น อโมหะจึง
ชื่อว่า มีความไม่หลงเป็นปัจจุปัฏฐาน. คำว่า เป็นมูลแห่งกุศลธรรมทั้งปวง ความว่า เป็น
ที่อาศัยแห่งกุศลธรรมอันเป็นไปในภูมิ ๔ ทั้งปวง ด้วยให้สำเร็จความตั้งมั่นด้วยดี มีใช้ด้วย
การยังกุศลธรรมเหล่านั้นให้สำเร็จความเป็นกุศล. เพราะถ้าความที่กุศลธรรมเหล่านั้นจะ
เป็นกุศลได้ พึงเนื่องด้วยกุศลมูลไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ ความที่กุศลธรรมเหล่านั้นเป็นเหตุ
ปัจจัยในรูปที่มีกุศลธรรม อันเนื่องด้วยกุศลมูลนั้นเป็นสมุฏฐาน ก็จะไม่พึงมี. เพราะกุศล-
ธรรมเหล่านั้นจะยังความเป็นกุศลเป็นต้น ให้สำเร็จแก่กุศลธรรมเหล่านั้น ก็หามิได้ ทั้งจะ
ไม่เป็นปัจจัยก็หามิได้. ข้อนี้ สมด้วยพระบาลีที่ตรัสไว้ว่า เหตุ ๖ เป็นปัจจัยโดยเหตุปัจจัย
แก่ธรรมทั้งหลายที่สัมปยุตกับเหตุ และแก่รูปทั้งหลายที่มีธรรมอันสัมปยุตกับเหตุนั้นเป็น
สมุฏฐาน แม้ความที่อัพยากตธรรมเป็นธรรมเนื่องกับอัพยากตมูล ก็จะไม่พึงมีเหมือนกับ
ความเป็นกุศลธรรมฉะนั้น เมื่อเป็นอย่างนั้นความที่อเหตุกจิตเป็นอัพยากตธรรม ก็จะไม่
พึงมี ในฝ้ายอกุศลเล่า อกุศลจิตดวงใดมีมูลเดียวเท่านั้น อกุศลจิตดวงนั้นเป็นอกุศลก็จะ
ไม่พึงมี จะต้องมีทั้งสองมูล เพราะเหตุนั้น ความเป็นกุศลเป็นต้น ก็จะไม่เนื่องกับมูล โดย
ที่แท้ ก็จะเป็นธรรมที่เนื่องกับโยนิโสนสิการเป็นต้น. แต่บัณฑิตพึงถือเอาว่า เป็นมูลที่ให้
สำเร็จความที่กุศลธรรมเหล่านั้นตั้งมั่นด้วยดี.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร