วันเวลาปัจจุบัน 08 มิ.ย. 2025, 11:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2025, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว




f38288d6-0002-0004-0000-000068e50224_w1129_r1.33_fpx49.27_fpy54.89.jpg
f38288d6-0002-0004-0000-000068e50224_w1129_r1.33_fpx49.27_fpy54.89.jpg [ 128.79 KiB | เปิดดู 1324 ครั้ง ]
จำแนกรูปนามโดยอินทรีย์

ตตฺถ เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, อิทํ นามรูปํ. ตตฺถ เย ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา
อิทํ นาม. ยานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ รูปานิ, อิทํ รูปํ. ตทุภยํ นามรูปํ วิญฺญาณสมุปยุตฺตํ. ตสฺส นิโรธํ
ภควนฺตํ ปุจฺฉนฺโต อายสฺมา อชิโต ปารายเน เอวมาห-
"ปญฺญา เจว สติ จ นามรูปญฺจ มาริส
เอตํ เม ปุฎฺโฐ ปพฺรูหิ กตฺเถตํ อุปรุชฺฌตี"ติ."*

"ในบรรดาธรรมเหล่านั้น อุปาทานขันธ์ ๕ คือ รูปนาม
รูปที่เป็นอินทรีย์ ๕ (จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ มานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ และกายินทรีย์)ชื่อว่ารูป
ธรรมที่มีผัสสะเป็นที่ ๕ [ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา และจิต] ชื่อว่า นาม
รูปนามทั้งสองนั้นประกอบกับจิต ท่านอชิตะทูลถามพระผู้มีพระภาคถึงการดับของ
รูปนามนั้น จึงกล่าวอย่างนี้ในปารายนวรรคว่า
'ท่านผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และรูปนาม ทั้งหมดนี้ย่อมดับ ณ
ที่ใด พระองค์ที่ข้าพระองค์ทูลถามแล้วจงตรัสบอกความดับของรูปนาม
เหล่านั้น""
[พระมหากัจจายนะได้อธิบายความหมายของปัญญาและสติในบาทคาถาว่า ปญฺญา เจว สติ
จ แล้ว บัดนี้ กล่าวข้อความนี้เพื่ออธิบายรูปนามในบาทคาถาว่า นามรูปมาริส
ท่านกล่าวถึงรูปในที่นี้ว่าคืออินทริยรูป ๕ อันได้แก่ จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์
ชิวหินทรีย์ และกายินทรีย์ เพราะเป็นรูปที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป และได้กล่าวถึงนามว่า คือ ผัสสะ
เวทนา สัญญา เจตนา และจิต เพราะเป็นนามที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไปเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จิต
เจตสิก และรูปที่เหลือพึงถือเอาได้โดยความเป็นสหชาตปัจจัยเป็นต้น อนันตรปัจจัยเป็นต้น และนิสสย-
ปัจจัยพร้อมทั้งอารัมมณปัจจัยเป็นต้น การใช้คำในลักษณะนี้เรียกว่า สหจรณนัย คือ นัยที่ดำเนินไป
ร่วมกัน ดังคำว่า สาริปุตตโมคคลลานา (พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ) คำนี้หมายถึงพระสารีบุตร
ผู้เป็นอัครสาวกคู่กับพระโมคคัลลานะ ไม่ใช่พระสารีบุตรอีกรูปหนึ่งซึ่งปรากฏสมญานามว่า หัตถก-
สารีบุตร (พระสารีบุตรผู้เป็นบุตรของช่างไม้)

คำว่า ตทุภยํ นามรูปํ วิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ (รูปนามทั้งสองนั้นประกอบกับจิต) เป็นคำกล่าว
โดยอ้อมตามที่ชาวโลกเข้าใจกันโดยทั่วไป ความจริงแล้วนามคือจิตและเจตสิกย่อมประกอบกันได้โดย
เกิดขึ้นพร้อมกัน ดับพร้อมกัน มีอารมณ์อย่างเดียวกัน และมีที่ตั้งอย่างเดียวกัน ตามปกติแล้วนามจะ
เกิดร่วมกับรูปดังที่กล่าวมานี้ แต่ประกอบกับรูปไม่ได้ ดังนั้น คำนี้จึงมิได้หมายถึงความเป็นสัมปยุตต-
ปัจจัยของรูปนาม เพราะรูปเป็นวิปยุตตปัจจัยที่ไม่ประกอบกับนาม

ในประโยคว่า เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, อิทํ นามรูปํ (อุปาทานขันธ์ ๕ นี้ คือ รูปนาม) คำว่า
อิทํ ใช้เป็นนปุงสกลิงค์ เอกพจน์ ตามบทหลังว่า นามรูปํ จึงเป็นวิเสสนะของคำว่า อุปาทานกุขนธ-
ปญจกํ โดยคำว่า ปญจุปาทานกฺขนฺธา ติดตามมาจากประโยคหน้า แม้คำนี้จะเปลี่ยนรูปไปตาม นามรูปํ
ก็ไม่ถือว่าเป็นรูปอื่น เพราะมีความหมายเหมือนกัน ดังกฎทั่วไปกล่าวไว้ในคัมภีร์ปริภาเษนทุเสขระว่า
เอกเทสวิกตํ อนญฺญํว."
"ศัพท์ที่ต่างกันบางศัพท์ เป็นเหมือนมิใช่ศัพท์อื่นๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร