วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 04:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2025, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




Photoroom-20250102_181043.png
Photoroom-20250102_181043.png [ 368.03 KiB | เปิดดู 747 ครั้ง ]
การศึกษาปัฏฐานควรจะเข้าใจอะไรก่อน
๑. จะต้องเข้าใจความหมายของปัจจัยแต่ละปัจจัยก่อน
๒. จะต้องรู้ปัจจัย ๒๔ ว่าแบ่งเป็นกี่ประเภท แต่ละประเภทได้ปัจจัย
เท่าไร และปัจจัยไหนที่แจกปัจจัยออกไปได้อีก
๓. ต้องรู้ว่าปัจจัยแต่ละปัจจัย เกิดได้ในกาลไหน มีอำนาจอะไรบ้าง
คือเป็นชนกสัตติ หรืออุปถัมภกสัตติ ฯลฯ และปัจจัยอะไรที่จัดเป็นประเภท
เดียวกัน คือเป็นชาติอะไร เพื่อจะได้หาปัจจัยที่เกิดร่วมกันได้ เพราะผลธรรม
ที่เกิดขึ้นแต่ละอย่างย่อมเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่เกิดจากปัจจัยเดียว

หมายเหตุ.
เครื่องหมาย ---> หมายถึงเป็นปัจจัย
ถ้าเครื่องหมาย <----> หมายถึงเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน

ความหมายของปัจจัย ๒๔ โดยย่อ
๑. เหตุปัจจัย เพราะเหตุ ๖ เป็นปัจจัย เช่น
โมหเหตุ → อกุ. ๑๒ เจ.๒๖ (เว้นโมหเจตสิก) ฯลฯ
๒. อารัมมณปัจจัย เพราะอารมณ์ ๖ เป็นปัจจัย เช่น
รูปารมณ์ → จักขุวิญญาณ๒ เจ.๗ ฯลฯ
๓. อธิปติปัจจัย เพราะความเป็นหัวหน้าหรือเป็นอธิบดีเป็นปัจจัย
เช่น พอใจในการศึกษาธรรมมาก เพราะทำให้ได้รู้เหตุผลความจริง ก็มี
ฉันทะเป็นใหญ่เป็นปัจจัยให้เกิดมหากุสล หรือเป็นอธิบดีอารมณ์ อารมณ์
ที่น่าพอใจยิ่ง
๔. อนันตรปัจจัย เพราะความเกิดติดต่อกันของจิตโดยไม่มี
ระหว่างคั่นเป็นปัจจัย เช่น จิตที่ดับไปแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดจิตดวงใหม่
ติดต่อกันโดยไม่มีระหว่างคั่น
๕. สมนันตรปัจจัย เพราะการเกิดติดต่อกันของจิตโดยไม่มี
ระหว่างคั่นตามลำดับเป็นปัจจัย เช่น ปัญจทวาราวัชชนจิต -> จักขุวิญญาณ
จักขุวิญญาณ → สัมปฏิจฉนจิต ฯลฯ จิตจะต้องเกิดเรียงไปตามลำดับ
เช่นนี้ ไม่สลับหน้าสลับหลังกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2025, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


๖. สหชาตปัจจัย เพราะการเกิดพร้อมกันเป็นปัจจัย เช่นจิตกับ
เจตสิกจะต้องเกิดร่วมกัน ฯลฯ
๗. อัญญมัญปัจจัย เพราะต่างอาศัยซึ่งกันและกันเป็นปัจจัย
เช่น จิตอาศัยเจตสิก เจตสิกก็อาศัยจิต ฯลฯ
๘. นิสสยปัจจัย เพราะเป็นที่อาศัยให้ผลธรรมเกิดขึ้นเป็นปัจจัย
เช่น จิตเป็นที่อาศัยให้เกิดเจตสิก หรือจิตเป็นที่อาศัยให้เกิดรูป ฯลฯ
๙. อุปนิสยปัจจัย เพราะเป็นที่อาศัยมีกำลังมากเป็นปัจจัย เช่น
พระนิพพานเป็นอารมณ์ที่ดียิ่ง เป็นปัจจัยแก่ มัคคจิต ผลจิต ฯลฯ
๑๐. ปุเรชาตปัจจัย เพราะการเกิดก่อนเป็นปัจจัยช่วยอุปการะ
แก่ธรรมที่เกิดภายหลัง เช่นจักขุวัตถุที่เกิดก่อน เป็นปัจจัยให้เกิดจักขุวิญญาณ
ฯลฯ
๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย เพราะการเกิดภายหลังเป็นปัจจัยช่วย
อุปการะแก่รรมที่เกิดก่อน เช่น จิต เจตสิกที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยช่วย
อุดหนุนรูปธรรม ที่เกิดขึ้นก่อนให้ตั้งอยู่ได้จนครบอายุของรูป
๑๒. อาเสวนปัจจัย เพราะการเกิดมากครั้งเป็นปัจจัย คือธรรมที่
ทำหน้าที่เสพอารมณ์บ่อยๆ ซึ่งได้แก่ชวนจิต เช่น ชวนจิตดวงที่เกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ชวนจิตดวงที่เกิดหลัง ๆ
๑๓. ก้มมปัจจัย เพราะเจตนาความตั้งใจเป็นปัจจัย เช่นเจตนาที่
เกิดร่วมกันกับจิต เป็นปัจจัยแก่นามรูปที่เกิดพร้อมกันอย่างหนึ่ง และเจตนา
ที่ดับไปแล้ว เป็นปัจจัยแก้วิบากที่เกิดต่างขณะกันอย่างหนึ่ง
๑๔. วิปากปัจจัย เพราะผลของกรรมเป็นปัจจัย เช่นวิบากนาม-
ขันธ์ ๔ เป็นปัจจัยช่วยอุปกระแก่กันและกัน และยังอุปการะแก่รูปที่เกิดพร้อม
กันด้วย
๑๕. อาหารปัจจัย เพราะอาหาร ๔ เป็นปัจจัย เช่นรูปอาหารเป็น
ปัจจัยช่วยอุปการะแก่รูป คือกายนี้ หรือนามอาหาร ๓ เป็นปัจจัยช่วยอุปการะ
แก่นามและรูปที่เกิดพร้อมกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2025, 06:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


๑๖. อินทริยปัจจัย เพราะความเป็นใหญ่ปกครองเป็นปัจจัย เช่น
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัย ช่วยอนุบาลรักษากัมมชรูป ให้มีอายุตั้งอยู่ได้ตราบ
เท่าอายุของตน ส่วนนามชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยช่วยอุปการะแก่นามรูปที่เกิด
พร้อมกับตน
๑๗. ฌานปัจจัย เพราะความเพ่งหรือเผาธรรมที่เป็นปฏิปักษ์
เป็นปัจจัย เช่นองค์ฌาน ๙ มีวิตกเป็นต้น เป็นปัจจัยแก่นามรูปที่เกิดพร้อม
กัน ฯลฯ
๑๘. มัคคปัจจัย เพราะองค์มัค คือทางเดินไปสู่สุคติ ทุคติ และ
อคติ เป็นปัจจัย เช่น ปัญญาเป็นปัจจัยแก่นามรูปที่เกิดพร้อมกัน ฯลฯ
๑๙. สัมปยุตตปัจจัย เพราะนามธรรมที่ประกอบพร้อมกันเป็น
ปัจจัย เช่น จิตและเจตสิกเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน
๒๐. วิปปยุตตปัจจัย เพราะนามกับรูปไม่ประกอบกันเป็นปัจจัย
เช่น จิตเป็นปัจจัยให้เกิดจิตตชรูป
๒๑. อัตถิปัจจัย เพราะความมีอยู่จึงทำให้มีขึ้นเป็นปัจจัย เช่น
จิต มีอยู่ก็มีเจตสิกด้วย หรือเสียงมีอยู่โสตวิญญาณก็มีอยู่ด้วย
๒๒. นัตถิปัจจัย เพราะความไม่มีจึงทำให้มีขึ้น เป็นปัจจัย เช่น
ปัญจทวาราวัชซนจิตไม่มีคือดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้มีจักขุวิญญาณ ฯลฯ
๒๓. วิคตปัจจัย เพราะความปราศจากไปเป็นปัจจัย เช่น จักขุ
วิญญาณดับไปคือปราศจากไป เป็นปัจจัยให้เกิดสัมปฏิจฉนจิต ฯลฯ
๒๔. อวิคตปัจจัย เพราะความที่ปราศจากกันไม่ได้เป็นปัจจัย เช่น
จิตกับเจตสิก จะปราศจากกันไม่ได้ คือต้องมีอยู่ด้วยกัน

อักษรย่อของปัจจัย ๒๔ คือ
เห. อา. ธิ. สนํ ชา อญฺ นิสฺ
อุป ปุ. ฉา. เส. กํ วิ หา อินฺ
ฌ. ม สํ วิปฺ. อตฺ นตฺ. วิคฺ อวิค

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร