วันเวลาปัจจุบัน 06 ธ.ค. 2024, 21:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2024, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8294


 ข้อมูลส่วนตัว




843812-1.jpg
843812-1.jpg [ 29.75 KiB | เปิดดู 1741 ครั้ง ]
ถามว่า : อนึ่ง การเคลื่อนย้ายของรูปธรรมและนามธรรมย่อมไม่มี เมื่อไม่มีการ
เคลื่อนย้าย การปฏิสนธิจะมีได้อย่างไร

ตอบว่า : การเคลื่อนย้ายของจิตจากภพเก่ามาสู่ภพนี้ย่อมไม่มี ความปรากฏของ
จิตโดยปราศจากเหตุจากภพเก่า (กรรมสังขาร) ก็ไม่มีเช่นกัน"
รูปธรรมและนามธรรมที่ได้ปัจจัยดีแล้วจึงเกิดขึ้น ชาวโลกเรียกว่าจิต
ที่ได้รับปัจจัยแล้วเกิดขึ้นอย่างนี้ว่าย่อมเข้าถึงภพอื่น ความจริงสัตว์ ชีวะ หรืออัตตา ย่อมไม่มี

เมื่อร่างกายของสัตว์ผู้ใกล้ตายในอดีตภพเหี่ยวแห้งอยู่เหมือนใบตาลเขียววางตาก
แดดไว้ ครั้นจักขุนทรีย์เป็นต้นและกายปสาทอันตั้งอยู่ในร่างกายอันเป็นฐานะแห่งหทัยวัตถุ
เสื่อมไป(ชวน)จิตที่อาศัยหทัยวัตถุย่อมเกิดขึ้น ลำดับนั้น จิตดังกล่าวย่อมรับอารมณ์ที่เป็น
กุศลหรืออกุศลซึ่งเคยเสพคุ้นเคยมาก่อนเป็นอารมณ์ หรือรับกรรมนิมิตหรือคตินิมิตเป็นอารมณ์
แล้วเป็นไป

ตัณหาย่อมทำ(ปฏิสนธิ)จิตนั้นให้ได้รับปัจจัยแล้วดำเนินไปอย่างนี้ให้น้อมไปในอารมณ์
ที่อวิชชาปกปิดโทษไว้ สังขารที่เกิดร่วมกันย่องซัดจิตนั้นไป


(ฏีกาใหม่กล่าว่า กรรมและคตินิมิตย่อมปรากฎทางมโนทวารเท่านั้น กรรมนิมิตปรากฏ
ทางทวารทั้ง ๖ ส่วนคัมภีร์อภิธันมัตถสังคหะ (ปริจเฉทที่ ๕ ข้อ ๙๐) กล่าวว่า กรรมนิมิตและคตินิมิต
ย่อมปรากฎหางบัญจทวาร อารมณ์ทั้ง ๓ ชนิดย่อมปรากฏได้ทั้ง ๖ ทวาร)

จิตที่ถูกตัณหาน้อมไปด้วยอำนาจของการสืบต่อ ย่อมละหทัยวัตถุก่อนเหมือนการ
โหนเชือกจากฝั่งนี้ข้ามร่องน้ำไป
(ปฏิสนธิ)จิตนั้นย่อมยึดหน่วงหทัยวัตถุ (คือ อาศัยหทัยวัตถุเกิด) ที่เกิดจากกรรม
อื่นบ้าง(ในปัญจโวการภูมิ ไม่ยึดหน่วงบ้าง(ในจตุโวการภูมิ (คือ ไม่อาศัยหทัยวัตถุเกิด] ย่อม
ดำเนินไปด้วยปัจจัยทั้งหลายมีอารัมมณปัจจัยเป็นต้น
ในจิตเหล่านี้ จิตควงแรกชื่อว่า จุติจิต จิตดวงหลังชื่อว่า ปฏิสนธิจิต"

(ฎีกาไหม่แสดงอุปมาว่า ภพก่อนเหมือนฝั่งนี้ ขันธ์ในกพก่อนเหมือนต้นไม้ที่อยู่ไนฝั่งนี้
อารมณ์มีกรรมเป็นต้นเหมือนเชือก วิญญาณจิตเหมือนบุรุษ การน้อมไปสู่อารมณ์ของตัณหา
เหมือนการที่บุรุษโหนเชือก สังขารที่ซัดจิตไปเหมือนความเพียรในการโหนเชือก จุติจิตเหมือนร่องน้ำ
ภพหน้าเหมือนฝั่งโน้น)

"(ปฏิสนธิ)จิตนั้นไม่ได้มาจากภพก่อนสู่ภพนี้ ทั้งไม่ได้เกิดขึ้นโดยปราศจากปัจจัยมี
กรรมเป็นต้น"

"การที่(ปฏิสนธิ)จิตมีได้มาจากภพก่อนสู่ภพหนี้ และการเกิด(ปฏิสนธิ)จิตเพราะปัจจัย
ในภพก่อน มีอุปมาเหมือนเสียงสะท้อน ดวงประทีป และตราประทับ เป็นต้น สิ่งเหล่านั้น
มีสาเหตุคือเสียงเป็นต้น ไม่ได้ไปสู่สถานที่อื่น ฉันใด บัณฑิตพึงทราบ[ปฏิสนธิ)จิต ฉันนั้น
ความเป็นสิ่งเดียวกันหรือต่างสิ่งกันยาอมไม่มีโดยเนื่องด้วยความสืบต่อ"

เสีองสะท้อนเกิดจากเสียงที่เปล่งออกใกล้ปากถ้ำ เสียงที่เปล่งออกนั้นดับไปทันทีที่เกิดขึ้น
เสียงสะท้อนจึงมีใช่เสียงแรก แต่มีต้นเหตุมาจากเสียงแรก เสียงแรกเป็นมูลเหตุของเสียงสะท้อน
ฉันใด อดีตกรรมก็เป็นมูลเหตุของปฏิสนธิจิต ฉันนั้น ดวงประทีปดวงหนึ่งย่อมจะจุดประกายแก่ดวง
ประทีปอื่นได้ แม้ตราประทับก็ก่อไห้เกิดรอยประทับจำนวนมากได้เช่นกัน ในกรณีเดียวกัน ปฏิสนธิ
วิญญาณไม่ใช่จิตที่ตามมาจากภาพก่อน และเนื่องด้วยเหตุมีกรรม อวิชชา สังชาร และตัณหา เป็นต้น
จากภพก่อน)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร