วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2022, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว




pojvg8hbv54S6ZwpERa-o.jpg
pojvg8hbv54S6ZwpERa-o.jpg [ 81.36 KiB | เปิดดู 688 ครั้ง ]
อาหารปังจัย
สารอาหารที่มีอุปการะเกื้อกูลต่อร่างกายและจิดใจ

ปัจจัยธรรม ได้แก่ รูปอาทารหรือที่เรียกว่า ธาตุวิตามิน ซึ่งมีอยู่ในอาหารการกิน และนามอาหาร กล่าวคือ ผัสสะ เจตนา วิญญาณ
ปัจจยุปันนธรรม ได้แก่ การเจริญเติบโต แข็งแรง ทั้งทางกายและทางจิตใจ
การได้บริโถคอาหารจึงทำไห้ชีวิตของสรรพลัตว์เจริญเติบโตและมีพละกำลัง สุขภาพแรง เมือเจตนามีพลัง จึงทำให้พลังจิดและพลังกายแข็งแรง ก็ภาวะ เช่นนี้แหละ พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า "การทำอุปาการะด้วยอาหารปัจจัย"

"สพฺเพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงดำรงอยู่ได้ด้วยอาหาร"
หากเราไม่ได้บริโภคอาหาร ร่างกายก็จะเที่ยวเฉา ผอมแห้งแรงน้อย โรคภัย เบียดเปียน เป็นเหตุให้อายุสั้น

ด้วยเหตุนี้ ในวันหนึ่ง งๆ คนเราจึงต้องพิจารณาเลือกคัดสรรอาหารที่มี คุณประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น กินอาหารที่มีสารอาหารครบ ๕ หมู่ เพื่อทิฏฐธรรมวิหาร กล่าวคือ การมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขในซาติปัจจุบัน ตรงกันข้าม หากเรา กินอาหารโดยไม่พินิจพิจารณา กินทุกอย่างที่ขวางหน้า แค่คำเดียวก็อาจตายได้ นี่แหละเขาเรียกว่า "อาหารเป็นพิษ" ผู้รู้จึงแนะนำตักเตือนในเรื่องของการกิน อาหารว่า "หากเราอยากอายุสั้น ก็ให้กินอาหารที่มีอายุยาว หากอยากมีอายุยืนยาว ก็ให้กินอาหารที่มีอายุสั้น"

พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราใช้ปัญญาทำการปัจจเวกชณ์(พิจารณา)ก่อนกินอาหาร ทรงแนะให้กินแต่พอประมาณ(โภชเนมัตตัญญุตา) อย่ากินมากจนก่อให้กิดอันตราย
ต่อร่างกาย นี่เป็นการอุปการะแห่งอาหารที่เป็นฝ่ายรูปธรรม

ส่วนเรื่องของอาหารที่ป็นฝ่ายนามธรรมนั้น เราทั้งหลายสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก เช่นในเวลาที่เราเดินทางไกลในถิ่นทุรกันดาร เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอยู่ หากบังเอิญพบเห็นแหล่งน้ำหรือได้ยินได้ฟังว่ามีน้ำอยู่ตรงโน้นตรงนี้ จิดใจของเราก็จะรู้สึกสดชื่นมีพละกำลังขึ้น ราวกะว่าได้ดื่มได้กินโดยตรงฉันนั้น หรือในเวลาทีเราทำบุญให้ทานด้วยจิตที่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธานั้น เวลาที่เราได้เห็นเครืองไทยธรรม ก็ตี เห็นพระภิกษุสงฆ์ผู้จะมารับทาน ก็ดี จิตใจของเราย่อมเกิดความปลาบปลื้มยินดี มีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่แหละท่านเรียกว่าเป็นการ อุปการะแห่งนามาหารปัจจัย(เหตุปัจจัย กล่าวคืออาหารที่เป็นฝ่ายนามธรรม)

สุดท้ายนี้ขอให้ท่านทั้งหลายจงเลือกสรรใช้สอยอาหารปัจจัยให้ถูกต้องพอ เหมาะพอควร เลือกเฉพาะอาหารที่เป็นประโยชน์ อย่าตามใจลิ้นตัวเองทั้งๆ ที่รู้ว่ากินเข้าไปแล้วมีแต่โทษ หากเอาชนะสัตว์ที่ไม่มีกระดูกลันหลังนั้นได้ ชีวิตก็จะอยู่อย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยได้โดยไม่ต้องสงสัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร